เสื้อผ้าของเขายังไม่ได้เปิดขึ้น พอเห็นว่าบนตัวมีผ้าขาวพันไว้หนา หน้าอกเองก็ยังพันเอาไว้บนหัวโกนไปเล็กน้อย พันผ้าไว้ด้วยฮูหยินหลินมองสภาพของเข้าก็ร้องไห้ขึ้นมา "หมอเทวดาฟู่ เขา เขา...""หัวของเขาถูกกระแทกอย่างแรง ทำการผ่าตัดเล็กๆ ไปแล้ว แผลที่หน้าอกก็ลึกมาก อวัยวะภายในบาดเจ็บจนเลือดคั่ง ดูดออกมาแล้ว ก่อนหน้าที่จะสลบเป็นไปได้มากว่าถูกมัดแล้วตีทำร้าย แต่ว่าตอนนี้เขายังเคลื่นอย้ายไปไหนมาไหนไม่ได้ พวกท่านถ้าคิดจะพาเขากลับไป ต้องระมัดระวังอย่างมาก ต้องทำแคร่มาคอยแบกยก"ฟู่จาวหนิงเอาส่วนใหญ่บอกกับแม่สามีลูกสะใภ้แล้ว"ไม่ใช่บอกว่า แค่ล้มตกลงมาจากหน้าผาในเขาหรอกหรือ? ทำไมถึงถูกมัดแล้วเฆี่ยนตีได้กัน?" ฮูหยินร้องไห้จนเงยหน้าไม่ขึ้นฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงพบว่าพวกเขายังไม่รู้ว่าแผลของหลินต๋าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เกิดจากคนกระทำ"แผลที่หน้าอกเขา ก็น่าจะเกิดจากคนกระทำด้วย แม้สิ่งที่ทำร้ายจะเป็นเถาวัลย์หนาม แต่ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ กำลังแตกต่างกัน บาดแผลก็แตกต่างกัน""ใครกันแน่ที่มาทำร้ายลูกๆ ของบ้านเรา ต๋าเอ๋อร์ของพวกเราปกติแม้จะเกเรบ้าง แต่ก็ไม่ได้ไปทำเรื่องที่ร้ายแรงอะไรนี่นา!""คืนนี้ยังต้องสัง
ใครจะมาเป็นพ่อแม่คนที่สองให้ท่านกัน?ฟู่จาวหนิงมองชายกลางคนร่างใหญ่ตรงหน้า พูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง"รองผู้บัญชาการหลิน ท่านเองก็อายุใกล้จะสี่สิบแล้วกระมัง? ท่านมองหมอเทวดาฟู่ดีดีสิ คนเขาเพิ่งจะอยู่วัยหนุ่มสาว..." ผิงเหอกงเองก็พูดไม่ออกคนเขาเป็นหมอเทวดาอายุยังไม่ทันยี่สิบ ดอกไม้ที่เพิ่งจะเบ่งบาน แล้วจะให้มาเป็นพ่อแม่คนที่สองชายตัวเขื่องอย่างท่านเนี่ยนะ?ให้ตายเถอะ เขารังเกียจแทนฟู่จาวหนิงขึ้นมา"เอ่อ! หมอเทวดาฟู่ท่านอายุน้อยเพียงนี้เชียว?!"รองผู้บัญชาการหลินเงยหน้าขึ้น ตอนนี้จึงเพิ่งได้เห็นหน้าตาฟู่จาวหนิงชัดๆเขาเองก็งงงันไปแล้วฟู่จาวหนิงยิ่งพูดไม่ออก นี่เมื่อครู่เขายังไม่ทันจะมองนางเลย ก็โขกหัวตึงตึงตึงสามครั้งเสียแล้ว"รองผู้บัญชาการหลินรีบลุกขึ้นเถิด"ฮูหยินหลินใหญ่เองก็ยังไม่ทันเห็นลูกชายของตน นางก้มหน้ารองไห้มองหลานชายบนเตียง ในใจรู้สึกยิ่งซาบซึ้งกับฟู่จาวหนิงลูกชายคนนี้ร่างใหญ่โต แล้วยังดูดุร้ายด้วย กว่าจะเลี้ยงดูหลานให้ดูดีเช่นนี้ ถ้าต้องมาตายจากไป นางคงไม่มีนางไปพบสามีแล้วรอจนรองผู้บัญชาการหลินฟังเรื่องทั้งหมดจบ ในใจก็หวาดผวาขึ้นมาเขาขอบคุณฟู่จาวหนิงอีกหลายคร
ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องที่ต้องระวังกับพวกเขาอย่างละเอียด จากนั้นจึงออกจากจวนตระกูลหลิวนางขี่ม้าของจวนผิงเหอกงมา เซียวหลันยวนกลับใช้วิชาตัวเบาเข้ามา ตอนนี้ขากลับจึงขี่ม้ากลับพร้อมนางผิงเหอกงขี่ม้าตามอยู่ด้านหลัง ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วเขายังไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงยังจะไปรักษาขาให้เซี่ยนอันไหมแต่เขากลับรู้สึกว่าชายหนุ่มสวมหน้ากากที่วิทยายุทธ์สูงส่งคนนี้ไม่ควรเข้าไปยั่วโมโห จึงไม่กล้าเอ่ยขึ้นตรงๆยังดีที่ฟู่จาวหนิงกลับไปที่เรือนผิงเหอกงก่อนไป๋หู่กับเสี่ยวชิ่นขับรถม้าไปรับจวนผิงเหอกง เตรียมรับตัวฟู่จาวหนิง"ข้าไปรักษาให้คุณชายน้อยเหอก่อนเดี๋ยวกลับมา" ฟู่จาวหนิงลงจากรถม้า บอกกับเซียวหลันยวน "ท่านจะกลับไปก่อนไหม?""ข้าจะรอเจ้า""คุณชายเองก็เข้ามาด้วยเถิด ข้าจะให้คนนำน้ำชามาให้!" ผิงเหอกงรีบต้อนรับคนเข้าไปองค์หญิงใหญ่รอพวกเขาอยู่นานแล้ว พอเห็นฟู่จาวหนิง นางก็รีบเดินเข้ามาตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ"เจ้าไปที่ไหนมากัน? ทำไมไปทั้งครึ่งค่อนวัน! เชิญเจ้าให้มาช่วยรักษาขาของอันเอ๋อร์ แต่เจ้ากลับวิ่งไปสนใจคนอื่นทำไม? เจ้าเป็นหมอของอันเอ๋อร์ แล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เจ้า..."ผิงเหอกงคิดไม่ถ
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "อืม ยังไม่ตายชั่วคราว"เหอเซี่ยนอันน้ำตาไหลอาบลงมา"ดีจริงๆ หลังจากนี้รอให้พวกเขาหายดี ข้าจะต้องให้พวกเขามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้"ฟู่จาวหนิงนึกถึงตอนที่รองผู้บัญชาการหลินโขกศีรษะตึงๆๆ วันนี้ขึ้นมา "ไม่ต้องหรอก"นางไม่ได้มีงานอดิเรกที่จะต้องให้คนมาโขกศีรษะให้ส่งเดชแบบนั้นพอรักษาครั้งที่สองให้กับเหอเซี่ยนอัน ปฏิเสธการเลี้ยงอาหารอย่างอบอุ่นของผิงเหอกง ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนก็ขึ้นรถม้ากลับไป"คุณหนู นายท่านบอกว่า ทางนั้นมีคนมากมายรู้จักแล้ว ให้ย้ายไปพักอีกที่หนึ่ง ของไว้จะย้ายตามไปให้"ฟู่จาวหนิงเลิกม่านออกมอง ไม่ได้กลับไปยังเส้นทางเรือนนั้นจริงๆนางเองก็ไม่ได้ใส่ใจ"สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินก็พาไปด้วยแล้ว ไม่ต้องกังวล" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหลานหรงบอกกับเขาไว้แล้วพวกเขาจะต้องตามไปด้วยแน่เดิมทีที่นั่นพวกของท่านอารองก็รู้จัก ไม่ได้ปลอดภัยเอาเสียเลย ใครจะรู้ว่าตอนไหนจะพาคนเข้าไปหาอีก?ฟู่จาวหนิงพอนึกถึงคนป่วยที่อยู่ในมือตอนนี้ ก็ถอนหายใจออกมา"คิดไม่ถึงว่าแค่ครู่เดียวก็จะต้องมารักษามากถึงขนาดนี้"นางยังคิดว่าพรุ่งนี้จะดึงเอาของประหลาดนั่นออกมาจากหัวของฟู่จิ
"ดีเลย"เสิ่นเสวียนเปลี่ยนที่พักมาอีกแห่ง ครั้งนี้คือเรือนที่ไม่เด่นสะดุดตาในซอยที่ค่อนข้างเงียบสงบมืดสลัวเส้นหนึ่งสวนคะนึงหลังจากเข้าประตูมาจึงพบว่า ด้านในยังใหญ่กว่าเรือนเดิมระดับหนึ่งเซียวหลันยวนหลังจากเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสงบเยือกเย็นรอบๆ"ที่นี่ท่านลุงจัดวางองครักษ์ลับไว้ไม่น้อย" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงต่ำกับฟู่จาวหนิงเดินมาไม่กี่ก้าวไป๋รื่อก็ออกมาต้อนรับเซียวหลันยวนมองการก้าวเดินเข้ามาของเขา สายตาขรึมลงเล็กน้อย"คุณหนูจาวหนิง อาเขย เชิญตามข้ามา"ไป๋รื่อมาพาพวกเขาเข้าไป แล้วยังกำชับให้เดินตามเขาด้วยเซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิงพูดขึ้นมาก็แปลก แม้จะเห็นทางเดินปูด้วยหินเรียบง่าย มีต้นไม้ดอกไม้สูงเท่าคนอยู่สองฝั่ง แต่พอเดินขึ้นมากลับรู้สึกสับสน"ที่นี่วางค่ายกลประตูพิเศษไว้" เซียวหลันยวนพูดบาๆ ข้างหูฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจพอตรงหน้าสว่าง หอสองชั้นหอหนึ่งก็ปรากฏขึ้น"เอ๋? ที่นี่ดูใหญ่โตกว่ามากเลย""คุณหนู อาเขย นายท่านกำลังรอท่านข้าวเย็นกับพวกท่าน""ท่านลุงยังไม่กินอีกหรือ? ค่ำขนาดนี้ยังทนหิวรอพวกเราได้อย่างไรกัน?" ฟู่จาวหนิงรีบดึงเซียวหลันยวนเ
เสิ่นเสวียนเชื่อใจเซียวหลันยวนแล้วจริงๆอันที่จริงเซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาด"ข้าคิดว่าท่านลุงอย่างน้อยก็คงรอให้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินหายดี ตรวจสอบความจริงจนชัดเจนเสียก่อน"พอยืนยันว่าเรื่องในครั้งนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขา และเขาจะไม่ล้างแค้นอีกจึงค่อยหันมาเชื่อใจเขาแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินยังไม่ทันหายดี เขายังมีท่าทีเป็นศัตรูกับสามีภรรยาตระกูลฟู่อยู่ เสิ่นเสวียนกลับเชื่อใจเขาขึ้นมาแล้ว"น่าจะเพราะท่านลุงตรวจสอบอะไรเจอเข้ากระมัง?" ฟู่จาวหนิงคาดเดา"ก็ไม่แน่ ท่านลุงเองถ้าตรวจสอบพบอะไรเข้า จะต้องพูดออกมาแล้วแน่นอน ไม่จำเป็นต้องมาปิดบังพวกเรา""นั่นก็..."ฟู่จาวหนิงก็ไม่เข้าใจขึ้นมาเหมือนกันว่าเพราะอะไรพอเห็นท่าทางสงสัยของนาง เซียวหลันยวนเองกลับเข้าใจขึ้นมาแล้วเขาหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา"ท่านลุงนี่มันจิ้งจอกเฒ่าชัดๆ""อื๋อ?""ท่านลุงแบท่าทีของเขาออกมาแล้ว คือจะบอกกับข้าว่า เขาเชื่อใจตัวข้า เชื่อว่าถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเจอกับอะไร ข้าจะไม่ระบายความโกรธ จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับความรักระหว่างเรา"เสิ่นเสวียนใช้สิ่งนี้มาบอกกับเขา ไม่ว่าอย่างไร ท่าทีของตระกูลเสิ่นก็แสด
สวนคะนึงเป็นสถานที่ที่หรูหราไปทุกส่วนสัดจริงๆ ตอนแรกสุดพวกเขายังมองไม่ออก ที่เข้ามาในซอยยาวลึกเงียบสงบก็มองไม่ออกเอาเสียเลย ว่าในนี้จะมีสวนคะนึงใหญ่ขนาดนี้อยู่ด้วยฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ ว่าซอยที่เงียบสงบนี้ก็เหมือนจะมีค่ายกลประตูพิเศษอยู่ด้วยกระมัง ไม่น่าจะใช่สถานที่ที่ใครก็บุกเข้ามาได้"เครื่องนอนในนี้เป็นของที่ตากใหม่ทั้งหมด อบกลิ่นสนไว้จางๆ เสื้อผ้าในชั้นกำแพงล้วนเป็นของใหม่ทั้งหมด คุณหนูกับอาเขยสามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบ น้ำในเตาทองแดงบนเตาถ่านก็ค่อนข้างร้อน ตอนที่ดื่มคุณหนูกับอาเขยโปรดระวังด้วย"เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา "ประตูทางขวาด้านในหากเดินเข้าไปจะมีน้ำพุร้อนอยู่ คุณหนูกับอาเขยสามารถอาบน้ำที่นั่นได้ หากมีเรื่องให้ข้าน้อยรับใช้..."ฟู่จาวหนิงตาเป็นประกายน้ำพุร้อน?ใช้แบบที่นางคิดนั่นหรือเปล่า? น้ำพุร้อนในร่ม? ไม่ใช่กระมัง หรูได้ขนาดนี้เชียว!"ไม่ต้องแล้ว พวกเจ้าไปเถอะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยต้องการให้สาวใช้มาปรนนิบัติข้างกาย และรู้ว่าตอนฟู่จาวหนิงอาบน้ำก็ไม่ต้องการเช่นกัน ดังนั้นจึงปฏิเสธไปตรงๆเสี่ยวเยว่พยักหน้า "เช่นนั้นข้าน้อยขอพาเสี
ตัวฟู่จาวหนิงไหลลงไปในน้ำเซียวหลันยวนตกตะลึง รีบเข้าไปอุ้มนางขึ้นมาพออุ้มขึ้นมา ก็เหมือนจะมีปฏิกิริยาอยู่บ้าง เหมือนเปลือกตาจะเผยอเล็กน้อย น่าจะเพราะพอเห็นเขาจึงปิดลงไปอีกนางยังขดตัวเข้ามาในอ้อมกอดเขา เสียงก็งึมงำเหมือนละเมอ"อายวน ข้าง่วง"ไม่เคยได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับเขามาก่อน ดูออดอ้อนเสียเหลือเกิน แค่สี่คำนี้ก็ทำเอากระดูกของเซียวหลันยวนอ่อนยวบไปแล้วเดิมทีเขาที่เลือดกำลังพล่านไปทั้งตัว ตอนนี้ใจก็อ่อนลงมาเสียอย่างนั้นนางคงเหนื่อยแล้วจริงๆแล้วเขายังคิดอย่างป่าเถื่อนอีกว่าตอนที่อาบน้ำด้วยกันจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องตื่นเต้นเร้าใจอีก"เจ้านอนเถอะ" เสียงทุ้มต่ำของเขาปลอบมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปลดเสื้อผ้าที่เปียกของนางออก หยิบชุดคลุมนอกสะอาดที่อยู่ข้างๆ มา จากนั้นก็อุ้มนางไปบนเตียงเขาไปหยิบชุดมาชุดหนึ่งจากตู้ที่กำแพง เปลี่ยนให้กับนางอย่างเบามือที่สุดฟู่จาวหนิงก็เหมือนรู้ว่าเป็นเขา จึงไม่ได้ขัดขืน แล้วยังให้ความร่วมมือด้วย เพียงแต่ง่วงหนักมาก กระทั่งหนังตายังหนักจนลืมไม่ขึ้นเซียวหลันยวนตั้งแต่เล็กจนโตเคยทำเรื่องอย่างการปรนนิบัติคนเช่นนี้เสียที่ไหน?แ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ