"องค์จักรพรรดิ ให้คนมาสังเกตอาการป่วยของชินอ๋องเซียวแล้ว""อืม อย่าเข้าใกล้มากนัก"องค์จักรพรรดิถอนหายใจ "จริงด้วย ไม่ใช่บอกว่าไทเฮามาแล้วหรือ?""เดิมทีเมื่อวานต้องถึงแล้ว แต่เร่งเดินทางได้ช้าเพราะลมพายุ ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเมืองหลวง""ไป ส่งข่าวออกไป ให้นางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาด""่ขอรับ"องค์จักรพรรดิลูบแหวนหยกของตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมหน่อยๆวันนี้จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูใหญ่ แต่ข่าวจากคนที่เขาส่งออกไปหาข่าว บอกว่าจวนอ๋องเจวี้ยนบรรยากาศหนักอึ้งมากเห็นได้ชัดว่า เซียวหลันยวนยังไม่ดีขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้ออกมาจากในจวนอ๋องด้วย ทั้งๆ ที่พ่อแม่ของนางที่ห่างกันไปสิบกว่าปีเพิ่งจะกลับมาแท้ๆ แล้วหญิงสาวที่อายุยังไม่ทันถึงยี่สิบอย่างนาง ตอนนี้จะต้องอยู่ในบ้านเฝ้าพ่อแม่แน่ๆ แล้วคอยถามพวกกเขาว่าช่วงหลายปีมานี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้างถึงอย่างไร แค่วันเดียวจะทำหมดได้อย่างไรกัน?แล้วก็ ยังต้องคอยหารือกับพวกเขาอีกว่าจะไปอธิบายกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร?อ๋องเจวี้ยนแค้นพวกเขามานานหลายปี จะอย่างไรก็คงต้องคิดหาวิธีจัดการอยู่กระมัง?เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางควรจะต้องวิ่งไปวิ่งมาถึง
รถม้าเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไทเฮานั่งอยู่ในรถม้า กอดเตาอังมืออยู่ หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับนางคิดอยู่ตลอดหลังจากกลับเข้าเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะถามนางอย่างไร แล้วนางจะตอบอย่างไร และเป็นไปได้ว่าอายวนเด็กคนนั้นจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วแต่ครั้งนี้นางกลับมา ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อเซียวหลันยวนนางไม่อยากจะเสแสร้งเกลียดเขาแล้ว นางจะใช้ตัวตนไทเฮามาปกป้องเขาให้ดีก่อนหน้านี้อายวนอายุยังน้อย นางเป็นห่วงมาก ตอนนี้อายวนเติบโตแล้ว มีวิธีความสามารถของตนเอง นางเองก็ควรจะยอมรับแล้วอยู่ด้วยกันกับเขาให้ดีไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าตอนไหนที่นางจะเหยียบเข้าไปในประตูนรกกันอายุมากขนาดนี้แล้ว นางเหลือเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากมีคนเดินฝ่าหิมะเข้ามา สองคน น่าจะเพราะลมพายุ ดังนั้นเสียงพูดคุยของพวกเขาจึงดังขึ้นหน่ยอ กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน"เจ้าว่าสุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยังนะ? ทำไมถึงได้ยังเป็นลมยังไม่ฟื้นอีก?""เหมือนจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ใช่เข้าไปในคุกหรือ? ในคุกนั่นคงจะลำบากมากแน่ สุขภาพเองก็ไม่ใช่ว่าแข็งแรงนัก จะป่วยแล้วล้มไปอีกมันก็เรื่องปกต
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าไทเฮามา ก็รู้สึกเกินคาดมากนางมองไปทางเซียวหลันยวน"จะพบไทเฮาไหม?""ไทเฮาพอเข้าเมืองก็ตรงมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนเลย คิดว่าคงมีคนจงใจล่อให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เพราะไทเฮาตอนนี้ไม่ค่อยมีคนใช้งานได้แล้ว เส้นข่าวของนางน่าจะไม่ปรุโปร่งนักแล้วก็ไม่ได้อยู่ในวังเลย เพิ่งกลับมาจากวัดคุ้มครองแคว้นแบบนี้ ทำไมพอเข้าเมืองก็ได้ข่าวเช่นนี้เลยกัน? ต่อให้รู้ ก็ควรกลับวังก่อน ไม่น่าจะรีบร้อนขนาดนี้คิดว่าคงมีคนจงใจเอาสถานการณ์ของเขาพูดให้ดูอันตรายแน่นอน"ที่นางถูกล่อเข้ามาง่ายแบบนี้ อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงท่านมาก เป็นห่วงจนสับสน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นคำพูดนี้ เซียวหลันยวนไม่อาจค้านได้เลย"ท่านอ๋อง ผู้ดูแลรั้งไทเฮาไว้ไม่ได้ ตอนนี้นางมาถึงเรือนโยวหนิงแล้ว" องครักษ์เข้ามารายงาน"ให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเพราะไทเฮาเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว เกรงว่าออกไปคงจะลำบากหน่อย หลังจากออกไปคงเข้าวังจักรพรรดิไม่ได้แล้วองค์จักรพรรดิจะต้องหาวิธีมาขวางไว้แน่"อายวน"เสียงของไทเฮาสั่นพร่า ประชิดตัวเข้ามาเซียวหลันยวนเดินไปนอนที่เตียง ผ้าห่มดึงสูง หลับตาอยู่ฟู่จาวห
ถ้าเป็นแบบนี้ เขาคงจะเหนื่อยมากเลยในบ้านตัวเองก็ยังต้องมาอดกลั้นขนาดนี้ แล้วตอนไหนจึงจะผ่อนคลายลงได้?เด็กคนนี้ชีวิตขมขื่นเหลือเกินน้ำตาไทเฮาไหลลงมา นางรีบกุมมือฟู่จาวหนิง มองนาง เอ่ยขึ้นเสียงสั่นพร่า "จาวหนิง วิชาแพทย์ของเจ้าดีเสียขนาดนั้น จะรักษาอายวนไม่ได้เลยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนบนเตียงทักษะวิชาแพทย์ของนางถูกคนอื่นทำลายชื่อเสียอย่างนั้น เห็นๆ อยู่ว่ารักษาหายแล้ว"ไทเฮา เขาตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย" ฟู่จาวหนิงพูดแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว"นี่เรียกว่าไม่มีปัญหาใหญ่ได้หรือ? ในใจเขาคงระทมมาก" ไทเฮาร้องไห้หนักกว่าเดิมไม่ใช่สิ ก็บอกอยู่ว่าเป็นหวัดนี่นา แล้วปัญหาใหญ่อะไรกัน? นางไม่ใช่บอกว่าดื่มยาจนหลับไปแล้วหรือ? ไทเฮาทำไมจึงทำท่าเหมือนเซียวหลันยวนเป็นคนที่น่าเวทนาอันดับหนึ่งแบบนี้ล่ะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนอีกผาดหนึ่ง พอเห็นหน้ากากบนหน้าเขา นางก็เข็ดฟันขึ้นมาคิดจะเอาหน้ากากของเขาออก"ไทเฮาอย่าได้เสียใจนักเลย สุขภาพสำคัญกว่านะเจ้าคะ" กุ้ยหมัวมัวเตือนขึ้น"ใช่แล้ว ไทเฮาเพิ่งจะกลับเมืองหลวงจากวัดคุ้มครองแคว้นใช่ไหม?""แต่ว่า พอเข้าเมืองมา ก็ได้ยินคนเดิ
ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้กับไทเฮาพอได้ยินว่างองค์จักรพรรดิสั่งขังเซียวหลันยวน ให้เขาไปนั่งทบทวนสำนึกในคุกสองเดือน ไทเฮาก็โมโหจนสองมือสั่นระริก"องค์จักรพรรดิทำเกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ! ตอนนั้นเขารับปากไท่ซ่างหวงไว้ดิบดี แต่ตอนนี้ดันลืมไปจนหมดสิ้น!"ไทเฮาพอคิดว่าสุขภาพเช่นนี้ของเซียวหลันยวน ต้องไปอยู่ในคุกตั้งหลายวัน ใจก็ปวดจนแทบจะพังอย่าว่าแต่ไทเฮา กระทั่งหมัวมัวก็ยังรู้สึกปวดใจมาก"จาวหนิง เจ้าบอกกับข้าหน่อย ว่าสุขภาพของอายวนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ารักษาเขาไว้แล้วใช่ไหม?"ไทเฮาดึงแขนฟู่จาวหนิง ถามนางตาแดงรื้น"ก่อนหน้านี้สุขภาพเขาย่ำแยมากจริงๆ อย่าว่าแต่ในคุกสองเดือนเลย เอาแค่สองชั่วยาม เขาก็อาจจะล้มป่วยได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพิษที่เขาติดมาก็ไม่ได้ถอนออกมาตลอด ตอนนี้ไม่รู้ว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง"ฟู่จาวหนิงเองเหลือบมองไปทางเซียวหลันยวนที่ยังแกล้งหลับผาดหนึ่งให้ไทเฮารู้น่าจะไม่มีปัญหาหรอกกระมัง? นางมองออก ว่าไทเฮาเป็นห่วงเซียวหลันยวนจริง ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางจะไม่ชอบไทเฮา แต่เซียวหลันยวนตอนนี้ก็คิดจะค่อยๆ เผยออกมาว่าสุขภาพของตนเองนั้นไปในทางที่ดีขึ้นจะให้เขาเอาแต่
คงไม่คิดจะให้ไทเฮาตากหิมะออกมาหรอกกระมัง?ไทเฮายังต้องออกมารับรับสั่งด้วยตนเองหรือ? นี่จะประหลาดเกินไปแล้ว"พวกเราไม่เข้าไปหรอก ผู้ดูแลจงบอกกับไทเฮาก็พอ" ขันทีคนนี้ตอนที่พูดก็ยังเว้นระยะห่างระดับหนึ่งกับผู้ดูแลจง ไม่อยากจะเข้าใกล้ผู้ดูแลจงรับมาแบบตึงๆ"องค์จักรพรรดิแจ้งว่า ก่อนหน้านี้อ๋องเจวี้ยนพักฟื้นในยอดเขาโยวชิงมาตลอด ไทเฮาดูท่าจะหวงแหนเวลาที่จะได้อยู่กับอ๋องเจวี้ยน ดังนั้นพอกลับเมืองหลวงจึงรีบตรงมาจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน องค์จักรพรรดิเห็นใจไทเฮา ดังนั้นจึงจะให้อ๋องเจวี้ยนทำตัวกตัญญูกับไทเฮาให้ดี ให้ไทเฮาพักที่จวนอ๋องเจวี้ยนชั่วคราว อยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนเสีย ไม่จำเป็นต้องกลับวังหลวง""หา?" ผู้ดูแลจงยังไม่ทันตั้งสติได้ดีเพราะเรื่องนี้เขาก็เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก นี่หมายความว่าอะไรกัน? ให้ไทเฮาไม่ต้องกลับวัง?"ผู้ดูแลจง รีบเข้าไปแจ้งไทเฮาเร็วเข้า พวกเราจะกลับแล้ว"ขันทีพูดคำนี้จบก็หมุนตัววิ่งออกไปทันทีผู้ดูแลจงรีบเข้าไปรายงานกับไทเฮาไทเฮาเองก็ถลึงตาโตอ้าปากค้าง สงสัยว่าหูตนเองฝาดไปหรือเปล่า"องค์จักรพรรดิไม่ให้ข้ากลับเข้าวังหรือ?"ใช่ไหม หมายความแบบนี้ใช่ไหม?"ดูท่าจะกล
เซียวหลันยวนไม่อยากอยู่ในเมืองหลวงแล้วหลายวันนี้ในคุกเขาคิดมาไม่น้อย หลังจากที่คนป่วยคนนั้นถูกส่งเข้ามาเขาก็มีความคิดใหม่"ข้าไม่มีผืนดินศักดินา" เขาถอนใจ"ไม่มีหรือ?" อ๋องฉยงยังมีจวนฉยงโจวที่เป็นผืนดินศักดินาเลย ไปยังผืนดินศักดินาก็ยังเรียกว่าอ๋องได้ ยังเลี้ยงทหารเลี้ยงม้าได้ แล้วถ้าเซียวหลันยวนไม่มี ออกจากเมืองหลวงแล้วจะไปที่ไหนกัน?ตัวตนฐานะของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ใช่ว่าจะไปลงหลักปักฐานที่ไหนได้ส่งเดช ถึงตอนนั้นถ้ามีเรื่องอะไรขึ้น จะเป็นขุนนางราชการท้องถิ่นใหญ่กว่า หรือว่าเขาใหญ่กว่ากัน? แล้วต้องฟังใครเล่า?นางไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวว่าจะหาเงินไม่ได้ แต่ว่าเขาไม่ใช่ประชาชนทั่วไป หลายเรื่องก็ยังต้องเจอกับขีดจำกัดแล้วก็ องค์จักรพรรดิจะให้เขาออกไปได้ง่ายๆ หรือ?"ข้าถือองครักษ์เงามังกรกับตราประทับแคว้นอยู่ เดิมทีก็ออกจากเมืองหลวงไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับก่อนหน้านี้ที่ข้าสุขภาพอ่อนแอ ไท่ซ่างหวงกลัวว่าข้าจะออกจากเมืองหลวงไกลไป ถ้าโรคกำเริบจะไม่มีคนช่วยเหลือ ไม่มีหมอหลวง ไม่มีวัตถุดิบยาอย่างเพียงพอ"ในเมืองหลวง อย่างน้อยพวกทรัพยากรอะไรก็มีมากที่สุดไท่ซ่างหวงตอนนั้นไม่ให้ผืนดินศักดินาก
"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ข้าไม่มีทางทอดทิ้งเจ้าแล้วออกเมืองหลวงไปคนเดียวหรอก""แล้วท่านจะไปที่ไหนล่ะ?"เซียวหลันยวนพานางไปที่ห้องหนังสือ ให้นางดูแผนที่แผ่นดินพื้นที่ของแคว้นเจากว้างขวางมาก เมืองแต่ละแห่งถูกทำสัญลักษณ์ไว้เขาดึงฟู่จาวหนิงมายืนตรงหน้า "พวกเราลองเลือกดูดีไหม?"เหมืองเหล่านั้นล้วนมีขุนนางราชการคอยดูแลอยู่ แล้วยังมีค่ายทหารปักหลักอยู่ด้วยถ้าหากองค์จักรพรรดิยังมีความคิดที่จะเด็ดหัวเขาอยู่ พอพวกเขาเข้าเมือง ก็เท่ากับส่งอ้อยเข้าปากช้าง ทหารทางการของท้องถิ่นคงได้ปิดล้อมพวกเขาแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาถ้าต่อต้าน ก็เท่ากับเป็นกบฏ หรือจะจัดการทหารทางการท้องถิ่นทิ้ง แล้วยืดเมือง?องค์จักรพรรดิคงได้คาดโทษล้อมเมืองสังหารขึ้นมาอีกแน่บนมือเขาไม่มีอำนาจทหาร ต่อให้พาองครักษ์เงามังกรไป ก็ยังไม่เพียงพอจะต้านทานกับกองทหารใหญ่ของแคว้นเจาเซียวหลันยวนมองแผ่นดินผืนนั้นอย่างละเอียด สายตาแฉลบผ่านเมืองไปทีละเมืองๆฟู่จาวหนิงมองอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยข้อมูลที่นางรู้อยู่เล็กน้อยนั่น ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีทางหาสถานที่ที่เหมาะสมได้ดูมีความรู้สึกเหมือน "แผ่นดินตั้งกว้างใหญ่แต่กลับไม่มีที่ให้ซุกหัวนอน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ