/ วาย / อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี / บทที่ 6 สนมชายตำแหน่งเฟิ่งอี๋

공유

บทที่ 6 สนมชายตำแหน่งเฟิ่งอี๋

last update 최신 업데이트: 2025-02-16 11:20:54

หลังค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป องค์รัชทายาทหวังซีเอ่อก็ส่งข่าวให้ฮ่องเต้แคว้นซีทรงทราบว่าพบตัวองค์ชายสิบอู๋เสี่ยวหวาแล้ว และทางนั้นก็ได้ส่งสารตอบรับกลับมาว่าโปรดดูแลองค์ชายสิบของบรรณาการให้ดีแทนน้ำใจชาวแคว้นซีด้วย

พิธีต้อนรับจัดขึ้นอย่างง่าย องค์ชายสิบได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเฟิ่งอี๋ ขั้นเก้า ชั้นเอก สนมลำดับต่ำต้อยที่สุดในตำหนัก รับใช้ปรนนิบัติองค์รัชทายาท

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่อู๋เสี่ยวหวาได้เข้ามาอยู่ในวังหลวงหยานชุนในฐานะ เฟิ่งอี๋ แล้วไหนจะต้องคอยรับฟังผู้คนนินทาว่าเป็นชาวซีเป่ยไร้เกียรติ แคว้นซีเล็กต่ำต้อย แต่อู๋เสี่ยวหวาก็มิได้เก็บมาใส่ใจนัก

วังหลวงแคว้นเหยาหยานชุน ณ ตำหนักซิงอี๋เหล่ย

หลังจากเขียนอักษรเต็มพรืดเสร็จไปอีกหนึ่งแผ่น อู๋เสี่ยวหวาวางพู่กันลง หมุนคอซึ่งปวดเมื่อยแข็งล้า บิดเอว ถามอันเต๋อจื่ออีกครั้ง

“องค์รัชทายาทกลับมาหรือยัง”

“ยังพ่ะย่ะค่ะ พี่โจวจือหยวนตําหนักหน้าบอกว่า ถ้าองค์รัชทายาทหวังซีเอ่อเสด็จกลับมา จะทูลให้มาที่ห้องหนังสือทันที”

อันเต๋อจื่อส่งชาแดงใส่ผลเป๊ะก๊วยผสมน้ำตาลกรวดชงใหม่ ๆ หนึ่งถ้วยให้องค์ชายสิบ

“องค์ชายสิบทรงกระหายหรือไม่ ทรงพักสักหน่อยเถิด ค่อยเขียนต่อดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้ ว่าแต่เขาไปไหนกันนะ”

อู๋เสี่ยวหวายกถ้วยชาขึ้นกำลังจะจิบ ก็ได้ยินเสียงกังวานแจ้งให้ทราบดังมาจากข้างนอก

“เรียนอู๋เฟิ่งอี๋ องค์รัชทายาทมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

อู๋เสี่ยวหวายกยิ้ม รีบร้อนเดินมาถึงประตูด้วยความดีใจ ร่างสูงใหญ่นั้นกําลังก้าวขาข้ามประตูมา ภายใต้แสงจันทร์สุกสกาว เขาไม่พูดพร่ำทําเพลงก็กระโจนเข้าไปหาคนผู้นั้น

“ท่านซีเอ่อ!”

หวังซีเอ่อสูงมากจริง ๆ และเรี่ยวแรงต่างกันมากลิบลับ สามารถอุ้มอู๋เสี่ยวหวาแล้วยกขึ้นมาได้สบาย ๆ ศีรษะที่สวมกวานหยกเรียบง่าย ก้มหน้ามองใบหน้าน่ารักผิวเนียนละเอียดของสนมชายซึ่งเปื้อนน้ำหมึกนั้นแล้วจึงกล่าว

"เสี่ยวหวา ขออภัยที่ข้ามาช้า เจ้าช่วยข้าเขียนฎีกาไปถึงไหนแล้ว”

สาเหตุที่หวังซีเอ่อกลับช้า เพราะไปช่วยฮ่องเต้หลินอินที่ห้องทรงอักษรทั้งวันตั้งแต่เช้าตรู่จนมืดค่ำ อู๋เสี่ยวหวาไม่เคยปริปากบ่นว่า ได้แต่ตั้งตารอเขากลับมา กระทั่งเฉิงเหลียงตี้ สนมที่มีตำแหน่งสูงสุดในตำหนักยังเคยเปรียบเปรยว่าช่างเหมือนลูกสุนัขรอเจ้านาย

“เขียนได้พอสมควรแล้ว”

แม้จะตอบเช่นนั้น แต่เอาตามจริงคือยังไปไม่ถึงไหนเลยต่างหาก อู๋เสี่ยวหวายิ้มแห้ง ๆ นับจากเรื่องวันนั้นผ่านมา หวังซีเอ่อก็อยู่เคียงข้างเขาเป็นเงาตามตัว การมีอยู่ของเขาเหมือนแสงแดด อากาศ ต้นไม้ ที่โอบล้อมรอบตัวโดยสมเหตุสมผล แค่เพียงไม่เห็นเขาจิตใจก็ไม่เป็นสุข บางครั้งเขาไม่อยู่นานก็เศร้าซึม ถึงขนาดน้ำตาไหลร่วง ในแคว้นซีเขาเป็นโอรสองค์เล็กสุดที่เสด็จพ่อค่อนข้างตามใจหากแต่ตอนนี้ไม่อาจร้องไห้งอแงแค่เพียงไม่เห็นเขาเหมือนตอนเด็กได้อีก

เพราะหากเขาร้องไห้ เสด็จพ่อจะส่งเขาไปชายแดน คำขู่นี้หยุดน้ำตาได้ผลชะงัด! และเมื่อโตแล้วย่อมต้องมีความอดทนในคำสอนว่าไปต่างแคว้นห้ามทำตัวอ่อนแอ อู๋เสี่ยวหวาจึงอดทน ทนจนกว่าจะเห็นหน้าหวังซีเอ่อมาหาเขาเอง ไม่ใช่มีแค่เพียงเขาที่ได้อยู่เคียงข้างหวังซีเอ่อ ยังมีเหล่าองค์หญิงบรรณาการจากแคว้นอื่นแต่ได้ตำแหน่งที่สูงกว่าอู๋เสี่ยวหวา องค์หญิงสี่แคว้นเฉิง ‘เฉิงลี่เฉี่ยว’ ตำแหน่งเหลียงตี้ องค์หญิงห้าแคว้นเหลียน ‘เหลียนเสี่ยนหรู’ ตำแหน่งเหลียงเยวี่ยน องค์หญิงรองแคว้นหวู่ หวู่หนิงเหอ ตำแหน่งเฉิงฮุย และองค์หญิงสิบสองแคว้นหลิ่ง หลิ่งเจียวหวง ตำแหน่งเจาซวิ่น เหลือแค่เพียงตำแหน่งชายาเอก หวงไท่จื่อเฟย ที่ยังคงเว้นว่างไว้

“ท่านก็รู้ตัวนี่ว่ากลับมาช้า”

ถึงแม้ในใจจะกังวลถึงความปลอดภัยของหวังซีเอ่อตลอดเวลา แต่ขณะนี้อู๋เสี่ยวหวากลับทำหน้าบึ้งตึง

“ในใจท่านมีแต่เสด็จพ่อของท่านสินะ ไม่เห็นมีข้าเลย”

“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าต่างหากเป็นที่หนึ่งในใจข้าตลอด”

“เหอะ ขอเพียงฝ่าบาททรงตรัสประโยคเดียว ท่านก็ออกจากวังไปราวกับบิน กลัวว่าฝ่าบาทจะหายไป..”

อู๋เสี่ยวหวากล่าวแย้ง พลันนึกถึงเรื่องของตนเองในอดีตตอนที่ยังอยู่แคว้นซี เขาได้รับความรักจากเสด็จพ่อท่วมท้นนับแต่เล็ก ยิ่งเป็นบุตรของฮองเฮาคนเล็กยิ่งเอ็นดู เนื่องจากมีฮ่องเต้สนับสนุนตลอดมาเขาจึงทำตัวไม่สนผู้ใดอยู่ในวังหลวง ชนิดไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน แต่ยิ่งนานวันเขายิ่งเข้าใจว่า ‘พลังอํานาจ’ นั้นเป็นเช่นไร เพราะแค่เพียงเสด็จพ่อตวัดสายตา เหล่าผู้คนก็ต้องเกรงกลัว สถานการณ์ตอนนี้จึงไม่ต่างกัน หวังซีเอ่อก็เป็นเช่นนั้นด้วย ยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยบอกกันด้วยว่า ไปทำอะไร ที่ไหน ทำให้เขาเป็นห่วงมาก

“แต่ข้ามีของอร่อยมาไถ่โทษนะเสี่ยวหวา”

เมื่อได้ยินว่ามีของอร่อย อู๋เสี่ยวหวาก็ร่าเริงขึ้นมาทันที อากัปกิริยากระตือรือร้นนั้นเหมือนจะเห็นว่าก้นเขามีหางส่ายไปมาอยู่จริง ๆ หวังซีเอ่อห้ามใจไม่อยู่จึงหยิกแก้มน่ารักนั้นเบาๆ แล้วจึงยื่นสิ่งที่เรียกว่าของอร่อยให้อู๋เสี่ยวหวา ในมือที่หวังซีเอ่อซ่อนไว้ด้านหลังคือถังหูลู่หนึ่งไม้

“ว้าว! ถังหูลู่!” อู๋เสี่ยวหวารับไปแล้วส่งเข้าปากทันทีอย่างเอร็ดอร่อย องค์รัชทายาทยิ้มแย้มอย่างมีความสุข แล้วพาคนตัวเล็กมานั่งลงข้าง ๆ ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดดูฎีกาที่อู๋เสี่ยวหวาช่วยเขาเขียน เปิดออกก็พบว่ายังเขียนไปไม่ถึงไหนเลยถึงกับคิ้วกระตุก

“นี่ยังเขียนไม่เสร็จงั้นหรือ..”

“ชะ..ใช่ มันยากกว่าที่ข้าคิดเสียอีกนะ คัดพระคัมภีร์เจอจิ๋วยังง่ายกว่าอีกนะซีเอ่อ”

อู๋เสี่ยวหวายิ้มแป้นกินถังหูลู่จนปากมันวาว มือซ้ายถือถังหูลู่ มือขวาก็จับปากกาขนหมาป่าด้ามงาช้าง จุ่มน้ำหมึกแล้วเล็งจะเขียนคัดลอกฎีกาให้ต่อ

“เช่นนี้เองอืม"

อู๋เสี่ยวหวากินจนหมดแล้วยื่นไม้ให้อันเต๋อ หันหน้าไปมององค์รัชทายาท ถามด้วยความเป็นห่วง

“ท่านเหนื่อยหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบใจเสี่ยวหวามากนักที่ช่วยแบ่งเบาข้า”

แต่แล้วเสียงท้องร้องของหวังซีเอ่อก็ดังออกมา เพราะเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า ดื่มแค่น้ำแกงไปชามเดียว อู๋เสี่ยวหวาเหลือบตามองหวังซีเอ่อแล้วกลั้นขำ

“อันเต๋อ ไปให้ห้องครัวจัดสำรับอาหารหรือพวกของว่างมา องค์รัชทายาทไปหอทรงอักษร จึงกลับมาเสียมืดค่ำ ยังไม่ได้เสวยอะไรเลยนะ”

“พ่ะย่ะค่ะอู๋เฟิ่งอี๋!”

อันเต๋อจื่อรับคําสั่ง แล้ววิ่งเหยาะ ๆ ไปทันที

นับจากบ่ายถึงตอนนี้ อู๋เสี่ยวหวาคัดลอกฎีกาได้เพียงสี่ฉบับเท่านั้น

"องค์รัชทายาท ข้าจะดีกับท่านเยอะ ๆ จะคอยช่วยเหลืองานของท่านทุกอย่างเลย”

อู๋เสี่ยวหวากล่าวแบบสาบาน แต่หวังซีเอ่อกลับยังคงขมวดคิ้ว “เฟิ่งอี๋ทำเช่นนี้เพื่อชดเชยความเสียใจที่เจ้าไม่สามารถกลับไปเยี่ยมบ้านได้งั้นหรือ”

“แล้วแต่ท่านจะคิดเถิด”

“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าช่างมีน้ำใจประเสริฐยิ่งนัก”

หวังซีเอ่อยกมือลูบบนใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาแต่กลับวางท่ายิ่งใหญ่

“ข้าเสียอีกที่เป็นห่วงเจ้า....”

“อะไรหรือ”

นัยน์ตาดําขลับใสกระจ่างเปล่งประกายราวดวงดาราบนนภา

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” หวังซีเอ่อแย้มยิ้ม กอดเฟิ่งอี๋ของตนไว้ในวงแขน ก้มหน้าพูดที่ข้างหู

“ขอเพียงเจ้าเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องมีเรื่องอื่นให้กังวล”

"อื้ม” อู๋เสี่ยวหวาพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ว่าเป็นเรื่องใด หากหวังซีเอ่อว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีปัญหา

“เจ้าคงเหนื่อยแล้วกระมัง?” หวังซีเอ่อถามอีก “นั่งคัดลอกนานเท่าใดแล้ว"

“เริ่มตั้งแต่ยามเว่ย (13:00-14:59) น่าจะ..." อู๋เสี่ยวหวาหยุดคิดชั่วครู่ “ร่วมสามชั่วยามได้กระมัง”

“เช่นนั้นควรพักสักครู่ได้แล้ว มิฉะนั้นพรุ่งนี้ คงไม่พ้นปวดเอวปวดหลัง”

“แต่ซีเอ่อ ข้ายังต้องช่วยท่านคัดอีกหกฉบับนะ” อู๋เสี่ยวหวานิ่วหน้า คาดคะเนว่าต้องมือเป็นระวิงจนถึงยามไฮ่ (21.00-22.59) ล่ะกระมัง

“อย่าร้อนใจไป ขอข้ากอดเจ้าสักหน่อย” หวังซีเอ่อพูดอย่างอ่อนโยน ดึงอู๋เสี่ยวหวามานั่งที่ตักตนเองอย่างสบาย ๆ ก้มหน้ามองสบสายตากัน ตำแหน่งนั้นดึงสองสายตาประสานกันพอดี

“ที่เหลือข้าจะคัดลอกเองเจ้าพักเถอะ”

“ซีเอ่อ”

อู๋เสี่ยวหวาหน้าแดงระเรื่อ เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อเบา ๆ

“ขอโทษนะ ข้าทําให้ท่านลำบากอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจแล้วว่าจะช่วย"

“หามิได้ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้เลย ขอเพียงเจ้ามีความสุขข้าก็พอใจแล้ว"

หวังซีเอ่อบีบปลายจมูกขององค์ชายสิบเบา ๆ

“เพียงแต่ครั้งหน้า เจ้าต้องประมาณตัวเองให้ดีพอ ทำเท่าที่ไหวนะ”

“รู้น่า ไม่มีครั้งหน้าแน่”

อู๋เสี่ยวหวาทำแก้มพองแล้วเท้าคางนั่งบนโต๊ะ มองหวังซีเอ่อตวัดปลายพู่กันเขียนอักษรเร็วมาก ลงน้ำหนักเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนจริง ๆ ยิ่งนานยิ่งดึก อันเต๋อจื่อจุดเทียนไปหลายแท่งมาก อยู่ดีๆ อู๋เสี่ยวหวาเกิดง่วงนอนขึ้นมา หาวไม่หยุด หัวเล็ก ๆ โยกเยกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพิงไหล่ซ้ายของหวังซีเอ่อหลับไปโดยไม่รู้ตัว

หวังซีเอ่อหยุดพู่กัน ไม่พูดอะไร แต่เปลี่ยนมาถือพู่กันด้วยมือขวา ส่วนแขนซ้ายไปโอบเอวขององค์ชายสิบ ให้อีกฝ่ายนอนพิงหัวไหล่ของตนดี ๆ เขาใช้เวลาสองชั่วยามกว่าด้วยท่าที่ไม่เป็นธรรมชาตินี้ คัดลอกฎีกาจนเสร็จแล้วจึงอุ้มเฟิ่งอี๋ที่หลับปุ๋ย พากลับไปตำหนักบรรทม

หลังจากตรวจทานอย่างระมัดระวังแล้วก็นำฎีกาไปถวายรายงานแก่ฮ่องเต้ที่ตําหนักชุนชาง แต่เสด็จพ่อตรวจตราจนเสร็จสิ้นแล้วพบว่าองค์รัชทายาทไม่ได้เขียนเองกับมือ

แสงจากตะเกียงแก้วบนโต๊ะไหวเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นมีแค่เสียงหวังหลิ่นอินพลิกกระดาษม้วนฎีกาอ่านทีละหน้า เนื้อผ้าเสียดสีผิวกระดาษดังสวบสาบ เห็นชัดว่าเสียงเบาขนาดนั้นกลับสะเทือนถึงเส้นประสาทของคนฟัง หวังซีเอ่อรอฟังเสียงจากฮ่องเต้กลับได้ยินเสียงถอนหายใจแบบจนปัญญา เขาจึงรีบคุกเข่าลงทันที

“เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วหรือ ให้ผู้อื่นเข้ามายุ่งกับหน้าที่ของเจ้า รัชทายาท”

“ขออภัยเสด็จพ่อ อย่าทรงกริ้ว ลูกจะลงโทษตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

น้ําเสียงของหวังหลิ่นอินโมโหชัดเจน แต่ยังควบคุมอารมณ์ไว้ได้ เขายกมือขึ้นให้คนอื่นออกไป นัยน์ตาที่ลึกล้ำดำสนิทคู่นั้นแทบไม่เคยแสดงความตื่นตระหนก ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หวังซีเอ่อลุกขึ้นอย่างรู้ตนเองดี เดินออกไปหน้าตำหนัก ไม่นำพาต่อสายฝนที่เทกระหน่ำ คุกเข่าลงตรงด้านล่างบันไดโดยไม่มียืดเยื้อ นี่คือบทลงโทษที่เขาให้ผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของรัชทายาท

อู๋เสี่ยวหวาดื่มน้ำแกงร้อนๆ ยกมือทุบหลังคอที่ปวดเมื่อย แล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ฝนด้านนอกยิ่งตกยิ่งหนัก คลุมฟ้าครอบดิน เสียงซูซ่าดังกลบหู ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นช่วง ๆ ส่องแสงให้แก่ผู้ที่คุกเข่าอยู่ในสายฝน หลังยืดตรง คุกเข่าท่าเคร่งครัด ปล่อยให้น้ำฝนเย็นเฉียบราดรดร่างของตน

อู๋เสี่ยวหวาเฝ้ามองหาหวังซีเอ่อว่าจะกลับมาเมื่อใด เขาเพียงหลับไปครู่เดียวหวังซีเอ่อก็ไม่อยู่แล้ว แต่พอเหลือบมองไปยังโต๊ะทรงอักษรก็ไม่เห็นฎีกาทั้งหมด สงสัยว่าคงไปส่งฎีกาให้ฮ่องเต้ตรวจกระมัง

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทส่งท้าย

    พิธีสถาปนาราชวงศ์ใหม่ถูกจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เหล่าขุนนางทุกฝ่ายแต่งกายจัดเต็มพิธีการ ประชาราษฎร์ทุกคนต่างมายืนล้อมนอกวังหลวงเพื่อชมการแต่งตั้งฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่ โดยมีจวิ้นอ๋องเฒ่าไห่หมิงหรา และ พระชายาไป๋ฟานเหนียนเป็นผู้ใหญ่นำพิธีการเวลาฤกษ์มงคลถูกจัดขึ้นในเวลาเที่ยงวัน พระอาทิตย์เลยดูจะร้อนแรงเป็นพิเศษ พิธีดูเหมือนจะไปได้ดี แต่หารู้ไม่ว่ากำลังจะเกิดการปฏิวัติขึ้น หวังซีเอ่อและอู๋เสี่ยวหวานั้นมาถึงแคว้นเหยาชุนแล้ว โดยมีชินอ๋องจูไปรับที่ท่าเรือเมืองควานเหลียง และได้รับกองกำลังสนับสนุนจากใต้เท้าเฉินมาช่วยเสริมทัพพร้อมกับทหารแคว้นซีเป่ยจำนวนหนึ่ง เพื่อหวนคืนสู่บัลลังก์อันชอบธรรมเมื่อกำลังจะถึงเวลาที่จงถานไถหมิงและเจียวหวงกำลังจะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์มังกรในฐานะฮ่องเต้และฮองเฮาก็ต้องหยุดชะงัก เป็นเสียงของขันทีผู้หนึ่ง เป็นเสี่ยวสี่จื่อที่หายตัวไปตั้งแต่เช้ามืดและจงถานไถหมิงตามหาไม่พบ บัดนี้ได้เห็นเขาล้มลุกคลุกคลานกลิ้งมาหลุน ๆ จนหยุดตรงหน้าราชพิธี“เป็นบ่าวทำไม่ถูก! บ่าวสมควรตาย!” เสี่ยวสี่จื่อคุกเข่ากับพื้น เป็นแส้หนังที่หวดขึ้นเหนือหัวของอู๋เสี่ยวหวาที่กระทำอุกอาจลงแส้เฆี

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 27 ช่วงเวลาที่เขามีความสุขก็เพียงลมพัดดับเทียนไข

    โคมไฟสว่างไสวแขวนห้อยสูง แสงเทียนเหลืองแกมส้มให้แสงสว่างครอบคลุมลานสวนของตำหนักสนมเสียนเฟยประหนึ่งม่านโปร่งสีเหลืองคฤหาสน์แห่งนี้ห่างจากวังหลวงจะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ จะว่าไกลก็ไม่ไกล สวนและสิ่งก่อสร้างลอกเลียนรูปแบบซูรวมมียี่สิบห้องพัก หลังคาเชิงชายกิเลนทองสัมฤทธิ์กระดกเชิดสูงเป็นสัญลักษณ์แทนความรุ่งโรจน์รุ่งเรือง เมื่อสายลมยามค่ำโชยแผ่วยังสามารถได้ยินเสียงกระดิ่งลมด้านล่างชายคาดังเสนาะเพราะพริ้งชวนให้สดชื่นรื่นใจจะมีต้นไม้เยอะมากกว่าตำหนักอื่นเป็นพิเศษโดยเฉพาะต้นกุ้ยเหม่ยขวับ!เสียงคมกระบี่แหวกลมเด็ดขาดว่องไว เกิดประกายแสงทองจุดเล็กพร่างตาประหนึ่งดาราทองจํานวนนับไม่ถ้วนกะพริบวิบวับกลางท้องนภายามราตรี พร้อมกันนั้นร่างผู้ถือกระบี่เหินแฉลบวนเวียนในสวนเบาดุจนกนางแอ่น“เจียวหวง เจ้าอยู่นี่เอง”เสียงเรียกอันคุ้นเคยจู่ ๆ ก็ดังขึ้นมา ทําให้การร่ายกระบี่สะดุดหยุดชั่วขณะ เจียวหวงพลิกตัวลงจากบนหลังคามาอยู่ข้างหน้าคนผู้นั้นอย่างแผ่วเบา“ฝ่าบาท?! ทรงมาได้อย่างไรเพคะ” นี่เป็นครั้งที่สองอีกฝ่ายมาเยือนตำหนักเหม่ยกุ้ยของนาง เจียวหวงแปลกใจพอสมควรคุกเข่าลงเสียงดังตุบ“สนมเสียนเฟยน้อมรับเสด็จ ขอทรงพระเจร

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 26.2 ท่านต้องปลอดภัย

    ตลอดจนถึงนาทีนี้จงจวิ้นอ๋องเฒ่ายังคิดว่าทำแบบนี้จะบีบบังคับให้หวังเผยจูสิโรราบแก่เขาได้ จะต้องคุกเข่าวิงวอนขอให้อภัย อย่างไรเสียชินอ๋องหวังเผยจูก็ไม่กล้าเหยียบออกจากจวนอ๋องสักก้าวแน่ หากไร้ที่พึ่งพิงอย่างเสด็จพี่ใหญ่ของเขา ผ่านมาหกเดือนแล้วที่ฟางเย่เซียนเข้ามาสวมบทบาทเป็นพระชายาเอกปรนนิบัติดูแลชินอ๋องจูเป็นอย่างดี จนเกิดความรักใคร่กันขึ้นมาจริง ๆ แต่ยังไม่สุกงอมดี หวังเผยจูยังไม่เคยร่วมเตียงเคียงหมอนกับนาง นับแต่พลาดพลั้งครั้งแรกไปเขาก็ไม่แตะต้องตัวนางอีก ให้เกียรติฟางเย่เซียนเป็นอย่างมาก เรียกนางว่าพระชายาหาใช้คำพูดว่านังโสเภณีหรือนางคณิกาหอนางโลมอีกเลยเมื่อตอนยังไม่เกิดเรื่อง ฟางเย่เซียนก็ใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องนี้สุขสบาย แต่นางไม่ใช่คนอยู่นิ่งเฉย ก็คอยหาอะไรทำตามที่พ่อบ้านเหอชิงอบรมสั่งสอนเพิ่มเติม ทุกคนในตำหนักก็ต่างพากันชื่นชอบพระชายาฟางเย่เซียน แล้วพอหลังจากที่ฮ่องเต้หวังซีเอ่อถูกถอดถอนจากราชบัลลังก์ ฝ่ายพระชายาไป๋ฟานเหนียนก็ควบคุมภรรยาหวังชินอ๋องจูอย่างเข้มงวดในฐานะอาสะใภ้ พระชายาฟางเย่เซียนตะลึงงันจากนางขับร้องที่เพียงเหลือบตาคลี่ยิ้มก็บังเกิดเสน่ห์ล้นเหลือคนหนึ่ง กลายเป็นนางอ

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 26.1 ท่านต้องปลอดภัย

    อีกสองวันจะถึงพิธีสถาปนาฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ แสงอาทิตย์ระอุอบอ้าวทำคนแทบจะละลายได้ แต่ในจวนหวังชินอ๋องจู มีทหารยืนกันชนิดเต็มทางเดิน แน่นขนัดไปถึงสวนดอกไม้รอบตำหนัก ระยะสองก้าวต่อหนึ่งคน พวกเขากําลังเฝ้าจวนหวังชินอ๋องจูไว้ตามคำสั่งจวิ้นอ๋องเฒ่าจงไห่หมิงหรา บนใบหน้าทหารทุกนายต่างมีเหงื่อกาฬผุดพราย มือทั้งคู่เหยียดยื่นส่งต่อของมีค่า สิ่งเหล่านี้เป็นของที่นําออกมาจากคลังสมบัติของตำหนักชินอ๋องจู มีเครื่องเคลือบงานฝีมือชั้นยอด ดาบล้ำค่าประดับมุกตะวันออก กระทั่งไม้แกะสลักหรือหินประหลาดขนาดเกินฝ่ามือล้วนไม่ปล่อยผ่านของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นลาภผลซึ่งตำหนักชินอ๋องจูรับจากภายนอกโดยใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของหวังซีเอ่อ นับแต่ก่อนเขาจะมาเป็นชินอ๋อง เป็นเพียงแค่องค์ชายรอง ถึงแม้พระประสงค์องค์ฮ่องเต้องค์ใหม่คือให้ชินอ๋องจูส่งมอบทรัพย์สินเอง แต่หลังสิ้นอำนาจราชวงศ์หวัง ใต้เท้าที่ไม่ชอบหน้าชินอ๋องได้ทีจึงแสร้งตรวจสอบเปิดโปงโกงกินรับสินบนก็อยู่ในความรับผิดชอบของตนด้วย ทว่ามิได้ล่วงรู้ก็ละเลยหน้าที่เสียแล้ว กระนั้นวัวหายล้อมคอกก็ยังดี ด้วยเหตุนี้จึงนําทหารชั้นดีจํานวนหนึ่งมาอย่าง

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 25.2 ฮ่องเต้องค์ใหม่แคว้นเหยาชุนรุ่นที่สิบเอ็ด

    “ไม่เป็นไร ข้าไม่กินก็ได้...” จงถานไถหมิงพูดอุบอิบเสียงเบาวางตะเกียบลง“ฝ่าบาท เสวยเพคะ” เฉิงกุ้ยเฟยปล่อยชิ้นนั้น หันไปเลือกชิ้นอื่น ขยับมือคีบส่งถึงปากของฮ่องเต้อย่างว่องไว“ฝ่าบาท เสวยของหม่อมฉันเถิดเพคะ” เจียวหวงไม่ยอมตกอยู่ข้างหลัง ขยับตะเกียบคีบข้าวแปดสมบัติชิ้นนั้นส่งไปจ่อตรงหน้าจงถานไถหมิงอย่างเร็ว จงถานไถหมิงมองซ้ายมองขวายิ้มบางรับมาทั้งหมด หัวหน้าราชองครักษ์เองก็ยื่นตะเกียบออกไปคีบข้าวแปดสมบัติชิ้นเล็กวางใส่ในจานของตัวเองอย่างเงียบ ๆ“เอาเถอะอย่ามัวแต่ดูแลเรา พวกเจ้าก็กินด้วยสิ”จงถานไถหมิงเอ่ย จากนั้นก็พยายามจัดการของที่อยู่ในจานตัวเอง พอเจียวหวงคีบขนมชิ้นหนึ่งให้จงถานไถหมิง ลี่เฉี่ยวก็เช่นกัน ท้ายสุดเจียวหวงยื่นตะเกียบไปทางลี่เฉี่ยวที่กําลังเอาโต้วเหลียงเกาชิ้นเล็กวางลงในจานของจงถานไถหมิง แล้วหนีบหยุดตะเกียบลี่เฉี่ยวไว้เสียงดังเพียะเข้าหูอย่างต่อเนื่อง ตะเกียบทองแกะสลักลายเมฆาสองคู่ตะลุมบอนกันเร็วเสียจนตามองแทบไม่ทัน จงถานไถหมิงเองก็ตะลึงมองกับการกระทำของสตรี“คีบให้ฝ่าบาทมากขนาดนั้น เสด็จพี่หญิงไม่กลัวฝ่าบาททรงเสาะท้องเช่นนั้นหรือ” เจียวหวงพูดแล้วเลือกเอาเฉพาะขนมที่ลี่เฉี่

  • อู๋เสี่ยวหวาบรรณาการแค้วนซี   บทที่ 25.1 ฮ่องเต้องค์ใหม่แคว้นเหยาชุนรุ่นที่สิบเอ็ด

    ใกล้ถึงวันราชาภิเษกฮ่องเต้องค์ใหม่แคว้นเหยาชุนรุ่นที่สิบเอ็ด สองวันหลังการจากไปของฮ่องเต้หวังซีเอ่อที่ละเลยทิ้งหน้าที่บริหารบ้านเมือง จิตใจอกตัญญูสั่งขังไท่ซ่างหวงและฮองไทเฮา หายสาบสูญไปสามเดือนแล้ว จึงมีประกาศจากอัครเสนาบดีทั้งสองฝ่ายให้ถอดถอนฮ่องเต้หวังซีเอ่อออกแล้วผลักดัน ‘ท่านแม่ทัพใหญ่ จงถานไถหมิง ขึ้นครองราชย์ เป็น ฮ่องเต้ราชวงศ์จงรุ่นที่หนึ่ง’ดังนั้นหวังซีเอ่อและอู๋เสี่ยวหวาจึงเร่งเดินทางกลับไปยังแคว้นเหยาชุนให้เร็วที่สุด และหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายลอบสังหารในเมืองอันเว่ยที่อยู่ติดชายแดนใกล้แคว้นหลิ่ง มีแม่น้ำขวางต้องเดินเรือสำเภาข้ามไปยังแคว้นเหยาชุน มาพร้อมรับเด็กทารกที่มารดาเสียชีวิตกลับมาเลี้ยงดู โดยให้อันเต๋อจื่อดูแลไว้ก่อนในแคว้นซีเป่ยแสงตะวันแผดจ้าสาดส่องลอดช่องว่างของแมกไม้ซึ่งส่งเสียงเสียดสีกันไม่หยุดหย่อนตรงลงมายังพื้นดินผืนใหญ่ ผู้ที่นั่งอยู่ในศาลาอู๋เหม่ยของอุทยานตะวันตกทอดตามองด้านนอกดอกไม้ใบหญ้าเฉกเช่นกับผืนทุ่งนากสิกรรม เห็นเพียงสีเขียวเข้มขจี ท้องฟ้าวันนี้สว่างสดใสมาก หลังจากม่านไผ่รอบศาลาถูกปล่อยลงโดยนางกํานัลภายใต้การสั่งการจากหัวหน้าขันที ภายในศาลาโบราณก็พลั

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status