หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ลี่ชิงอาศัยอยู่ในจวนสกุลเฉิน แม่สามียังไม่มองหน้าเหมือนเดิม ส่วนสามีก็ออกไปทำงานที่ร้านค้า
เฉินเซียวหลางสุดหล่ออายุ 25 ปี นับว่าแก่ในยุคนี้ แต่ในสายตาของนางสาวสมหญิง บุญเมตตานั้น ถือว่าได้สามีเด็กกว่าอายุวิญญาณถึงสองรอบ วิญญาณยัยป้าอายุ 48 ปีได้สามีเด็กอายุ 25 ปี ฮึ ๆ ๆ ๆ สวรรค์ส่งชัด ๆ
สกุลเฉินมีร้านค้าขนาดกลางเป็นร้านค้าข้าวและพวกพืชผลทางการเกษตร ลี่ชิงยังไม่มีโอกาสไปเห็นร้านค้านี้เพราะวัน ๆ นางเอาแต่เลี้ยงลูกน้อยวัยหนึ่งเดือนเศษอยู่ที่เรือนพัก
เรือนหลีฮวาเป็นเรือนขนาดเล็กมีเพียงสองห้องนอน ห้องสุขา ห้องครัว ห้องนั่งเล่น แต่นี่ก็นับว่าใหญ่กว่าบ้านหลังเล็กทรงโมเดิร์นของป้าสมหญิงเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
ลี่ชิงกำลังจะอายุครบสิบเจ็ดปีในปีนี้ ใกล้ถึงวันเกิดของนางแล้วด้วยเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้น
จะขอพรอะไรดีน๊า ตอนนี้ก็มีครบแล้ว มีลูกตัวอ้วนถึงสองตัว เอ๊ย สองคน สามีก็หล่อ มีบ้านซุกหัวนอน มีแม่สามีด้วย ถึงทำท่าทีเหมือนรังเกียจสะใภ้แต่ก็ส่งยาบำรุงร่างกายฝากมาให้ไม่ได้ขาด คงกลัวว่าสองหมูตอนจะไม่ได้รับน้ำนมที่มีคุณภาพ อานิสงส์แห่งเจ้าก้อนซาลาเปาทำให้ลี่ชิงได้รับอาหารดี ๆ พร้อมยาบำรุงร่างกายไปด้วย
ลี่ชิงเดินไปส่องกระจกเป็นรอบที่ 5 แหวกสาบเสื้อมองดูอกขนาดใหญ่เบิ้ม สตรีให้นมบุตรหน้าอกใหญ่ขึ้นอีกแทบจะสองคัพ ร่างบางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจพลางก้มมองพุงกะทิที่ยังเหลืออยู่จากการคลอดบุตร พุงยุบลงไปมากแล้ว เพราะคุณป้าสมหญิงใช้ทฤษฎีและการปฏิบัติตนเรื่องการอยู่ไฟหลังคลอด ใช้ภูมิปัญญาที่เคยเรียนรู้มาจากภพก่อนมาดูแลรักษาร่างกายอันงดงามนี้ให้เปล่งปลั่งสวยวันสวยคืน เลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ อาบน้ำร้อนต้มกับสมุนไพร
นางให้สามีทำแคร่สำหรับอยู่ไฟให้ ถือเป็นสิ่งใหม่ในยุคนี้ แต่เฉินเซียวหลางก็มิได้ขัดข้อง เขาทำตามใจภรรยา หาถ่านไม้อย่างดีมาให้นางอยู่ไฟหลังคลอด เรือนร่างของลี่ชิงจึงเข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็ว
สาวน้อยขึ้นไปนั่งแหกขาอยู่บนเตียง เอากระจกมาส่องดูแผลน้องจิ๊มิ๊หรือเรียกว่าน้องโจ๊ะโม๊ะ แผลน้องโจ๊ะโม๊ะแห้งสนิทดีแล้วเหลือเพียงรอยจางๆ สีชมพูเข้ม ส่องดูผิวพรรณอันผุดผาดระเรื่อขาวอมชมพูของตนแล้วได้แต่อมยิ้ม
อูวววว ขาวสวยเหลือเกิน
ลี่ชิงหวีผมนุ่มสยายปล่อยยาวลงถึงกลางหลัง แหวกดูเรือนผมของตนก็ไม่เจอผมหงอกแม้แต่เส้นเดียว
ลี่ชิงถอดอาภรณ์ออกระหว่างรออาบน้ำ เหลือเพียงเอี๊ยมบางเบากับกางเกงสั้นกุดเสมอน้องสาว ก้าวขาเรียวยาวเดินไปที่กระจกโพสท์ท่าเหมือนนางแบบ ยืนขาออกมาด้านข้าง พ้อยท์เท้า เชิดหน้า จือปาก แขม่วพุงเล็กน้อย แล้วเดินสับขาเหมือนอยู่บนรันเวย์ ป้าสมหญิงในตอนนี้ยังไม่หายเห่อร่าง ยังส่องกระจกทุกวัน
ทุกครั้งที่มองร่างอ่อนวัยงดงาม วิญญาณสาวแก่ยิ่งมีความสุข ตอนนี้อยากเห็นเมนส์ของตัวเองอีกสักครั้ง จะได้ตอกย้ำว่าฉันยังสาวยังมีเมนส์นะ ...อายุเพียงสิบเจ็ดปีเหลือเวลาทำสิ่งที่อยากทำอีกมากนัก
เฉินเซียวหลางกลับมาก่อนเวลา เขามองลอดรอยแง้มบานหน้าต่างเข้าไป ลอบสังเกตอาการของลี่ชิง ร่างสูงแอบมองภรรยาอยู่หลังบานหน้าต่างเหมือนพวกถ้ำมอง ใบหน้าหล่อเหลาแดงซ่านเมื่อเห็นนางสวมเพียงชุดเอี๊ยมบางเบา
ภาพคืนหฤหรรษ์คืนนั้นที่เขาช่วยนางถอนพิษกำหนัดผุดขึ้นในจินตนาการ เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่างโดยเฉพาะส่วนกลางกายของบุรุษ ตั้งแต่ฟื้นมานางทั้งออดอ้อนน่ารัก ทั้งมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกลืนกินผิดกับลี่ชิงคนเดิมอย่างสิ้นเชิง
เขาเห็นนางเดินไปเดินมาด้วยท่วงท่าประหลาดอยู่ในห้อง ท่านั้นคือการหมุนแบบฟูลเทิร์นของป้าสมหญิงซึ่งเลียนแบบมิสยูนิเวิร์สคนหนึ่ง นางปล่อยผมสยาย มองเรือนร่างของตนในกระจก ท่าทางพึงพอในร่างกายของตนเป็นอย่างมาก
เฉินเซียวหลางแอบดูอยู่นาน วันนี้เขาซื้อรังนกมาตุ๋นให้นางอีกแล้ว เมื่อมีบุตรถึงสองคนเขายิ่งขยันค้าขายมากขึ้นเพื่อจะได้ซื้อของดี ๆ มาบำรุงภรรยาให้นมบุตร
เฉินเซียวหลางเป็นคนฉลาด เป็นหนึ่งในศิษย์เอกสำนักเฟยหลัว เขาสอบจอหงวนได้ลำดับที่หนึ่งแต่เขาไม่ได้ไปรายงานตัวช่วงที่บิดาป่วยใกล้ตาย บัญชีรายชื่อของเขายังคงอยู่อีกสองปีหากกลับใจอยากกลับไปรับตำแหน่งรับใช้ราชสำนัก
เฉินเซียวหลางคิดเรื่องนี้หลายครั้ง แต่เมื่อเขามีบุตร เขาอยากดูแลบุตรและภรรยามากกว่า เรื่องนี้จึงต้องพับเอาไว้ก่อน ทำมาหากินค้าขายไปตามอัตภาพ เขายื่นเรื่องรับรองตนไว้แล้ว หากภายในเวลาสองปีอาจเข้าไปรับตำแหน่ง
เสียงร้องอ้อแอ้ของทารกดังขึ้นจากเตียงทารก สาวใช้เสี่ยวหยุนเดินจากห้องนอนเล็กเพื่อมาเรียกลี่ชิงไปให้นมบุตร ครอบครัวสกุลเฉินแม้พอมีฐานะแต่ไม่ถือว่าร่ำรวยมาก ไม่ได้ล่ำซำถึงขนาดมีแม่นมเหมือนคนอื่นเขา ลี่ชิงจึงต้องให้นมบุตรเอง
เสี่ยวหยุนเดินออกมาจากห้อง เห็นคุณชายเฉินเซียวหลางแอบดูฮูหยินน้อยผ่านบานหน้าต่าง เสี่ยวหยุนถึงกับอมยิ้มกระแอมเบาๆ
"คุณชายมายืนทำอะไรตรงนี้รึเจ้าคะ เหตุใดไม่เข้าไปพบฮูหยินน้อย"
"ข้าไม่อยากรบกวนนาง ฝากรังนกนี้ตุ๋นให้นางด้วย"
"ไม่รบกวนหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยทำของขวัญไว้ให้ท่านด้วยเพื่อตอบแทนที่ท่านดูแลนางเป็นอย่างดี"
เฉินเซียวหลางหันขวับมาทันที เขานึกว่าตนหูฝาด
"เจ้าว่าอะไรนะ ของขวัญอย่างนั้นรึ" ร่างสูงเผลอยิ้มออกมา
"เจ้าค่ะ เชิญคุณชายด้านในก่อน" เสี่ยวหยุนนำห่อรังนกมาถือไว้ เอื้อมมือไปเคาะประตูห้อง
"ฮูหยินน้อย คุณหนูทั้งสองตื่นแล้วเจ้าค่ะ คงหิวนมแล้ว คุณชายเฉินมารอพบท่านอยู่หน้าห้อง"
"ให้สามีสุดหล่อของข้าเข้ามาได้เลย เขาเป็นคนพิเศษ" นางตะโกนออกมา
เฉินเซียวหลางเดินนำเสี่ยวหยุนเข้าไปในห้อง เสี่ยวหยุนถึงกับก้มหน้า แก้มแดงแปร๊ดเมื่อเห็นลี่ชิงสวมเพียงชุดเอี๊ยมบางเบากับกางเกงตัวสั้น
"เอ่อ...ให้ข้าออกไปก่อนดีหรือไม่" เสี่ยวหยุนทำท่ากระอักกระอ่วน
"ไม่ต้องหรอกมาช่วยข้าอาบน้ำเถิด เจ้าก็ช่วยปรนนิบัติข้าทุกวัน อายอันใดกัน"
"แล้วพี่เล่า" เฉินเซียวหลางหน้าแดงซ่าน กำลังลุ้นว่าจะถูกนางด่าตะเพิดไปหรือไม่
"ช่วยข้าถูหลัง อาบน้ำด้วยกัน" ลี่ชิงเดินไปคว้าเสื้อคลุมมาสวม เดินไปหยุดตรงหน้าเฉินเซียวหลาง
"ตกลง วันนี้พี่จะช่วยเจ้าอาบน้ำ ให้เสี่ยวหยุนไปทำงานอย่างอื่นเถิด"
"เช่นนั้นท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าไปให้นมลูกเสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน ส่วนสิ่งนี่ข้าทำให้ท่าน" ลี่ชิงยื่นกล่องกระดาษขนาดเล็กให้เขาใบหนึ่ง
เฉินเซียวหลางเปิดกล่องออกดูพบถุงหอมปักลายสงเมา (แพนด้า) เรียกได้ว่าเป็นถุงหอมสีฟ้าปักลายสงเมาที่ปักได้ขี้เหร่มาก ชายหนุ่มแอบยิ้มกับถุงหอมรูปแพนด้าหน้าเบี้ยว เขาผูกถุงหอมไว้ข้างเอว
"เจ้าทำถุงหอมให้พี่รึ ขอบใจมาก" เขาก้มมองถุงหอมปักลายสงเมาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ข้าไม่เคยปักผ้า มันยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ข้าจะหัดทำให้สวยกว่านี้ ปักให้ท่านใหม่ทุกเดือน" นางเอ่ยตอบ รีบเดินออกไปด้านนอกไปให้นมบุตรในห้องเล็กด้านข้าง
เฉินเซียวหลางลูบไปบนถุงหอมกลิ่นอ่อน ลายสงเมาหน้าเบี้ยวบนถุงหอมช่างน่าขบขัน แต่เขากลับยิ้มอย่างอบอุ่นหัวใจ
'สตรีใดให้ถุงหอมบุรุษ ถือว่าสตรีมีใจให้'
เฉินเซียวหลางได้แต่ยืนยิ้มหัวใจพองโต
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที