"มามามา ให้ศิษย์พี่รองของเจ้าเล่าสถานการณ์ในเมืองจี้ให้เจ้าฟังอีกรอบ"ต่งฮ่วนจือจึงเล่าเรื่องเมื่อครู่นี้อีกรอบฟู่จาวหนิงหลังจากได้ยินก็สนใจขึ้นมาตามคาด"อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูกันไหม?""ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าอยากไป!" ผู้อาวุโสจี้พอใจมาก "พวกเราไปดูกัน ขากลับค่อยพาเจ้าไปที่คลังยา แล้วให้เข้าไปดูวัตถุดิบยาทั้งหมด"มีอะไรที่นางไม่รู้จัก เขาจะสอนนางอย่างดีเลยทีเดียว"พวกหมอของสมาคมหมอใหญ่ก็ไปกัน ดังนั้นการแลกเปลี่ยนด้านวิชาแพทย์ของพวกเขาก็คงจะต้องถอยออกไปแล้ว คนที่ไปในภูเขามีมาก ศิษย์น้องหญิงเล็ก เจ้าอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่คล่องตัวหน่อย"ต่งฮ่วนจือเห็นว่าฟู่จาวหนิงอายุยังน้อยอยู่ จึงอดกำชับขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้"ขอบคุณมากศิษย์พี่รอง ข้าทราบแล้ว""เจ้าคิดว่าศิษย์น้องหญิงเล็กของเจ้าไม่รู้อะไรเลยหรือไง? นางรุ้ทั้งหมดนั่นล่ะ" ผู้อาวุโสจี้คิดๆ "จาวหนิง เจ้าลองดุว่าจะพาอ๋องเจวี้ยนไปด้วยไหม?"ถ้าหากบอกว่าคนมากมายล้วนไปกัน เช่นนั้นก็คงจะอันตรายหน่อยๆ วิชายุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนสูงขนาดนั้น มีเขาอยู่ด้วยคงปกป้องฟู่จาวหนิงได้ เขาก็วางใจได้หน่อย"ข้าจะไปถามเขาดู ท่านอาจารย์ ถ้าอย่
เซียวหลันยวนมองเห็นจุดปักหลายแห่งแค่เหลือบดูก็มองออกแล้วว่าฝีมือการปักนั้นประณีตยอดเยี่ยมปลอกแขนสีดำปักลายค้างคาวแดงเข้ม ดูสูงส่งล้ำค่า มองแล้วไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปเลยสาเหตที่ทำให้สายตาของเขามองไป เพราะเขารู้สึกว่าลักษณะเช่นนี้ดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้บ่อยในแคว้นเจาหรือต้าชื่อ แต่เป็นความงามประณีตและยังสูงส่งเขาคิดๆ ในใจก็สั่นกึกขึ้นมาเพราะลักษณะเช่นนี้ ดูคล้ายกับของตงฉิงมากสิ่งของของตงฉิงที่เขาได้รับมาจากเขาอวี้เหิง บนชุดชาววังเหล่านั้น ก็มีลักษณะงานปักเช่นนี้ปลอกแขนเองก็แบบเดียวกันและเพราะเหตุนี้ สายตาของเขาจึงหยุดอยู่บนปลอกแขนคู่นี้นานพอควรเฉินฮ่าวจูพอเห็น ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาเขาชอบหรือเปล่านะ?ชอบปลอกแขนคู่นี้ที่นางปักเย็บเองกับมือหรือเปล่านะ?ถ้าหากปลอกแขนนี้สวมอยู่บนข้อมือเขา น่าจะดูดีเลยกระมัง"นี่เจ้าปักเองหรือ?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเซียวหลันยวนถามคำนี้ เท้าก็หยุดชะงัก รู้สึกเกินคาดขึ้นมาเซียวหลันยวนเดิมทีเป็นพวกนิสัยเย็นชามาก แล้วการบุกมาหาถึงหน้าประตูเช่นนี้ ด้วยสมองของเขาก็น่าจะเข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายอยู่นะนางเดิมทีคิดว่าภายใต้สถานการณ
เซียวหลันยวนตอนนี้ไม่กลัวแม่นางคนอื่นจะใจสลายแล้วสินะ นี่มันน่าโมโหหน่อยๆ หรือเปล่า? คนอื่นเขาเอามามอบให้ตัวเองแท้ๆ"หนิงหนิง"สายตาของเซียวหลันยวนมองเข้ามา ร้องเรียกนางขึ้นฟู่จาวหนิงสาวเท้าเดินเข้ามาเฉินฮ่าวจูหันกลับไปมองนาง ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง หน้าของนางก็แดงก่ำ รีบหันไปคารวะให้นาง "ข้า ข้าขอตัวก่อน"พูดจบนางก็หนีออกไปเหมือนวิ่งหนี"ข้ากำลังจะแนะนำเจ้าเลย แต่นางวิ่งไวเหลือเกิน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมองเขา เกิดความคิดจะเย้าแหย่ขึ้น "ท่านคิดจะแนะนำข้า?""ฮูหยินของข้า" เซียวหลันยวนพูดต่อ"เช่นนี้หรือ?""ไม่อย่างนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนก้มหน้าต่ำ แนบเข้ามาข้างหูนาง กระซิบเสียงต่ำ "ดวงใจของข้า?""พรวด!"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหวหัวเราะก๊ากขึ้นมาคนผู้นี้! ไปเรียนวิธีแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน?ชิงอียกของอยู่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร "ท่านอ๋อง พระชายา นี่ให้ข้าจริงหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "ไม่อย่างนั้นล่ะ เจ้าอยากให้สามีของข้าสวมปลอกแขนที่แม่นางคนอื่นเย็บขึ้นด้วยตนเองหรือไรกัน?""ไม่ๆๆ ได้อย่างไรกัน! ข้าน้อยจะเก็บไว้!" ชิงอีตกใจสะดุ้งโหยง"ท่านรับของไว้เพราะอะไร
หมู่บ้านนั้น ไม่มีชื่อหลักๆ คือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ตอนนั้นหลังจากที่พวกพ่อค้ายาเข้าไปก็ไม่ได้ถามชื่อหมู่บ้าน ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเวลาเรียกขึ้นมาจึงเรียกว่าหมู่บ้านนิรนามว่ากันว่าหมู่บ้านนิรนามอยู่บนหน้าผาเล็กแห่งหนึ่ง ถ้าจะไปก็ต้องปีนทางเนินชัน แล้วบนทางเนินชั้นนั้นยังมีวัชพืชรกครึ้มรวมถึงหินแหลมคมอีกไม่น้อย ดังนั้นคนของหมู่บ้านนี้จึงไม่ค่อยจะลงมานัก และไม่มีคนขึ้นไปด้วยตอนนี้พวกเขากระทั่งหน้าผาเล็กนั่นก็ยังหาไม่เจอ"ป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ แล้วยังแปลกอีกด้วย ข้าในน่าจะมีต้นน้ำอยู่ ชื้นเอามากๆ แล้วยังเย็นอีกด้วย พอตกค่ำลมหนาวนั่นก็จะพัดเข้าไปถึงในกระดูกเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าหลงทางอยู่ด้านในก็ลำบากแน่"ต่งฮ่วนจือไปด้วยกันกับพวกเขาระหว่างทางเขาก็บอกถึงข่าวที่ตนเองไปหามาให้พวกเขาฟัง"ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกว่าเจอทางเข้า พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปค้างคืนในป่า เพียงแค่ทิ้งคนไว้ด้านนอกป่า ก่อไฟ พอฟ้าตะวันตกเริ่มมืดแล้วยังหาไม่เจอ ก็จะรีบกลับออกมากัน จะค้างแรมในป่าไม่ได้"พ่อค้ายาหลายคนนั้นตอนแรกได้เข้าไปจากทางนี้ พวกเขาวนไปเวียนมาในเขาลึกหลายวัน ถึงไปเจอกับชาวบ้านของหมู
มีคนทักผู้อาวุโสจี้อยู่ตลอดทาง"ผู้อาวุโสจี้ ท่านเองก็มาเมืองจี้ด้วยหรือ?""ผู้อาวุโสจี้ ไม่เจอกันเสียหลายปี นายท่านของข้าเองก็มาด้วยเช่นกัน"พวกเขาทักทายกับผู้อาวุโสจี้ จากนั้นก็มองต่งฮ่วนจือ น่าจะพอเดาถึงตัวตนฐานะเขาได้แล้วแต่พอเห็นฟู่จาวหนิง ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกาย ไม่รู้จัก แต่เดาได้ แต่ก็ยังไม่อาจยืนยันระหว่างทางมีสายตาคนไม่น้อยตกมาอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปตอนที่เพิ่งลงรถม้าก่อนหน้า เซียวหลันยวนเองก็บอกนางแล้ว ว่าเขาจะคอยดูนางจากมุมมืด ไม่เผยตัวออกมาฟู่จาวหนิงคิดถึงตัวตนฐานะเขา จากนั้นก็คิดถึงว่าองค์จักรพรรดิต้าชื่อยังวาดรูปเพื่อตามหาเขา จึงไม่ได้คัดค้านอะไรตอนนี้พอเห็นว่าจุดพักผ่อนนี้มีคนมากมายกำลังจับจ้องนาง นางจึงรู้่สึกว่าเซียวหลันยวนตัดสินใจได้ถูกต้องถ้าเขาอยู่ข้างกายนาง คงถูกเปิดโปงในเวลาไม่นานแน่นอนเพียงแต่ตอนนี้ที่นี่คนเยอะมาก นางเองก็ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนไปหลบอยู่ตรงมุมมืดไหน"จาว..."เสียงหนึ่งดังขึ้น ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนมาเรียกนางอีกอย่าง"แม่นางฟู่"ฟู่จาวหนิงมองไปตามเสียง ก็เห็นซือถูไป๋ในชุดคลุมขาวพระจันทร์
ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มที่ริมฝีปากจึงแข็งทื่อไปฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่คิดอยากจะพูดกับเขาเลยสักคำหรือ?พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนเก่ากันอยู่กระมังเพื่อนที่รู้จักจากแคว้นเจา มาเจอกันอีกครั้งในเมืองจี้ที่ไกลขนาดนี้ ถ้าตามหลักการถ้าคุยกันบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่เขาเห็นนางมากับผู้อาวุโสจี้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะสนใจกับวัตถุดิบยาของหมู่บ้านนิรนามนี้แน่นอนเขาเองยังคิดจะเอาข่าวที่หามาเล่าให้นางฟังอยู่ ถือว่าเป็นการแบ่งปันให้นางซือถูไป๋หัวเราะขืนๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่งด้านหลังเขามีแม่นางสวมผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา มองๆ แผ่นหลังฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองซือถูไป๋"คุณชายซือถือดูท่านจะปล่อยว่างแม่นางฟู่ไม่ลงเสียแล้ว" เสียงของนางแผ่วเบาเอามากๆ แค่ให้ซือถูไป๋ได้ยินเท่านั้นซือถูไป๋หันกลับมา สบตากับสายตาสุกใสของนาง ประหลาดใจ"องค์หญิงใหญ่พูดเรื่องน่าขันเสียแล้ว"ถูกต้อง คนผู้นี้คือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเพียงแต่นงตอนนี้สวมเสื้อผ้าชุดสามัญ คลุมหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมบาง บนเส้นผมก็ไม่ได้มีเครื่องประดับใด ราวกับล้างเอาความหรูหราออกไปจนหมด ไม่ได้ดูเด่นสะดุดตาเลย"ไม่ใช่บอกให้เรียกข้าว่าแม่นาง
ดังนั้นก่อนหน้าที่จะปิดประตูเมืองวันนั้น เขาจึงอนุญาตให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกจากเมืองอย่างลับๆองค์จักรพรรดิเดิมทีคิดว่าถ้าขังอ๋องเจวี้ยนไว้ในเมืองหลวงจักรพรรดิได้ การจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมายังเมืองจี้ก็ไม่มีอะไร คิดว่าพวกเขาไม่น่าจะได้เจอกันแต่น่าเสียดายที่หลายวันนี้เค้าค้นเมืองอยู่ตลอด ก็ยังหาอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงไม่พบพวกของฟู่จาวหนิงเดินกันอย่างเชื่องช้า พอเห็นสถานที่ที่งดงามหน่อยก็หยุดชื่นชม แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทางลัดและเร่งเดินทางมายังเมืองจี้ ดังนั้นจึงมาไวกว่าพวกเขาประมาณครึ่งวันพอมาถึงนางก็เจอกับซือถูไป๋"คุณชายซือถู อีกเดี๋ญวข้าจะเข้าป่าไปกับท่านด้วย"ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง ตอนแรกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่คิดจะเข้าไป แต่จะรออยู่ที่นี่ รอจนลูกน้องของนางหาหมู่บ้านเจอแล้วค่อยเข้าไปทำไมถึงเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว?"ข้ารู้สึกว่า ข้าเข้าไปหาเสียหน่อย ไม่แน่อาจจะเจอกับวัตถุดิบยาดีดีนำกลับไปมอบให้องค์จักรพรรดิได้"ประโยคนี้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย องครักษ์ลับสองคนที่อยู่ด้านหลังไม่ห่างไปนักก็ได้ยินแล้วนี่เป็นองครักษ์ลับที่องค์จักรพรร
พอเดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ารอบด้านล้วนเป็นป่าไม้ไปหมดแล้ว"ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไหวไหม?" ต่งฮ่วนจือถามผู้อาวุโสจี้ขึ้นอย่างกังวลผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "ข้ายังเดินได้อีกสองชั่วยาม!"ต่งฮ่วนจือหยุดชะงักอันที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆเพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้วเขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอาจารย์มายังเมืองจี้ แค่ออกไปเดินข้างนอกสองรอบพอกลับมาก็ดูเหนื่อยล้ามาก แล้วในภูเขานี้ก็เดินลำบาก พวกเขาเมื่อครู่ก็เดินกันมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจึงอยากจะถามท่านอาจารย์ดูว่าจะนั่งพักหน่อยไหมคิดไม่ถึงว่าจะเห็นท่านอาจารย์มีท่าทีเต็มไปด้วยกำลังวังชาแบบนี้รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้ ท่านอาจารย์ดูหนุ่มขึ้นอย่างไรอย่างนั้นผู้อาวุโสจี้มองสายตาเขา เข้าใจความคิดของเขาขึ้นมาทันที เขาสนุกขึ้นมาเสียแล้ว ยื่นมือมาตบที่บ่าของต่งฮ่วนจือ ดูจะภูมิใจหน่อยๆ"เจ้ารู้สึกว่าสุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?""ท่านอาจารย์น่าจะมีวิธีบำรุงสุขภาพที่ดี...""มีวิธีอะไรเสียที่ไหนกัน ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าให้มาต่างหาก แล้วก่อนหน้านี้ยังกินอาหารยาจีนไปอีกหลายอย่างด้วย เห็นผลลัพธ์เส
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ