เมืองหวงเจียงคือแหล่งผลิตทองคำของแคว้นเจาทองคำส่วนใหญ่ของแคว้นเจาถูกขุดขึ้นมาจากที่นั่นภูเขาหวงเป็นเหมืองทอง ห่างจากภูเขาหวงไม่ไกลนักจึงสร้างเมืองหนึ่งที่ชื่อว่าเมืองหวงเจียงขึ้นมาเมืองหวงเจียงทางนั้นมีทหารคุ้มกันแน่นหนา ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่หลายวันก่อน เหมืองภูเขาหวงถลมลงมา บาดเจ็บล้มตายไปนับไม่ถ้วนพอเหมืองภูเขาหวงเกิดเรื่องขึ้นวันที่สอง ในค่ายทหารที่คุ้มกันเหมืองจู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้ เผาเหล่าทหารที่ยังหลับฝันบาดเจ็บล้มตายไปมากคลังทองในเมืองหวงเจียงก็ถูกปล้น ทองก้อนที่เพิ่งขุดขึ้นมาชุดใหม่ที่ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ ไม่เหลือเลยแม้แต่ก้อนเดียวองค์จักรพรรดิเดิมทีก็กำลังรอทองชุดนี้มาตลอด ผลลัพธ์คือตนนี้ไม่เหลือเลยแม้แต่ก้อนเดียวตอนที่ข่าวส่งเข้ามาในเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน องค์จักรพรรดิยังกำลังคิดว่าจะปลดหน้ากากอ๋องเจวี้ยนออกอย่างไรพอได้ยินเนื้อหาของข่าว องค์จักรพรรดิก็วิ้งไปทั้งหัว กระอักเลือดออกมาโฮกหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ!!" ขันทีหน้าถอดสีองค์จักรพรรดิหน้ามืด พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ล้มพับลงไปแล้ว"รีบแจ้งหมอหลวงเร็ว!!"บรรยากากาศในเมืองหลวงเคร่งเครียดขึ้นมาทั
ฟู่จาวหนิงสูดลมหายใจลึก เรื่องนี้ นางเองก็โกรธมาก เพราะบาดเจ็บล้มตายไปมากมายเลยนี่นา นางได้ยินว่าเหมืองภูเขาหวงทางนั้นมีคนงานเหมืองอยู่มากมายไปหมดคนพวกนั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์"การจะทำให้เหมืองภูเขาถล่มลงมาไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่งานที่ใช้เวลาไม่กี่วันจะทำสำเร็จด้วย การเตรียมงานใหญ๋ขนาดนี้ แค่เพื่อจะแย่งทองชุดเดียวหรือ?""บางที ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการแค่ทองล่ะ?"เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง พอเห็นนางคิ้วขมวดกัน ก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้ ยื่นมือไปลูบคิ้วของนางให้เรียบ"เอาล่ะ หนิงหนิง เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ต้องให้เจ้ามากังวลหรอก เจ้าไม่ใช่จะไปหาผู้อาวุโสจี้หรือ? ไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ไปขอวัตถุดิบยาชุดหนึ่งจากต่งฮ่วนจือ ให้เวลาเขาเตรียมตัวสองวัน ตอนนี้น่าจะเตรียมเสร็จแล้ว นางต้องพาคนไปเอากลับมาเรื่องเหมืองภูเขาหวงทางนั้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องกังวลจริงๆนางถอนหายใจ "ถ้าอย่างนั้นก็เอาเถอะ ข้าจะไปหาท่านอาจารย์แล้วนะ ท่านก็อย่าเหนื่อยเกินไปล่ะ"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าเรื่องนี้ถึงแม้จะไม่ต้องให้นางมากังวล นางกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เซียวหลันยวนจะต้องไตปรวจสอ
ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ในตัวโถงพันธมิตรโอสถเพราะว่าเป็นจุดขายยารับยา ดังนั้นในโถงจึงกว้างและสะอาดเรียบร้อย ไม่มีการตกแต่งอะไรมากนักพื้นหินเรียบ ตรงหน้ามีโต๊ะหินอยู่หลายตัว บางครั้งก็จะมีการรับยาตรวจยาที่นั่นโถงใหญ่ข้างหน้าเองก็เปิดโล่ง แค่มองไปก็เห็นห้องทางซ้ายขวาของโถงใหญ่เป็นสถานที่วางยาสกัดยา ไม่มีอะไรน่าสนใจนางมองไม่เห็ฯใครเลยดังนั้น ด้านนอกมีรถม้ามากขนาดนี้ แล้วยังเป็นของเหล่าหญิงสาวอีก ตอนนี้ทำไมถึงไม่เห็นแม่นางคนไหนเลยสักคนเดียว?พวกนางมาทำอะไรที่พันธมิตรโอสถ?"อาจารย์ของข้าล่ะ? ข้าบอกกับเขาว่าวันนี้จะมา เข้าไม่อยู่ข้างในหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามกับผู้ดูแลผู้อาวุโสจี้เคยแนะนำนางกับคนในพันธมิตรโอสถเหล่านี้ไปแล้ว คนเหล่านี้ต้องรู้แน่ว่านางเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจี้ตอนนี้พฤติกรรมของผู้ดูแลคนนี้ดูแปลกๆ"เข้ายังไม่เข้ามาเลย..." ผู้ดูแลตอบ "พระชายาอ๋องเจวี้ยนนัดผู้อาวุโสจี้ไว้ที่พันธมิตรโอสถหรือ?""ใช่แล้ว"ฟู่จาวหนิงยกเท้าเดินไปด้านหลัง "ข้าเข้าไปหาหน่อยดีกว่า บางทีเขาอาจจะมาแล้วแต่เจ้าไม่ทันเห็น"ที่นี่คือพื้นที่ของผู้อาวุโสจี้ เขาเข้ามาไม่จำเป็นต้องมีคนมาต้อนรับ ผู้ดูแลถ้า
ผู้ดูแลก็ตกตะลึงไปมองไปทางต่งฮ่วนจือ เขาก็เอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่าถึงเรื่องที่เฉินฮ่าวปิงกำชับไว้กับเขาก่อนหน้า"แต่แม่นางเฉินบอกว่า เรื่องที่นางจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่นี่ จะให้ประชายาอ๋องเจวี้ยนรู้ไม่ได้ แล้วถ้าหากพระชายาอ๋องเจวี้ยนบังเอิญเข้ามาล่ะก็ จะต้องห้ามนางเอาไว้ ไม่อย่างนั้นท่านจะลำบากเอา ถ้าหากพระชายาอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วไปบอกกับผู้อาวุโสจี้ ผู้อาวุโสจี้จะหันมาโทษท่าน..."คำพูดเหล่านี้ เฉินฮ่าวปิงจงใจมาหาเขาแล้วบอกกับเขาโดยเฉพาะ ตอนที่พูดก็ดูจริงจังมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าละเลยอย่างอื่นยังว่าง่ายหน่อย แต่ถ้าทำให้ผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือศิษย์อาจารย์มาทะเลาะกัน นี่มันจะผิดหนักเอายิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่หวังให้พันธมิตรโอสถเมืองหลวงทางนี้มีเรื่องอะไรด้วยแม่นางเฉินเองก็อยู่เป็น หลังจากมาถึงให้สินบนกับผู้ดูและพนักงานอย่างพวกเขาวันนี้ตอนเช้าก็มีพนักงานคนหนึ่งทำผิดพลาด เดิมทีต้องถูกต่งฮ่วนจือด่าจนเลือดซิบ พวกเขารู้ว่าต่งฮ่วนจือในด้านอื่นนั้นใจดีมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องงานในพันธมิตรล่ะก็ ดูแลจัดการได้เข้มงวดสุดๆแต่แม่นางเฉินก็เข้ามาช่วยพูดให้ ต่งฮ่วนจือจึงปล่อยพนักงานคนนั
เรือนหลังมีการตากวัตถุดิบยาอยู่จริง แต่ก็ไม่ได้เกินจริงเหมือนที่เขาพูด ยังมีที่ให้ลงเท้ายืนได้"นางเดินไปแล้วหรือ?""ขอรับ ผู้จัดการใหญ่ ท่านไปดูหน่อยดีไหม? จะได้ไม่เกิดเรื่อง""ที่ฮ่าวปิงเชิญมาก็ล้วนเป็นสาวน้อยกันทั้งนั้น คนอายุอย่างข้าเข้าไปพวกนางจะอึดอัดเอานะ"ต่งฮ่วนจือรู้สึกลำบากใจหน่อยๆ"บางทีตอนนี้พระชายาอ๋องเจวี้ยนคงจะยังเดินไปไม่ถึงสวนดอกไม้นั่น ถ้าอย่างไรผู้จัดการใหญ่ลองไปดูหน่อย หรือถ้าสกัดพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาไว้ได้คือดีที่สุด ถึงอย่างไรนางก็แค่มารับวัตถุดิบยาเท่านั้น ไม่น่าจะสนใจอะไรกับงานเลี้ยงน้ำชา" ผู้ดูแลเอ่ยขึ้นต่งฮ่วนจือคิดถึงเรื่องที่ฟู่จาวหนิงกับเฉินฮ่าวปิงไม่ลงรอยกันก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกว่าอย่าให้พวกนางสองคนเจอกันจะดีที่สุด จึงรีบออกไปฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนหลัง แล้วก็เห็นพื้นที่ไม่น้อยกำลังตากวัตถุดิบยา ในอากาศเองก็เต็มไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพรในพันธมิตรโอสถมีพนักงานอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เห็นกำลังวุ่นอยู่กับหน้าที่ของแต่ละคนพวกเขาควรจะรู้จักนางหมดแล้ว พอเห็ฯนางก็ล้วนหยุดมือมาคารวะถามไถ่"พระชายาอ๋องเจวี้ยน""คารวะพระชายา""ไม่ต้องมากพิธีหรอก ทำงานของพวกเจ้าเถอ
รอบๆ ตุ๊กตาหิมะตัวน้อยล้วนตกแกต่งด้วยโคมเล็กเหล่านี้ ตัวโคมไฟเล็กก็มีหลากสีสัน สิ่งที่ปักไว้ด้านบนก็แตกต่างกัน มีทั้งสัตว์ดอกไม้และสาวงาม ใช้ผ้าไหมเบาบางเป็นพื้น จินตนาการได้เลย ว่าหลังจากที่จุดไฟขึ้นมาแล้ว โคมไฟเหล่านี้จะงดงามแค่ไหนหงจั๋วตอนที่เห็นโคมไฟก็ถูกดึงดูดไปแล้ว"พระชายา ลายปักบนโคมไฟพวกนี้สวยประณีตมากเลยข้าน้อยไม่เคยเห็นงาปักที่ดีแบบนี้มาก่อนเลย"นางอดไม่ไหวจนคิดจะหยิบขึ้นมาดู แต่ฟู่จาวหนิงยืนนิ่งไม่ไปแตะ นางเองก็ไม่กล้าที่จะไปขยับ"ใกล้จะเทศกาลหยวนเซียวแล้ว โคมไฟเหล่านี้ถ้าเอาออกไปล่ะก็ คงมีคนไปแย่งกันน่าดู"ในเมืองหลวงแคว้นเจาไม่มีโคมไฟงานปักเช่นนี้ ดูมีเอกลักษณ์มาก นางมองนางยังชอบเลยสาวตาของฟู่จาวหนิงย้ายจากโคมไฟไปยังเฉินฮ่าวปิงที่ถูกกลุ่มหญิงสาวที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่โคมไฟเหล่านี้จะต้องเป็นของที่ฮูหยินเฉินเตรียมไว้แน่นอนนางได้ยินหงจั๋วเอ่ยขึ้นมา จึงนึกออกว่านี่ใกล้จะถึงหยวนเซียวแล้วเทศกาลหยวนเซียวในเมืองหลวงแคว้นเจาเองก็คึกครื้นอยู่ในความทรงจำ โคมดอกไม้แคว้นเจาถึงแม้จะมีมากมายหลายแบบ แต่โคมไฟที่มีลายปักแบบนี้นั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะผ้าไหมบางกึ่งโปร่งแสง
เฉินฮ่าวปิงยิ้มอย่างอบอุ่น "สิ่งนี้ใช้ยางต้นไม้ที่บดแล้วมาทำน่ะ ยางไม้ชนิดนี้พอจัดการแล้วก็นำไปแช่น้ำ จากนั้นก็ต้มอีกหน่อย ใส่สาลี่ น้ำตาลแดงก็อร่อยมากด้วย ดีกับหญิงสาวอย่างพวกเรา"นางดีใจมากเหล่าหญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้เหมือนจะไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เสียแรงที่นางกับแม่เตรียมของเหล่านี้ไว้แม่พูดไว้ไม่ผิด ใช้ของพวกนี้ทำให้นางหวั่นไหว ก็สามารถเป็นเพื่อนกับพวกนางได้แล้วยังดีที่ลุงต่งยอมช่วย หาคนที่มารับวัตถุดิบยาในพันธมิตรโอสถบ่อยๆ แล้วนำเทียบเชิญไปให้กับบุตรสาวในตระกูลพวกเขาถึงแม้ส่งไปสิบห้าเทียบเชิญจะมีคุณหนูมาแค่เจ็ดคน แต่นี่ก็ใช้ได้แล้ว ขอแค่คุณหนูเจ็ดคนนี้นำของกลับไป ไม่ต้องกลัวเรื่องที่พวกนางจะไม่ช่วยเผยแพร่เลยรอให้ถึงเทศกาลโคมดอกไม้ โคมไฟเหล่านี้ของพวกนางจะต้องได้รับความนิยมอย่างมากลุงต่งบอกว่า ถึงตอนนั้นค่อยช่วยแม่เปิดร้านสักแห่งของที่พวกนางทำออกมานั้นล้วนประณีตราคาแพงทั้งสิ้น หลังจากนี้พวกลูกค้าก็จะมีแต่พวกคุณหนูฮูหยินที่มีเงินมีอำนาจ ได้ทั้งเงิน แล้วยังได้เชื่อมสัมพันธ์กับพวกนางด้วยค่อยๆ วางแผนไป จะต้องหาคู่ครองที่ดีได้แน่เฉินฮ่าวปิงพยายามสะกดความภาคภู
อวิ๋นจูมีตัวตนฐานะเช่นนี้ แต่ในจิตใต้สำนึกก็ยังรู้สึกดูถูกตัวตนแบบนี้อยู่ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงเป็นแบบเดียวกับนาง นางก็จะรู้สึกแอบสะใจไม่ใช่แค่นางเท่านั้น คนอื่นเองก็ไม่สมควรจะได้เข้าสังคมเช่นกัน ดังนั้นก็อย่าไปตำหนิคนที่มีปัญหาเหมือนกันเลย ทุกคนก็อยู่ในบึงโคลนเหมือนกัน มันก็ต้องเหม็นเน่าไปด้วยกันนั่นล่ะเฉินฮ่าวปิงในใจความโกรธหลั่งทะลักคนคนนี้มาทำให้เรื่องวุ่นวายหรือไรกัน? ในเมื่อยอมเข้ามาเพราะเห็นแก่หน้าลุงต่งแล้ว ก็ควรจะมาเชื่อมสัมพันธ์กันดีดีสิ?คุณหนูคนอื่นท่าทีก็ดีออกจะตาย แล้วยังให้หน้ากับสิ่งของที่นางนำออกมาด้วย น่ายกย่องจะตายแต่อวิ๋นจูคนนี้..."พี่หญิงคนนี้ล้อเล่นกันเสียแล้ว ข้าเรียกเขาว่าลุงต่งแล้วนะ แล้วเขาจะมาเป็นพ่อข้าได้อย่างไรกัน? พ่อของข้าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ข้ากับแม่เพิ่งมาจากต้าชื่อกัน" เฉินฮ่าวปิงพยายามสะกดความโกรธไว้นี่เป็นครั้งแรกที่นางจัดงานเลี้ยงเล็กๆ จะทำพังไม่ได้"อย่างนั้นหรือ? เจ้ากับแม่ของเจ้าหนีตามคุณชายต่งมาสินะ? ข้าได้ยินว่าคุณชายต่งเป็นศิษย์พี่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยน วันนี้เจ้าได้เชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาไหม?"อวิ๋นจูอดคิดไปถึงฟู่จาวหนิงไม่ได้
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ