หยวนอี้ถ้าถามว่าเสียใจไหมที่มาเมืองเจ้อ เขาก็ไม่ได้ถึงกับเสียใจอะไรนักถึงอย่างไรพอมาที่นี่ เขาจึงได้เห็นว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนอย่างไร มีลักษณะการทำงานแบบไหน และยังได้เห็นว่านางกับอ๋องเจวี้ยนมีความรักกันแบบไหนด้วยรวมไปถึง ฟู่จิ้นเชินคนนี้ ก็ทำให้เขาตกตะลึงเหมือนกันเดิมทีเขาคิดจะมาเพื่อฟู่จาวหนิง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินเองก็เป็ฯคนมีความสามารถแต่ต่อให้ไม่เสียใจ ตอนนี้เขาก็ต้องออกจากเมืองเจ้ออยู่ดี และต้องกลับเมืองหลวงด้วยถ้ายังไม่กลับไป พ่อของเขาเกรงว่าได้ส่งคนมาหาเขาแน่"อ๋องเจวี้ยน ข้าแอบติดตามมาคือข้าผิดเอง แต่เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานขนาดนี้"หยวนอี้มองเซียวหลันยวน เอ่ยต่อว่า "ถ้าข้ายังไม่กลับไป พ่อของข้าเกรงว่าคงได้แจ้งกับฝ่าบาท แล้วจะบีบให้ฝ่าบาทส่งคนมาพาข้ากลับเมืองหลวงแน่ ถึงตอนนั้นสถานการณ์ที่เมืองเจ้อพวกท่านก็คงปิดไม่อยู่แล้ว"เขารู้สึกว่าเซียวหลันยวนคงกลัวว่าเขากลับเมืองหลวงแล้วจะเอาเรื่องที่นี่พูดออกไป"ให้ข้าลงนามสัญญาณก็ได้ รับประกันว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เมืองเจ้อนี้ออกไป ไม่ใช่แค่จักรพรรดิเจา กระทั่งพ่อข้ากับทูตของข้าก็จะไม่เอ่ยถึง ถ้าหากมีอะไรจำ
แต่ว่าเซียวหลันยวนตอนนี้ได้เปรียบกว่า ไม่รีบร้อนเขาไม่กลัวหยวนอี้ตายที่นี่จุดนี้ หยวนอี้เองก็สังเกตได้ เขารู้สึกว่าเซียวหลันยวนไม่กลัวที่จะต้องรับผิดชอบกับความสัมพันธ์ร้าวฉานของสองแคว้นหรือว่าอ๋องเจวี้ยนไม่คิดจะนั่งตำแหน่งจักรพรรดิจริงๆ?ไม่เช่นนั้น เขาก็ไม่ควรจะไม่ใส่ใจเลยแบบนี้"คุณชายหยวนเองก็ค่อยๆ พิจารณาไป ข้าไม่รีบ"ถึงอย่างไรตอนที่พิจารณาเสร็จแล้ว ถ้าตอบกลับมาได้น่าพอใจถึงจะได้ออกจากเมืองเจ้อหยวนอี้เดิมทีคิดจะยกเหตุผลที่ดูดีมาสักสองสามข้อ แต่เขาก็รู้สึกว่า ถ้าหากตนเองแต่งขึ้นมาเรื่อยเปื่อย เป็นไปได้มากว่าจะไม่มีโอกาสได้ออกไปอ๋องเจวี้ยนคงจะให้โอกาสเขาแค่ครั้งเดียว ไม่มีทางให้โอกาสที่สองดังนั้นเขาจึงขยับปาก ไม่ได้พูดออกมาพล่อยๆ"ข้าจะลองคิดดู""ตามสะดวก"เพียงแต่ หยวนอี้ยังไม่ทันได้คิดถึงครึ่งวัน ก็มีข่าวส่งเข้ามาอีก มีผู้ประสบภัยที่ติดโรคระบาดก่อจราจลที่ประตูเมือง คิดจะบุกออกไปจากเมืองเจ้อพอเรื่องออกมา ทั่วเมืองก็ตึงเครียด บรรยายกาศตึงขึ้นในพริบตา ราวกับมีลมคลั่งฝนซัดเข้ากระหน่ำทหารทางการล้วนไปต่อต้านผู้ประสบภัยเหล่านั้นจนหมด และยังมีบางส่วนที่ถูกส่งไปอยู่ยั
มีคนซ่อนอยู่ในกลุ่มยุยงความคิดแย่ๆ ออกมา!เหล่าข้าราชการร้องรีบร้องขึ้นมา "ใต้เท้ามาหรือยัง? ไปเชิญอ๋องเจวี้ยน! ไปเชิญพระชายา!"พวกเขาเองก็ลนลานขึ้นมาแล้วและผู้ประสบภัยพวกนั้นมีคนหัวร้อนแล้ว พอได้ยินคำยุยง ก็ถ่มน้ำลายใส่เหล่าทหารทางการจริงๆกระทั่งยังมีคนเตรียมก้มหน้าจะกัดคนหลังถูกขวางเอาไว้ด้วย"อ๊า!"มีทหารทางการถูกกัดที่มือ เจ็บจนร้องลั่นขึ้นมา เสียงร้องดูสิ้นหวัง เพราะรู้สึกว่าตนเองต้องถูกระบาดใส่ไปแล้ว"บุกเลย พวกเขาขวางเราไม่ได้หรอก!"ทหารทางการถอยร่นกลับมา กำลังจะถูกพวกเขาบุกมาถึงประตูเมืองแล้วสถานการณ์คับขันขีดสุด ตอนนี้เอง เงาร่างหนึ่งก็พุ่งมาราวกับคันศร ร่อนลงตรงหน้าทหารทางการสองคนที่กำลังจะถูกกัดเสียงตูมดังขึ้น กระแสอากาศสั่นสะเทือน พัดผู้ประสบภัยที่หลั่งไหลเข้ามาจนปลิวออกไปชั่วขณะหนึ่งก็เห็นผู้ประสบภัยเหล่านั้นปลิวไปเหมือนเกี้ยวถูกขว้างทิ้ง ทยอยกันร่วงกระจายไปรอบๆ"ตุบๆๆ" เสียงดังขึ้นต่อเนื่อง เป็นเสียงผู้ประสบภัยเหล่านั้นร่วงลงมาบนพื้น จากนั้นก็เป็นเสียงร้องระงมทั้งหมดนี้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เร็วจนคนที่ถูกซัดออกไปตั้งตัวกันไม่ทัน หลังจากร่วงลงมาก็เจ็บปวดขึ้
อ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนอยุ่ในชุดคลุมม่วง เข็มขัดสีดำ กวานหยกม่วง หน้ากากเย็นชาสีเงิน ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับเทพสงครามคนมากมายงงงันขึ้นมา พวกเขาต้องเข้าใจผิดแน่ อ๋องเจวี้ยนเป็นแค่ท่านอ๋องอ่อนแอที่พักฟื้นมาหลายปีนี่นาได้ยินว่ามีวรยุทธ์ แต่เขาฝึกยุทธ์ก็เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ก่อนหน้านี้ที่สะเทือนพวกเขาเป็นแค่กลยุทธ์นี่ แล้วทำไมถึงได้แกร่งปานนี้?ตอนนี้คนที่บุกมาประตูเมือง ส่วนใหญ่ยังไม่เคยเห็นวิชาของอ๋องเจวี้ยนเมื่อครั้งที่แล้วกับตา ดังนั้นพวกเขาจะอย่างไรก็ไม่เชื่อ ว่าอ๋องเจวี้ยนป่วยมาตั้งแต่ในครรภ์ที่เขาลือกัน กลับจะเป็นยอดฝีมือวรยุทธ์สุดยอดคนนึงแต่ความจริงก็วางอยู่ตรงหน้าแล้วมีคนได้สติกลับมา ร้องลั่นขึ้นว่า "ไม่ต้องกลัวเขา เขาเป็นแค่อ๋องยังกล้าสังหารประชาชนที่น่าสงสารอย่างเราไหม? ถ้าเขากล้า พวกเราก็จะสู้ตายกับเขาแล้ว! ถึงอย่างไรเขาก็อยู่เมืองเจ้อนี้มานาน คงจะติดโรคนั่นไปนานแล้ว องค์จักรพรรดเองก็ไม่ช่วยเขา""จะให้อ๋องเจวี้ยนทำให้เราตกใจจนถอยไม่ได้! สู้ตายพวกเรายังมีโอกาส! ถ้าไม่สู้พวกเราก็มีแต่ทางตาย!""หลังจากออกไปพวกเราจะไปหาหมอเทวดาที่สมาคมหมอใหญ่ พวกเขามีคนตั้งเยอะรักษาได้แน่
เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงแน่น ออกแรงบีบเล็กน้อยนางเองก็กุมเขากลับ สองสามีภรรยาเหมือนกำลังให้กำลังและปลอบประโลมกันและกันอยู่"ทหาร ชักกระบี่"เสียงเซียวหลันยวนลอดออกมาอย่างเย็น่ชา พวกองครักษ์อย่างชิงอีจัดขบวนขึ้นหน้าทันที เสียงชักกระบี่ยาวดังชิ้งขึ้นมาพร้อมกันท่วงท่าพลังขององครักษ์สิบกว่าคนที่กุมกระบี่ยาวพร้อมกันทำคนตกตะลึงมาก สำหรับผู้ประสบภัยเหล่านี้ถือเป็นความพรั่นพรึงอย่างหนึ่งโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เซียวหลันยวนพอโผล่มาก็กระแทกคนลอยออกไปตั้งขนาดนั้นตอนนี้พอมองไป กระบี่ยาวเหล่านั้นก็มีประกายเย็นเยียบ ยะเยือกจนเหมือนจิตสังหาร"ตอนนี้ใครยังคิดจะออกจากเมือง ก็ลุกขึ้นมาเลย"เสียงเซียวหลันยวนดังขึ้นอีกครั้ง พวกเขาไม่ทันได้คิดว่าหมายถึงอะไร เขาก็เอ่ยต่อมาว่า "ใครที่อยากออกจากเมือง ต้องตาย องครักษ์เหล่านี้ของข้า จะสังหารพวกก่อจราจลจนหมดได้แน่นอน ต่อให้พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกัน"พริบตาเมื่อครู่ ยังมีผู้ประสบภัยบางส่วนที่ได้ยินประโยคนหน้าก็ลิงโลดขึ้นมา คิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะปล่อยพวกเขาออกไปจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่าพอจะมาได้ยินประโยคที่เย็นชาด้านหลังต่อมาทันทีคิดจะปล่อยพวกเขาออกไปที่ไห
ตอนที่ผู้ประสบภัยเหล่านั้นบุกเข้ามาเมื่อครู่ พวกเขาเองก็เกือบจะทนไม่ไหวชักดาบออกไปแล้ว แต่ก็อดทนไว้อยู่วินัยของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่กล้าง้างกระบี่ใส่ประชาชนความน้อยใจและเสียใจในใจไม่รู้จะพรรณนาอย่างไร แต่ตอนนี้มีอ๋องเจวี้ยนที่เอาใจใส่พวกเขา มีพระชายาคอยรับประกันสุขภาพพวกเขาพวกเขาเดิมทีควรปกป้องอ๋องเจวี้ยนกับพระชายา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นถูกพวกเขาปกป้องซะแล้ว"ขอบคุณท่านอ๋องพระชายา!"เหล่าทหารทางการขานออกมาเสียงดัง"พวกเจ้าล้วนเป็นลูกผู้ชายที่ยอดเยี่ยมซื่อสัตย์ต่อหน้าที่!" เซียวหลันยวนหันกลับมามองพวกเขา "ตบรางวัล!""ขอบคุณท่านอ๋อง!!"หลังจากที่ไฟในใจเหล่าผู้ประสบภัยถูกข่มลงมา ตอนนี้ไม่เหลือความกล้าอีกแล้ว พวกเขาตอนนี้อยากจะถอยหนีกันพวกเขายังคิดว่าถอยกลับไปก็น่าจะพอ พวกเขาแค่ไม่ก่อเรื่องก็จะไม่เป็นไร เรื่องสงบลง ดังนั้นจึงมีคนถามขึ้นว่า"ท่านอ๋อง พวกเราออกไปไม่ได้ แล้วต้องถูกขังอยู่ที่นี่รอฝ่าบาทส่งคนเข้ามาช่วยหรือ? ฝ่าบาทถ้าไม่ส่งคนเข้ามา หรือไม่คิดจะปล่อยพวกเราออกไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นพวกเราจะทำอย่างไรกัน?""ใช่เลยใช่เลย พวกเราเชื่อฟังไม่ก่อเรื่องได้ แต่ก็ต้องมีคำอธิบายให้พ
เมืองเจ้อตอนนี้ เข้าได้เท่านั้นออกไม่ได้การจำกัดนี้ส่งผลกระทบไปถึงการเดินทางของข่าวสารพวกเขาเซียวหลันยวนมีคนพอ และยังมีม้าชั้นยอด องครักษ์ลับก็ฝีมือดี ข่าวสารของพขาจึงรวดเร็วฉับไวที่สุด"องค์จักรพรรดิรู้เรื่องเมืองเจ้อแล้วจริงๆ แต่ไม่ได้ส่งคนเข้ามา คนพวกนั้นในราชสำนักเจ้ายังไม่รู้จักหรือ? พวกเขาถ้ารู้ว่าที่นี่มีโรคระบาดรุนแรง ใครจะกล้ารับงานมาทำกัน?"เซียวหลันยวนประชดประชัน ก่อนหน้านี้เรื่องชินอ๋องเซียว ก็ทำให้พวกเขาผวาไปพักหนึ่งแล้วตอนนี้ที่นี่ใช่แค่ระบาดกับ "ชินอ๋องเซียว" กับ "อ๋องเจวี้ยน" เสียที่ไหน ยังมีคนตั้งมากมาย พวกเขาจะกล้ามากันรึ?"เช่นนั้นหรืออาจจะไม่แย่ขนาดนั้นสินะ?" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยังรู้สึกคาดหวังเมืองหนึ่งเมือง ประชาชนมากขนาดนี้ คงไม่ทอดทิ้งไปแบบนี้หรอกกระมัง?"เจ้าต้องเตรียมตัวทนต่อไปอีกระยะหนึ่ง"เซียวหลันยวนไม่ได้บอกกับเขาชัดเจนนัก แต่เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับจักรพรรดิ กระทั่งยังรู้สึกว่าจักรพรรดิน่าจะยิ่งเลอะเลือนกว่าแต่ก่อนเสียอีกทูตแคว้นหมิ่นยังไม่รู้ว่าช่วงนี้คอยเอาใจอะไรเขา แล้วก็ญังมีหมอหญิงสองคนที่รับเข้าไปวังหลังนั่นอีกล่ะ...รวมถึงพระชายาเย
เซียวหลันยวนหลังจากได้ยินเด็กสองคนพูดเรื่องนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงยิ่งเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ แล้วที่นี่ คนป่วยมากมายลืมตัวตนพระชายาอ๋องเจวี้ยนของนางไปแล้ว จำได้แค่ว่านางคือหมอฟู่ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าพูดแบบนี้ มีความคิดแบบนี้กับนางขึ้นมาถ้าหากนางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ประชาชนทั่วไปจะกล้าพูดแบบนี้รึ?ดังนั้น สิ่งที่นางมีอยู่ที่นี่มากกว่าสิ่งใดคือความเป็นกันเอง และยังมีบุคลิกที่ทำให้ประชาชนชื่นชอบด้วยเซียวหลันยวนจู่ๆ ก็เข้าใจเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างชัดเจน ถ้าหากไม่มีเขา ต่อให้ไม่ต้องเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ฟู่จาวหนิงก็ยังคงมีชีวิตที่ดีได้ กระทั่งมีวิะีที่จะเปล่งประกายด้วยตนเองอีกเหมือนว่านางตอนนี้ นางอาจจะไม่มีเขาก็ได้ แต่เขากลับยิ่งถูกนางดึงดูดมากขึ้นเรื่อยๆ"พี่ชายเจ้าเป็นใครกัน หน้าตาหล่อไหม?" เซียวหลันยวนถามเด็กทั้งสองคน"ใช่สิ พี่ชายข้าหน้าตาดีมาก แม่นางตั้งมากมายในเมืองเจ้ออยากได้เขา" เด็กสองคนร้องขึ้นอย่างภูมิใจเซียวหลันยวนเหลือบมองบ้านหลังนี้ที่นี่ก็ใหญ่กว่าบ้านที่อยู่รอบๆ จริงๆ ดูโอ่อ่าอยู่เด็กสองคนปีนบันไดขึ้นมาเกาะกำแพง เสื้อผ้าพวกเขาเองก็ไม่เลวนัก ดูเหมือนจ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ