ตอนที่หลิวหั่วกับไป๋รื่อกระโจนออกไป ขณะเดียวกันชั้นบนกับฝั่งตรงข้ามก็มีเงาหลายร่างบินแฉลบออกไป ไล่ตรงไปยังทิศทางวังจักรพรรดิองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้คงยังไปไม่ถึงวังจักรพรรดิ น่าจะเจอการลอบทำร้ายตรงช่วงระหว่างทางข้างหน้านี้เองฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปด้านนอก ยื่นหน้าออกไปมอง เห็นเข้ากับร่างของซือถูไป๋และยังมี...เซียวหลันยวน!นางกตะตลึง แต่ก็ก่อนหน้าที่จะมีปฏิกิริยา ร่างกายของนางก็มีการเคลื่อนไหวนำสมองไปแล้ว ยื่นมือไปกดที่ราว กระโจนตัวปีนราวลงไป"ท่านลุงข้าจะไปดูเสียหน่อย!"ไป๋หู่กับสืออีสือซานตะลึงพรึงเพริด และรีบตามออกไปด้วย"ระวังหน่อยนะ!" เสิ่นเสวียนร้องขึ้นอย่างตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงเลยว่าฟู่จาวหนิงเองก็จะตามออกไปด้วย นี่มันชั้นสองนะ นางเป็นคนที่ไม่มีวิชาตัวเบา แล้วทำไมถึงยังกระโดดตามออกไปแบบนี้?"คุณหนู!" เสี่ยวชิ่นตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ยื่นหัวออกไป ฟู่จาวหนิงร่อนลงพื้นอย่างมั่นคง จากนั้นก็มุดเข้าไปในกลุ่มคนราวกับปลาหางพริ้วไหว พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วดูท่าก่อนหน้านี้ตอนที่เบียดตัวเข้ามา คุณหนูจะยังไม่ได้สำแดงพลังที่แท้จริงของนาง"มองเห็นใครกันนะ?" เสิ่นเสวียนขมวด
"ช่วยด้วย!"มีคนไม่น้อยกรีดร้องขึ้น มีคนล้มลงไปบนพื้นถูกทับถูกเบียด ไม่สามารถปีนตัวลุกขึ้นมาได้ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเสียงกรีดร้องเหล่านี้ ใจก็เต้นผาง รู้สึกถึงความไม่ถูกต้องขึ้นทันทีคนที่ตะโกนประโยคเมื่อครู่ นางฟังเสียงไม่ออก แต่น่าจะไม่ใช่เซียวหลันยวนกับซือถูไป๋"ออกไปทางข้างๆ!" นางบอกกับสืออีตอนนี้นางจึงได้ยินเสียงของเซียวหลันยวน ใช้กำลังภายในส่งเข้ามา "ห้ามเบียดผลัก! คนทั้งหมดยืนอยู่กับที่ชั่วคราวก่อน ใครก็ห้ามเบียดทั้งสิ้น!"เซียวหลันยวนนั่นเองซือถูไป๋ตอนนี้จึงไล่ตามมาอยู่ข้างๆ องค์หญิงใหญ่ และซัดอาวุธลับเล่มหนึ่งที่พุ่งตรงมายังองค์หญิงใหญ่ได้พอดีเสียงดังเคร้งมีประกายไฟเล็กๆ แลบออกมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลิกม่านออก มองดูเขาตาแดงก่ำ"องค์หญิงใหญ่โปรดระวังด้วย!"ซือถูไป๋โบกกระบี่ แทงไปทางคนชุดดำทีกคนหนึ่งที่กระโจนเข้ามามีคนคิดจะลอบสังหารองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นในสถานที่คึกคักขนาดนี้ด้วยหรือ!"อ๊า!" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นอาวุธลับหลายเล่มพุ่งตรงมาทางซือถูไป๋ ก็ร้องตกใจขึ้นมาทันที "ท่านระวังด้วย!"กระบี่ยาวในมือซือถูไป๋แลบประกายกระบี่แทงไปยังอาวุธลับหลายเล่มที่ตรงเข้ามาพ
นักฆ่ามีทั้งที่ถูกสังหาร มีทั้งที่หนีไป และยังมีอีกหลายคนที่ถูกจับไว้แล้วฟู่จาวหนิงมุดตัวมาถึงจุดเกิดเหตุเหยียบกัน ได้ยินเสียงร้องระงมเสียงร้องไห้ของคนมากมาย จึงรีบพาคนเข้าช่วยเหลือเซียวหลันยวนตอนนี้ถึงได้เห็นนางยังไม่เห็นหน้าของนาง แค่เห็นนางวิ่งออกไป นั่งยองลงมาสำรวจประชาชนที่ล้มลงกับพื้น เขาก็มองออกทันทีว่าเป็นนางเขารีบกระโจนตัวลงมา วิ่งไปอยู่ข้างกายนาง"กระดูกซี่โครงเขาหักแล้ว กระจายคนรอบๆ ออกไปก่อนอย่าเพิ่งขยับตัวเขา""เด็กคนนี้ขาถูกเหยียบจนบาดเจ็บ อุ้มเขาขึ้นไปยังที่ที่ปลอดภัยก่อน ลองหาพ่อแม่ของเขาดู""เดี๋ยวก่อนคุณชาย ท่านป้าคนนั้นอย่าเพิ่งไปแตะต้อง! ขอข้าดูก่อน!" ฟู่จาวหนิงเข้าไปช่วยคนโดยไม่เงยหน้าขึ้น "อวัยวะภายในฉีกขาดเสียแล้ว..."ข้างกายนาง ไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนมารวมกันตั้งแต่เมื่อไร ล้วนฟังคำพูดนางที่กำลังช่วยชีวิตคนคนเหล่านั้นเสื้อผ้าไม่ค่อยเหมือนกัน น่าจะต่างฝ่ายต่างเข้ามา"แม่นางรีบมาเร็ว ลุงคนนี้ไม่หายใจแล้ว!""แม่นาง ทางนี้!"เซียวหลันยวนยังไม่ทันมีโอกาสเข้าไปพูดกับฟู่จาวหนิง ข้างหูก็ได้ยินเสียงคนเหล่านั้นร้องเรียกฟู่จาวหนิงเขายืนอยู่ที่นั่น มองฟู่จาวหน
"ท่านวางข้าลงได้แล้ว ข้าเดินเองได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงบอกกับเซียวหลันยวน อุ้มนางมาตลอดทางแบบนี้ พอกลับมาถึงยังไม่วางลงอีก?เซียวหลันยวนพูดกับเสี่ยวชิ่นว่า "นำทาง"เสี่ยวชิ่นรีบไปนำทางด้านหน้า"เซียวหลันยวน อีกเดี๋ยวมือเป็นตะคริวอย่ามาโทษข้านะ" ฟู่จาวหนิงบีบเสียงต่ำ"วางใจ ไม่โทษเจ้าหรอก ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นเสียด้วย""อ๋องเจวี้ยน คุณหนูของพวกเราพักอยู่ที่นี้ ข้าน้อยจะไปชงชามาให้"เสี่ยวชิ่นพูดจบก็รีบถอยออกไปนางตอนนี้ยังคงกลัวเซียวหลันยวนอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถเผยความหวาดกลัวต่อหน้าเขาได้ เพื่อไม่ให้นางต้องถูกเขาโยนออกไปอีกต่อให้ที่นี่จะเป็นสถานที่ของเสิ่นเสวียนก็ตามพอเห็นท่าทางเสี่ยวชิ่นเหมือนหนีไปแบบนี้ ฟู่จาวหนิงก็ถลึงตามองเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนวางนางลงบนเก้าอี้"เท้าเคล็ดหรือเปล่า? ขอข้าดูหน่อย""ไม่ต้อง ข้าบอกไปแล้วว่าก่อนหน้านี้วิ่งเร็วไปหน่อยจนไม่มีแรง ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว...เซียวหลันยวน!!"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างตกตะลึงเขาคุกเข่าลงตรงหน้านาง จับข้อเท้านาง ให้นางวางเท้าไว้บนหัวเข่า มืออีกข้างก็ช่วยนางถอดรองเท้า"อย่าขยับ ให้ข้าดูหน่อย"เซียวหลันยวนดึ
"มีอะไรก็พูดมา""เช่นนั้นข้าน้อยขอถามท่านหน่อย? คืนนี้ท่านจะนอนพักในห้องพระชายาไหม? พระชายาจะให้ท่านออกมาหรือเปล่า?" ชิงอีถามขึ้นอย่างคาดหวังเซียวหลันยวนชะงักไปที่ถามแบบนี้ เหมือนว่าเขากลายเป็นพวกกาฝาก จนต้องอ้อนวอนให้ฟู่จาวหนิงเก็บเอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้นอย่าคิดว่าเขาฟังไม่ออก ชิงอีกำลังถามว่าเขาจะถูกฟู่จาวหนิงเตะออกมาหรือเปล่าใช่ไหม แล้วถ้าถูกเตะออกมาจริงๆ เกียรติของเขาในบ้านตระกูลเสิ่นคงหมดสิ้นป่นปี้พอดีถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ของเสิ่นเสวียนถึงตอนนั้นถ้าอาเขยท่านอ๋องคนนี้ไม่ยอมรับขึ้นมา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?ปัญหาก็คือ เซียวหลันยวนตอนนี้เองก็ไม่กล้ายอมรับ ว่าคืนนี้ฟู่จาวหนิงจะเตะเขาออกไปหรือไม่"ท่านอ๋อง พวกของไป๋หู่จัดห้องหับให้ข้าน้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยกับพวกหลานหรงจะเว้นเตียงไว้เตียงหนึ่งแล้วกัน เผื่อคืนนี้พระชายาไม่ให้ท่านอยู่ด้วย ท่านก็แอบไปที่ห้องของพวกข้าน้อยก็ได้" ชิงอีเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังอากาศก็เย็นแล้ว ถ้าตอนกลางคืนท่านอ๋องถูกพระชายาถีบออกมา คงไม่ค่อยดีถ้าจะให้บ้านตระกุลเสิ่นจัดห้องนอนอีกห้องให้ แล้วถ้าไม่มีผ้านวมกับเตาถ่าน ท่านอ๋องก็อยู่ไม
เซียวหลันยวนลังเลว่าจะไปช่วยนางเช็ดผมดีหรือไม่ ฟู่จาวหนิงเช็ดไปครู่หนึ่งก็ขี้เกียจเสียแล้ว จึงลุกขึ้นไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันด้านใน ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนถูกขนนกมาสะกิดเบาๆนางเหมือนไม่ได้เลี่ยงเขา ขนาดเขาอยู่ในห้อง นางก็ยังเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย..."เจ้าเช็ดผมให้แห้งสิ ประเดี๋ยวลมกลางคืนพัดมาจะเป็นหวัดเอานะ" เขาพูดไปด้านในห้องฟู่จาวหนิงยังไม่ตอบเขาขี้เกียจจะพูดแล้วฟู่จาวหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมา เซียวหลันยวนพอมองไปก็พบว่านางดันใส่เสื้อผ้าของผู้ชายไปเสียแล้ว"นี่เจ้า?""ท่านลืมคำพูดของท่านลุงข้าแล้วหรือ? ไม่ใช่บอกว่าให้แปลงโฉมง่ายๆ หรือ? ข้าตอนนี้ก็แค่จะแต่งหญิงเป็นชายท่านมองไม่ออก?"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา น่าจะรอให้พวกทหารเข้ามาตรวจก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ แต่เมื่อครู่นี้นางก็สกปรกจนทนไม่ไหวเหมือนกันสายตาเซียวหลันยวนตกอยู่ที่หน้าอกนาง แค่เหลือบผ่านไป ใบหูก็ร้อนวาบขึ้นมาเดิมทีนางก็พอมีขนาดอยู่นะ ตอนนี้ทำไมถึงราบลงไปตั้งขนาดนี้? ดูท่าจะพันไว้แน่นมาก หายใจออกหรือ?"ท่านสวมชุดแบบนี้ แล้วยังสวมหน้ากากอีก แค่มองมาคนก็จำได้แล้ว
"อีกเดี๋ยวถ้านายท่านเองจะต้องตกใจสะดุ้งโหยงแน่" เสี่ยวชิ่นเอ่ยขึ้น "นายท่านเชิญคุณหนูกับท่านอ๋องไปทานข้าวเจ้าค่ะ""ได้ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"ฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมือ "มาช่วยข้ามัดผมหน่อย""เจ้าค่ะ"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นตอนที่พวกนางกำลังจะออกประตูไป "ข้าไม่ไปแล้วกัน ให้คนส่งอาหารอ่อนๆ มาให้ก็พอ"เสี่ยวชิ่นตกตะลึงฟู่จาวหนิงหันไปมองหน้ากากของเขา โมโหขึ้นมาทันที"ได้ แล้วแต่ท่านเลย"นางพาเสี่ยวชิ่นเดินออกประตูไประหว่างทางเท้าก็เหยียบตึงๆๆ เหมือนจะระบายอารมณ์หน่อยๆเสี่ยวชิ่นรีบตามมา แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก นางแค่มองก็รู้ ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่อยากจะปลดหน้ากากลงมากินข้าวนางกระทั่งรู้สึกว่าทำแบบนี้คือถูกต้องแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าเดี๋ยวนายท่านเห็นหน้าของอ๋องเจวี้ยนเข้า อาจจะกินไม่ลงก็ได้นางเองก็ไม่รู้ว่านายท่านกับคุณหนูเคยเห็นใบหน้าใต้หน้ากากอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง"เสี่ยวชิ่น"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เรียกนางเสี่ยวชิ่นสะดุ้งโหยง เสียงสั่นขึ้นมา "อ๋า? คุณหนู?"เพราะว่ากังวล นางกลัวว่าฟู่จาวหนิงจะมองออกว่าตนเองกำลังคิดอะไรฟู่จาวหนิงเดิมทีโมโหจนรีบเดิน ตอนนี้ฝีเท้าช้าลงหน่อยแล้วทำไมนางพอเจอเซ
"ไม่ใช่ ข้าเป็นคนที่แต่งงานกับเขาเอง""แต่งกับเขาเอง?""ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเดิมทีก็ไม่ได้หน้าตาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเขาโดนพิษเล่นงานมา ดังนั้น หลังจากนี้เจ้าห้ามพูดถึงใบหน้าเขากับคนอื่นนะ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องแสดงท่าทีให้เป็นปกติมากที่สุด แล้วห้ามมาพูดกับข้าเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรนี่ด้วย เข้าใจไหม?"ฟู่จาวหนิงฟังความหมายของเสี่ยวชิ่น ก็เหมือนพูดว่านางแต่งกับเซียวหลันยวนแล้วน่าเวทนาน่าสงสารมากเสียอย่างนั้น แล้วยังรู้สึกว่านางทุกคนอยู่กับเซียวหลันยวนคงจะหวาดกลัวมาก จึงรีบกำชับกับเสี่ยวชิ่นอย่างเข้มงวดขึ้นมาเสียรอบหนึ่ง"เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว"เสี่ยวชิ่นยังกล้าเสียที่ไหนยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูหลังจากฟังการบรรยายของนางแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณหนูสมแล้วที่เป็นคุณหนู ถ้าเป็นนางคงจะทำไม่ได้แน่ๆพอมาถึงเรือนหน้า เสิ่นเสวียนเห็นแค่นางเข้ามา จึงเผยสีหน้าเข้าใจ"ส่งอาหารค่ำของอ๋องเจวี้ยนเข้าไป" เขาบอกกับคนใช้"ขอรับ"ฟู่จาวหนิงนั่งลงตรงข้ามเสิ่นเสวียน "ท่านลุง ท่านเดาไว้แล้วใช่ไหมว่าเขาจะไม่มากินข้าว?"นี่เตรียมการไว้แล้วอย่างเห็นได้ชัด"มองออกน่ะ" เสิ่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ