ในอ่างอาบน้ำใบใหญ่โดยกลีบดอกไม้ น้ำในอ่างผสมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นเหมยกุ้ย เฉินเซียวหลางบรรจงถูผ้าเนื้อนุ่มไปบนแผ่นหลังภรรยา เขาใช้น้ำเต้าครึ่งซีกตักน้ำอุ่นช่วยนางอาบน้ำชำระกาย ร่างสูงพันผ้ากลางกายเพียงหมิ่นเหม่
เห็นสภาพภรรยาเช่นนี้แล้ว ฮึ่ม...อยากร่วมหอกับนางเหลือเกิน...แต่ต้องอดใจไว้ก่อน นางคุ้มดีคุ้มร้ายเดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า ช่วงนี้นางปฏิบัติกับเขาดีเป็นพิเศษ เขาไม่อยากให้ช่วงเวลาแสนหวานนี้พังทลายหากทำให้นางไม่พอใจ นางเพิ่งคลอดบุตรคงต้องพักเรื่องชายหญิงอีกหลายเดือน
"ท่านพี่ เข้ามาอาบน้ำด้วยกันเถิด" ลี่ชิงชวนสุดหล่อเข้ามาอาบน้ำในอ่างใบเดียวกัน
"อ่างมันค่อนข้างเล็ก" เขาเขินอาย หายใจติดขัด
"อ่างออกจะกว้างขวาง ท่านนั่งได้สบาย"
"เจ้าจะไม่อึดอัดรึ"
"ไม่หรอก มาแช่น้ำด้วยกัน" ลี่ชิงชวนสามีลงมาแช่น้ำด้วยกัน
เฉินเซียวหลางก้าวเท้าลงไปในอ่างใบเดียวกับนาง อ่างอาบน้ำไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นหรือเพราะเขาตัวโต ร่างสูงนั่งเบียดนางแบบไหล่ชนไหล่
ฮึ่ย..หาเหตุทรมานกลางกายบุรุษโดยแท้ นางจะรู้บ้างหรือไม่ว่าเขาปวดน้องชายไปหมดแล้ว ลี่ชิงหนอลี่ชิง ถ้าเขาทนไม่ไหวจับนางกระแทกคาอ่างอย่าได้มาร้องไห้เสียใจ
ร่างสูงคิดเรื่องใต้สะดือเพลิน ๆ เสียงหวานของภรรยาก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
"ข้าเป็นใคร เล่าประวัติข้าให้ฟังหน่อยเจ้าค่ะ"
เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก นี่นางจำตัวเองก็ไม่ได้อย่างนั้นรึ
"เจ้าเป็นบุตรสาวของอนุตระกูลลี่ เป็นขุนนางระดับล่างของเมืองหลวง มารดาของเจ้าถูกใส่ร้ายว่าคบชู้ ต่อมาตรอมใจตาย เจ้าจึงถูกขายออกจากจวน"
"เฮ้อ เหมือนขายหมูเลย ชีวิตรันทดชะมัด" นางบ่น
"ต่อมาเจ้าถูกขายเข้าหอนางโลม เจ้าไม่อยากรับแขกจนถูกแม่เล้าตบตีปางตาย แม่ทัพเหวินซูมาช่วยเจ้าไว้ ไถ่ตัวเจ้าออกมา พาไปรักษาตัวอยู่ที่โรงเตี๊ยมนานแรมเดือน เจ้าจึงคิดตอบแทนแม่ทัพด้วยการปีนเตียง"
"เฮ้อ...อดสูเข้าไปอีก สรุปว่าเขาเป็นคนช่วยข้าจากซ่องงั้นสิ" นางกลอกตาไปมา
"ข้าแอบชอบเจ้ามานานหลายปีก่อนเจ้าถูกขายไปหอนางโลม แต่เจ้าไม่เคยแลข้าเลยแม้ข้าส่งแม่สื่อไปทาบทาม ข้าติดตามเจ้าไปถึงหอนางโลมเห็นเจ้าถูกทุบตี ข้าเป็นคนไปแจ้งแก่แม่ทัพ ท่านแม่ทัพจึงใช้บารมีไถ่ตัวเจ้าออกมา ส่วนค่าไถ่ตัวเจ้า ข้าใช้เงินเก็บของข้าคืนให้ท่านแม่ทัพไปแล้ว ตั้งแต่หลังเกิดเรื่องเจ้าวางยาพิษกำหนัดท่านแม่ทัพ จนจับพลัดจับผลูวิ่งเข้าห้องข้า แล้วเราก็ เอ่อ..." เฉินเซียวหลางไม่เล่าต่อ
"ข้าเยเย่กับท่านจนตั้งครรภ์คลอดบุตรให้ท่านสองคน" นางพูดต่อ
"ถูกแล้ว" เขาทำหน้างงกับคำว่าเยเย่
"ตอนนี้ท่านแม่ยังไม่ยอมรับข้าใช่หรือไม่"
"ก็ถูกอีก"
"แล้วข้ามีมรดกอะไรติดตัวบ้าง"
"มีมรดกของมารดาเจ้า เป็นที่ดินผืนหนึ่ง ที่ดินรกร้างผืนนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่"
"มีอะไรปลูกอยู่บ้าง"
"ไม่มีเลย มีแต่หญ้ากับไม้ใหญ่"
"ก็ยังดีที่มีมรดกเน่าให้ข้าติดตัวบ้าง ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี"
"จะเรียกว่ามรดกเน่าก็ได้เพราะที่ดินผืนนั้นเพาะปลูกอะไรก็ไม่โต"
"แล้วข้าจะปลูกให้ดู" วิญญาณป้าสมหญิงพูดอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
"เจ้าปลูกผักเป็นหรือ" เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"เป็นสิ" นางตอบพลางช่วยเขาถูหลัง
"พรุ่งนี้ปลายยามเซินข้าจะพาเจ้าไปดูที่ดิน หลังจากข้ากลับจากร้านค้า"
นางหน้างอ ทำหน้ากระเง้ากระงอด
"โกรธข้ารึ เรื่องอันใด" เขาเอ่ยถาม สงสัยนางจะร้ายขึ้นมาอีกแล้ว
"ท่านต้องเรียกตัวเองว่าพี่ เรียกข้าว่าชิงเอ๋อร์" นางโกรธจนแก้มป่อง แถมงอนด้วยเสียงสอง ตอนนี้สวยแล้ว เด็กแล้ว จะทำเสียงสอง เสียงสามก็ได้ ทำเสียงเล็กเสียงน้อยไปจนถึงเสียงแปดก็ได้
"จ้า ชิงเอ๋อร์ของพี่"
"อืม ข้าอยากไปขอบคุณท่านแม่ทัพเสียหน่อย" นางทำท่าครุ่นคิด
"พี่ไม่ให้ชิงเอ๋อร์ไป พี่หึงหวงเจ้า" เฉินเซียวหลางทำท่าแง่งอนนางคืน เขาเอ่ยตอบด้วยเสียงสองแบบเดียวกัน
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที