"สถานที่นี้ หลายปีก่อนหน้าก็ไม่ได้ปิดบังเขา เขาต้องเคยไปจะต้องไปหาที่บ้านหลังอื่นาาแล้วแน่ๆ ถึงได้มาที่นี่"ตอนนั้นเขาป่วยจนไม่ไหวแล้ว จึงไม่อยากจะปิดบังท่านอารอง เพราะตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าถ้าตนเองป่วยตาย พอแม่กับบ้านตระกูลเสิ่นจากสามารถไหว้วานให้บ้านสอง ให้พวกเขาช่วยคิดหาวิธี ไม่ปล่อยวางเรื่องที่จะช่วยพี่ใหญ่กลับมาแต่ตอนนี้..."จาวหนิงปลอมโฉมเสีย อย่าให้คนจำได้ก็พอ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ถ้าอย่างนั้นให้ข้าพานางหลบไปก่อน""กลัวแค่ว่า..." จะไม่มีประโยชน์ยังไม่ทันพูดว่าไม่มีประโยชน์ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะลอดเข้ามาแล้ว มีคนรีบตรงเข้ามาทางนี้"อาเสวียน! แม่นางฟู่!"เสียงท่านอารองเสิ่นดังลอดเข้ามา เขายังดูร้อนรนมากด้วย จังหวะก้าวทั้งหนักทั้งเร่ง"ท่านผู้เฒ่ารองท่านเข้าไปไม่ได้..." เสียงของไป๋รื่อดังลอดเข้ามาด้านนอก แล้วยังมีเสียงคนอีกหลายคนเตือนขึ้นมา"เขามาถึงแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นท่านอารองเสิ่นนางรู้จัก อายุก็มากแล้ว ร่างกายก็ผอมโซ สีหน้าเองก็ดูไม่ค่อยดี ดูท่าองครักษ์ด้านนอกพอเห็นเขาก็คงไม่กล้าจะขวางจริงๆ หรอกถ้าเผื่อไปกระแทกตรงนั้นตรงนี้เข้าจะทำอย่างไรกัน?ดังนั้นพอความ
"อาเสวียน เจ้าพูดอะไรออกมากัน? ไม่เข้าใจความพยายามของข้าเลยหรือ?"ท่านอารองเสิ่นถอนใจเสียงหนัก ทำท่าเตรียมจะพูดคุยดีดีกับพวกเขา"ท่านมีอะไรต้องพยายามกัน?"คำพูดนี้ของเสิ่นเสวียนดูประชดประชันหน่อยๆ แต่ว่าท่านอารองเสิ่นก็ฟังไม่ออก เสิ่นเสวียนยังไม่อยากจะแยกตระกูลเสิ่นออก หลักๆ คือเวลายังไม่เหมาะสม ตอนนี้ถ้ามาตัดขาดทางใครทางมัน เกรงว่าพวกเขาจะทำตัวเป็นสุนัขจนตรอกกันเขาเองยังมีบางเรื่องที่ทำไม่เสร็จ จึงคิดจะให้คนเหล่านี้อยู่กันนิ่งๆ ก่อนแต่ตอนนี้พวกเขากลับทำตัวเหมือนหมาจนตรอกขึ้นเสียแล้ว คิดจะลงไม้ลงมือกับฟู่จาวหนิง"ตระกูลเสิ่นของพวกเราตอนนี้มีสถานการณ์เช่นไรห เจ้าเองก็รู้ สวนตระกูลเสิ่นตอนแรกก็จะส่งให้พวกข้า แล้วป้ายชื่อคำว่าสวนตระกูลเสิ่นนั่นองค์จักรพรรดิรุ่นก่อนก็ทรงเขียนให้ด้วยตนเอง ตอนนั้นคนทั้งต้าชื่อล้วนกำลังคิด ว่าใครเองก็ไม่โดดเด่นเท่านั้นบ้านตระกูลเสิ่นของพวกเรา"ท่านอารองเสิ่นถอนหายใจเคร่งขรึมออกมา"องค์จักรพรรดิรุ่นที่แล้วยังมีรับสั่ง ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ก็ห้ามบุกรุกเข้ามายังสวนตระกูลเสิ่นค้นบ้านจับคน สวนตระกูลเสิ่นเป็นสิ่งที่เหล่าประชาชนต้าชื่อรู้สึกว่ายอดเยี่ยมมาโ
ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเล่นตลก"ไม่ใช่หรือไร? เจ้าเองก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เห็นบอกว่าแต่งงานแล้วด้วย แต่เจ้าก็มาพักอยู่บ้านคนอื่นตัวเดียวนานขนาดนี้ เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อเจ้าลงกัน? ดังนั้นเจ้าก็ต้องช่วงชิงตัวตนฐานะออกมา หลังจากนี้หากต้องแต่งงานจริง เจ้าก็ยังสามารถเลือกสามีที่ดีได้ กระทั่งว่ายังมีความสามารถที่จะสนับสนุนตนเอง จนไม่ต้องถูกบ้านสามีกดขี่หัวเอาไว้ด้วย"คนบางคนจากบ้านสามี: เขาไปกดขี่หัวหนิงหนิงตั้งแต่เมื่อไรกัน?"ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่พิจารณาเพื่อข้าอย่างละเอียดขนาดนี้" ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาเสียจริงให้ตายเถอะ ถ้าไม่บอกนางก็ไม่รู้เลย ว่าท่านอารองจะคิดแทนนางเสียขนาดนี้ นี่คิดไปถึงวันข้างหน้าแล้วด้วย"เจ้าตอนนี้อยู่กับอาเสวียน ก็ถือว่าพึ่งพาอาเสวียนอยู่ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ข้าตอนนี้ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่น จะไม่คิดแทนพวกเจ้าได้อย่างไรกัน? คุณชายน้อยขอผิงเหอกงคนนี้ ถ้าพูดเรื่องตัวตนฐานะก็ถือว่าสูงส่งอยู่ ตอนนี้หมอใหญ่ตั้งมากมายก็ยังรักษาเขาไม่ได้ นี่เป็นโอกาสของเจ้าแล้ว""ถ้าเจ้าตอนนี้รักษาองค์ชายได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่สามารถได้ทั้งชื่อเ
ท่านอารองเสิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปในพริบตาหลานชายสองคนของเขานั้นมีพรสวรรค์อยู่ แต่เพราะการเรียนแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาให้หมอฉงคอยสอนพวกเขา แล้วยังเตรียมจะหาหมอมีชื่อคนอื่นให้พวกเขาอีกด้วยก็นั่นล่ะ งานประชุมหมอใหญ่ครั้งนี้ เขาเองก็คิดจะพาหลานสองคนนี้ไปเข้าร่วมอยู่ ถ้าถึงเวลาแล้วสามารถถูกหมอมีชื่อในงานประชุมหมอใหญ่รับเป็นศิษย์ได้ด้วย นั่นก็จะแตกต่างไปทันทีหลังจากนั้นค่อยไปหาพวกหนังสือสะสมบางส่วนของบ้านตระกูลเสิ่น จะต้องมีอยู่หลายเล่มที่เป็นคัมภีร์ยาที่ไม่เคยปรากฏในโลกมาก่อนเเป็นแน่ จากนั้นก็ให้พวกเขาค้นคว้าสักสองปี บานของเขาก็จะมีหมอเลื่องชื่อปรากฎขึ้นสองคนแล้ว!หมอเลื่องชื่อที่อายุยังน้อย อนาคตจะสดใสเสียขนาดไหนกัน!แต่ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เอ่ยถึงหลานชายสองคนนี้ขึ้นมา แล้วจะให้พวกเขาไปยุ่งกับการรักษาโรคประหลาดของลูกชายผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่อีก แล้วถ้าหากรักษาไม่ได้ขึ้นมา อาจจะถูกองค์หญิงใหญ่สังหารทิ้งก็ได้นี่!"ฟู่จาวหนิง เรื่องนี้เอามาพูดตลกกันได้ด้วยหรือ? เจ้าเป็นหมอ พวกเขายังไม่ใช่เสียหน่อย..."ท่านอารองยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ตัดบทเขาขึ้นมา "ยังไม่ใช่หมอแต่แค่เรียนมาก
"เจ้าๆๆ! เสิ่นเสวียน! เจ้าพาใครมากันนี่ นางๆๆ กล้าสาปแช่งข้า!" ท่านอารองเสิ่นโมโหจนหน้ากลายเป็นสีตับหมูไปแล้ว ชี้มาทางฟู่จาวหนิง กระทั่งมือยังสั่นเทา"ท่านอารอง ท่านพูดอะไรกัน? จาวหนิงไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย นางเป็นคนที่ว่าง่ายรู้เรื่องมาโดยตลอด"เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"เจ้าไม่ได้ยินหรือ?""ไม่นี่ ข้าได้ยินแต่นางบอกว่าจะแบ่งโอกาสครึ่งหนึ่งให้กับลูกพี่ลูกน้องสองคน ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ถ้าจาวหนิงไปที่จวนผิงเหอกง ข้าจะพาลูกพี่ลูกน้องสองคนนั่นส่งไปด้วย ควรจะให้โอกาสพวกเขาเสียหน่อย จะไม่ให้ไม่ได้"เสิ่นเสวียนพูดจบก็บอกพวกของหลิวหั่ว "ส่งแขก เรือนนี้เล็กเกินไป คนมาอยู่เยอะไม่ได้"เขาพาฟู่จาวหนิงหันกลับเข้าประตูไป ไม่สนใจท่านอารองเสิ่นอีก"เสิ่นเสวียน! เจ้าถูกนางล่อลวงสติสตังไปแล้วใช่ไหม? เจ้าทำไมถึงเป็นแบบนี้กับนาง? เจ้าทำไมถึงกล้าไล่ข้าเพื่อนางกัน? เสิ่นเสวียน ในใจเจ้ามีความกตัญญูอยู่บ้างไหม?""ซ่า!"น้ำเย็นถังหนึ่งสาดเข้ามา สาดลงไปบนตัวเขา จนลูกตาเลอะไปหมดแล้วในวันฤดูใบไม้ร่วงแก่ๆ ใกล้เข้าฤดูหนาวแบบนี้ น้ำถังหนึ่งพอสาดเข้ามาก็เย็นวาบไปถึงหัวใจเลยท่านอารองเสิ่นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที"
"อ๊า! เจ็บๆๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว!"ท่านอารองเสิ่นคิดจะกอดเข่า แต่มือพอแตะโดนก็ยิ่งเจ็บ เขาเจ็บจนร้องออกมาอย่างเวทนาคนขับรถไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป จึงรีบพาเขาตรงไปที่พัก ที่นั่นมีคนจากบ้านสองของตระกูลเสิ่นอยู่หลายคนพวกเขาล้วนรอข่าวดีที่ท่านอารองจะนำกลับมาแต่คิดไม่ถึงว่าที่รออยู่กลับเป็นคนที่สลบไสลไปแล้ว"เกิดอะไรขึ้น?""คุณท่านสลบไปแล้ว! เหงื่อแตกไปทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมดเลย!"พอเห็นสภาพท่านอารองเสิ่นที่ถูกบีบคั้น คนของบ้านสองก็หน้าถอดสีกันหมด"เร็ว รีบไปเชิญหมอมา!"แต่หมอใหญ่ที่วิชาแพทย์ดีที่สุดในสมองพวกเขาคือฟู่จาวหนิงท่านผู้เฒ่าบ้านสองรีบกระชากเสื้อคนขับรถ "เกิดอะไรขึ้น? เล่ามาให้ละเอียด!"รอจนคนขับรถเล่าเรื่องราวออกมาตะกุกตะกักจนหมด สีหน้าของคนบ้านสองก็ดำเหมือนหมึกขึ้นมา"มีหลักการแบบนี้ด้วยหรือ! ฟู่จาวหนิงช่างกล้านัก!""เสิ่นเสวียนยังปกป้องนางอีกด้วย ยอมให้ผู้ติดตามของนางลงมือทำร้ายผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่นขนาดนี้?""ดูท่า เสิ่นเสวียนจะสงสัยพวกเราเข้าแล้ว ไม่ได้มีจิตใจเช่นเดียวกับพวกเรา"สีหน้าคนบ้านสองซับซ้อนขึ้นมา มองหน้ากันไปมา"ฟู่จาวหนิงดูท่าจะโหดเหี้ยมเอา
หลังจากนี้เขาจะรู้สึกได้ถึงสุขภาพแข็งแรงของคนทั่วไปเป็นครั้งแรกแล้วว่าเป็นแบบไหนพอคิดถึงจุดนี้นางก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาหน่อยๆหลายปีมานี้ใช้ชีวิตมาไม่ง่ายเลยจริงๆ"หนิงหนิง ขอบคุณเจ้ามาก"น้ำเสียงเซียวหลันยวนติดสะอื้นหน่อยๆฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "หลังจากนี้ก็ดีกับข้าหน่อยล่ะ""แน่นอน""ยินดีด้วยอ๋องเจวี้ยน" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นมาแล้ว เลิกกอดกันเสียทีได้ไหม?เซียวหลันยวนตอนนี้จึงปล่อยตัวฟู่จาวหนิง เขาหมุนตัวไปทางเสิ่นเสวียน เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ท่านลุงอย่าได้ห่างเหินนักเลย เรียกข้าว่าอายวนก็พอแล้ว"ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้เลย?แต่เสิ่นเสวียนก็ไม่เกรงใจเช่นกัน "เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าอายวน""ขอรับ ท่านลุง""มาพูดเรื่องของผิงเหอกงหน่อย" เสิ่นเสวียนนวนคิ้ว "ตอนนี้ที่ลำบากสุดก็คือการที่ฝ่าบาทจะรับมือกับตระกูลเสิ่น ฟุ่จาวหนิงอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นมาตลอด ผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่ทั้งสองคนถึงเวลาเกรงว่าจะทำไม่ดีกับนาง"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นอย่างสงบ"ดังนั้น หนิงหนิงจึงไม่ต้องไปด้วยตัวตนฐานะของบ้านตระกูลเสิ่น""อื๋อ?"เสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงมอง
ฟู่จาวหนิงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ยังตัดสินใจว่าจะไปอยู่หนึ่งคือนางเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอาการป่วยของลูกชายผิงเหอกงจริงๆ สองคือ ถ้าหากอีกฝ่ายบุกเข้ามาเชิญจริงๆ ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ซ้ำยังกำลังเป็นช่วงสำคัญที่สุดในการรักษาใบหน้าด้วย นางไม่อยากให้เรื่องมาบานปลายใหญ่โต ถึงตอนนั้นจะดึงเขาลำบากไปด้วย"แล้วก็ เพื่อเสิ่นเสวียนด้วย"ตระกูลเสิ่นตอนนี้กำลังลำบาก เสิ่นเสวียนเองก็ยิ่งลำบากองค์จักรพรรดิต้าชื่อคอยรับมือกับตระกูลเสิ่นอยู่เช่นนี้ หลังจากนี้เกรงว่าคงจะไม่เหลือเส้นทางไว้ให้ครอบครัวของเสิ่นเสวียนอีกแล้วนอกจากตัวเสิ่นเสวียนเองที่พยายามต่อต้าน จุดที่นางช่วยได้ก็ต้องทำให้เต็มที่แล้วก็พฤติกรรมสังหารหมอที่รักษาลูกชายไม่ได้ขององค์หญิงใหญ่ ครอบครัวนั้นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร แต่ ถ้าหากนางรักษาคุณชายน้อยได้ล่ะ อย่างน้อยก็คือว่าบีบผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่ไว้ได้แล้ว หลังจากนี้อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศัตรูกันยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญที่สุดคือ นางสามารถยืมจุดนี้สร้างชื่อได้ ถึงตอนนั้นก็เป็นไปได้มากว่าจะสามารถใช้เส้นสายที่นางชิงมาได้ในต้าชื่อเข้าสนับสนุนเสิ่นเสวียนในเมื่อคิดจะไปยังจวน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ