ฮูหยินอู๋ทำอะไรไว้?เจี๋ยหลี่หลงรักฮูหยินอู๋อย่างสุดซึ้งและภักดีเขายืนกรานว่าว่าฮูหยินอู๋รู้เรื่องเบื้องหลังส่วนหนึ่งในตอนนั้น แต่ไม่ได้เข้าร่วมด้วยแน่นอน"เรื่องวางยาพิษในวังครั้งนั้น ข้าเชื่อว่าฮูหยินอู๋ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"ในจุดนี้เซียวหลันยวนเองก็เชื่อ ถึงอย่างไรตอนนั้นฮูหยินอู๋อย่างมากก็เพิ่งอายุสิบกว่าขวบ นางจะเข้าร่วมได้อย่างไรกัน?"ดังนั้น ที่ข้าถามคือเรื่องครั้งนี้"เจี๋ยหลี่ก้มหน้ากระอักเลือด ตอบอย่างยากลำบาก "ไม่ขอรับ เรื่องครั้งนี้ข้าคิดและทำเองคนเดียว ฮูหยินอู๋แค่รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนถ้าไม่อยู่กับหมอฟู่ หลังจากนี้อาจจะมีการพัมฯาที่ดียิ่งกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินอู๋เองยังรู้สึกว่า หมอฟู่ยังมีที่ไปที่ดีกว่านี้""ที่ไปอะไร?""ประธานของสมาคมหมอใหญ่ขอรับ" เจี๋ยหลี่ตอบเสียงขืน "บอกไปท่านอ๋องก็อาจจะไม่เชื่อ ฮูหยินอู๋อันที่จริงอยากจะร่วมมือกับหมอเทวดาฟู่ นางอยากช่วยให้หมอเทวดาฟู่ได้ขึ้นเป็นประธานสมาคมหมอใหญ่ เช่นนี้ก็เท่ากับพวกนางสามารถควบคุมสมาคมหมอใหญ่เอาไว้ในมือได้แล้ว""ดังนั้น ฮูหยินอู๋จึงไม่ได้คิดจะทำร้ายหมอเทวดาฟู่เลย ก่อนที่พวกท่านจะออกจากเมืองหลวง นางไม่ใช่ยังไป
"อ๋องเจวี้ยนบอกแล้ว พระชายาจะไม่รักษาให้กับพวกเราในเมืองนี้ทุกคน"ข่าวนี้แพร่ออกไปในเมืองเล็กอย่างรวดเร็วคนที่ขึ้นไปอาละวาดเพราะเงินห้าสิบตำลึงเหล่านั้นถูกขุดออกมาอย่างรวดเร็วประชาชนในเมืองคนอื่นล้วนโกรธแค้น พากันไปขว้างปาผักเผ่าไข่เน่าใส่บ้านพวกเขา"เป็นเพราะเจ้าพวกตัวซวยนี่! พวกเขาทำร้ายพวกเราทั้งหมด! พวกเราไปเชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาตรวจรักษาให้ไม่ได้แล้ว!""แค่นี้ที่ไหน? ได้ยินว่าหมอเฉียวเองก็เป็นคนที่ท่านอ๋องเชิญมาด้วย เงินค่าวัตถุดิบยาก็เป็นท่านอ๋องที่ช่วยเหลือมาเป็นเวลานาน หลังจากนี้ท่านอ๋องจะไม่สนใจดูแลแล้ว ราคาซื้อยาของพวกเราต้องเพิ่มขึ้นด้วยแน่นอน!""พวกเราออกไปขายของที่อื่น ในเมืองก็่ยังมีคนเข้ามารับซื้อแล้วให้ราคาดีๆ นั่นก็เป็นเส้นทางที่ท่านอ๋องหามาให้ หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว!""พวกเจ้ารู้ไหมว่าเข่าวนี้ใครเป็นคนเผยแพร่ออกมา" มีคนที่รู้เบื้องลึกยิ่งกว่าคนอื่นก็ทยอยกันถาม"นี่เป็นเรื่องที่หลานชายนายท่านทั้งสองคนในอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นพูดออกมา ฮูหยินเฉิงเกี่ยวข้องกันกับนายท่านเจี๋ยที่จ้างคนไปด่าพระชายาด้วย ดังนั้นจึงช่วยเหลือเขา อ๋องเจวี้ยนแตกหักกับฮูหยินเฉิงไปแล้ว หล
ถังอู๋เจวี้ยนนึกถึงสถานการณ์ที่ตนเองมายอดเขาโยวชิงครั้งนั้นฟู่จาวหนิงถามอย่างอยากรู้ "แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรล่ะ? ตอบได้ไหม? ถ้าตอบไม่ได้ก็ถือว่าข้าไม่ได้ถามแล้วกัน"หลังจากนางพูดคำนี้ตนเองก็รู้สึกว่า เหมือนนางจะมองถังอู๋เจวี้ยนเป็นเพื่อนออนไลน์คนนั้นของตนเองไปแล้วจริงๆ ดังนั้นพอคุยกับเขาจึงดูจะผ่อนคลายกว่าคนอื่นอยู่หน่อยถ้าเป็นคนอื่น นางคงไม่ถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเขาแบบนี้แต่ว่าพอนางถาม ถังอู๋เจวี้ยนกลับดูดีอกดีใจเขาเองก็รู้สึกได้ ว่าฟู่จาวหนิงไม่ได้ทำตัวเหินห่างกับเขา พอมีฝันแบบนั้น เขาก็เลยไม่ได้มองนางเป็นคนนอกในความฝัน ความรู้สึกการได้พบกับความหวังอย่างนางในความสิ้นหวังของเขา มันแจ่มชัดอยู่ตลอด ตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่านางเหมือนจะเป็นผู้ไถ่บาปให้กับเขา ความรู้สึกนั่นยังอยู่มาตลอดจนถึงตอนนี้"ก็ไม่มีอะไรพูดไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็จะมาเป็นหมอให้น้องชายข้าแล้ว เจ้าอารามตอนนั้นบอกว่า ในสถานการณ์สิ้นหวังยังพอมีทางรอด มีโอกาสเพียงน้อยนิด แต่ก็บอกได้ยากว่าจะคว้าโอกาสที่ว่านี้ได้ไหม""แค่นี้หรือ?""ใช่ แค่นี้เลย" ถังอู๋เจวี้ยนมองนาง "ข้าตอนนี้กลับรู้สึกว่า ไม่แน่โอกาสน
เดิมทีโรคนั้น ควรเป็นเขาที่เป็นแต่ว่าพอพูดเช่นนี้ออกมา ไม่ใช่แค่จะไม่มีคนเชื่อเท่านั้น แต่ยังอาจจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นถังอู๋เจวี้ยนขึงไม่เคยบอกใครมาก่อนตอนนี้พอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้พูดออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดในใจเลยความลับที่ทับอยู่ในใจมาตลอด ในที่สุดก็ได้พูดออกมาแล้ว เขารู้สึกว่าตนเองได้ถอนใจโล่งออกมา ความอัดอั้นตันใจที่อยู่มานานก็คลายลงไปพอสมควรแล้วหลังจากพูดออกมาเขาก็มองฟู่จาวหนิง และไม่รุ้ว่านางจะบอกว่าเขาป่วยหรือเปล่าแต่ฟู่จาวหนิงกลับพิจารณาเขาอย่างประหลาดใจผาดหนึ่ง จากนั้นก็กวักมือให้เขา"ข้าจับชีพจรให้ท่านหน่อย"ปฏิกิริยานี้ทำให้ถังอู๋เจวี้ยนคาดไม่ถึงอย่างมาก นี่มันสถานการณ์อะไรเนี่ย?"ข้าจะดูว่าสุขภาพท่านเป็นอย่างไร" ฟู่จาวหนิงไม่ขยับ เลิกคิ้วมองเขา "กลัวหรือ?"เสี่ยวเยว่เอาหมอนรองข้อมือวางลงบนโต๊ะทันที"หมอเทวดาฟู่จับชีพจรให้ข้าได้ ถือเป็นเกียรติของข้าแล้ว"ถังอู๋เจวี้ยนได้สติกลับมา ยื่นแขนไปวางบนหมอนรองแขนทันที จากนั้นก็เห็นเสี่ยวเยว่หยิบผ้าไหมเบาบางราวกับปีกแมลงจั๊กจั่นมาคลุมไว้บนข้อมือเขาเขาหัวเราะแห้งๆ ออกมา"แรงหึงของอ๋
ต่อให้จริงแค่ไหน ก็ไม่ใช่ชีวิตในตอนนี้ถังอู๋เจวี้ยนใคร่ครวญคำนี้อย่างละเอียดฟู่จาวหนิงก็เสริมขึ้นมาอีกคำ "ใช้ชีวิตตอนนี้ให้ดี จึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"ผ่านไปครู่หนึ่ง ถังอู๋เจวี้ยนจึงหัวเราะขึ้นมา ครั้งนี้รอยยิ้มของเขาดูโล่งใจและผ่อนคลายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเขามองฟู่จาวหนิง ลุกขึ้นยืน ประสานหมัดคารวะให้นาง"ศิษย์น้องหญิง เจ้าพูดได้ถูกต้องเลย ก่อนหน้านี้ข้ายึดติดเกินไป""รู้สึกว่าฟังข้าพูดคำเดียว มันคุ้มค่ากว่าฟังคนอื่นพูดใช่ไหมล่ะ?" ฟู่จาวหนิงหยอกขึ้นมาตอนแรกถังอู๋เจวี้ยนยังไม่เข้าใจมุขนี้ของนาง งงงันอยู่หน่อยๆ แต่พอเข้าใจขึ้นมา เขาก็อดส่ายหัวหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"ฮ่าๆ ซนเสียจริง"ฟังหนึ่งคำพูด ประเสริฐศรีกว่าอ่านหนังสือสิบปี ถูกนางพูดหยอกเย้ามาแบบนี้ ทำให้บรรยากาศเคร่งขรึมที่เขาคารวะนางเป็นทางการดูผ่อนคลายไปเลยถังอู๋เจวี้ยนคิดไปคิดมาก็หัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่ถ้าบอกว่าทำไมฟู่จาวหนิงจึงถูกคนบางคนสงสัยเรื่องวิชาแพทย์ ก็น่าจะเพราะนางไม่ใช่แค่ยังอายุน้อย แต่บางครั้งยังซุกซนขี้เล่นแบบนี้หรือเปล่า?หมอเทวดาในความทรงจำคนทั่วไป ไม่ใช่ต้องเป็นพวกผู้เฒ่านิ่งๆ จืดชืดน่าเบื่อ
ถังอู๋เจวี้ยนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าสายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเขาเปล่งเป็นประกาย เดิมทีคิดว่าทักทายแล้วทั้งสองคนจะเดินผ่านไป ไม่คิดว่านางจะยังไม่ไปเพื่อเป็นมารยาท เขาจึงทำได้แค่เอ่ยปากถามนาง "องค์หญิงใหญ่มากินข้าวกลางวันหรือกับเจ้าอารามหรือ?"ถึงอย่างไรเวลานี้ ก็เป็นช่วงข้าวกลางวันแล้ว"เดิมทีข้าก็อยากจะกินข้าวร่วมกันกับทุกคน คิดไม่ถึงว่าไม่มีใครมาเลย เหลือแค่ข้ากับเจ้าอารามดูไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นข้าเลยเตรียมจะกลับไปกินคนเดียว"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยเสียงแผ่ว "คุณชายถังกินแล้วหรือ?""ข้ากินมาแล้ว""คุณชายถัง ท่านรู้จักกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก่อนหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรวบความกล้าถามขึ้นมา"ไม่รู้จักนะ เพิ่งมาเจอกันที่ยอดเขาโยวชิงนี่ละ่"ถังอู๋เจวี้ยนยังคิดว่านางยังไม่ถอดใจจากอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้กำลังสืบเรื่องของฟู่จาวหนิง อดเตือนขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้"องค์หญิงใหญ่ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายารักใคร่กลมเกลียวกันมาก จากที่ข้าเห็น อ๋องเจวี้ยนอย่างน้อยในช่วงหลายปีนี้ไม่มีทางมีความคิดจะรับอนุภรรยาแน่"นี่เขาพูดแบบระวังแล้วนะ จากในความฝันนั่น การจะมีอนุภรรยาสามสี่คนไม่น่าเป็นไปได้ แม้จะจำได
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองแผ่นหลังถังอู๋เจวี้ยน อดกัดริมฝีปากขึ้นมาไม่ได้นางรู้สึกเสียใจ ก่อนหน้านี้ที่นางยังไม่ได้กลับเมืองหลวงจักรพรรดิ บางครั้งได้ออกมาเที่ยวเล่นบ้าง ก็เหมือนคนทั้งหมดจะชอบนางเคารพนาง ตอนนั้นนางยังคิดว่า รอให้นางโตขึ้นก่อน พอนางทำเรื่องอะไรได้มากขึ้น ก็จะมีคนที่ชอบนางชื่นชมนางมากขึ้นนางเองก็เคยคิดอยู่บ่อยๆ ว่านางจะได้เจอกับราชบุตรเขยที่รักนางมากสักคน ทั้งสองคนรักกันไม่คลางแคลงใจ อยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่าแต่ตอนที่นางออกจากสุสานจักรพรรดิมาถึงเมืองหลวง จึงพบว่าเรื่องราวมันแตกต่างจากที่นางจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิงที่น่ากลัวที่สุดก็คือองค์จักรพรรดิที่เดิมทีปฏิบัติกับนางเหมือนแก้วตาดวงใจ กลับคิดจะกักขังนางเอาไว้ในวังหลวงจักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นยังกักขังนางไว้ข้างกายเขาอีกวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่กับวังบรรทมขององค์จักรพรรดิเชื่อมต่อถึงกันได้ นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวแค่ไหนกันฝ่าบาทยังไม่ยอมให้นางแต่งงาน ต่อมาสายตาที่มองนางก็ยิ่งประหลาดขึ้นเรื่อยๆถ้านางไม่หนีล่ะก็ หลังจากนี้นางอาจจะดำดิ่งสู่ห้วงลึกไร้ที่สิ้นสุดก็ได้กว่าจะหนีออกมาได้ ยังต้องแลกกับชีวิตของสาวใช้วังคนสนิทสอง
"เขาพูดอะไรไว้ไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่มีเจ้าค่ะ"ฟู่จาวหนิงดื่มชา เสี่ยวเยว่จัดทรงผมให้นาง สวมเสื้อผ้าให้ จากนั้นจึงได้ยินเสียงนกกระเรียนร้องมาจากด้านนอกเสียงนั้นใสกังวาลเป็นพิเศษ ทำให้พวกนางตกตะลึงไป"นี่คือ...กระเรียนหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ ลุกขึ้นเดินไปด้านนอกแต่ก่อนนางเคยเห็นกระเรียนมาแล้ว แต่ว่า เป็นพวกที่เลี้ยงอยู่ในสวนอะไรแบบนั้น มาถึงแคว้นเจาตั้งนานขนาดนี้ก็ยังไม่เคยเห็นจริงๆ เลย"เจ้าค่ะ"เสี่ยวเยว่เองก็เดินออกมา พวกนางเงยหน้าขึ้นไป แล้วก็เห็นกระเรียนขาวตัวหนึ่งบินอยู่บนฟ้าจริงๆ ร่อนลงมาเกาะบนหลังคาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกางปีกทะยานออกไป"นี่คงไม่ใช่อารามเลี้ยงไว้หรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงเห็นสืออีที่ยืนอยู่ด้านนอก ถามขึ้นมาคำหนึ่งสืออีเพิ่งจะเห็นกระเรียนขาวตัวนั้น พอได้ยินก็ส่ายหัว "ไม่ใช่ขอรับ จากที่ข้ารู้ บนยอดเขาโยวชิงไม่เคยมีการเลี้ยงกระเรียนขาวมาก่อน"ซางจื่อเดินเข้ามาแต่ไกล มองไปบนท้องฟ้าตามสายตาพวกเขา ก็ไม่เห็นเงาของกระเรียนขาวแล้ว แต่เมื่อครู่เสียงกระเรียนร้องเขาเองก็ได้ยินอยู่"นั่นอาจจะเป็นกระเรียนของเขาชิงถง" ซางจื่อบอกกับฟู่จาวหนิง"กระเรียนที่เขาชิงถง
ลวี่กั่วออกไปอย่างเสียหน้าเจ้าอารามมองเซียวหลันยวน "ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ตอนนั้นไม่ใช่บอกว่าจะคอยดูแลอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นกับเมืองจื่อซวีแทนเจ้าอุทยานเฉินหรือ?"ตอนนั้นเซียวหลันยวนอายุยังน้อย แต่ตอนที่เจ้าอุทยานเฉินถูกทำลายจนกำลังจะสิ้นใจ เขาเคยบอกว่า ถ้าเขายังมีเรี่ยวแรงล่ะก็ จะช่วยดูแลที่นี่ต่อไป"ท่านลุงเจ้าอุทยานไม่ใช่ปฏิเสธข้าแล้วหรือ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเจ้าอารามตอนนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ตอนนั้นหลังจากที่เซียวหลันยวนพูดจบ เจ้าอุทยานเฉินยังดิ้นรนพูดมาอีกว่าไม่ต้อง เจ้าลำบากมามากแล้ว"แต่หลังจากเขาพูดจบเจ้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานี่?" เจ้าอารามเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนไม่ได้ประหม่าเลยสักนิด "ที่ไม่ได้พูด ข้าก็แค่บอกตนเองในใจ ว่าพอถึงเวลาค่อยดูสถานการณ์แล้วกัน เอาตามใจเลย"ตามใจ ตอนนี้เขาก็ทำตามความรู้สึก ปล่อยมือไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว ไม่ถือว่าผิดคำพูดกับเจ้าอุทยานเจ้าอารามพูดไม่ออกจนหัวเราะออกมา"ตามใจหรือ? ข่างเป็นการตามใจที่ดีซะจริง"เขาอดเหลือบมองฟู่จาวหนิงไม่ได้สายตานี้มีความหมายลึกซึ้งขึ้นมาแล้วฟู่จาวหนิงเห็นแล้ว "เจ้าอารามคงไม่ได้คิดว่าข้าสอน
"นางน่าจะคิดมากเกินไปน่ะ พวกเจ้าไปเตือนนางหน่อยก็พอแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นลวี่กั่วกัดฟันพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่ในคับแคบจริงๆ! มิน่าฮูหยินถึงไม่ชอบนางเอาเสียเลย!ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ฮูหยินกับอ๋องเจวี้ยนจะมาผิดใจได้อย่างไรกัน?ก่อนหน้านี้อ๋องเจวี้ยนก็เคารพฮูหยินมาตลอด ตอนนี้ดันมาถูกพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป่าหูอยู่ข้างหมอน จนมาขีดเส้นคั่นกับฮูหยินไปแล้วอยู่ด้วยกันกับพระชายาแบบนี้ หลังจากนี้อ๋องเจวี้ยนจะไปได้ดีได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงมองลวี่กั่ว และก็ไม่พลาดที่จะเห็นสีหน้าเคียดแค้นเล็กๆ ก่อนที่นางจะก้มหน้าลงเป็นแบบนี้ แล้วยังคิดจะให้นางลงเขาเพื่อไปดูอาการฮูหยินเฉิงอีกรึ?"พระชายา ท่านช่วยหน่อยเถิด ข้าน้อยเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง พูดอะไรไปฮูหยินก็ไม่ฟัง นับตั้งแต่เจ้าอุทยานตายไป สองคนที่ฮูหยินเชื่อใจมากที่สุดก็คือเจ้าอารามกับอ๋องเจวี้ยน และเชื่อฟังคำพูดของพวกเขาสองคนมากที่สุด จะรบกวนเจ้าอารามหรือว่าท่านอ๋องลงเขาไปดูนางหน่อยได้ไหม?"ลวี่กั่วพูด และคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา"ขอร้องพระชายาด้วย สงสารฮูหยินของข้าทีเถิด พระชายาต้องเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาแน่นอน ฮูหยินของข้าก่อนหน้านี้เข้าใจพระชาย
คนอื่นในเมืองก็พบความผิดปกติอย่างรวดเร็วแน่นอนว่าพวกเขากำลังไล่ตามหาประชาชนพวกนั้นเพื่อคิดบัญชี คนพวกนั้นที่รับเงินห้าสิบตำลึงมาตอนนี้ก็ล้วนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนแต่ก็ยังไม่รู้สึกปลอดภัย เพราะยังมีคนมาเคาะประตูบ้าน ด่าท่อไม่หยุด กระทั่งครอบครัวของพวกเขาก็ยังไม่ให้อภัยพวกเขาด้วยและสองวันนี้ประชาชนที่ไปตรวจโรคซื้อยากับหมอเฉียวทางนั้นก็ถูแจ้งว่า หลังจากนี้มาตรวจโรคและซื้อา ราคาจะเพิ่มขึ้นมาแล้วหมอเฉียวบอกกับพวกเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า: พวกเจ้าคิดว่าค่ารักษาของข้าถูกขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้าเก็บแค่นั้นข้าก็อดตายไปนานแล้ว หลังจากนี้ถ้าไม่มีอ๋องเจวี้ยนชดเชยให้ เช่นนั้นเขาก็ควรเก็บด้วยราคาปกติแล้วคนป่วยที่ไปซื้อยาวันนั้นจ่ายเงินมากกว่าแต่ก่อนครึ่งหนึ่งหลังจากกลับไปก็ด่าคนพวกนั้นอย่างสาดเสียเทเสียเพียงไม่นาน ก็มีคนรู้ว่าสาเหตุของเรื่องนี้คือฮูหยินเฉิง จึงมีพวกหญิงสาวคุณนายที่สมัยก่อนผูกมิตรกับฮูหยินเฉิงไว้วิ่งแจ้นไปอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นหานางฮูหยินเฉิงเพิ่งจะรับมือกับหลานชายสองคนของสามีจบ ก็ถูกคนพวกนี้มาพูดจาเสียดสีอีก โกรธจัดล้มป่วยไปทันทีลวี่กั่วขึ้นเขามาหาฟู่จาวหนิง บอกว่าฮ
"ให้เจ้าลงโทษข้าน่ะสิ""ไปเรียนลูกไม้เลี่ยนๆ แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน!" ฟู่จาวหนิงเคืองๆอาหารเย็นส่งเข้ามา วางลงบนโต๊ะสืออีเข้าามาแจ้งเรื่องหนึ่ง"ตอนที่ข้าเข้าไปยกอาหารในครัวเจอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วย องค์หญิงใหญ่กำลังทำงานอยู่ในครัวขอรับ""นางกำลังทำกับข้าวหรือ? นางทำเป็นด้วย?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆสืออีหยิบของว่างจานหนึ่งออกมาจากตะกร้าอาหาร วางลงตรงหน้านาง"พระชายา นี่คือของว่างที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำขอรับ บอกว่าชื่อขนมดลชัยอะไรสักอย่าง เป็นของว่างของประชาชนทางต้าชื่อ เหมือนจะบอกว่าแม่นมที่เคยดูแลนางมาคนหนึ่งสมัยก่อนสอนนางทำ องค์หญิงใหญ่บอกให้นำมาให้ท่านลองชิมดูขอรับ""ให้ข้าชิมหรือ?" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว จากนั้นก็มองเซียวหลันยวนผาดหนึ่งไม่ใช่จะเอามาให้เซียวหลันยวนชิมหรือ?"หนิงหนิง เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไมกัน? ข้าไม่ได้อะไรกับนางเลยนะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "แต่ว่า ของที่ให้เจ้ากิน ตรวจสอบไว้ก่อนเป็นการดี"ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อใจองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่แม่นางคนนั้นไม่ค่อยฉลาดเอาเลยจริงๆฟู่จาวหนิงมองของว่างที่ไม่ค่อยจะประณีตเท่าไรจานนั้น จินตนาการถึงภาพองค์หญิ
"ฮูหยินอู๋คนนั้น เหมือนจะเคยบอกว่านางชื่ออิงถัง""ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ"เซียวหลันยวนไม่ได้สนใจกับชื่อของนางเลย เขาแค่รู้ว่าเป็นคนนั้นก็พอแล้ว"ได้ยินเจี๋ยหลี่คนนั้นบอกมาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮูหยินอู๋ไม่มากนัก"ฟู่จาวหนิงนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินอู๋พูดกับนางไว้ก่อนออกเดินทาง ก็เหมือนมีท่าทางจะผูกมิตรอยู่จริงๆคิดจะดึงนางเป็นพวก ร่วมมือกับนางจริงหรือ?เซียวหลันยวนเหล่มองนาง ยื่นมือมาจับคางนางโยกเบาๆ "เจ้าคงไม่ได้หวั่นไหว แล้วอยากจะไปทำอะไรกับฮูหยินอู๋จริงๆ หรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงตบมือของเขาออก"ท่านคิดอะไรน่ะ ถ้าข้าคิดจะทำอะไรจริงๆ ไม่ต้องร่วมมือกับนางก็ได้นี่ แค่นางเดิมทีเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ข้าก็ไม่มีทางผูกมิตรกับนางอยู่แล้ว"นางไม่สนว่าฮูหยินอู๋ตอนนี้จะออกจากลัทธิเทพทำลายล้างแล้วจริงหรือไม่ ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้างจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จิ้นเชินเองก็ยังเคยบอกว่า ฮูหยินอู๋ คยต้องสงสัยว่าเป็นคนที่ฆ่าสามีด้วยนางไม่มีความรู้สึกดีดีให้กับลัทธิเทพทำลายล้างเลย แล้วคนที่มาจากลัทธิเทพทำลายล้าง นางจะไปร่วมมือด้วยได้อย่างไรกัน?"แล้วเจ้าเชื่อไหมว่าเรื่อ
ไป๋หู่ตอบว่า "เรียนท่านอ๋อง นี่เป็นของขวัญพบหน้าที่เจ้าอารามส่งให้คุณหนูขอรับ"เซียวหลันยวนเห็นน้ำที่ใส่อยู่ด้านในแล้ว เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ยกมือฟู่จาวหนิงขึ้นมา "ขึ้นไปกันก่อนเถอะ""เจ้าอารามยังอยู่ด้านใน ท่านไม่เข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่เข้าไปแล้ว"เซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่าตนเองกับเจ้าอารามไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว เรื่องมากมาย พวกเขาคุยกันมาตั้งหลายปีแล้ว เขากับเจ้าอารามเองก็ไม่ใช่คนที่พูดมากนัก ทั้งสองคนพออยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดออกมา พูดจบก็นิ่งเงียบไป"พระชายาเดินเหินระมัดระวังด้วย"ตอนที่พวกเขาจะขึ้นไป ซางจื่อก็คารวะให้กับฟู่จาวหนิง จากนั้นก็ยืนส่งพวกเขาด้วยสายตาฟู่จาวหนิงหันกลับไปเหลือบมองซางจื่อยังยืนอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเจ้าอารามออกมาแต่เจ้าอารามก็ยังไม่ออกมา อยู่ในถ้ำภูเขาทำอะไรอยู่นะ?อยู่ในนั้นก็ไม่มีของกินด้วยนี่"เจ้าอารามพูดอะไรกับเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ก็แค่มาคุยโวกับข้าเรื่องดูแลตัวเองน่ะ" ฟู่จาวหนิงตอบ "บอกว่าเขาไม่เคยแก่อีกเลยตั้งแต่อายุยี่สิบสี่""เริ่มตั้งแต่ตอนไหนก็ยังเอามาบอกเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนประหลาดใจหน่อยๆ"เร
"เป้าหมายของข้าหรือ..."เจ้าอารามพูดไปครึ่งประโยคแล้วตอนท้ายลากเสียงยาว เหมือนตัวเขากำลังสับสนอยู่บ้างแต่ตอนนี้ฟู่จาวหนิงมองออก ว่าความสับสนนี้ของเขาเป็นของปลอม ในใจเขาอันที่จริงแจ่มชัดยิ่งกว่าใครๆนางมองเขาไมม่ออกแต่กลับรู้สึกว่า เขามองคนทุกคนออกจนปรุโปร่ง"บางที ข้าคงแค่อยากจะรักษาสภาพตอนนี้ของใต้หล้าเอาไว้ แบบนี้ยังไม่ค่อยสงบสุขนัก แต่ยังถือว่ามั่นคงอยู่" เจ้าอารามเอ่ยขึ้น"ข้ากับอายวนอยู่ด้วยกัน จะส่งผลกระทบกับสถานการณ์ใต้หล้าจริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงจะให้เกียรติพวกเรามาเกินไปแล้วกระมัง""เป็นเจ้าดูถูกตัวเองต่างหาก"เจ้าอารามยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ด้านนอกก็มีเสียงเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"หนิงหนิง""อายวนกลับมาแล้ว" เจ้าอารามไม่ได้พูดต่อ เขามองกระถางน้ำนั่น "เจ้านี่เจ้าจะเก็บไว้ไหม?""ไม่รับก็เสียของสิ" ฟู่จาวหนิงไม่มีลังเลไม่ว่าในใจเจ้าอารามจะคิดอะไร ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสนใจของนางในเรื่องเหล่านี้ ไว้นางกลับไปค่อเข้าไปตรวจสอบในห้องเภสัช ลองดูว่าใช่น้ำใสหรือไม่ แล้วถ้าด้านในส่วนประกอบอัศจรรย์อะไรที่ชะลอความอ่อนเยาว์อยู่จริงไหมถ้ามีอยู่จริงๆ ล่ะก็ นางเองก็อยากจ
จู่ๆ เขาก็พูดแบบนี้ออกมา ทำเอาฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันอันที่จริงนางเองก็เคยคิดปัญหานี้อยู่ทำไมทั้งๆ ที่ใบหน้ารักษาหายแล้ว มีใบหน้างดงามเสียขนาดนั้น แต่เซียวหลันยวนกลับยังสวมหน้ากากไว้ตลอด?สวมหน้ากากก็ไม่ได้สะดวกเสียหน่อยยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าหล่อเหลานั่นปิดบังเอาไว้เสียของจะแย่แต่เซียวหลันยวนก็ไม่เคยพูดถึงปัญหานี้กับนาง บางครั้งนางถามไป เขาก็ทำแค่ยิ้มๆหรือว่าเจ้าอารามจะรู้ว่าเพราะอะไร?"เพราะว่า ใบหน้าของเขา มันดูคล้ายคลังกับจักรพรรดินีของตงฉิงสมัยยังสาวน่ะสิ" เจ้าอารามบอกกับนางฟู่จาวหนิงตกตะลึงนางยังไม่เคยคิดไปถึงด้านนี้เลยแต่ว่าเจ้าอารามพูดอกมาแบบนี้ นางก็กระจ่างขึ้นมาทันทีนี่เหมือนจะเป็นความเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ก็เหมือนกับเรื่องสกุลของเจ้าอาราม ถ้าลือออกไปจะดึงดูดความสนใจพวกคนเจตนาไม่ดี ใบหน้าเซียวหลันยวนถ้าเปิดเผยออกไป ก็อาจจะดึงดูดความสนใจคนเหล่านั้นที่กำลังตามหาตงฉิงอยู่ด้วยกระมัง?จักรพรรดินีตงฉิงแต่ก่อนเคยไปเป็นทูตที่ต้าชื่อ รับประกันได้ยากว่าคนที่เคยเห็นนางในอดีตจะยังมีชีวิตรอดกันอยู่ไหมอย่างลัทธิเทพทำลายล้าง ก็ค้นหาตงฉิงมาโดยตลอดเช่นกันคนเหล่านั้นถ้
"ตอนนั้นในเขาชิงถงเกิดการขัดแย้งภายใน อาจารย์ของเจ้าคนนั้น โอ้จริงด้วย ลุงของถังอู๋เจวี้ยน ไม่ใช่ว่าโมโหจนออกจากเขาชิงถงหรือ? เพราะตระกูลเขาชิงถงอีกสายหนึ่งของพวกเขาทำเรื่องผิดมา แต่เขาชิงถงกลับปล่อยพวกเขาไปเพราะจะไม่สังหารเครือญาติ"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนางคิดไม่ถึงเลย ว่าพูดไปพูดมา ก็ยังวนมาถึงเรื่องเขาชิงถงจนได้นี่ไม่ถือเป็นความลับของเขาชิงถงหรือ? แล้วทำไมเจ้าอารามถึงรู้ได้?"อาจารย์ลุงของเจ้าคนนั้นรู้สึกว่าตระกูลปกป้องคนชั่ว ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ดังนั้นจึงออกจากเขาชิงถง ส่วนตระกูลถังที่ทำผิดสายนั้น ก็ถูกขับออกจากเขาชิงถงไปด้วยเช่นกัน สายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ตงฉิงอยู่ ข้าคิดว่าพวกเขาคิดจะค้นหาตงฉิงอยู่ตลอด และการจะหาตงฉิงให้พบก็มีอยู่สองวิธี หนึ่งคือหาสมบัติแคว้นชิ้นหนึ่งของตงฉิงให้พบ ของสิ่งนั้นสามารถนำทางไปยังวังจักรรพรรดิตงฉิงได้ และอาจจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกใหญ่ของตงฉิง""และอีกวิธีหนึ่ง คือหาคนของตระกูลซืออวี๋ให้เจอ เพราะตระกูลซืออวี่มีการสืบทอดพรสวรรค์ สามารถทำนายตำแหน่งของตงฉิงออกมาได้"เจ้าอารามพูถึงจุดนี้ก็หยุดลงมา มองฟู่จาวหนิงด้วยสายตาลึกซึ้งคว