ภรรยาอายุน้อยคนหนึ่งกำลังหอบฟืนเดินเข้ามา พอได้ยินเสียงไอของแม่สามี จึงรีบเดินเข้าไป"ท่านแม่ ไม่สบายตรงไหนหรือเลป่า ให้ข้าต้มแทนให้เถอะ""แค่ต้มข้าวต้มเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่กๆๆ"ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพอเห็ฯนาง แม้จะรู้สึกพูดลำบาก แต่พอได้ยินนางไออีกครั้งก็ยังทนไม่ไหว"ท่านแม่ ใต้เท้าโหยวไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าคนที่ไปช่วยแจกข้าวต้มไม่ให้กลับมาบ้านชั่วคราว? เพราะว่ากลัวผู้ประสบภัยพวกนั้นระบาดโรคใส่หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ท่านก็ไปช่วยมานี่นา ถ้าอย่างนั้น..."หญิงสาวตัวแข็งไป "ไม่ ไม่หรอกกระมัง? เมื่อวานข้าไม่ได้ไป วันก่อนเลยกลับมา"เมื่อวานบอกว่าคนที่ไปช่วยอย่าเพิ่งกลับบ้านชั่วคราว ให้อยู่ที่ศูนย์พักพิงกันก่อนเมื่อวันก่อนตอนกลางคืนนางมีธุระพอดีจึงขอลากลับมา พอได้ยินข่าวก็เลยไม่ได้ไปอีกเมื่อวานยังมีข้าราชการเข้ามาถามอยู่เลย ว่านางมีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม แต่เมื่อวานนังยังไม่เริ่มไป แค่รู้สึกตัวเย็นหน่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าจะเหนื่อยเกินไป ไม่ได้นอนดีดี ไม่รู้สึกว่าตนเองป่วยเลยบอกไปว่าไม่มีผลคือวันนี้กลับเริ่มไอเสียแล้ว"ศูนย์พักพิงทางนั้นวันนี้พาคนไปแล้วหลายคน ครั้งนี้บอกว่
เป็นเจ้าโรคนั้นแล้วหรือ?"ฮูหยิน ท่านไม่สบายตรงไหน?""มีไข้ มึนหัว ตอนนี้ทั้งตัวไม่มีแรงแล้ว เอว เอวก็ปวด แล้วยังไออีก"ต่งฮ่วนจือพอได้ยินก็รู้สึกว่าแย่แล้วเหมือนอาการจะตรงกันหมดเลยตอนนี้เองอาเหอก็ออกมา พอเห็นหญิงสาว แม้นางจะสวมหน้ากากปิดจมูกอยู่ แต่เนื่องจากหลายวันนี้เขายุ่งอยู่กับการจัดแจงที่พั จึงจำนางได้"ป้าอาหลี่?""ข้า ข้าเอง""ผู้จัดการต่ง นาง นางคือคนในท้องถิ่นขอรับ" อาเหอบอกต่งฮ่วนจือสองคนสบตากัน สายตาเคร่งขรึมฟู่จาวหนิงบอกไว้ว่ากังวลเรื่องที่คนท้องถิ่นจะติดโรคระบาด นั่นอาจจะระบาดออกเป็นวงกว้างได้ ตอนนี้มีคนท้องถิ่นติดโรคแล้วจริงๆป้าหาหลี่เอ่ยขึ้น "แล้วก้ พวกเราในซอยนั้นยังมีตาเฒ๋าอู๋ที่อาศัยอยู่คนเดียวอีกคน เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่านบ้านเขา ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรง ข้าไม่กล้าไปดู ไม่รู้ว่าต้องรายงานใต้เท้าโหยวไหม?""ซู๊ด"สถานการณ์แย่แล้วจริงๆ"ป้าอาหลี่ ท่านรอก่อน"อาเหอเข้าไปบอกคำหนึ่ง ให้คนถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงให้ป้าอาหลี่เข้ามา เดินตามตนเองไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตกที่ประตูวงกลม ฟู่จิ้นเชินตรวจดูนางให้ก่อน จากนั้นค่อยตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงส่วนอาเห
ป้าหนิวคิดถึงครอบครัวตนเองที่ป่วยตายระหว่างทาง ก็ก้มหน้าลงปาดน้ำตาในใจนางเองก็เจ็บปวดมากในบ้านเหลือนางแค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวก็ล้วนป่วยตายกลางทางในจุดที่แตกต่างกัน กระทั่งไม่ได้จัดการฝังไว้ด้วยกันดีดี พอคิดแล้ว ก็เหมือนทั้งห้าคน ราวกับเป็นหลุมศพทิ้งร้างข้างทางห้าหลุมตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้จะระบาดได้รุนแรงขนาดนี้ คิดแค่ว่าครอบครัวพวกเขาเดิมทีก็อยู่ด้วยกัน ร่างกายก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นจะป่วยไปด้วยกันก็ไม่แปลกบ้านเกิดพวกเขาเองก็มีคนมากมายที่เป็นดรคหวัด ไม่กินไม่ดื่ม และไม่ได้รักษากินยา จนกระทั่งป่วยตายไปการป่วยตายสำหรับคนจนอย่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ นางไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นตอนที่สามีนางตายบอกกับนางว่า ตายไปยังสู้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต่อให้ในบ้านจะป่วยตายกัน เหลือนางแค่คนเดียวก็ยังต้องมีชีวิตต่อ หลังจากนี้จะได้ยังพอเผากระดาษให้ครอบครัวได้ด้วยประโยคนี้ ป้าหนิวจึงยืนหยัดต่อมาไม่เช่นนางนั้นคงตามคนในครอบครัวไปด้วยกันแล้ว"ป้าหนิว ท่านอย่าไปคิดมาก ท่านช่วงนี้ช่วยเหลือมามากมายแล้ว เป็นคนดีแน่นอน" ฟู่จาวหนิงตบลงบนบ่านาง"ขอบคุณมากหมอฟู่ ท่านมีงานอะไร
"พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อ จึงทำได้แค่รีบเดินทางต่อ" ป้าหนิวร้องไห้ออกมา "คงจะ คงจะไม่ได้ติดโรคมาตอนนั้นหรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงกับฟู่จิ้นเชินสบตากันนี่มัน...เป็นไปได้มากเลย"ตอนที่พวกท่านพักที่นั่น ใช้อะไรของพวกเขาบ้าง?" นางถามขึ้นป้าหนิวหน้าซีด ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรไม่ต้องถามก็คือใช้ไปแน่นอนผ้าห่ม จานชาม"เพราะ เพราะพวกเขาโกรธที่พวกเราเข้าไปใช้ของพวกเขาหรือเปล่า ดังนั้นเลยสาปชีวิตครอบครัวเราแบบนี้..." ป้าหนิวนั่งทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ขึ้นมานางร้องไห้ฟูมฟานจนตัวเขียวปัด"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว เช่นนั้นก็ควรไปตรวจสอบหน่อย ว่ามีประชาชนจากหมู่บ้านหนิวโกวเข้ามาในเมืองเจ้อหรือเปล่า?""ให้คนไปตรวจแล้ว หมู่บ้านหนิวโกวนั้น ผู้ประสบภัยคนอื่นที่ผ่าน ก็เป็นไปได้ว่าจะเข้าหมู่บ้านไปพักกัน..."ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยิ้มขืน "ตาเฒ่าอู๋เพื่อนบ้านป้าอาหลี่คนนั้นก็เข้าไปพักที่นั่นมาด้วย!""ข้าราชการที่ส่งจดหมายกลับมา ได้ถามสถานการณ์ตอนนี้ของหมู่บ้านหนิวโกวกหรือเปล่า? ตอนนี้มีผู้ประสบภัยคนอื่นป่วยไหม?""พวกเขาพอได้ยินเรื่องนี้ก็รีบถอยออกมาแล้ว รอจดหมายตอบกลับแล้วค่อยสืบต่อ"ข้าราชการพวกน
ต้องจ่ายเงินเองเพื่อซื้อวัตถุดิบยาจากโรงยาทงฝูจริงหรือ?"เช่นนั้นถ้าโรคนี้ระบาดออกมา คนป่วยยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ?" ต่งฮ่วนจือถามนั่นมันเป็นเงินก้อนโตมากเลยนะต่อให้จวนอ๋องเจวี้ยนก็เถอะ เงินของอ๋องเจวี้ยน จะหายไปจำนวนมากเลยทีเดียวเพราะพวกขเาไม่รู้ว่านับจากนี้จะมีคนป่วยมาอีกเรื่อยๆ หรือเปล่า ถ้าหากเพิ่มเป็นพันคนล่ะ?ถ้าหากระบาดไปถึงเมืองอื่นอีกล่ะ?"นอกจากวัตถุดิบยา ยังมีกำลังคนอีก ยังต้องสถานที่อยู่อาศัยอีก จะมาแออัดกันแบบนี้ไม่ได้ ตอนที่ล้วป่วย ยังต้องมีคนคอยดูแลพวกเขา ศิษย์น้องหญิง ตอนที่เจ้ารักษาพวกเขายังต้องฝังเข็ม แต่ที่นี่มีเจ้าแค่คนเดียวที่เป็น..."ต่งฮ่วนจือยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่า หากยังดูแลต่อไป ฟู่จาวหนิงได้ตายก่อนแน่นางคนเดียว จะดูแลคนป่วยมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน?"ศิษย์น้องหญิง ถ้าหากเจ้ายังทนต่อไป ต่อให้ไม่มมีโรคระบาด เจ้าก็จะล้มเอานะ"สืออีเองก็ตาแดงก่ำฟู่จาวหนิงเงียบไปพักหนึ่ง ตอบว่า "ใต้เท้าอันไประดมพลหมอกับวัตถุดิบยาจากที่อื่นแล้ว""พวกเรารู้ ใต้เท้าอันเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง ตำแหน่งข้าราชการเขาไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้จะสั่งการผู้บริหารท้องถิ่นในสถานที่ต่างๆ เพื
"หมอฟู่ช่วยด้วย!"ข้าราชการหลายคนรีบแบกคนวิ่งเข้ามาพวกเขาล้วนรีบร้อนลนลาน คนที่ป่วยคือสหายของพวกเขา ดูแล้วน่ากลัวมาก นิ้วมือเองก็ม่วงหงิกงอไปแล้ว กระตุกไปทั้งตัวเพราะคนข้างกายจะตายอยู่แล้ว จึงทำให้พวกเขารีบจนลืมที่จะเลี่ยงออก"ท่านพ่อ เอาเข็มเงินให้ข้า!"ฟู่จาวหนิงลืมไปในพริบตาว่าตนเองอ่อนล้า ให้พวกเขาแบกคนเข้ามา วางไว้ในเรือน จากนั้นให้พวกเขาถอยออกไปให้หมดส่วนตนเองก็รีบเข้ามาช่วงเหลืออย่างเร่งด่วนข้าราชการคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อย แต่ตอนนี้หน้ากับมือม่วงไปแล้วฟู่จิ้นเชินรีบเอากล่องยาของนางออกมา ฟู่จาวหนิงฝังเข็มอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าตอนไหน เฉินเซียงประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยืนอยู่ตรงประตูห้องข้างนั้นมองเข้ามาเฉินเซียงพอเห็นสภาพของข้าราชการคนนั้น สีหน้าก็ขาวซีดไปนางจับแขนขององค์หญิงใหญ่ไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ"องค์หญิงใหญ่ เขา เขาจะตายไหม...""แค่กๆๆ น่า น่าจะรักษาได้กระมัง?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็มองการรักษาของฟู่จาวหนิงอย่างตึงเครียดพวกเขาแค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกกลัวขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้แค่รู้สึกว่าไอจนรู้สึกแย่เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าคนจะตายคนทั้งหมดล้วนจ้องมองเ
สืออีตอนนี้โกรธมากนี่มันตอนไหนแล้ว? ไป๋หู่ยังคิดจะมมาทะเลาะกับเขาอีกหรือ?"ข้าเองก็เป็นห่วงพระชายานะ!"สืออีตะโกนคำนี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ไป๋หู่นิ่งงันไป คำพูดที่คิดจะเอ่ยต่อมาที่มุมปากก็กลืนกลับลงไปเขาตอนนี้เองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว สองตาของสืออีกแดงก่ำไปแล้วเรื่องนี้ก็โทษสืออีไม่ได้ เขาเหมือนจะพาลไปหน่อยๆ แล้วสืออีสูดลมหายใจลึก ให้ตนเองใจเย็นลงมา"การเลือกของพระชายา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะมาตัดสินใจ ต่อให้เจ้าจะเขียนจดหมายถึงคุณชายเสิ่น ก็ไม่มีทางให้คุณชายเสิ่นมารับนางไปได้"พวกเขาก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีความคิดของตนเอง นางมีจุดยืนและความคิดของตนเองอยู่ถ้าไม่สนความคิดนาง แล้วฝืนพานางออกไปมันเป็นไปไม่ได้เลย"ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?"ไป๋หู่อันที่จริงก็เข้าใจจุดนี้ดีแต่พวกเขาก็เป็นห่วงนางจริงๆ แล้วยังกังวลว่าถ้านางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเหนื่อยจนป่วยเอา"ข้าจะเกขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง จดหมายด่วน"สืออียังรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าท่านอ๋องอยู่ที่นี่คงจะดี พวกเขาไม่มีทางเตือนพระชายาได้ บางทีท่านอ๋องอาจจะทำได้?"ใครก็ได้ ใครก็ได้ ใต้เท้าอันบาดเจ็บแล้ว!"เสียงของเสี่ยวเจียงส่งมาจากด้
"ข้าให้คนจัดการโบยผู้ประสบภัยห้าคนที่ลงมือแล้ว ควบคุมสถานการณ์ได้แล้วชั่วคราว" อันเหนียนยิ้มขืนเพียงแต่ตอนนี้คนของพวกเขาก็ไม่พอจริงๆ ถ้ามีคนมาสร้างความวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีกกำลังก็คงไม่พอแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวช่วงนี้อาการปวดหัวกำเริบขึ้นมาแล้วอันเหนียนรู้สึกว่าหัวของเขาปวดเอามากๆ"ซี๊ด!"มือของผู้ช่วยหมอกดไปยังข้อมือที่บิดของเขา อันเหนียนสูดปาก"ใต้เท้าอัน มือของท่านน่าจะกระดูกหักแล้ว..." ผู้ช่วยเหมอหน้าเปลี่ยนสี ไม่กล้าแตะอีกก่อนหน้านี้เขาคอยตามหมอชรา สิ่งที่เรียนมาคือรักษาพวกโรคหวัดข้อเสื่อมปวดหัวมีไข้อะไรพวกนี้ สำหรับเรื่องกระดูกหักนั้นจัดการไม่เป็นเลยไม่ใช่แค่เขาทำไม่เป็น ผู้ช่วยหมออีกสองคนก็ทำไม่เป็นมีคนหนึ่งเป็นแค่พันแผลด้วยซ้ำแต่ถ้าไม่มีหมอมาพิจารณาก่อน พวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องพันแผลอย่างไร"แล้วก็เท้ายังบวมขึ้นมาอีก นี่ก็..."ไม่รู้ต้องจัดการอย่างไรเหมือนกันอันเหนียนงงงันไปครู่หนึ่ง ใช้แขนอีกข้างกุมหน้าผาก ถอนหายใจเอ่ยขึ้น "หมอของที่นี่ไม่พอจริงๆ""ใต้เท้าอัน ท่านจะกลับเมืองหลวงไหม?" สืออีเห็นสภาพเขาเช่นนี้ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้หมออันเป็นข้าราชการพลเรือนคนหนึ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ