ลี่ชิงเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง หลังจากให้นมบุตรทั้งสองเสร็จก็มานั่งดูบุตรชายบุตรสาวหลับอยู่ในเตียงทารก ตอนแรกที่คลอดออกมาลี่ชิงคิดว่าลูกของตนช่างหน้าตาประหลาด ทั้งตัวเหี่ยวเหมือนคนแก่อายุ 80 แถมตัวยังย่นเป็นชั้น ผิวเป็นสีแดงเหมือนลูกหนู
นานวันเข้าผ่านมาเดือนกว่า เจ้าลูกหมูทั้งสองอ้วนขึ้นขาวขึ้นเหมือนถูกสูบลม น้ำนมจากเต้าใหญ่ขนาดดารา AV สามารถผลิตน้ำนมให้ลูกหมูดื่มจนอิ่ม
ลี่ชิงออกกำลังกายท่ากระชับหน้าอกไปด้วยหลังจากให้นมบุตร หน่มน๊มใหญ่ขนาดนี้ถ้าไม่ออกกำลังกายรั้งไว้ก็ยานโตงเตงกันพอดี
วิญญาณคุณป้าสมหญิงนั่งยิ้มตาลอยเฝ้ามองทารกกำลังหลับ เด็กน้อยทั้งสองตัวอ้วนขึ้นราวสองชั่ง จดจำเสียงของแม่และกลิ่นของน้ำนมแม่ได้ อีกทั้งเจ้าก้อนซาลาเปาทั้งสองยังจำเสียงคุณชายเฉินและท่านย่าได้เมื่อท่านพ่อกับท่านย่ามาเยี่ยม เจ้าเด็กอ้วนหันไปหาเสียงที่คุ้นเคย โดยเฉพาะตอนท่านย่าเล่นด้วย ทั้งสองทำเสียงอ้อแอ้อย่างออดอ้อน
ฮูหยินใหญ่มีนามว่าหลี่เฟย ท่านย่าของเจ้าลูกหมูมาเยี่ยมทุกวัน เวลาเช้าหรือเย็น นางมาเยี่ยมทารกมิได้ขาด หน้าเย็นชาเหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งปรายหางตามองลี่ชิงด้วยสายตาเรียบเฉย แต่มองทารกทั้งสองด้วยสายตาเปี่ยมรัก
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในเรือน ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยพร้อมสาวใช้อีกสองนางเดินเข้ามาที่เตียงทารก สกุลเฉินแม้มิได้ร่ำรวยแต่ก็มิได้แร้นแค้น สมบัติที่ผู้นำตระกูลเฉินทิ้งไว้ให้ก่อนตายถือว่าอยู่ได้อย่างสบายหากไม่ฟุ่มเฟือย
"คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ" ลี่ชิงยอบกายคารวะอย่างอ่อนช้อย ช้อนตามองฮูหยินใหญ่
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง น้ำนมมีพอให้ลูกดื่มหรือไม่" ฮูหยินใหญ่ถามด้วยเสียงกระด้าง
"น้ำนมมีเพียงพอเจ้าค่ะ ส่วนข้าสบายดี" ลี่ชิงยืนอย่างสงบเสงี่ยม ร่างบางเดินไปอุ้มทารกชายยื่นส่งให้ฮูหยินใหญ่
"เจ้าตั้งชื่อบุตรแล้วหรือยัง"
"ยังเจ้าค่ะ ข้ากับคุณชายเฉินอยากให้ท่านเป็นคนตั้งชื่อให้"
ฮูหยินใหญ่ทำหน้าแปลกใจ เมื่อก่อนลี่ชิงทำท่าต่อต้านหลี่เฟยเป็นอย่างมาก เหมือนมาอาศัยอยู่แบบไม่รู้จักบุญคุณ หลังคลอดลี่ชิงกลับเป็นสงบนอบน้อมจนฮูหยินใหญ่แปลกใจ
"ทารกชายข้าจะให้ชื่อว่าเฉินซี ทารกหญิงชื่อว่าเฉินเมี่ยวหลาน เจ้าว่าเป็นอย่างไร"
"ไพเราะมากเจ้าค่ะ" ลี่ชิงได้แต่พยักหน้า
"ข้านำโสมแดงมาให้เจ้าต้มดื่มบำรุงร่างกาย ดูแลบุตรให้ดี เด็กทั้งสองเป็นคนของสกุลเฉิน" นางปรายตามองลี่ชิง
"ขอบคุณฮูหยินใหญ่ เอ่อ..วันนี้ข้าทำขนมเค้กเฉาเหม่ยไว้ให้ท่านด้วย" ลี่ชิงนำเค้กผลเฉาเหม่ยที่อบจากเตาอบดินเผา ใส่กล่องอย่างสวยงามออกมาให้ฮูหยินใหญ่
"เค้กเฉาเหม่ยอย่างนั้นรึ ขนมอะไรกัน"
"ลองชิมดูนะเจ้าคะ ข้าอยากตอบแทนฮูหยินใหญ่บ้าง ท่านกับคุณชายเฉินดูแลข้าเป็นอย่างดี"
"ขอบใจ" ฮูหยินใหญ่หยิบกล่องขนมยื่นส่งให้สาวใช้ นางก้มลงหอมแก้มทารกทั้งสอง แล้วเดินออกไปด้านนอก
ณ เรือนหลานฮวา เรือนพักของฮูหยินใหญ่
หลี่เฟยเปิดกล่องขนมออกดู เค้กเนื้อนุ่มส่งกลิ่นหอม เค้กเฉาเหม่ยหรือเค้กสตรอเบอร์รี่ที่ป้าสมหญิงทำเองกินเองไปหลายก้อนทั้งนุ่มทั้งหอมน่ากิน เตาอบปั้นจากดินเผายิ่งอบเค้กได้หอมกรุ่น หลี่เฟยถึงกับน้ำลายไหลเมื่อมองขนมส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย
"ถ้าฮูหยินใหญ่ไม่อยากกิน ยกให้พวกข้าก็ได้นะเจ้าคะ จะทิ้งก็เสียดาย"
ซูหว่านกับปิงเหอสองสาวใช้ต่างชะเง้อคอมองขนมในกล่อง พวกนางรู้ดีว่าฮูหยินใหญ่รังเกียจฮูหยินน้อยแทบไม่มองหน้าเพราะแต่เดิมนั้นฮูหยินน้อยเป็นสตรีไร้มารยาท ไม่เคยทำความเคารพฮูหยินใหญ่สักครั้ง เดินหน้าเชิดผ่านไปอย่างไม่ไยดี
ลี่ชิงชอบกรีดร้องเอาแต่ใจ ซ้ำยังชอบขว้างปาข้าวของระบายอารมณ์ นิสัยน่าเอือมระอาเป็นอย่างมาก นางเคยบอกว่าหลังคลอดจะหนีไปอยู่ที่อื่น ทิ้งบุตรไว้ที่สกุลเฉิน
"ชิมดูเสียหน่อยก็แล้วกัน ตัดมาให้ข้าชิ้นหนึ่ง"
"เจ้าค่ะ"
สาวใช้ทั้งสองตัดขนมเค้กเฉาเหม่ยให้ฮูหยินใหญ่ พร้อมรินชาชั้นดีลงในจอกชา ฮูหยินใหญ่ตักเค้กกินคำหนึ่งพร้อมน้ำชา นางถึงกับทำตาโตแต่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว อยากร้องออกมาว่า "อื๊อออ อร่อย" แต่พยายามเก็บสีหน้าเอาไว้
"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"พอใช้ได้" นางตอบ
"ที่เหลือเล่าเจ้าคะ ให้ทำอย่างไร"
"เก็บไว้ให้ข้ากินทั้งหมด" ฮูหยินใหญ่ตอบสีหน้าเรียบเฉย สองสาวใช้ได้แต่ยืนกลืนน้ำลายทำหน้าผิดหวัง กลิ่นขนมเค้กช่างน่ากินจนทั้งสองอยากชิมดูบ้าง แต่ฮูหยินใหญ่บอกว่าจะเก็บไว้กินเองทั้งหมด
หลี่เฟยลุกจากโต๊ะกลางเดินเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ขนมเค้กครึ่งชิ้นเหลืออยู่บนจาน ทั้งซูหว่านกับปิงเหอแบ่งกันกินคนละคำ ทั้งสองอยากกรีดร้องกับความอร่อยสุดบรรยาย เค้กเนื้อนุ่มหวานหอม หวานอมเปรี้ยวนิดๆ ละลายในปาก อร่อยจนแทบลอยขึ้นสวรรค์
"อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินขนมอะไรอร่อยเช่นนี้เลย"
"ที่เรือนฮูหยินน้อยพอจะมีเหลืออีกมั้ยนะ"
"เจ้ากล้าขอหรือ"
"ไม่กล้าหรอก ฮูหยินน้อยอารมณ์ร้ายนัก ผีเข้าผีออก"
ลี่ชิงยืนอยู่ด้านนอกได้ยินบทสนทนาของสาวใช้ทั้งสอง นางเดินออกมาจากข้างประตู
"พวกเจ้านินทาข้ารึ"
"ปละ เปล่าเจ้าค่ะ พวกข้ากำลังชื่นชมรสชาติขนมที่ท่านทำว่าอร่อยยิ่งนัก"
"พวกเจ้าไปที่เรือนหลีฮวา ขนมยังเหลืออีกสองก้อน ข้าให้พวกเจ้าหนึ่งก้อน"
"ขอบคุณฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ" สาวใช้คารวะขอบคุณ ทั้งสองรีบวิ่งไปที่เรือนหลีฮวา เสี่ยวหยุนกำลังนั่งกินขนมเค้กอย่างเอร็ดอร่อยอยู่หน้าเรือน สองสาวใช้ได้ขนมเค้กก้อนเล็กมากินด้วยกัน
กลิ่นขนมอบลอยกรุ่นจากเตา เฉินเซียวหลางกลับมาบ้านในยามเซิน ร่างเล็กวิ่งเข้ามาหาเขา พร้อมโอบเอวสามี
"ข้าอบขนมไปให้ฮูหยินใหญ่กับแบ่งสาวใช้กิน ท่านลองชิมดู"
"ขอบใจเจ้ามาก" เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"หลังกินขนมเสร็จพาข้าไปดูที่ดินมรดกเน่าด้วยล่ะ"
"ตามใจเจ้า ร่างกายแข็งแรงแล้วรึจะออกไปตะลอนข้างนอก"
"เจ้าค่ะ ข้าสบายดีแล้ว ส่วนลูกๆ กำลังหลับ"
ลี่ชิงดึงมือเฉินเซียวหลางเข้าไปในห้องนั่งเล่นในเรือนหลีฮวา นางรินชาให้สามี เขาส่งตั๋วเงินให้นางใบหนึ่งเป็นตัวเงิน 100 ตำลึงเงิน
"พี่ให้เจ้าไว้ใช้จ่าย"
"ขอบคุณท่านพี่" นางลุกขึ้นคารวะเขาเลียนแบบท่าทางพวกนางเอกซีรีส์จีน
"คารวะอย่างเต็มพิธีการถึงเพียงนั้นเชียวรึ" เขาเอ็นดูนาง
"เจ้าค่ะ ท่านถือเป็นผู้มีพระคุณ ดูแลข้า ดูแลลูกข้า"
"ทั้งสองเป็นลูกของเรา" เขามองอย่างสื่อความหมาย
"ท่านกินขนมดีกว่า อ้ามมมมม" ลี่ชิงเขินแรง ตักเค้กป้อนเขา พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเจอสายตาวาบหวามเมื่อเขาพูดว่าลูกของเรา
นี่เขาอาจคิดถึงขั้นตอนการเสกเด็กเข้าท้องนางอยู่ สายตาอบอุ่นปนหื่นกามฉายชัดในแววตาคมดุคู่นั้นจนลี่ชิงต้องหลบตา
สายลมพริ้วอ่อนยามเย็น ลี่ชิงตักเค้กป้อนสามี หน้าเรือนมีสาวใช้กำลังนั่งกินขนม สาวใช้อีกสองนางอุ้มทารกแฝดออกมารับลมยามเย็น ทุกคนพูดคุยกันพร้อมเสียงหัวเราะ ฮูหยินใหญ่ยืนมองภาพนั้นจากทางหน้าต่าง
บนต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลกันนัก มีบุรุษหน้าตายด้านกำลังยืนมองภาพนั้นด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์
แม่ทัพเหวินซูยืนมองภาพครอบครัวของลี่ชิงพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ เขานึกถึงเรื่องพิษกำหนัดในวันนั้น..
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที