เถ้าแก่ใหญ่เองก็เหงื่อตกฝ่ามือ"คนอื่นห้ามแทงมั่วซั่ว แต่คุณหนูพวกเราทำได้ ไม่ใช่สิ คุณหนูของพวกเราเองก็ไม่ได้แทงมั่วซั่ว นางกำลังรักษาอาการป่วย" ไป๋หู่เอ่ยขึ้น"พ่อครัวซุนถ้าหากเกิดตายขึ้นมา นั่นจะไม่ใช่ความผิดของนางหรอกหรือ?" โหวผิงเอินหัวเราะเย็นชาขึ้นมาพูดตลกอะไร หญิงสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบคนนี้น่ะหรือเป็นหมอเทวดา?สืออีตอบอย่างไม่ต้องคิด "ถ้าท่านพูดแบบนี้ หลังจากนี้ป่วยจนตายไปก็ไม่มีหมอใหญ่คนไหนกล้ามารักษาให้หรอก""เจ้าพูดว่าใครจะป่วยตาย?!"โหวผิงเอินโมโหขึ้นมา นี่ไม่ใช่กำลังแช่งเขาหรือ?ตอนที่เขากำลังจะถลกแขนเสื้อ องค์ชายสองก็กดบ่าเขาไว้ "โหวผิงเอิน ใจเย็นๆ อย่าบุ่มบ่าม"โหวผิงเอินหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านองค์ชายสองน้องสาวเขาแม้จะเป็นพระชายาคนโปรด แต่เสด็จแม่ขององค์ชายสองเองก็เป็นพระชายาคนโปรดเช่นกัน ยิ่่งไปกว่านั้นมีความรักกับองค์จักรพรรดิมาตั้งแต่เยาว์วัยด้วยองค์จักรพรรดิโปรดปรานพระชายาหมิ่น แต่ก็ยังเคาระต่อเสด็จแม่ขององค์ชายสองอยู่พอสมควรองค์ชายสองพูดออกมาแล้ว คนทั้งหมดจึงไม่กล้าขยับ ล้วนยืนอยู่ที่นี่มองดูฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตคน"เจ้าว่า นางถูกพวกเราจ้องมองเ
ฟู่จาวหนิงตอนค่ำยังต้องเข้ามาให้ยาน้ำกับพ่อครัวซุนอีกยิ่งไปกว่านั้นยังต้องตรวจสอบส่วนสมองของเขาให้ละเอียดอีกด้วย"ท่านตอนนี้นอนให้สบายเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก"ฟู่จาวหนิงพูดพลางเดินเข้ามา มองไปทางเถ้าแก่ใหญ่เถ้าแก่ใหญ่ตอนนี้พอมองนางก็รู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นผู้วิเศษนอกโลก อ่อไม่สิ เหมือนกับเซียนมากกว่า"มีคนที่ละเอียดรอบคอบไหนไหม ต้องมาคอยดูแลอยู่ข้างๆ เขา คอยจับตาดูสถานการณ์เขาตลอดเวลา""มีมีมี ภรรยาของพ่อครัวซุนเป็นคนละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมาะที่สุดด้วย ข้าให้คนไปตาสะใภ้ซุนเข้ามาแล้ว""ดี รอนางมาถึงแล้วบอกข้าหน่อย ข้ามีเรื่องที่ต้องระวังกำชับกับนาง""ใช่ๆๆ"เถ้าแก่ใหญ่ฟังคำนางโดยสัญชาตญาณ ในตอนนี้สิทธิ์อำนาจและแรงกล่อมที่ฟู่จาวหนิงแสดงออกมานั้นแกร่งมาก"เถ้าแก่ใหญ่ เถ้าแก่ใหญ่ แล้วเห็ดวิญญาณพวกนั้นจะทำอย่างไรดี?"มีพ่อครัวอีกคนถามขึ้นอย่างร้อนรนเห็ดวิญญาณ คือเห็ดที่มีเฉพาะในภูเขาบางลูกของต้าชื่อเท่านั้น เห็นชนิดนี้หายากมาก เติบโตก็ช้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแค่ในช่วงเวลาสนี้ ผลผลิตน้อยถึงน้อยมาก หายากเอามากๆ ด้วยตอนนั้น นายท่านฮั่วของหออันดับหนึ่งใช้เห็ดชนิดนี้มาทำ
"เขาตอนนี้ต้องนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน ลุกขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ลุกมาได้ก็ยังทำงานไม่ได้""ใครให้หน้าเจ้ามากันเนี่ย? เห็นว่าตัวเองหน้าตาดูดีหน่อย เจ้าก็คิดว่าตัวเองมาขวางข้าได้แล้วหรือ? แค่แทงคนไปไม่กี่ที ก็คิดว่าตนเองเป็นหมอเทวดาแล้วหรือ?"โหวผิงเอินกำหมัดตั้งท่าจะฟาดไปทางนาง"โหวผิงเอิน!"องค์ชายสองก็ตาไวคว้าข้อมือเขาไว้พวกไป๋หู่ก็ตั้งท่าจะลงมือแล้ว"จะลงมือกับหญิงสาวคนหนึ่งได้อย่างไรกัน? จะว่าไป นางเองก็เป็นหมอใหญ่จริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพ่อครัวซุนพูดออกมาได้แล้วเมื่อครู่?"องค์ชายสองขวางเตือนโหวผิงเอินไปด้วย มองฟู่จาวหนิงไปด้วยเขารู้สึกสนใจตัวฟู่จาวหนิงเสียแล้วทั้งๆ ที่รู้จักตัวตนฐานะของพวกเขาทางนี้ แต่ก็ยังเยือกเย็นอยู่ได้นางไม่ใช่คนต้าชื่อ แต่น่าจะไม่ใช่พวกองค์หญิงท่านหญิงอะไรด้วย เพราะตัวตนฐานะเช่นนี้ไม่น่าจะแอบหนีมาต้าชื่อเงียบๆ แล้วยังไม่เผยตัวตนฐานะของตัวเองออกมาอีกยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองเองก็เชื่อมั่นว่าสายตาตนเองไม่พลาดคุณหนูราชวงศ์ บนตัวเองจะมีความหยิ่งทะนงอยู่บ้าง เป็นสิ่งที่เพาะบ่มมาตั้งแต่ยังเล็กแต่ฟู่จาวหนิงบนตัวไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่กลับมีความเชื่อมั่น
กระทั่งเถ้าแก่หออันดับหนึ่งก็ยังลิงโลดขึ้นมา"ผู้อาวุโสตู้ ได้โปรดช่วยด้วย..."เขายังพูดไม่จบ ผู้อาวุโสตู้ก็ยกมือขวาขึ้นทุกคนมองเห็นว่ามือขวาของเขามีสามนิ้วพันผ้าอยู่ ตกตะลึงไปทันที"ขอโทษด้วย ข้าหลายวันก่อนไม่ทันระวังทำมือโดนลวก จับมีดไม่ไหว" ผู้อาวุโสตู้บอกราวกับน้ำเย็นถังหนึ่ง ราดลงไปบนหัวเถ้าแก่ใหญ่เขาจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ"แต่ว่า ถ้าหากข้าฝานเห็ดวิญญาณให้พวกเจ้า แล้วมีประโยชน์อะไรกัน?" ผู้อาวุโสตู้กลอกตา"ไม่ใช่ว่าฝานไม่ได้หรอกหรือ?"เสิ่นเสวียนพูดต่อ "ถ้าหากฝานได้ ผู้อาวุโสตู้ยังช่วยปรุงได้ด้วย เห็ดเชียนเสวี่ยที่ทำออกมาไม่มีทางด้อยกว่าพ่อครัวซุนแน่ ถึงตอนนั้น คนที่ฝานเห็ดได้ครึ่งชั่ง ผู้อาวุโสที่ปรุงได้อีกครึ่งชั่ง อย่างนี้เป็นอย่างไร?"พวกเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้จองเห็ดเชียนเสวี่ยไว้ แต่เสิ่นเสวียนเห็นฟู่จาวหนิงมาที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องลองชิมเสียหน่อย โอกาสหาได้ยากมาก"ได้!"เถ้าแก่ใหญ่ตบลงโต๊ะ จากนั้นก็บอกกับคนอื่นว่า "แขกทุกท่าน ถึงตอนนั้นก็จะเหลือให้เจ้านายของพวกเราแค่ครึ่งชั่ง และเฉลี่ยให้กับทุกท่นาที่จองไว้อีกประมาณครึ่งชั่ง ปริมาณลดลงประมาณคำหนึ่ง เช่นนี้ได้ไหม?
ฟู่จาวหนิงมองเสิ่นเสวียน จากนั้นก็มองผู้อาวุโสตู้ พวกเขาล้วนพยักหน้าให้กำลังใจนาง"เช่นนั้นข้าจะลองดู""สนใจแค่นั้นพอ" ผู้อาวุโสตู้เอ่ยขึ้นคนตระกูลฮั่วยังกล้ามาหาเรื่องนางอีกที่ไหน? เขาในอดีตสามารถมอบอาหารจานนี้ให้คนตระกูลฮั่วไปเปิดหออันดับหนึ่ง จึงสามารถสนับสนุนให้อีกฝ่ายใช้คำว่าอันดับหนึ่งได้ถึงได้กำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงพยักหน้า และไม่มีการอิดออดอีก ล้างมือหยิบมีด มือหนึ่งก็ล้วงเห็ดวิญญาณออกมาฝานทีละดอกคนข้างๆ หลายคนยังเห็นว่านางดูไม่ค่อยคุ้นมือหน่อยๆ ด้วยแต่ไม่รอให้คนอื่นต้องมาสงสัย การเคลื่อนไหวของนางก็เร็วขึ้นแล้วมีดเล็กเล่มนั้นรวดเร็วจนทำให้คนมองไม่ออกว่าฝานลงไปแล้วหรือไม่!เห็ดนี้ต้องฝานหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งว่ามองแล้วก็เหมือนยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี แต่พอแช่ลงไปในน้ำจะบานแผ่ออกมา ลอยเป็นกลีบใสๆ หลายกลีบ มองแล้วเหมือนดอกไม้บนหิมะดอกหนึ่ง เบาบาง ขาวสะอาด ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มฟู่จาวหนิงฝานไปหนึ่งดอก วางใส่ในอ่างหยกขาวอีกอ่าง เห็ดนั้นก็บานออกมาช้าๆ แผ่เป็นกลีบๆ สวยงามไร้ที่ติในของเถ้าแก่ใหญ่แทบจะกระโจนหลุดออกมา เขาเกือบจะอุทานส่งเสียง แต่ก็กลัวไปรบกวนฟู่จา
ทำไมต้องพูดให้สมจริงจขนาดนั้น?"จริงนะ ข้าลงมีดบนตัวคนได้ดียิ่งกว่าเสียอีก" ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างจริงจัง "เฉือนหนังก็ได้ หรือจะแยกเสื้อเลือดชีพจรออกจากเนื้อหนังก้ได้เหมือนกัน""โอ๊ก..."โหวผิงเอินถึงกับสำรอกแห้งๆ ออกมาพลังจินตนาการของเขาดีเกินไปแล้ว ถึงกับถูกไม่กี่คำง่ายๆ ของนางวาดภาพขึ้นโครงพวกนั้นออกมาได้พอคิดถึงภาพพวกนั้น ท้องไส้เขาก็ปั่นป่วนไปหมด"เจ้าเป็นผู้หญิงจริงไหมนั่น?" เขาถอยออกไปอีกก้าว"อืม ข้าเป็นแน่นอนสิ ดังนั้นวิชามีดของข้าถึงได้อ่อนโยน ท่านโหว ลองดูไหม?" บนหน้าฟู่จาวหนิงยังมีรอยยิ้มอีกด้วยท่าทีนางเช่นนี้ทำเอาโหวผิงเอินมองแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างผิดปกติตอนนี้ยังสนอีกที่ไหนว่านางสวยหรือไม่สวย "สาวงามอสรพิษ เจ้ามันสาวงามอสรพิษ! โหวอย่างข้าไม่รู้จักหญิงสาวชั่วร้ายอย่างเจ้า!"โหวผิงเอินหมุนตัวจะหนีหลังจากขึ้นหอเจ้าพวกเพื่อนหมาๆ ของเขาก็อดถามขึ้นไม่ได้ "ท่านโหว พวกเราปล่อยไปแบบนี้หรือ?""ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไร?" โหวผิงเอินสีหน้าขรึม "ที่สำคัญสุดก็คือ พวกเจ้าไม่เห็นหรือ องค์ชายสองต้องตานางไปแล้ว พวกเราจะไปแย่งคนจากองค์ชายสองก็ไม่ได้"คนอื่นพอได้ยินถึงองค์ชา
พวกของฟู่จาวหนิงเองก็อยู่ในห้องชั้นสูงห้องหนึ่งเสิ่นเสวียนพอปรากฏตัว เถ้าแก่ใหญ่ก็จัดเตรียมให้พวกเขาเถ้าแก่ใหญ่ยังยกเห็ดเชียนเสวี่ยสองจานเข้ามาให้ด้วยตนเอง เอ่ยขอบคุณและขอโทษกับฟู่จาวหนิงขึ้นมาพร้อมกัน"แม่นางฟู่ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตอนแรกพอเห็นพวกท่านกับโหวผิงเอินปะทะกัน พวกเราก็ไม่ได้เข้าปกป้อง ต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ""เถ้าแก่ใหญ่น่าจะปกป้องไม่ไหวน่ะ เรื่องนี้ไม่โทษท่านหรอก""ไม่ๆๆ เดิมทีควรจะเข้าขวางโหวผิงเอินเอาไว้อย่างสุดกำลัง ทำให้แม่นางฟู่ต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมไปจริงๆ"เถ้าแก่ใหญ่พูดพลางแอบมองไปทางเสิ่นเสวียน จากนั้นก็มองไปทางผู้อาวุโสตู้ ลูบเหงื่อที่หน้าผากด้วยสัญชาตญาณเสิ่นเสวียนเลิกหนังตา"เถ้าแก่ใหญ่น่าจะยังมีเรื่องอะไรพูดอีกกระมัง?""ท่านเสิ่น เรื่อง เรื่องนี้เดิมทีไม่ควรเผยออกมาจากข้า ท่านรู้ว่านายท่านฮั่วเป็นเจ้านายของข้า แต่ตอนนี้พอเห็นท่าน ถ้าไม่พูดขึ้นมาข้าก็รู้สึกไม่ได้จริงๆ"เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก้มหน้าไม่กล้ามองเสิ่นเสวียน "นายท่านก่อนหน้านี้แอบกำชับกับพวกข้าไว้ ห้องชั้นสูงนี้ปกติจะเก็บไว้เพื่อตระกูลเสิ่น แต่ แต่ถ้าหากเจอกับคนหรือว่าเรื่องอะไร จะ
แต่นายท่านฮั่วไม่ได้ทำเช่นนี้เสิ่นเสวียนเดิมทีก็เป็นคนฉลาดอยู่แล้ว ไม่รู้เสียที่ไหนว่านายท่านฮั่วความคิดเปลี่ยนไปแล้ว?เกรงว่าหลังจากนี้ตระกูลฮั่วคงจะถูกเสิ่นเสวียนขีดเส้นคั่นไปแล้ว"ท่านเสิ่น เรื่องนี้ เรื่องนี้..." เถ้าแก่ใหญ่เองก็ฟังออกถึงความเด็ดขาดจากคำพูดของเสิ่นเสวียน รู้สึกถึงความไม่สู้ดี"เรื่องในวันนี้..."เสิ่นเสวียนยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จาวหนิงก็ต่อมาว่า"เรื่องในวันนี้ก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนฝีมือของข้าก็แล้วใช่ไหม? คงไม่ได้มาคิดเงินกับพวกเราหรอกนะ?""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? จะมาคิดเงินกับพวกท่านได้อย่างไร? ไม่มีไม่มี"คำพูดของฟู่จาวหนิงกลับยังพูดไม่จบ "ข้าแค่สงสัย เถ้าแก่ใหญ่ เรื่องนี้ท่านน่าจะไม่ใช่คนตัดสิน แต่ว่าข้าก็อยากจะพูดให้มันชัดเจนหน่อย""แม่นางฟู่ ท่านพูดได้เลย"เถ้าแก่ใหญ่รู้สึกไม่ค่อยสู้ดีขึ้นอีกครั้ง"วันนี้เป็นเพราะข้ากับท่านปู่อาใช่ไหม ที่ทำให้เห็ดเชียนเสวี่ยของพวกท่านไม่เสียเปล่า? ยิ่งไปกว่านั้นแขกพวกนั้นเองก็ไม่ได้ทำให้แขกพวกนั้นต้องมาผิดใจด้วยถูกไหม? ก่อนหน้านี้ข้าเห็นพวกเขาขุ่นเคืองกันเสียขนาดนั้น""ใช่ๆๆ""พูดได้ว่า พวกเราไม่ใช่แค่มาช่วยเหลือ แต่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ