ทั้งสองคนมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงมองดวงตาพวกเขาเพ่งสมาธิได้แล้ว ดวงตาไม่มีปัญหา สมองเองก็ไม่มีผลกระทบอะไรตอนที่นางมอง น้ำตาของเสิ่นเชี่ยวก็ไหลอาบคลอเบ้าอีกครั้ง ร่วงผลอยลงมา"ตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง? เวียนหัวไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"มึน แต่ก็ยังพอทนไหว""ปวดล่ะ?""นิดหน่อย""ลองขยับแขนขาดู ดูว่าตรงไหนที่ขยับไม่ได้ดั่งใจบ้าง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินร้องไห้ไปด้วยพลางฟังคำนางไปด้วยเสิ่นเสวียงมองฉากนี้ไม่รู้เพราะอะไรถึงอยากจะหัวเราะออกมา ทั้งสองคนตอนนี้เหมือนกับเด็กๆ ที่เชื่อฟังเลย คำสั่งหนึ่งก็ทำตามทีหนึ่งแต่เขาก็ยังคงปวดใจเซียวหลันยวนเม้มปากมองฟู่จาวหนิงเขาขี้เกียจจะมองคู่สามีภรรยานั่น คิดอยากจะมองดูว่าฟู่จาวหนิงดูสงบจริงๆ หรือไม่สะกดความเสียใจเอาไว้เขาคิดไม่ออกเลย ว่าตอนนี้เขาไม่มีความคิดเรื่องล้างแค้นอีกแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เอาล่ะ ดูท่าจะไม่เป็นไรแล้ว อาการมึนหัวกับเจ็บแผลเป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้ต้องนอนอยู่บนเตียงให้มากหน่อย"ฟู่จาวหนิงหลังจากพูดประโยคนี้จบ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป "ความรับผิดชอบของข้าในฐานะที่เป็นหมอวา
ฟู่จาวหนิงสีหน้าแปลกประหลาดไปเซียวหลันยวนตอนยังเด็ก หัวเราะให้เสิ่นเชี่ยวเจ้าเด็กคนนี้คงจะคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ตนเองหัวเราะให้ตอนนั้น กลับมาวางยาพิษใส่เขาแบบนี้?ฟู่จาวหนิงคิดถึงจุดนี้แล้วก็อยากจะหัวเราะขึ้นมาเซียวหลันยวนอยากจะบอกว่าพูดจาเลอะเลือน ตอนนั้นเขาจะมาหัวเราะใส่นางอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไรกัน?แต่เขาตอนนั้นก็ยังเล็กมาก ไม่มีความทรงจำอะไรเลยพวกเขาเสิ่นเชี่ยวก็สนใจแต่ฟู่จาวหนิง ไม่ได้สนใจถึงตัวคนข้างๆเลย ไม่มองมาทางนี้ด้วยซ้ำสายตาฟู่จิ้นเชินเองก็ตกอยู่บนหน้าฟู่จาวหนิงตลอด ไม่อยากจะเบี่ยงสายตาออกเลยแม้แต่น้อย"ข้าตอนนั้นพอเห็นองค์ชายหัวเราะให้ ในใจก็รู้สึกยินดีมาก ดังนั้นจึงมองเขาอยู่ข้างๆ มากหน่อย ต่อมาพองานเลี้ยงกำลังจะเริ่ม ทุกคนก็ออกไป ข้าเองก็ออกมาด้วย"ความทรงจำเหล่านี้พูดได้ว่านานมากแล้ว แต่น่าจะเพราะก่อนหน้านี้ความทรงจำนางค่อนข้างสับสน ตอนนี้พอเริ่มคิดอีกทีกลับกระจ่างชัดขึ้นมา ตอนที่สมองสับสนพอผ่านไปสิบกว่าปี ก็เหมือนนำเรื่องสิบกว่านี้ปีนี้หดเล็กลงอย่างไรอย่างนั้น"ท่านพูดต่อไปเถอะ เรื่องราวในตอนนั้นสำคัญมาก รายละเอียดอะไรก็อย่าให้ขาดตกบกพร่อง"ฟู่จาวหนิง
นางมองไปทางเสิ่นเสวียนด้วยสัญชาตญาณเสิ่นเสวียนสายตาลุ่มลึกตอนนี้น้องสาวกำลังอยู่ตรงหน้า แต่เขารู้ว่าจะยังทำเป็นรู้จักไม่ได้ชั่วคราว เรื่องที่เซียวหลันยวนติดพิษยังสับสนอยู่เลยแต่เขาก็ชื่นชมมาก เพราะพบว่าน้องสาวเองก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะยอมรับคนตระกูลหลินเป็นพ่อแม่"ตอนนั้นคนตระกูลหลินไม่ดีกับฮูหยินอย่างมาก ตอนที่ฮูหยินแต่งกับข้า ในบ้านก็ไม่มีทรัพย์สินเงินทองเลย แล้วยังมีพวกญาติหน้าด้านๆ มาอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย พวกเขานอกจากบางครั้งจะออกมาขอข้าวขอน้ำขอของใช้แล้ว ปกติก้ไม่เคยจะมาเยี่ยมเยือน แต่ตอนที่ข้ามีชื่อขึ้นในเมืองหลวง แล้วยังช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิไว้ พวกเขาจู่ๆ ถึงได้มีไมตรีจิตขึ้นมา"ฟู่จิ้นเชินพูดถึงตรงนี้ ก็มองฟู่จาวหนิงอย่างกังวลเขาเดิมทีก็รู้สึกว่าหลังจากพูดเรื่องพวกนี้แล้ว จะมาถามสถานการณ์ในบ้านอย่างละเอียดต่อ แต่ตอนนี้พอพูดถึงพวกญาติหน้าด้านที่เข้ามาอาศัยในบ้านด้วยเหล่านั้น เขาก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้"เจ้าอยู่ในบ้านนั้นมาหลายปี คนพวกนั้นคงจะรังแกเจ้าด้วยใช่ไหม? แล้วปู่ของเจ้าล่ะ?"น้ำเสียงเขาตอนที่ถามคำถามนี้สั่นเครือขึ้นมาเขาแค่คิด ก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงหลายปีนี้คงไม
เสิ่นเชี่ยวกำลังเล่าเรื่องในตอนนั้นคนในห้องก็ล้วนนิ่งงันไม่ขัดนาง เพราะนางน่าจะกำลังคิดไปด้วยพูดออกมาด้วย"ภายหลังข้าจึงออกมา แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากนั้นสมองของข้าก็มึนๆ งงๆ แล้วยังเวียนหัวด้วย ข้าก่อนหน้านี้บางครั้งก็มีอาการแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่คิดจะอยู่ต่อแล้ว เดี๋ยวจะทำอะไรพลาดขึ้นตอนอยู่ในงานเลี้ยง""ข้าตอนนั้น" เสิ่นเชี่ยวดวงตาดูว่างเปล่า "ตอนนั้นข้าไปหาสาวใช้วัง บอกว่าจะออกจากวังก่อน แต่สาวใช้วังบอกว่าไม่ได้ ตอนนั้นยังไม่มีใครออกไป ไม่สามารถส่งข้าออกไปตามลำพังได้ จึงชี้ไปที่ตำหนักข้างแห่งหนึ่ง บอกว่าถ้ารู้สึกแย่จริงๆ ก็ไปพักผ่อนที่นั่นได้"พวกเขารู้ ว่าเสิ่นเชี่ยวใกล้จะพูดถึงจุดสำคัญแล้ว"ข้าตอนนั้นก็ไร้เดียงสา ไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลย กระทั่งรู้สึกว่า ข้าอยู่ที่นั่นตัวตนฐานะนั้นต่ำต้อยที่สุด คนอื่นต่อให้คิดจะทำร้าย ก็คงไม่มาถึงข้าหรอก เพราะข้าเองก็แค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนสูงศักดิ์อะไร ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ยื่นนิ้วออกมาส่งๆ นิ้วหนึ่งก็บี้ข้าตายได้แล้ว"เสิ่นเชี่ยวตอนนั้นคิดเช่นนั้นจริงๆและเพราะสามีของนางไปช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิไว้โดยบังเอิญ ได้รับโอกาสให้มาอยู่เบื้องหน้าพระพั
ความทรงจำก่อนหน้านี้บอกนาง ว่าฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา แต่ตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงวิชาแพทย์ของนางอย่างแท้จริง เสิ่นเชี่ยวก็อารมณ์ซับซ้อนขึ้นมา แต่ที่แจ่มชัดที่สุดคือความภาคภูมิใจนี่คือลูกสาวของนาง นางภาคภูมิใจมากจริงๆ ภูมิใจเอามากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงต้องเจอเรื่องลำบากมาแค่ไหน ถึงได้กลายมาเป็นหมอตั้งแต่อายุยังน้อยแค่นี้ นางรู้สึกสะอื้นที่จมูกขึ้นมาอีกแล้วฟู่จิ้นเชินพอเห็นภรรยาผ่อนคลายลงมา ก็รู้สึกอาการปวดหัวของนางน่าจะบรรเทาลงแล้วเขาจึงพูดต่อว่า "ความทรงจำในงานเลี้ยงของฮูหยินมีถึงแค่นี้ ตอนที่นางตื่นมาอีกที ก็เห็นว่าตนเองถือชามยาพิษนั่นไว้แล้ว ยืนอยู่ข้างเตียงอ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็ก คนมากมายหลั่งไหลเข้ามามองนาง คนทั้งหมดพูดกันว่านางกรอกยาพิษใส่อ๋องเจวี้ยน ไม่มีใครให้โอกาสนางได้อธิบายเลย"น้ำตาเสิ่นเชี่ยวไหลลงมาอีกครั้ง"ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตอนนั้นตัวเองไปอยู่ที่นั่นตอนไหน แต่ว่า ข้าไม่น่าจะใช้คนที่ทำร้ายใต้ฝ่าพระบาท""และเพราะนางก็อธิบายอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงถูกคุมตัวเข้าไปในคุกใหญ่ หลังจากข้ารู้เรื่องนี้ จึงไปขอร้ององค์รัชทายาท ให้ขอเวลาข้าหน่อย ให้ข้าได้ตรวจสอบความจริง องค์จัก
ความคิดนี้เด็ดขาดมากเสิ่นเสวียนรู้สึกต้องมองฟู่จิ้นเชินใหม่เสียแล้ว"ตอนนั้นองค์จักรพรรดิยังทรงมีเมตตามาก ดังนั้นข้าจึงกล้าเสี่ยงเช่นนี้ ยังดีที่ปกติข้ารู้จักคนอยู่ไม่น้อย พวกเขาตอนนั้นเองก็ยินดีจะช่วยเหลือ พวกเราทิ้งเงินเอาไว้ให้ที่บ้าน แล้วยังให้คนส่งจดหมายให้ จากนั้นจึงหลบหนีออกจากเมืองหลวง"พูดถึงจุดนี้ พวกของฟู่จาวหนิงก็พอจะรู้เรื่องราวในตอนนั้นคร่าวๆ แล้วแต่ที่ฟู่จาวหนิงยังไม่ค่อยเข้าใจก็คือ..."พวกท่านทิ้งเงินไว้เท่าไรหรือ? ส่งจดหมายอะไรไว้?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีเขาเองก็ฉลาดมาก เข้าใจขึ้นมาทันควัน "พวกเจ้าไม่ได้รับเงินและก็ไม่ได้รับจดหมายด้วยอย่างนั้นหรือ?""ไม่มีเลย"ฟู่จาวหนิงส่ายหัว สีหน้าเย็นวาบลงมาถ้าตอนนั้นพวกเขามีเงินอยู่บ้าง ท่านปู่คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ แล้วถ้ามีจดหมาย ท่านปู่เองก็คงไม่ต้องรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาเช่นนี้ด้วย ไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรหลายปีมานี้ ในใจก็เหมือนแขวนห้อยไว้กลางอากาศ"ตอนนั้นก่อนที่จะไป ข้าจะอย่างไรก็ต้องดูแลท่านพ่อกับลูกสาว ดังนั้นรางวัลที่ได้มาในตอนนั้นจึงนำไปจำนำเป็นเงินหมด
เสิ่นเชี่ยวถลึงตาค้างชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาแม้ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจะรู้สึกว่าตนเองในอดีตจะถูกใส่ร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องในตอนนั้นก็ส่งผลกระทบร้ายแรงที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้อ๋องเจวี้ยนหลายปีนี้มีสุขภาพย่ำแยมาตลอด ยังถูกพูดไว้ว่าจะอายุไม่ถึงสามสิบอีกด้วยสิ่งเหล่านี้ พวกของฟู่จิ้นเชินต่อมานั้นรู้อยู่ แค่ความทรงจำถูกทำให้สับสนเท่านั้น ตอนนี้ล้วนนึกออกหมดแล้วและพวกเขาที่ต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ทอดทิ้งครอบครัว ระหกระเหินมาหลายปี แทบเอาตัวไม่รอดไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพวกเขาก็ถูกคั่นไว้ด้วยเหวลึกที่มิอาจข้ามไปได้อยู่แต่ว่าตอนนี้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว!ฟู่จิ้นเชินหลังจากตกตะลึงก็คิดจะลงจากเตียงทันทีเขาประสานสายตากับเซียวหลันยวน ยื่นมามาขวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"อ๋องเจวี้ยน ถ้าท่านเกลียดชังพวกเรา ก็นำความโกรธมาลงที่พวกเราเสีย จาวหนิงตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อย นางไม่รู้อะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง"ฟู่จาวหนิงมองแขนที่มาขวางอยู่ตรงหน้าตนเอง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งสภาพเขาแบบนี้ ยังคิดจะปกป้องนางอีกหรือ?"ข้
ฟู่จาวหนิงเห็นมือของเซียวหลันยวนยื่นเข้ามา เดินตรงไปหาเขา"จาวหนิง..."เสิ่นเชี่ยวคิดจะดึงนางไว้ สีหน้ากังวลเศร้าสลดแต่ฟู่จิ้นเชินก็กลับมากุมมือนางไว้ ส่ายหัวให้นาง"ก่อนหน้าพวกเรา อ๋องเจวี้ยนก็อยู่ด้วยกันกับจาวหนิงแล้ว" ฟู่จิ้นเชินเตือนเสิ่นเชี่ยวขึ้นเสียงต่ำพวกเขาแม้จะเป็นห่วง แต่พอเห็นฟู่จาวหนิงเดินไปหาอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่ลังเล เขาเองก็เข้าใจความจริงแล้วช่วงเวลาที่ฟู่จาวหนิงอยู่กับอ๋องเจวี้ยนนั้นยาวนานกว่าเวลาที่อยู่กับพวกเขามากนักระหว่างพวกเขา ก็ควรจะยิ่งเข้าใจได้สำหรับฟู่จาวหนิง พวกเขาตอนนี้ต่างหากที่เป็นคนแปลกหน้าแม้ในใจจะเศร้าโศก แต่ฟู่จิ้นเชินก็เข้าใจขึ้นมาจุดหนึ่ง ตอนนี้พกวเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะไปชี้นกชี้ไม้กับฟู่จาวหนิง แต่ก็ยังต้องสังเกตอย่างละเอียดว่าเป้าหมายที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงคืออะไรถ้าหากเขามีเป้าหมายที่ไม่ดี เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเข้าไปสกัดห้ามให้ได้ฟู่จาวหนิงเดินมาอยู่ข้างกายเซียวหลันยวน วางมือไว้บนฝ่ามือเขาเซียวหลันยวนกำมือของนางแน่น จากนั้นก็มองไปทางฟู่จิ้นเชินและเสิ่นเชี่ยว"ท่านตรวจสอบมาได้ไม่น้อยเลย""ข้าได้ยินว่าหลายปีนี้
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ