มาถึงด้านนอกโรงหมอ ก็มีองครักษ์รีบตรงออกมาต้อนรับ เพราะคนที่มานั้นพลังท่วงท่าน่าตกตะลึง ตอนที่เข้ามาก็ทำให้องครักษ์จวนอ๋องรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหลังจากออกมาพอเห็นคนลงจากหลังมาราวกับสายลม องครักษ์ก็ดวงตาเป็นประกาย ลิงโลดกันขึ้นมา"ท่านอ๋อง!"ท่านอ๋องมาหรือ? ท่านอ๋องมาแล้ว!องครักษ์แทบจะคิดว่าตนเองฝันไป"พระชายาอยู่ที่ไหน?" ตอนที่เซียวหลันยวนเข้ามาเจอกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยว ไม่คิดจะให้เขาได้คารวะเลย แต่ถามถึงสถานที่ที่ฟู่จาวหนิงอยู่ทันที แล้วพุ่งผ่านไปราวกับสายลม"อยู่ที่ห้องข้างฝั่งตะวันตก..."สเียงขององครักษ์ยังไม่ทันพูดจบ ร่างของเซียวหลันยวนก็หายไปจากตรงหน้าเขาแล้ว"ดีเหลือเกิน ท่านอ๋องมาแล้ว"องครักษ์รีบเข้าไปจูงม้าตอนนี้ ฟู่จาวหนิงที่กำลังฟังคำพูดพวกนั้นของเฉินเซียง นางก็รู้สึกว่ามันเหลวไหลไร้สาระมาก"หุบปาก!"ฟู่จิ้นเชินรีบเดินเข้ามา เมื่อครู่เขาจัดการจัดแจงที่พักให้กับคนป่วยอีกหลายคน ได้ยินคำพูดของเฉินเซียงแล้วก็โมโหจนอยากจะเตะสาวใช้คนนี้ออกไปทันที"จาวหนิง เจ้าไปดูใต้เท้าอันซะ"ฟู่จิ้นเชินโบกมือให้ฟู่จาวหนิงคนที่อยู่นอกเรือนก็ล้วนได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเฉินเซียงห
บนตัวข้าอาจจะมีเชื้อโรคอยู่เซียวหลันยวนพอได้ยินฟู่จาวหนิงพูดประโยคนี้ ก็ไม่รู้เพราะอะไรใจถึงอ่อนยวบลงมาแต่เขาก็รู้สึกอยากจะหัวเราะ"เด็กโง่"เห็นนางแต่งตัวประหลาดแบบนี้ สุดท้ายเขาก็ฟังนาง ไม่ได้ดึงนางเข้ามาก่อนตามที่ใจปรารถนา"เสียงทำไมถึงได้แหบแบบนั้น?" เขาถามขึ้น"ดื่มน้ำน้อยไปหน่อย" ฟู่จาวหนิงตอบกลับอย่างว่าง่าย"หลังจากนี้ก็ดื่มเยอะๆ หน่อย""ได้เลย""อะแฮ่ม" อันเหนียนกระแอมออกมาสองที "ทั้งสองคน พวกเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าข้า"ใต้เท้าผู้ตรวจการตัวเบ้อเร่ออย่างเขา มองไม่เห็นหรือไรกัน?คนบาดเจ็บตัวเบ้อเร่ออย่าเขา นี่จงใจมองข้ามกันเรอะ?เซียวหลันยวนจึงก้มหน้าเหลือบมองเขา"ใต้เท้าอันดูซมซานน่าดู ถูกใครเขาอัดมารึ?" เขาถามขึ้นอันเหนียนยิ้มขืน "กระดูกแขนน่าจะหักไปแล้ว ขาเองก็พลิกด้วย บวมอีกต่างหาก แล้วยังถูกกรีดตั้งแผลเบ้อเร่อ มันก็ดูซมซานจริงๆ นั่นล่ะ""โอ้ เมื่อครู่ข้าเห็นพระชายาจะมารักษาเจ้า แต่ใต้เท้าอันดันห้ามไว้?"พอคำนี้ออกมา ใจของคนอื่นๆ ก็พุ่งขึ้นมาถึงคอหอยแล้วใต้เท้าอันเมื่อครู่ยื่นมือไปประคองฟู่จาวหนิง ไม่ให้นางนั่งลงตรวจอาการฉากนี้ ถูกอ๋องเจวี้ยนเห็นเข้าแล้วหรื
เขามองฟู่จาวหนิงเขม็ง ครู่หนึ่ง จึงถอยออกมาสองก้าว"หนิงหนิงจะดูอาการให้ใต้เท้าอันก่อนสินะ?"ฟู่จาวหนิงเห็นแผลของอันเหนียนแล้วบาดเจ็บที่ข้อมือกับขา ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ดังนั้นนางจึงเบาใจขึ้นมา"ข้าขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อกับถุงมือก่อน"นางหมุนตัวเข้าไปในเรือนอีกครั้ง แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมา "ท่านเข้าไปไม่ได้นะ"พอพันกลับ ก็เห็นว่าเซียวหลันยวนกำลังจะเข้ามา สืออีก็เหมือนจะบื้อกันไปหมด ไม่มีใครมาขวางเขาเลย"เข้าไปไม่ได้?"เซียวหลันยวนคิดถึงสถานการณ์ที่พวกเขาเขียนไว้ในจดหมาย จึงยืนนิ่งไป"ข้าไม่เข้าไป"เขายืนอยู่ที่นี่ เฉินเซียงที่อยู่ด้านในก็มองเห็นเขาแล้วฟู่จิ้นเชินเมื่อครู่ใช้น้ำเสียงเด็ดขาดกล่าวโทษนาง นางไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่ดุด่าอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ พอเงยหน้าขึ้นอย่างเคืองๆ ก็เห็นเข้ากับอ๋องเจวี้ยนที่ยืนอยู่ข้างประตูวงกลม จึงไม่สนใจฟู่จิ้นเชินแล้ว"อ๋องเจวี้ยน!"อ๋องเจวี้ยนมาแล้วหรือ?เฉินเซียงตาเป็นประกาย ในใจก็ลิงโลด วิ่งเข้าไปด้านในทันที"องค์หญิงใหญ่ อ๋องเจวี้ยนมาแล้ว! เขามาที่เมืองเจ้อแล้ว!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ฟุบไออยู่ข้างเตียงพอได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนมาแล้ว
"ชุดด้านนอกนั่น...ต้องใส่เอาไว้จริงหรือ?"เซียวหลันยวนไม่รู้มันเรียกว่าอะไรแต่ก็ปิดบังร่างนางเอาไว้จนหมดเซียวหลันยวนอันที่จริงก็ไม่ได้เจอนางมาเกือบเดือนแล้ว ฟู่จาวหนิงผอมลงไปแค่ไหน ถึงทำให้น้ำเสียงในจดหมายของสืออีร้อนรนเสียขนาดนั้นเขามองดวงตาฟู่จาวหนิงดวงตาโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้านั้นต้องซูบผอมลงไประดับหนึ่งแน่"ในนี้มีแต่คนที่ป่วยโรคระบาด" ฟู่จาวหนิงตอนนี้อันที่จริงก็อยากเข้าไปกอดเขา ก่อนหน้านี้นางรู้สึกมาตอลดว่าตนเองเป็นคนที่แข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว ไม่ค่อยมีเวลาที่อ่อนแอมากนัก ต่อให้มีก็ยังรักษาตัวเองได้แต่ตอนนี้นางปรารถนาอ้อมกอดเขามากแต่นางก็ทำไม่ได้แม้จะชะล้างไป เปลี่ยนชุดอะไรก็แล้ว แต่นางก็ยังเข้าใกล้เขาในตอนนี้เซียวหลันยวนยื่นสองมือมาทางนาง"ข้ากอดหน่อย"ถ้ากอดสักหน่อย เขาก็จะรู้ว่านางผอมไปแค่ไหนแล้ว"ไม่ดีหรอก? ตอนนี้บนตัวข้าสกปรกมาก" ในดวงตาฟู่จาวหนิงมีรอยยิ้ม"ข้ามาจากเมืองหลวง ควบม้ามาสามวันยังไม่ได้อาบน้ำเลย สกปรกเหมือนกัน" เซียวหลันยวนตอบพอได้ยินว่าเขาควบม้ามาสามวัน ใจฟู่จาวหนิงก็สั่นวาบ การที่เขามาที่นี่เพื่อนาง ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่แล้วเพร
ฟู่จาวหนิงเดินมาข้างๆ อันเหนียน อันเหนียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ "ไม่อย่างนั้น ให้ลุงฟู่มาดูข้าดีไหม?"เขามองความคิดเล็กคิดน้อยของอ๋องเจวี้ยนไม่ออกเสียที่ไหน?แต่ที่นี่ก็มีแค่ฟู่จาวหนิงคนเดียวที่เป็นหมอจริงๆ"อย่าขยับ"ฟู่จาวหนิงไม่มองเขา แค่จับแขนเขาไว้ บิดกระดูกข้อมือเขาแล้วถามไปด้วย"ไปบิดมาท่าไหน? แค่บอกท่าทางมาหน่อย แล้วก็บอกเรื่องแผลบนขาด้วย"อันเหนียนดูจนใจมาก เขาจึงต้องเล่าออกมารอบหนึ่งเซียวหลันยวนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยินพอดี"ดังนั้น พวกเขาก็เลยจราจลขึ้นมา" ฟู่จาวหนิงเอ่ยคำนี้ จากนั้นจึงจับมือของอันเหนียน ดันๆ บิดๆ และได้ยิงเสียงดังแกร๊กขึ้นมาอันเหนียนปวดจนแทบจะร้องออกมาแต่พริบตาต่อมา เขากลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ที่ข้อมือเขาลดลงไปมากแล้วเขาทดลองจะหมุนๆ ดูด้วยสัญชาตญาณ"อย่าขยับ"ฟู่จาวหนิงห้ามทันที "กระดูกของท่านผิดรูปไปหน่อย หลังจากดันเข้าที่แล้วต้องดามไว้ให้นิ่งๆ สักสองสามวัน ตอนนี้ถ้าขยับมั่วซั่วเดี๋ยวจะผิดรูปไปอีก หลังจากนี้ถ้ารักษาไม่ดี ข้อมือของท่านก็จะเจ็บเป็นระยะๆ ขึ้นมา"ถ้าหากหมอทั่วไปจัดการพันให้นิ่งส่งเดช ก็จะรักษาได้ไม่ดีจนเปลี่ยนรูป ภายหลัง
"วางใจได้ ทักษะเย็บปิดของข้าดีมาก หลังจากเย็บแล้ว รอยแผลเป็นจะจางมาก จะมีแค่รอยด้ายเส้นหนึ่งเท่านั้น" ฟู่จาวหนิงคิดว่าเขากลัวมาก จึงอธิบายขึ้นมาคำหนึ่งอันเหนียนกลับตกตะลึงสั่นสะเทือน"บาดแผลของข้า จะไม่เหลือรอยแผลเป็นน่าเกลียดหรือ?"เดิมทีเขาทำใจไว้แล้ว ว่าน่องนี้ภายหลังจะมีแผลเป็นน่าเกลียดใหญ่ๆ แผลหนึ่งแน่นอน น่าจะขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อเลยทีเดียว แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าจะเหลือรอยจางๆ เส้นเดียวเท่านั้น?"ถ้าไม่เย็บปิดล่ะก็ จะเป็นแบบนั้นนั่นล่ะ แผลเป็นหนักหนามาก แต่ถ้าเย็บก็จะไม่เป็น" ฟู่จาวหนิงตอบ"นี่เจ้าจะเย็บหรือไม่เย็บกันแน่?" เซียวหลันยวนเริ่มหมดความอดทนเขาไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงมารักษาขาเขาด้วยซ้ำ แต่อันเหนียนกลับยังกล้าลังเลอีก ถ้ายังลังเลอีกนิดเดียว เข้าจะพาฟู่จาวหนิงไปแล้ว ปล่อยให้เขามีแผลเป็นซะเซียวหลันยวนเหลือบตามองผาดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า "หนิงหนิง พันแผลให้เขาไปเลยแล้วกัน ชายชาตรีทั้งแท่ง มีแผลเป็นที่ขา ปกติก็มองไม่เห็นด้วย จะไปคิดมากทำไม?"ก่อนหน้านี้บนหน้าเขายังมีแผลเป็นพิษด้วยซ้ำอันเหนียนยังจะลังเลอีกที่ไหน?เขากำลังตกตะลึง จึงตั้งสติกลับมาไม่ได้ตอนนี้พอได
"เสร็จแล้ว ห้าวันอย่าให้โดนน้ำล่ะ อีกสองสามวันข้าจะมาเลาะด้ายออกให้""แค่นี้คือเสร็จแล้วหรือ?" อันเหนียนถามขึ้นอย่างงงงัน"ทำไม รู้สึกว่ายังเย็บไม่สะใจพอหรือ?" เซียวหลันยวนต่อคำเขามาให้ "ข้าเฉือนให้เจ้าอีกสักแผลดีไหม?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดขึ้นมา "อย่าเอะอะ"อันเหนียนแหงนตาขึ้นมองเซียวหลันยวน "จริงด้วย อ๋องเจวี้ยน ท่านรู้ใช่ไหม องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น...""อ๋องเจวี้ยน"เสียงอันเหนียนยังไม่ทันขา ดในประตูวงกลมก็มีเสียงอ่อนหวานดังขึ้น ใช้น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจน่าสาร เรียกเซียวหลันยวนขึ้นมาเซียวหลันยวนมองไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมาก!ยิ่งไปกว่านั้นหน้ายังเหลือง ตาบวมแดง ถูกเฉินเซียงประคองขึ้นก็ยังยืนไม่นิ่ง อ่อนไหวเหมือนต้นหลิ่วต้องลม"นางทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้?" เซียวหลันยวนไม่เข้าใจเขารู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ที่นี่ จดหมายของพวกเขามีเขียนไว้แล้วอันเหนียนเลิกคิ้วขึ้น "แล้วนางเดิมทีเป็นอย่างไรกัน? โอ้ ข้าน้อยลืมไป ปีที่แล้วอ๋องเจวี้ยนไปต้าชื่อมานี่นะ ได้ยินว่าตอนนั้นช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ด้วยนี่ ใช่ไหม?"ใต้เท้าผู้ตรวจการที่ซ่อนนัย อยากจะเอาคืนที่อ๋องเจวี
"ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นแค่คนแปลกหน้า เห็นคนแปลกหน้าแล้วมีอะไรน่าดีใจกัน?"แค่คนแปลกหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำนี้ของอ๋องเจวี้ยนแล้วหน้าซีดไปนางมองอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่อยากเชื่อ พวกเขาจะอย่างไรก็ไม่เหมือนคนแปลกหน้ากันนี่นา?"อ๋องเจวี้ยนมีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้ ตอนนั้นที่ต้าชื่อ เดิมทีข้าเองก็ชื่นชมท่านอ๋อง มีบุญคุณช่วยชีวิตก็ต้อง..." ทดแทนบุญคุณด้วยร่างกายสิองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดยังไม่ทันจบ เซียวหลันยวนก็ตัดบทนางอย่างเย็นชา"บางครั้ง ข้าเองก็มีคุณธรรมช่วยเหลือเมื่อเห็นความไม่ถูกต้อง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็ฯใคร ก็จะนิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือไม่ได้ แต่ว่า ข้าไม่ได้หวังให้องค์หญิงใหญ่มาตอบแทนอะไร"ประโยคของเขาแทบจะพูดอย่างชัดเจนว่า:ถ้าจะทดแทนคุณด้วยร่างกาย นั่นจะกลายเป็นทดแทนบุญคุณด้วยความแค้นนะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร่างโงนเงนอ๋องเจวี้ยนพูดกับนางเช่นนี้ไม่มีการเกรงใจเลยแม้แต่น้อยเฉินเซียงเองในใจก็ดำดิ่ง ท่าทีของอ๋องเจวี้ยนต่อองค์หญิงใหญ่ แตกต่างจากที่พวกนางคิดไว้อย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่นานางกัดฟัน ประคององค์หญิงใหญ่ มองเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ