ก๊อกๆ
“พี่รจ...ตื่นยัง”
เสียงตะโกนหน้าห้องฉุดรจนาให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง เสียงแปดหลอดของ ‘เมรี’ น้องสาวคนเดียวของเธอเคาะประตูโครมๆ จนน่ากลัวจะพังคามือ
“ตื่นแล้วๆ ประตูไม่ได้ล็อก”
พอขาดคำประตูก็เปิดผ่างออก คนมาใหม่คือสาวน้อยวัยใสหน้าตาหมดจดตามประสาสาวเหนือ ที่มีใบหน้าละม้ายรจนาส่วนหนึ่งแต่ผิวคล้ำกว่าพี่สาวเล็กน้อย
“แม่ให้มาเรียกไปกินข้าว วันนี้มีแกงขนุน น้ำพริกอ่อง ผักลวก แล้วก็ผัดผักรวมมิตร ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลยนะ หรือจะกินข้าวซอยน้ำเงี้ยวก็มีนะ แม่ทำไว้ให้พี่ตั้งแต่เช้ามืดแน่ะ”
เมนูที่ว่ามาทำให้รจนาถึงกับน้ำลายสอ ถึงจะไปอยู่เมืองกรุงมาหลายปี แต่อาหารที่ซื้อเขากินหรือจะสู้รสมือแม่ของเธอได้
“เดี๋ยวพี่ขอล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วจะรีบตามไป”
“เร็วๆ ล่ะ” รจนาพยักหน้ารับ ก่อนหันไปจัดการตัวเอง สลัดความหลังมัวซัวออกจากหัวสมอง
“สังข์ทองลูกแม่งามแท้พ่อคุณ...”
เสียงเพลงไตเติ้ลละครจักร์ๆ วงศ์ๆ ยอดฮิตลอยลมมาทักทายรจนาพร้อมกลิ่นหอมๆ ของอาหารที่ได้นั่งล้อมวงกินกันพร้อมหน้าครอบครัว นี่คือวิถีประจำบ้านที่เธอห่างหายไปนานโข
“อ้าว! เจ้ารจ มาๆ กินข้าวกันลูก” นายแผนหันไปกวักมือเรียกลูกสาวมาร่วมวง บ้านเธอแม้จะมีโต๊ะกินข้าว แต่กระนั้นทั้งพ่อแม่ก็มักจะปูเสื่อและวางขันโตกที่ใส่ถ้วยชามอาหารไว้ตรงกลาง นั่งกินไปดูทีวีไปเสียมากกว่าจะนั่งโต๊ะเป็นทางการเหมือนที่รจนาเคยชินตอนอยู่กรุงเทพ
“ดูพระสังข์รอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ยแม่ ตั้งแต่สมัยรจเรียน สร้างมาไม่รู้กี่รอบ ก็เห็นแม่ดูทุกรอบ”
นางสีดาค้อนลูกสาวขวับๆ
“สมัยนี้เขาดูเนตฟลิกต์ วีทีวี พวกทีวีออนไลน์แบบจ่ายรายเดือนกันแล้ว มีซีรีส์เพียบ ไทย จีน เกาหลี ฝรั่ง เดี๋ยวรจติดตั้งให้เอาไหม”
“ไม่เอาย่ะ ก็แม่ชอบของแม่แบบนี้นี่หว่า ชอบดูละครพื้นบ้านมันผิดตรงไหน”
“ไม่ผิดจ้า...ก็รู้ว่าแม่ชอบมาก มากเสียจนถึงขั้นต้องเอาชื่อนางเอกในวรรณคดีพื้นบ้านมาตั้งเป็นชื่อลูกสาวสองคนนี่ไง ดีนะแม่ไม่ชอบเรื่องพระอภัยมณี ไม่งั้นหนูคงเปลี่ยนจากรจนาเป็น...ผีเสื้อสมุทร”
“ก็นั่นสิพี่รจ นี่ทุกวันนี้ฉันไปโรงเรียนยังโดนล้อบ่อยๆ ว่าเป็นนางเมรีขี้เมา” คนหัวอกเดียวกันพยักพเยิดบ่นอย่างขมขื่น
“เอ๊...นังพี่น้องคู่นี้นี่ รวมหัวกันว่าแม่ ดีเท่าไหร่ฉันไม่ตั้งชื่อพวกแกว่านังวิมาลา กับนังเลื่อมลายวรรณ”
รจนาเอียงคออย่างสงสัย
“นั่นมันชื่อเมียใครล่ะแม่ เพราะดีนะ”
“เอ๊า...ก็เมียเจ้าจระเข้ชาละวันไงยะ อยากได้ไหมล่ะ”
นายแผนหัวเราะพรืดอย่างคนเส้นตื้น แต่พอหันมาเห็นสายตาค้อนๆ ของเมียรัก เขาจึงเสไปตักแกงขนุนอ่อนกินไม่พูดไม่จา
“แหะๆ งั้นหนูขอเป็นเมียพระสังข์เหมือนเดิมละกัน ไม่ไหวจะเคลียร์เป็นเมียจระเข้หลายใจ ขอบายดีกว่า ขี้เกียจตบตีแย่งชิง” พอพูดถึงคนหลายใจสมองก็พาลมีหน้าจักรินโผล่เข้ามาจนรจนาต้องรีบปัดออกไปอย่างหงุดหงิด
“ยัยเมรี แกน่ะอย่าเพิ่งนั่ง เอาปิ่นโตกับข้าวนั่นไปให้พี่สาธุก่อนไป๊” คนถูกใช้ทำหน้าเมื่อยที่ถูกขัดจังหวะการกิน
“เดี๋ยวไม่ได้เหรอแม่ หนูกินอยู่”
“ก็รีบไปรีบกลับมากินสิยะ กับข้าวเยอะแยะ เดี๋ยวสายพี่เขาเข้าไร่เสียก่อนก็เลยไม่ได้กินข้าวปลาพอดี”
“ใครเหรอแม่ พี่สาธุ ญาติข้างไหนของเราเหรอ” รจนาหันมาถามอย่างสงสัย เธอไปอยู่เมืองกรุงเสียนานแทบไม่ได้กลับบ้านทำให้ไม่คุ้นเคยกับญาติพี่น้องเหมือนเมรีที่อยู่กับแม่มาตลอด
“ใช่ที่ไหนกันพี่รจ พี่สาธุน่ะก็คนที่มาซื้อที่ดินตาผันทำไร่ตรงท้ายซอยถัดจากบ้านเรานี่ไง ที่นั่นตั้งเกือบสิบไร่เชียวนะ”
รจนาพยักหน้าหงึกหงักพลางเอื้อมไปตักน้ำพริกอ่องเข้าปาก รสชาติน้ำพริกหมูสับผัดกับพริกเครื่องแกงตำเองของแม่บวกกับรสเปรี้ยวอมหวานของมะเขือเทศและข้าวเหนียวนึ่งใหม่ร้อนๆ หอมฉุยทำให้หญิงสาวรู้สึกฟินไม่หยอก
“แล้วทำไมแม่ต้องส่งปิ่นโตให้เขาด้วยล่ะ หรือเขาจ้างทำ”
“จ้างเจิ้งอะไรกัน พ่อสาธุน่ะเขาเป็นคนดีมีน้ำใจ มะเขือเทศในน้ำพริกอ่องนั่น ไหนจะขนุนอ่อน แตงกวา กับผักที่เอามาทำกับข้าวให้พวกแกกิน ก็ของเขาเอามาให้ทั้งนั้น จะให้เงินก็ไม่เอา แม่ทำกับข้าวเผื่อเขานิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไร แกก็เถอะ ว่างๆ แวะไปทำความรู้จักพี่เขาไว้บ้างก็ดีนะ คนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน สนิทกันไว้แหละดี” ท้ายประโยคสายตาคนพูดทอประกายวิบวับ
“แน่ะ แม่น่ะจะหาแฟนให้พี่รจอีกล่ะสิ หนูรู้นะ” เมรีดักคออย่างรู้ทัน
“เอ๊...ยัยเมรี ผู้ใหญ่เขาคุยกันอย่ามาสอด”
“ก็มันจริงนี่นา พี่สาธุทั้งหล่อทั้งโสด ใครๆ ก็อยากได้เป็นผัวทั้งนั้นแหละ ดูแต่พี่ผ่องพรรณลูกสาวผู้ใหญ่บ้านนั่นประไร ไหนจะยัยดาวเรืองลูกป้าสายหยุด กับพวกสาวๆ ในหมู่บ้านเราเทียวมาจีบพี่สาธุเขาทุกวันหัวกะไดไม่แห้ง ยังจีบไม่ติดเลย นับประสาอะไรกับพี่รจล่ะแม่”
รจนาขมวดคิ้วคิดตามไม่ทัน
“เออ...มันก็จริงของแก เฮ้อ...”
“เอ๊า! เดี๋ยวนะแม่ คุยไปคุยมา วกมาหารจได้ไงเนี่ย”
“จะอะไรล่ะพี่รจ พี่น่ะไม่รู้อะไร ตั้งแต่พี่กลับมาอยู่บ้านเราน่ะ ชาวบ้านเขาก็เม้าท์ถึงพี่กันให้แซ่ด”
“เม้าท์พี่ว่าอะไร”
รจนาถามไปส่งๆ สังคมในหมู่บ้านเธอก็พอรู้ ใครไปใครมาจากต่างที่ต่างถิ่น ลูกหลานใครแต่งงาน ได้ดี หรือทำงานอะไรที่ไหน นั่นคืออาหารปากชั้นเลิศให้ชาวบ้านได้คุยกันสนุกปาก
“นังเมรี!” นางสีดารีบส่งสายตาปรามบุตรสาวคนเล็ก แต่ยิ่งว่าก็ยิ่งยุ
“เขาก็เม้าท์กันว่าที่พี่รจกลับมาอยู่บ้านเพราะท้องไม่มีพ่อน่ะสิ”
“หา! ว่าไงนะ” รจนาสำลักข้าวพรวด ทำช้อนหลุดมือ ตาโตเท่าไข่ห่าน
รจนาเลยไม่ใช่แค่หนู แต่เธอเป็นโครตของโครตหนูที่ตกบ่อเพชร หลังแต่งงานหญิงสาวก็ย้ายไปอยู่ที่กระท่อมกลางไร่กับสามีสองคน ระหว่างที่รอเรือนหอที่เจ้าบ่าวทุ่มทุนสร้างให้ใหม่เสร็จ เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังอยู่ในท้องแม่สาวขี้อ้อนอีกสองหน่อนี่ยังไม่นับสมาชิกลูกหมาพันธุ์บีเกิ้ลผสมพันธุ์ทางอีกโขยงที่เธอและสามียังทะเลาะกันเรื่องตั้งชื่อไม่เสร็จ และคงทะเลาะกันไปจนกระทั่งลูกแฝดในท้องของรจนาคลอดไร่ของสาธุเริ่มมีชื่อเสียงไปทั่วเพราะสองผัวเมียช่วยกัน รจนาคืออดีตพีอาร์มือโปรเก่า เธอทำงานดีเยี่ยมจนทำให้ไร่ของสามีโด่งดังไปไกล จนเพื่อนที่ทำงานเก่าพลอยอิจฉาพอพูดถึงที่ทำงานเก่า ข่าวล่าสุดที่รจนาได้รับคือ...เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องอย่างดาริกาถูกจับได้ว่าแอบกิ๊กกับอดีตเจ้านายหัวงูในที่ทำงาน เพราะเมียของอีกฝ่ายบุกมาหาพร้อมด้วยของกำนัลเป็นน้ำกรดอย่างดี แต่คนให้ดันมือไม่แม่น แทนที่จะสาดหน้าชู้รักของผัว แต่ดันสาดผิดไปโดนเป้าของผัวตัวเองแทนจนต้องตัดทิ้งทั้งพวง!ตอนเห็นข่าวแรกๆ รจนาตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกันว่าควรสงสารหรือสมน้ำหน้าคนเจ้าชู้พรรค์นั้นดีส่วนดาต้าก็ถูกไล่ออกเพราะทำงานไม่ได้เรื่องแต่ใช้เต้าไต่เพื่อแย่
“พี่สาจ๋า...มันจะเจ็บมากไหม รจกลัว”โอ๊ย...ทำไมน่ารักแบบนี้วะเมียกู! แค่นี้ก็รักจนจะคลั่งตายแล้วมั้ยเนี่ย แบบนี้เขาจะไปไหนรอดวะ ต่อให้ไปได้ก็ไม่ไปแล้วสาธุคุณส่งยิ้มหวานปลอบขวัญสาวเวอร์จิ้น เขาพอรู้ว่าครั้งแรกนั้นยอมมีเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง ชายหนุ่มกดจูบเธอที่แก้มและหน้าผากก่อนมาหยุดที่ริมฝีปากช่างเจรจา ก่อนมอบคำหวานที่มาจากหัวใจและความรู้สึกที่มอบให้เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น“พี่รู้ว่ารจกลัว และรู้ด้วยว่านี่เป็นครั้งแรก แต่พี่จะพยายามไม่ทำให้รจเจ็บมากนักดีไหมครับ แต่ถ้ารจเจ็บหรืออยากจะหยุดก่อนก็ค่อยบอกพี่ พี่รับปากว่าจะไม่หักหาญน้ำใจรจ จะรอให้รจเป็นของพี่ด้วยความเต็มใจดีไหม”รจนาฟังแล้วน้ำตาคลอ ก่อนพยักหน้าข่มความกลัวเมื่อตัดสินใจแล้ว และอีกฝ่ายก็น่ารักกับเธอขนาดนี้เป็นไงเป็นกัน! จัดมาเลยพี่ เจ็บหน่อยแต่ฟินก็เอาวะนาทีนี้หญิงสาวกัดฟันแน่นเมื่อถูกความใหญ่โตของเขากดเข้ามาภายใน แต่ความคับแคบทำให้สาธุคุณต้องค่อยๆ ใจเย็น และปลุกเร้าอารมณ์เธอให้ผ่อนคลายไม่เกร็งเพื่อให้ความเจ็บทุเลาเบาบางและเปลี่ยนเป็นความฟินในที่สุดเสียงหวานคลอเคล้ากับเสียงพร่ากระเส่าขับขานเป็นห้วงทำนองรักที่สอดรับประสา
“ขวัญเอ๊ย ขวัญมา...”เสียงหวานกระซิบก่อนจะเงยหน้าสบตา “หายหรือยังจ๊ะ”สาธุคุณแกล้งส่ายหน้า “ยังไม่หาย”พอขาดคำหญิงสาวก็กดจูบที่ปากเขาไปอีกที คราวนี้ทำใจกล้าใช้ปลายลิ้นละเลงและแกล้งดูดดึงกลีบปากล่างของเขาเล่นเบาๆ อีกที“แล้วแบบนี้ล่ะ หายไหม”สาธุคุณใจเต้นแรง ลมหายใจสะดุดเบาๆ ก่อนส่ายหน้า“ไม่หาย”“ทำไมขวัญอ่อนจังล่ะสาจ๋า...” หญิงสาวยิ้มพลางยื่นริมฝีปากไปจูบอีกครา คราวนี้เขารีบเผยอปากรอรับ และเมื่อเธอทำใจกล้าสอดลิ้นเข้าไปในปากเขา ชายหนุ่มก็ครางเบาๆ อย่างชอบใจในความน่ารักของแฟนสาว ก่อนที่จะโต้ตอบกลับมาให้เธอหลงเขาหัวปักหัวปำบ้างรจนาถูกรสจูบหวานครอบงำจนใจกระเจิง ยามที่เขาพรมปลายลิ้นเข้าหาและจุมพิตเธอแบบสูบวิญญาณทั้งเป็นนั่น หญิงสาวก็เริ่มจะหายใจไม่ทันทำให้ต้องวิงวอนเขาทางสายตาสาธุคุณจึงยอมผ่อนแรงจูบให้เธอได้หายใจหายคออีกครั้ง ชายหนุ่มโอบกอดเธอเข้ามาจนชิดใกล้“เราแต่งงานเสียพรุ่งนี้เลยไหม พี่ไม่อยากโสดแล้ว อยากมีรจเป็นเมีย อยากให้เมียจูบรับขวัญแบบนี้ทุกวันทุกคืนเลย”จะน่ารักไปไหนวะแฟนฉัน หลงจนหัวจะทิ่มแล้วเนี่ย“ดีเหมือนกัน พี่รีบไปขอรจกับพ่อแม่สิ หอบสินสอดไปเยอะๆ ล่ะจะได้ตบปากพวกชอบนินทา
“รจจะทิ้งพี่ได้ลงคอจริงเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงเว้าวอน“ใครทิ้งใครกันแน่ โอ๊ย! ช่างเถอะ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่แล้วกัน เรายังเป็นเพื่อนบ้านกันได้”“แต่พี่ไม่อยากเป็นเพื่อนบ้านกับรจแล้วนี่”รจนาถอนหายใจพรืด อะไรวะ ขนาดสถานะเพื่อนบ้านเขาก็ไม่อยากให้ งกอะไรขนาดนั้น“งั้นเป็นศัตรูเลยดีไหม จะได้จบๆ ไม่ต้องเห็นหน้า ตายไปไม่ต้องเผาผี จะเอาแบบนี้ก็ได้นะ” บอกว่าจะพูดจาดีๆ แต่ไหงอินเนอร์มาเต็มอีกแล้วนี่“รจพูดจบหรือยัง”“อืม...จบแล้ว งั้นก็แยกย้ายเนอะ” หญิงสาวเอ่ยพลางจะตรงไปอุ้มหมากลับบ้าน แต่ยังไม่ทันเดินไปไหน ก็ถูกอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้นเสียก่อน“นี่! จะทำอะไร”“ทำน้ำปลาหวานให้เมียกินไง”“ไปทำให้ยัยนางเอกปากแดงนั่นกินสิไป เขาอาจจะชอบ ปล่อยฉันลงนะ”“พี่ไม่ได้กลับไปคบกับลูกเกด!”“ก็เรื่องของคุณสิ มาบอกฉันทำไม...เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณว่าไงนะ” หญิงสาวชะงักกึก หน้าตาเหรอหราอย่างน่าเอ็นดูในสายตาชายหนุ่ม“พี่บอกว่าพี่ไม่ได้กลับไปคบกับลูกเกด ไม่มีทางกลับไปคบเขาด้วย เลิกแล้วเลิกเลยลาขาด” รจนาขมวดคิ้วแน่น“แล้วรูปที่คุณไปกอดแฟนเก่านั่นล่ะคืออะไร”“เขาขอให้พี่ช่วยเรื่องงานในวงการ พี่ก็ช่วยไปตามประสาคนเคยรู้จั
รจนาฟังแล้วอยากจะกรี๊ด เธอหรืออุตส่าห์ไม่ไปที่นั่น แล้วนี่อะไรกัน เจ้าเอริบ้านี่ ดันมาทำเสียเรื่อง แล้วทีนี้จะยังไง ถ้าไปที่นั่นก็ต้องเจอเขา หรืออาจเจอแฟนเก่าที่กลายเป็นแฟนใหม่เขาอีกครั้งล่ะสิเอาไงดีวะเนี่ย ตัดหางปล่อยวัดเสียดีไหม ไอ้หมาไม่รักดีนี่“เมรีว่างไหม พี่วานไปดูเจ้าเอริที่ท้ายซอยหน่อยสิ”“เมรีก็อยากไปให้นะพี่รจ แต่ต้องทำงานที่อาจารย์สั่งน่ะสิ เยอะเสียด้วย ทำทั้งคืนจะเสร็จไหมไม่รู้ ทำไมพี่ไม่ลองโทรถามเจ้าของไร่ทางนั้นเขาดูล่ะว่าเห็นหมาเราไหม”โทรไปให้เขาได้ใจน่ะสิ เรื่องอะไรเธอจะทำให้โง่“เออๆ พี่ไปเองก็ได้ คอยดูนะ ถ้าเจอจะตีให้ ไม่ได้สิมันท้องอยู่ตีไม่ได้ งั้นให้อดขนมสามวันละกัน” หญิงสาวบ่นอุบ ก่อนคว้าจักรยานปั่นออกไป พอคล้อยหลังพี่สาว คนที่บอกต้องทำงานส่งอาจารย์ก็เงยหน้าตาวาว หันไปคว้าโทรศัพท์มากดส่งไลน์รัวๆ“ขอโทษนะพี่รจ น้องทำเพื่อพี่ อโหสิให้กันเถอะนะ” ไร่ของเขาก็ยังคงเป็นเหมือนครั้งสุดท้ายตอนวันที่เธอจากมา รจนามองบ้านของเจ้าของไร่ที่วันนี้ปิดเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ เจ้าของไร่คงไปทำงานในไร่ หรือไม่แน่ว่าอาจจะกำลังพาแฟนไปเปิดตัวให้คนงานรู้จักในฐานะว่าที่นายหญิงคนใหม
พอไปถึงหน้าบ้านสาวที่คิดถึง ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม บ้านปิดเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ ชายหนุ่มชะเง้อคอยาวมองเข้าไปในบ้านหวังจะเห็นใครออกมาเปิดประตูให้“มีใครอยู่ไหมครับ”“โฮ่ง!” ชายหนุ่มหันขวับไปทางเสียงทักทายจากใต้แคร่ไม้ไผ่ก็เห็นเจ้าหมาบีเกิ้ลของเธอนอนพังพาบอยู่ ดูเหมือนมันจะอ้วนขึ้นกว่าตอนที่เห็นครั้งสุดท้ายจนแปลกตาสาธุคุณขมวดคิ้วคำนวนเวลาในใจ หรือว่า...หมาของเธอจะท้องลูกเจ้าวายของเขาเสียแล้ว“เอริ...มานี่มา”เพราะความคุ้นเคยที่มุดรั้วเข้าบ้านเขาอยู่เป็นเดือนๆ ทำให้เจ้าหมาน้อยยอมเดินมาหาชายหนุ่มอย่างดีใจ หากพูดได้มันคงถามหาแฟนหนุ่มที่นอนเหงาซึมกระทืออยู่ที่บ้านเขาเป็นกระบุงไปแล้ว“คิดถึงเจ้าวายล่ะสิ ไม่ได้เจอกันกี่วันแล้วเนี่ย”“โฮ่งๆ!” ชายหนุ่มเผลอยิ้ม ก่อนที่ทำหน้าเซ็ง“ฉันก็คิดถึงเจ้านายแกเหมือนกัน แกรู้ไหมว่าเขาหายไปไหน”“รู้สิ!”คราวนี้ไม่ใช่เสียงหมา แต่เป็นเสียงของ...“น้องเมรี...”คนถูกเรียกยืนหน้าบึ้งไม่ยิ้มแย้มให้เขาเหมือนเคยเอาล่ะสิ ไม่ใช่แค่แฟน กระทั่งน้องสาวแฟน หรือพ่อแม่ของเธอก็คงจะโกรธเขาเหมือนกัน งานเข้าแล้วไอ้สาธุ!“พี่สาธุมาทำอะไรที่นี่เหรอ มาหาใคร” เมรีถามเสียง