สืออีมองตามนิ้วของเสี่ยวเยว่ไปพอเห็นรถม้านั่น สืออีเองก็จำได้ หน้าเปลี่ยนสีไป"ไม่ใช่หรอกกระมัง? ห่างกันตั้งครึ่งเดือนกว่าแล้ว ทำไมยังมาที่นี่อีก?" นี่มันเวรกรรมอะไรกัน?หรือก็คือ อีกฝ่ายจงใจเข้ามาโดยเฉพาะ? แต่ก็ไม่ควรจะใช้เวลานานขนาดนี้สิ"ลองดูก่อนว่าสถานการณ์ไหน"ตอนที่รถม้ามาถึงประตูใหญ่ ก็ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้ม่านรถเลิกขึ้น สาวใช้ผมกระเซิงคนหนึ่งกระโจนลงมาจากรถม้า องครักษ์จำใจต้องเข้าไปประคอง จากนั้นจึงรีบถอยออกมา"ขอบคุณ" ไฉ่เอ๋อร์เสียงเล็กเหมือนยุง รีบเหลือบมองไปทางองครักษ์ผาดหนึ่ง หน้าแดงหน่อยๆองครักษ์คนนี้ดูแล้วไม่เหมือนองครักษ์ทั่วไปเลย ดูห้าวหาญดีจริงเสี่ยวเยว่ให้คนประคองคนป่วยเข้าไป หมุนตัวออกมาอีกครั้งก็เห็นไฉ่เอ๋อร์ สายตาเย็นเยียบลงมาสาวใช้คนนี้จริงๆ ด้วยนี่คือสาวใช้ข้างกายแม่นางจูในจุดพักม้าระหว่างทางคนนั้นมองไม่ผิดจริงๆไฉ่เอ๋อร์รีบลงจากรถม้า มองมาทางเสี่ยวเยว่ จากนั้นก็เห็นสืออี นางจำได้แล้วแต่นางก็เขินอายที่จะพูด ก้มหน้าลงต่ำทันทีในรถม้ามีเสียงอ่อนแอดังขึ้น"ไฉ่เอ๋อร์ มาถึงแล้วใช่ไหม? รีบประคองข้าลงจากรถม้าที"เสี่ยวเยว่เดินเข้ามา ยื่นหน้ามอง
จูเฉียนเฉี่ยนพยายามลืมตามองเขา พอเห็นใบหน้าชายแปลกหน้า ก็ร้องเสียงแหลมถอยออกไปสองก้าวทันที เกือบจะล้มคะมำลงพื้นหยวนอี้ที่ตามมาก็รีบยื่นมือประคองนาง.แต่จูเฉียนเฉี่ยนยืนไม่มั่นคง ทั้งตัวจึงแนบชิดเข้าไปที่อ้อมกอดนาง"ยืนดีๆ ยืนดีๆ!" หยวนอี้หน้าเปลี่ยนสี รีบผลักนางไปบนตัวเสี่ยวเยว่ ตนเองก็ผละออกมาเหมือนสัมผัสกับสิ่งสกปรก "ประคองนางดีดี""แม่นางเสี่ยวเยว่ ขอร้องท่านล่ะ ให้แม่นางของข้าเข้าไปในห้อง แล้วให้คนอื่นออกไปให้หมดด้วย" ไฉ่เอ๋อร์ลนลานขึ้นมา"ไปทางนั้น" เสี่ยวเยว่ชี้ไปที่ห้องหนึ่ง หมอหลวงเผียวจึงเดินตามเข้ามาตอนนี้เขาก็พยายามช่วยรักษาคนไข้อยู่เพียงแต่แม่นางคนนี้ดูแล้วไม่เหมือนผู้ประสบภัย"แม่นางของพวกเรามาให้หมอฟู่รักษาน่ะ ไม่ต้องการหมอหลวงเผียวคนนี้" ไฉ่เอ๋อร์พอเห็นหมอหลวงเผียวก็ตามเข้ามา สีหน้าเปลี่ยนไปอีก"ตอนนี้คุณหนูของข้าไม่ว่าง หมอหลวงเผียวตรวจอาการให้พวกท่านก็ดีอยู่แล้ว เขาอยู่ในวังก็คอยรักษาให้กับเหล่าขุนนางที่วังหลัง พวกท่านยังจะกลัวอะไรอีก?" เสี่ยวเยว่น้ำเสียงเย็นชาจูเฉียนเฉี่ยนที่ถูกประคองให้นั่งลงตัวก็ยังบิดไปบิดมาเหมือนนั่งไม่นิ่ง"แม่นาง ยื่นมือออกมา ข้าจ
ชื่อซุนฉงหมิง ไป๋หู่กับสืออีแน่นอนว่ารู้จัก ตอนอยู่ในเมืองจี้ที่ต้าชื่อ พวกเขาก็เจออยู่บ่อยครั้งซุนฉงหมิงคิดจะมาขัดขวางฟู่จาวหนิงเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่ เพียงแต่การสร้างความลำบากของเขาขวางฟู่จาวหนิงไว้ไม่ได้ประธานกงซุนของสมาคมหมอใหญ่เองก็สนับสนุนฟู่จาวหนิง ซุนฉงหมิงจึงทำอะไรไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นก็หนักมาก แม่นางคนนี้ดูเหมือนจะยังไม่แต่งงานด้วย" หยวนอี้ขมวดคิ้วขึ้นมาเจ้าพวกลัทธิเทพทำลายล้างนั่น แต่ละคนมันบ้าบอสิ้นดีทำยาแบบนี้ออกมา ที่บอกว่าแก้ยาก มันก็แก้ได้ยากจริงๆ ไม่มียารักษาแต่จะบอกว่าแก้ง่าย อันที่จริงก็ไม่ได้ยาก เอาจริงๆ ก็คือยาที่ทำให้คนเสียความบริสุทธิ์! มีผู้ชายสักคนก็พอแล้วแต่ว่า แม่นางคนนี้ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วจะไปหาผู้ชายจากไหนมาให้นาง?ถ้าหาผู้ชายส่งเดชมาให้นาง หลังจากนี้นางไม่ต้องเอาหัวไปชนกำแพงตายรึ? นี่ไม่ต่างอะไรกับการไม่ช่วยเหลือเลย"ยานั่นหรือ?" ไป๋หู่หน้าเย็นชาลงมาลัทธิเทพทำลายล้าง ลัทธิเทพทำลายล้างอีกแล้ว"ใช่เลย เจ้ายานี่ชื่อว่ามหารัญจวน"หมอหลวงเผียวเอ่ยขึ้น สีหน้ากระดากเล็กน้อย เขาเองก็เจอกับยาทำนองนี้มาไม่น้อยในวังหลัง ตอนที่พวกนางในทะเลาะกันแย่
ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนหน้า เสี่ยวเยว่กับไฉ่เอ๋อร์ก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้วเพราะจูเฉียนเฉี่ยนกระชากเสื้อผ้าตนเองออกหมดแล้ว สีหน้าก็แดงก่ำ สายตาที่มองพวกนางล้วนประกายที่ทำให้คนหวาดกลัวได้อยู่ถ้าไม่ใช่เพราะอายคน เสี่ยวเยว่ก็อยากจะถามหมอหลวงเผียว ว่าพอโดนยานี้แล้ว จะกลายเป็นพวกกินไม่เลือก แล้วหันมากัดนางกับไฉ่เอ๋อร์หรือเปล่า?หญิงสาว ไม่น่าจะมีประโยชน์หรอกกระมัง?"แม่นาง ขอร้องล่ะ รีบได้สติเสียที!" ไฉ่เอ๋อร์เห็นสภาพนี้ของจูเฉียนเฉี่ยนแล้วรู้สึกพังทลายมากพวกนางลงกลอนที่ประตู ไม่เช่นนั้นถ้ามีชายหนุ่มทะเล่อทะล่าเข้ามาแล้วเห็นสภาพของจูเฉียนเฉี่ยนเข้าล่ะก็ จูเฉียนเฉี่ยนคงจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้วเสี่ยวเยว่เห็นแล้วก็รู้สึกไม่มีทางเลือก นางคิดจะฟาดจูเฉียนเฉี่ยนให้สลบไปแต่หมอหลวงเผียวบอกว่าสกัดจุดชีพจรก็ยังไม่ได้ผล"สาดน้ำเย็นใส่นางได้ไหม" เสี่ยวเยว่ถามที่นี่มีน้ำเย็นอยู่กาหนึ่ง เย็นชืดไปแล้ว"แบบนั้นแม่นางข้าจะเป็นหวัดไหม?" ไฉ่เอ๋อร์กลัวขึ้นมาเสี่ยวเยว่เอาชุบน้ำ จากนั้นปิดไปบนหน้าจูเฉียนเฉี่ยน"ทำแบบนี้จะได้สติมาหน่อยไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกเย็ฯวาบ แต่ก็แค่สั่นขึ้นมา ยังไม่ได้สติ
พอเห็นออร่าแบบนี้ของฟู่จาวหนิง ก็รู้สึกว่านางน่าจะมีวิธีอยู่หมอหลวงเผียวก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงใจเย็นและนิ่งมาก เหมือนทำทุกอย่างให้ลุล่วงได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้มองในแง่ดีนัก"เจ้าสิ่งนี้แก้ไขได้ยากมากจริงๆ"หยวนอี้ตอนนี้เองก็พูดอะไรไม่ค่อยได้ แต่เขาก็จับจุดสำคัญอีกจุดได้ "สาวใช้คนเมื่อครู่ไม่ใช่กำลังถามถึงคุณชายฟู่หรือ? ที่นี่ยังมีคุณชายฟู่คนไหนอีก? ข้าจำได้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีพี่ชายนี่"ไม่ใช่แค่ไม่มีพี่ชาย เหมือนว่าพี่ทางญาติก็ไม่มีด้วย"นางมีน้องชาย" หมอหลวงเผียวกดเสียงต่ำ"อ้อ ที่แต่ก่อนเป็นคุณชายน้อยเฮ่อเหลียนนั่นน่ะหรือ?""คุณชายหยวนนี่เข้าใจเรื่องของพระชายาอ๋องเจวี้ยนดีเสียจริง?" หมอหลวงเผียวมองหยวนอี้อย่างสงสัย ทำไมต้องคอยหาข่าวของฟู่จาวหนิงขนาดนี้ด้วย?"ก็ไม่หรอก รู้แค่คร่าวๆ เท่านั้น"หยวนอี้เอ่ยต่อ "แต่ว่าคุณชายน้อยฟู่คนนั้นอายุยังน้อยอยู่นี่? คงไม่น่าใช่ผู้มีพระคุณของแม่นางจูนี่หรอกกระมัง?"หมอหลวงเผียวเดิมทีก็ไม่อยากสนทนาหัวข้อนี้กับเขา แต่พอถูกเขาถามแบบนี้ เขาเองก็คุมปากตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน"ก็ไม่เหมือนจริงๆ นั่นล่ะ"หยวนอี้เลิกคิ้ว "หรือก็คือ คุณชายฟู่คน
พวกของหมอหลวงเผียวเห็นจูเฉียนเฉี่ยนถูกหิ้วออกมา ก็อยากจะถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เสียงของฟู่จาวหนิงก็ดังลอดออกมาจากในห้อง"หมอหลวงเผียว พาคุณชายหยวนไปช่วยด้านหน้า อย่ามาเกะกะลูกตาที่นี่"หยวนอี้ร้องซู๊ด ถึงกับบอกว่าเขาเกะกะลูกตาเลยหรือนี่?หมอหลวงเผียวเองก็ไม่คิดว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะไม่เกรงใจต่อคุณชายหยวนขนาดนี้ นางน่าจะรู้ว่าเขาเป็นคุณชายทูตจากแคว้นหมิ่นแล้วนี่?"ไม่ได้ยินหรือ?"ฟู่จาวหนิงเริ่มหมดความอดทน จูเฉียนเฉี่ยนเป็นหญิงสาว ติดพิษแบบนี้มา พวกเขาเป็นผู้ชายสองคนยังจะมาอยู่วุ่นวายกันที่นี่อีก?ยังไว้หน้าคนอื่นเขาไหมเนี่ย?"คุณหนู ข้าจะหิ้วคุณชายหยวนออกไปเอง" ไป๋หู่ขึ้นหน้ามาหยวนอี้พอเห็นว่าเขามาจริงๆ ก็รีบก้าวเท้าออกไปทันที"ไม่ต้องลงไม้ลงมือหรอก ข้าออกไปเองได้"เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงคงจะเห็นด้วยที่ให้องครักษ์ลงไม้ลงมือกับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้รับการเคารพยกย่องหลังจากมาถึงแคว้นเจาเหล่าขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงพวกนั้น คนไหนบ้างที่ไม่ยกย่องต้อนรับเขา?แต่ละคนล้วนพูดกันว่าเขาอายุน้อยแต่ชาญฉลาดมีความสามารถ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมอะไรเทือกนั้น อยากจะเชิญเข้าไปกินข้าวร่ำส
นางชอบฟู่จิ้นเชินจริงๆ ครั้งนี้พอได้เห็นก็ยิ่งชอบ ก่อนหน้าครั้งนั้น ฟู่จิ้นเชินอยู่ในชุดเรียบง่าย ก็ทำให้นางรู้สึกดูสง่ามากแล้วครั้งนี้ฟู่จิ้นเชินพอสุขภาพกลับมาแข็งแรง แล้วยังอยู่ในชุดผ้าไหมใหม่ พอมองใบหน้าหล่อเหลา นางก็ลุ่มหลงไปแล้วจริงๆ"ข้าจะไม่แย่งความโปรดปรานจากแม่ของท่านหรอก พวกท่านมองข้าเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาในบ้านไม่ใช่คนที่เข้ามาแย่งเขาไปก็พอ มองข้าเป็นคนในครอบครัวด้วยได้ไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง ถ้าไม่ใช่ว่ามือนางขยับไม่ได้ คงจะเข้าไปกุมมือฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจไว้แล้วสายตาตอนนี้ของฟู่จาวหนิงที่มองนางก็เหมือนกับมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง"ตอนที่พบเจ้าครั้งแรก" จู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นอย่างสงบ ทำให้จูเฉียนเฉี่ยนมองมาที่นางอย่างคาดหวัง "ก็ยังรุ้สึกว่าเป็นแม่นางที่ดูร่าเริงคนหนึ่ง"จูเฉียนเฉี่ยนตาเปล่งประกาย "ข้าเองก็ใช่นั่นล่ะ พวกเราหลังจากนี้ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่""แต่ว่าตอนนี้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยต่อมาว่า "กลับสมองมีปัญหาเหมือนคนป่วยหนัก"จูเฉียนเฉี่ยนงงงันฟู่จาวหนิงเปลี่ยนหัวข้อทันที "ถัดจากนี้ข้าต้องการให้เจ้าปิดตาปิดปาก จากนั้นก็ไปซะ"เข็มในมือนางแทงเข้าไปที่
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดของไฉ่เอ๋อร์ ก็รู้สึกพูดไม่ออกนางถามต่อถึงสถานการณ์ของกลุ่มเดินทางนั้น แล้วให้ไฉ่เอ๋อร์บรรยายหน้าตาของฮูหยินอะไรนั่น แล้วจึงเตรียมจะออกไปหาเซียวหลันยวนคนเดินทางกลุ่มนั้นน่าจะเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง แล้วยังตรงไปที่เมืองหลวงด้วย ต้องหาตัวพวกเขาให้พบฟู่จาวหนิงไม่ได้รู้สึกญาติดีด้วยกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างเลย บวกกับเรื่องที่เสิ่นเชี่ยวถูกใส่ร้ายว่าวางยาเซียวหลันยวนในตอนนั้น ก็เป็นเรื่องที่ลัทธิเทพทำลายล้างจัดฉากขึ้นมา ลัทธิเทพทำลายล้างถือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นของนางกับเซียวหลันยวนแล้วเสี่ยวเยว่ก็หิ้วยาน้ำเข้ามาพอดี"ให้นางแช่ไว้จนกว่าอุณหภูมิลดลงก็พอแล้ว อย่าให้เย็นจนจับไข้ หลังจากแช่เสร็จก็ให้นางดื่มน้ำร้อน อย่ากินของซี้ซั้ว ถ้าหิวก็ทนไว้ก่อน" ฟู่จาวหนิงกำชับกับเสี่ยวเยว่"คุณหนู คุณสมบัติทางยาในตัวนางแก้แล้วใช่ไหม?""ตอนนี้แก้ไปเจ็ดส่วนแล้ว ถัดจากนี้อีกสองสามวันยังต้องดื่มยาอีก แล้วก็ยังจะรู้สึกทรมานอยู่บ้าง แต่ก็พอทนได้ ไม่ต้องดูแลมากนักแล้ว"นางเองก็ขี้เกียจจะมาสนใจจูเฉียนเฉี่ยนถ้ามาได้ยินคำพูดพวกนั้นของจูเฉียนเฉี่ยนอีก นางกลัวว่าจะกินข้าวไม่ลง"เ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ