เซียวหลันยวนพอเห็นภาพนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาดีดตัวลุกขึ้นยืน แขนเสื้อยังพลิกแก้วชาจนคว่ำ จนน้ำชาหกลงมาวินาทีที่ภาพนั้นเกือบจะเปียก ฟู่จาวหนิงก็มือไวกวาดขึ้นมานางเงยหน้ามองเซียวหลันยวนปฎิกิริยาไวขนาดนี้เชียวไม่ต้องถามเลย เขาต้องเคยเห็นรูปนี้มาก่อนแน่นอนเดิมทีนางเมื่อคืนนี้ก็คิดจะหาโอกาสถามคนอื่นดูเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ในวังเมื่อคืนนี้ พอนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคนทั้งหมด มันก็หาใครสักคนมาถามไม่ได้เลยจริงๆฟู่จาวหนิงก็แอบตรวจสอบตราหยกและตราปักบนเสื้อผ้าของคนเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ไม่เห็นที่คล้ายกันเลยคิดแล้วอีกเดี๋ยวกลับไปแล้วยังต้องไปตอบเฮ่อเหลียนเฟยอีก นางจึงเพิ่งคิดจะถามเซียวหลันยวน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนจะมากขนาดนี้"ท่านเคยเห็นหรือ?"นางถึงแม้จะไม่ถาม แต่กลับมั่นใจมาก ว่าเขาต้องรู้แน่ๆ"เจ้าเชื่อไหมว่าเด็กน้อยก็มีความทรงจำอยู่ระดับหนึ่ง?"เซียวหลันยวนสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็นั่งลง หยิบผ้ามาเช็ดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ"ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าท่านเห็นสิ่งนี้ตอนที่ถูกกรอกยาเมื่อครั้งนั้น ตอนนั้นท่านเพิ่งจะอายุไม่ถึงสองขวบนี่?"ฟู่จาวหนิงเดาออกมาแต่ก
ผู้ชายคนนี้ มิน่าถึงต่อให้เขาจะเจ็บป่วย แต่องค์จักรพรรดิก็ยังหวาดกลัวเขา!ถ้าเขาไม่ได้ป่วยอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่บนใบหน้าเขามีบาดแผล บัลลังก์มังกรเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใครจะได้ขึ้นไปนั่ง!"ตราหยกชิ้นนั้น""เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงต้องรอให้บิดามารดาเจ้ากลับมากัน?"พอพูดถึงเรื่องนี้ ระหว่างพวกนางก็เหมือนมีกำแพงอุปสรรคลอยขึ้นมาแล้วตราหยกนี้ ตอนนี้มาเตือนพวกเขา ระหว่างพวกเขายังคั่นเอาไว้ด้วยความแค้นลึกหยั่งที่อาจจะมีอยู่จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมารอยยิ้มในดวงตาเซียวหลันยวนเหมือนจะสลายหายไปแล้ว"ตราหยกชิ้นนี้แม้ว่าจะสลักคำว่าฟู่เอาไว้ นั่นจะเป็นไปได้ไหมว่าเกี่ยวกับบ้านตระกูลฟู่ของเจ้า? หลังจากกลับไปแล้ว เจ้าลองถามปู่ของเจ้าดู""ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย""เจ้าไม่เคยเห็นไม่ได้แสดงว่ามันไม่ใช่ของตระกูลฟู่""เอาล่ะ ข้าจะกลับไปถามท่านปู่ดู" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน"เฮ่อเหลียนเฟยให้เจ้ามาหรือ?"เซียวหลันยวนเรียกนางเอาไว้"ใช่""เช่นนั้น บิดามารดาเจ้าก็อาจจะเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียน หรือก็คือ พวกเขายังมีชีวิตอยู่""ท่านคิดว่า คนสกุลฟู่ที่เฮ่อเหลียนเฟยหาตัวอยู่คือบิดาของข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงใน
หงจั๋วกอดจันทราโน้มเมืองชุดนั้นเดินออกไป ก้มหน้าเศร้าผู้ดูแลรีบร้อนเดินเข้ามา พอเห็นนาง ในก็เต้นผาง "เกิดอะไรขึ้นกัน?""ผู้ดูแลจง ท่านอ๋องจะให้ข้าเอาชุดกระโปรงนี้ไปเผา ทำอย่างไรดี?"ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ชุดกระโปรงนี้ถ้าเผาไปมันน่าเสียดายมาก นางรู้สึกว่าพระชายาสวมแล้วเหมาะสมมากถ้าหากพระชายารู้ว่าท่านอ๋องเผาชุดกระโปรงนี้ไป จะเข้าใจผิดขึ้นมาไหม?ยังไม่ต้องพูดถึงฟู่จาวหนิงหรอก ผู้ดูแลจงตอนนี้ก็ยังเข้าใจผิดไปแล้วเลย"เพราะอะไรกัน? หรือว่าเพราะว่าพระชายาสวมไปแล้ว ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่อยากเก็บเอาไว้หรือ?"ฟังดูเอาแล้วกัน ขนาดผู้ดูแลยังคิดเช่นนี้เลย ถึงตอนนั้นพระชายาคิดเช่นนี้ด้วยจะทำอย่างไร?"น่าจะไม่ใช่ แต่ว่าข้าไม่อาจไปคะเนความคิดของท่านอ๋องส่งเดชได้หรอก" หงจั๋วร้อนรนขึ้นมาแล้วนางไม่อาจคะเนความคิดของท่านอ๋อง และไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอ๋องได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้กอดชุดกระโปรงนี้ไว้นางจึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เผาไปก็ไม่ได้ ไม่เผาเองก็ไม่ได้"เอาอย่างนี้สิ วางไว้ที่เรือนเจียนเจียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยนำมาถามท่านอ๋องอีกที" ผู้ดูแลจงเองก็รู้สึกว่ากระโปรงชุดนี้เผาทิ้ง
เฮ่อเหลียนเฟยตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลฟู่นี้ดีมากจริงๆฟู่จาวหนิงล้วนคิดไม่ถึงว่าหนึ่งคนแก่หนึ่งชายหนุ่มจะเข้ากันได้ขนาดนี้"คุยอะไรกันอยู่น่ะ?" นางเดินเข้ามาอยู่ข้างผู้เฒ่าฟู่ จับชีพจรให้กับเขา"คุยกันเรื่องประเพณีประหลาดๆ ของเผ่าเฮ่อเหลียนน่ะ" ผู้เฒ่าฟู่พิจารณาตัวนาง "เมื่อคืนนี้เข้าวังไป ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?"เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงเมื่อคืนเข้าวังไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ จึงรู้สึกกังวลมาตลอด ตอนนี้พอเห็นนางปลอดภัยดีจึงเพิ่งวางใจลงมา"ไม่เป็นไร ท่านปู่ ข้าเก่งมากนะ ท่านเนี่ยเลิกกังวลกับตัวข้าได้แล้ว""ใช่ใช่ใช่ ท่านปู่ พี่หญิงเก่งกาจมากเลยนะ" เฮ่อเหลียนเฟยเองก็พูดขึ้นมาเขามองฟู่จาวหนิงตาปริบๆฟู่จาวหนิงรู้ถึงความหมายของสายตาเขา คงจะร้อนรนอยากรู้เบาะแสเกี่ยวกับตราหยกชิ้นนั้นแน่ๆตอนนี้ตราหยกอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่ และเป็นไปได้ว่าคนร้ายที่วางยาใส่เซียวหลันยวนตอนนั้น ก็น่าจะไม่ธรรมดา ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงยังไม่บอกเขาก่อนชั่วคราวนางยังต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าเจ้าของตรานี้กับเฮ่อเหลียนเฟยเกี่ยวข้องกันอย่างไรดังนั้นภายใต้สายตาแป๋วของเฮ่อเหลียนเฟย เขาจึงสั่นหัวเบาๆ เฮ่อเหลียนเฟยก็ป
เฮ่อเหลียนเฟยไม่คิดมากอะไร พยักหน้าให้ทันที"ใช่แล้ว""เสี่ยวเฟย เด็กดี เจ้าบอกกับท่านปู่หน่อย ว่าคนที่พกตราหยกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ากัน? ทำไมเจ้าถึงต้องตามหาเขา?"ฟู่จาวหนิงฟังออกถึงอาการสั่นพร่าของน้ำเสียงผู้เฒ่าฟู่เฮ่อเหลียนเฟยนิ่งขึ้นมาทันทีเขามองผู้เฒ่าฟู่ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง คิดจะพูดแต่ก็หยุดไว้ฟู่จาวหนิงมองท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้มงวด "ในเมื่อเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าหาตัวคน เช่นนั้นคำถามนี้คงต้องตอบให้ชัดเจนหน่อยแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวคนแบบไหนมา""เอาล่ะๆๆ ข้าบอกแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็เชื่อใจพวกท่าน แต่ว่าพวกท่านห้ามบอกต่อไปอีกนะ""ไม่พูดหรอก" ผู้เฒ่าฟู่รีบรับคำขึ้นมา"นั่น ตัวตนฐานะของข้าจริงๆ ยังไม่ได้พูดกับพวกท่านอย่างชัดเจน" เฮ่อเหลียนเฟยจู่ๆ ก็รู้สึกผิด แอบลอบสังเกตสีหน้าของฟู่จาวหนิง"เจ้ายังปิดบังอะไรอยู่หรือ?""ข้า""เจ้าเป็นคนเฮ่อเหลียนใช่ไหม?""ใช่""เจ้ามาที่แคว้นเจาเพื่อหาคนสกุลฟู่จริงๆ ใช่ไหม?""ใช่ นี่เป็นเรื่องจริง"ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเขาขรึมลงมา "เช่นนั้นเจ้าก็ปิดเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าหรือ?""ก็ไม่ขนาดนั้น พี่หญ
นางยังคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มจากเผ่าเฮ่อเหลียนธรรมดาคนหนึ่งเสียอีก แต่กลายเป็นว่าบิดาเขาเป็นราชาแห่งเฮ่อเหลียนเสียอย่างนั้น"พี่หญิง ท่านอย่างเพิ่งโกรธ ข้าก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวพี่หญิงนัก ดังนั้นจึงยังไม่กล้าแจ้งตัวตนฐานะจริงๆ ออกมา ข้ากลัวพี่หญิงจะทิ้งข้าไว้ในภูเขาเมฆอรุณโดยไม่สนใจจริงๆ"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เขาขยับตัวคิดจะลงมาจากเก้าอี้ แต่ว่าขายังเจ็บอยู่ จึงทิ้งตัวตุบลงไปบนพื้น เจ็บจนเขาร้องขึ้นมาผู้เฒ่าฟู่ก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบปล่อยมือฟู่จาวหนิงเข้าไปประคองตัวเขา"เจ้านี่นะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? เร็ว จาวหนิง รีบประคองเขาขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงมองเฮ่อเหลียนเฟย"พี่หญิง"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นว่านางไม่คิดจะเข้ามาประคองตัวเขา ใจก็ดำดิ่ง ดวงตาแดงรื้น"ข้าไม่ได้จงใจจะหลอกท่านจริงๆ""เจ้าของตราหยกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?" ฟู่จาวหนิงดึงผู้เฒ่าฟู่ไว้ ไม่ให้เขาเข้าไปประคองเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยกัดริมฝีปาก ในดวงตามีประกายน้ำตา"ท่านแม่ข้าแอบบอกข้ามาเรื่องหนึ่ง นางบอกว่าข้าเป็นคนที่นางอุ้มกลับมาจากภายนอก ตอนนั้นคนที่ทิ้งเด็กไว้พกตราหยกชิ้นนี้อยู่!
ลุงจงเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เดาได้ว่าท่านปู่กำลังจะพูดอะไรแล้วนางเม้มริมฝีปากตามคาด ผู้เฒ่าฟู่บีบมือของนางแน่น สายตาตกอยู่บนใบหน้าเฮ่อเหลียนเฟย"ตราหยกนี้ เป็นของของแม่จาวหนิง"หืม?ฟู่จาวหนิงตะลึงงันของฟู่หลินซื่อหรือ?นางเดิมทีคิดว่าจะบอกว่าเป็นของฟู่จิ้นเชินเสียอีก ถึงอย่างไรก็สกุลฟู่นี่นะ!ตอนนี้ทำไมถึงบอกว่าเป็นของฟู่หลินซื่อล่ะ?"อักษรฟู่ตัวนั้น อันที่จริงเป็นสิ่งที่พ่อของเจ้าสลักไว้ด้านหลัง เพื่อปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ มองไปทางฟู่จาวหนิง"เพราะอะไรกัน?"เพราะอะไรต้องปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง?เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตกตะลึงไปแล้ว"ถ้าอักษรแต่เดิมให้คนเห็นไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพกตราหยกไว้ก็พอแล้ว หรือไม่ก็ทำลายมันทิ้งเสียก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?" เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเช่นนี้"ตราหยกชิ้นนั้นมีบทบาทอื่นอยู่อีก พวกเขาไม่สามารถทำลายทิ้งส่งเดชได้ พกตราหยกนั้นไว้ ก็เพราะหลินซื่อคิดจะใช้ตราหยกนั้นดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา"ผู้เฒ่าฟู่พูดถึงจุดนี้ สูดลมหายใจลึก"แม่ของข้า ไม่ใช่คนจากตระกูลหลินหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเบื้องหลังนี้มีหมอกปริศ
เฮ่อเหลียนเฟยคิดๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา "พี่หญิง แล้วท่านจะบอกอ๋องเจวี้ยนไหม?""บอกเขาทำไมกัน?""เขาไม่ใช่พี่เขยของข้าหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "บอกเขาไว้ก่อน บางทีหลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่ขายยังสามารถคุ้มครองพี่หญิงได้นะ"เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อย่าปิดบังอ๋องเจวี้ยนดีกว่าถึงอย่างไรจากที่เขาเห็น พี่เขยเองก็รักและคอยปกป้องพี่หญิงอยู่ หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะช่วยนางปิดบังให้ด้วยก็ได้"ไร้สาระ"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ส่ายหัวขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พี่เขยของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอย่าไปเชื่อเขานะ"เฮ่อเหลียนเฟยไม่เข้าใจ "ท่านปู่ เพระาอะไรกัน?""เจ้าไม่ต้องถามหรอก เรื่องนี้มันไม่ได้ หลังจากนี้พี่หญิงของเจ้าจะหาวิธีเพื่อหย่ากับเขาแล้ว" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ เขามองฟู่จาวหนิง "จาวหนิง เจ้าเองก็อย่าประมาทล่ะ เพราะว่าตัวตนแม่ของเจ้าลึกลับ ดังนั้นต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าครั้งนั้นคนที่วางยาจะเกี่ยวข้องกับนางจริง"ฟู่จาวหนิงงงงัน"หรือก็คือ ขนาดข้าก็ยังไม่กล้าพูดว่าแม่ของเจ้าบริสุทธิ์" ผู้เฒ่าฟู่สีหน้าหม่น "ถ้าหากนางวางยาใส่อ๋องเจวี้ยนเพราะความลับเบื้องห
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ