"อันตราย?"เซียวหลันยวนกลับไม่เข้าใจความหมายของนางฟู่จาวหนิงคิดว่าเขาคงไม่ยอมรับ จึงแค่เหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "น่าเสียดาย เรื่องของซือถูไป๋เองก็เป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ห้าปีผ่านไปแล้ว ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างพวกเราเองก็ไม่รู้""ศิษย์เอ๋ย มานี่ ข้าจะสอนเจ้าว่าเก็บใยผนึกลำคอเหล่านี้อย่างไร"ผู้อาวุโสจี้เองก็รีบเดินไปทางต้นไม้ต้นนั้นพอเป็นเช่นนี้เรื่องที่พวกเขาคุยกันจึงหยุดลงชั่วคราวฟู่จาวหนิงเดินออกไปผู้อาวุโสจี้ตรวจสอบบนกิ่งไม้ไปแล้ว ด้านบนยังมีใยผนึกลำคออยู่อีกหลายดอก เขามองไปทางเซียวหลันยวน "ต้องรบกวนอ๋องเจวี้ยนเขย่าที่เหลืออยู่บนนั้นลงมาด้วย"พอเขาพูดจบ เซียวหลันยวนแค่ยื่นมือออกมาตบ ลมจากฝ่ามือก็เขย่ากิ่งไม้ ใยหลายดอกด้านบนก็ลอยลงมาบนพื้นอย่างรวดเร็ว"จริงด้วย อ๋องเจวี้ยนรู้จักของเหล่านี้ได้อย่างไรหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถามเซียวหลันยวนขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็นปกติของพวกนี้มีคนรู้จักน้อยมากตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็เห็นว่ามุมปากเซียวหลันยวนจู่ๆ ก็เม้มแน่น กลิ่นอายทั้งตัวเขาก็ราวกับเย็นชาลงมาผู้อาวุโสจี้ไม่ทันสังเกต แต่นางสังเกตเห็นแล้วคำถามนี้ของผู้อาวุโสจี้ถามจี้ใจดำเซียวหล
ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกของฟู่จาวหนิงก็หาหินก้อนนั้นพบจริงๆหลักๆ คือหินก้อนนี้ขนาดไม่น้อยเลย เดินหาหน่อยเดี๋ยวก็พบบนหินยังมีเลือดติดอยู่เลย บนพื้นดินข้างๆ ยังมีรอยเลือดที่แห้งกรังจนเป็นสีดำแล้วด้วยจากหินตรงนี้มองขึ้นไป บนเนินก็ยังเห็นร่องรอยของคนกลิ้งตกลงมาผู้อาวุโสจี้ดีใจมาก "หาพบแล้ว! เช่นนั้นเถาขมเฝื่อนก็น่าจะอยู่ข้างบนนี้ พวกเรารีบขึ้นไปดูเถอะ"เขาพูดปาวๆ พอหันหน้ามาก็เห็นฟู่จาวหนิงยังนั่งยองอยู่ข้างหินก้อนนั้นดูอะไรอยู่ รอยเลือดที่อยู่บนหินนั่น น่าจะเป็นจุดที่ผู้เฒ่าหวางกระแทกลงมา ที่นั่นคมนิดหน่อย และมีส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างกลมลื่นยื่นออกมาเห็นแล้ว แต่ยังจะไปค้นคว้าอะไรอยู่อีก?เซียวหลันยวนยืนมองอยู่ข้างๆ"เข้าใจลักษณะคร่าวของหินก้อนนี้ จะช่วยให้ข้ารักษาได้แม่นยำขึ้น" ฟู่จาวหนิงอธิบายกับผู้อาวุโสจี้ขึ้นคำหนึ่งผู้อาวุโสจี้สีหน้าจริงจังขึ้นมา"จาวหนิง เจ้าเป็นหมอที่ดีจริงๆ"นางมีความรับผิดชอบมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้ตื่นเต้นที่หาเถาขมเฝื่อนพบจนลืมสิ่งที่ต้องทำด้วยคนเช่นนี้มาเป็นหมอ จิตใจไม่มีทางไม่หนักแน่นปกติคนเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องมีประสบการณ์มาหลายปี สำหรับหญิงสา
เซียวหลันยวนมองพวกเขาศิษย์อาจารย์สองคนนั่งยองหารือกันในกอหญ้าป่านี้อย่างออกรสออกชาติอยู่ข้างๆผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ก็โยนเขาไปอยู่หลังสมองแล้วสมัยก่อนได้ยินคนบอกว่า ผู้อาวุโสจี้จากพันธมิตรโอสถใต้หล้าเป็นพวกบ้าสมุนไพร พอพูดถึงวัตถุดิบยาก็จะลืมไปหมดทุกสิ่งอย่าง มีคนไม่น้อยล้วนบอกว่าผู้อาวุโสจี้คนนี้น่าเบื่อสุดๆ เพราะสิ่งที่เขาพูดมามากที่สุดล้วนเป็นวัตถุดิบยาแต่ไม่ใช่คนทั้งหมดที่จะสนใจต่อวัตถุดิบยา ต่อให้ศิษย์ก่อนหน้าของเขาคนนั้นก็ยังรู้สึกอึดอัด เรียนรู้วัตถุดิบยาไปเองก็ไม่จบไม่สิ้นเสียทีแต่ว่าตอนนี้เขากลับพบว่าฟู่จาวหนิงนั้นฟังอย่างตั้งใจ กระทั่งบางครั้งที่ตามไม่ทันยังบอกให้ผู้อาวุโสจี้อธิบายอีกรอบด้วยคนหนึ่งสอนอย่างละเอียด อีกคนก็เรียนอย่างตั้งใจเซียวหลันยวนเองก็มองอยู่ข้างๆ จู่ๆ ที่หูก็กระดิกเล็กน้อย มีร่างแฉลบผ่านไปข้างกาย จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือลมฟาดคนหนึ่งลอยออกมาจากด้านหลังกอหญ้าอาวุธลับในมือคนผู้นั้นยังไม่ทันขว้างออกมา ร่างกายก็ร่วงลงไปบนพื้นแล้ว และรีบกระโจนกลับออกมาอย่างรวดเร็ว มองไปทางเซียวหลันยวนอย่างขุ่นเคือง"อ๋องเจวี้ยน ทำไมถึงมาหลอกหลอนไม่หยุดแบบนี้?"ไห่ฉางจวิ้น"
ผู้อาวุโสจี้ถลึงตามองนาง"เขายังหาไม่เจอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็ไม่ได้มาขุดด้วยกันด้วย แล้วจะแบ่งให้เขาทำไมกัน? มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแบ่ง? แล้วเขามีคุณสมบัติอะไรถึงจะได้รับการแบ่ง?"ถ้าหากหาเจอด้วยกัน ถ้าหากซือถูไป๋เข้ามาขุดด้วยกัน เช่นนั้นพวกเขาก็จำใจต้องหารือเรื่องแบ่งของอย่างเสียมิได้ ตอนนี้ซือถูไป๋ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แล้วจะมาแบ่งอะไร?"อ๋องเจวี้ยน ท่านว่าจริงไหม?"ผู้อาวุโสจี้ถามเซียวหลันยวน"ผู้อาวุโสจี้พูดไว้ถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด"ดูสิ อ๋องเจวี้ยนเองก็ยังเห็นด้วยกับข้า เอาล่ะเอาล่ะ เจ้ารีบขุดเข้า ระวังมือของเจ้าด้วย" ผู้อาวุโสจี้เร่งรัดฟู่จาวหนิงเขาไม่เพียงแต่ไม่อยากจะแบ่งวัตถุดิบยาให้ซือถูไป๋ แต่ยังกลัวว่าตอนนี้เขาจะเข้ามาด้วย"หญิงสาวอย่างเจ้าอะไรก็ดีไปหมด แต่บางครั้งจะใจอ่อนไปหรือไม่?"ผู้อาวุโสจี้นั่งบ่นกระปอดกระแปดอยู่ข้างๆ "อย่างที่รักษาอาการให้ผู้เฒ่าหวางนั่นด้วย เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย และจะต้องเสียเวลาอย่างมากอีก แต่เจ้ากลับไม่เก็บเงินสักแดงเดียว เจ้าเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้อาชีพหมอคงจะเลี้ยงตนเองไม่ไหว""อาจารย์" ฟู
"แต่ว่าคุณชายถ้าออกไปหาดีดีก็คงจะหาพวกเขาพบนี่นา ถ้าแค่คุณชายไปขุดเถาขมเฝื่อนด้วยกัน ผู้อาวุโสจี้จะแย่งไปทั้งหมดได้หรือ?"อาเพียนมองซือถูไป๋อย่างกังวลเล็กๆ "คุณชาย คุณชายถังเอาแต่จ้องตำแหน่งนายน้อยของท่านเขม็ง เขาได้รับการช่วยเหลือจากต้าชื่อแล้วด้วย แล้วยังเอาใจนายท่านอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่อีก ถ้าท่านมาเมืองหลวงรอบนี้แล้วรวบรวมตัวยามหัศจรรย์ไปไม่ครบ นายท่านคงจะผิดหวังมากแน่ๆ "ถึงตอนนั้นคุณชายถังถ้ายืนยันได้ว่าเป็นสายเลือดของนายท่าน ประคองตัวตนฐานะตนเองอย่างมั่นคงแล้ว ตำแหน่งของคุณชายจะรักษาไว้ไม่ได้เอานะนายท่านเดิมทีไม่ค่อยจะชัดเจนกับแม่ของคุณชายถังอยู่แล้ว คุณชายถังเองอาจจะเป็นลูกชายของนายท่านก็ได้"ไม่เป็นไร ไม่มีเถาขมเฝื่อนก็ยังหาอย่างอื่นได้""คุณชาย""เอาล่ะ อาเพียน เจ้าตอนนี้เริ่มพูดมากแล้วนะ"อาเพียนถูกตำหนิไปคำหนึ่ง ก็ปิดปากลงด้วยความรู้สึกน้อยใจฟู่จาวหนิงกลับมาถึงบ้านตระกูลฟู่ นำหินก้อนนั้นวางกลับไปที่เดิมของมัน จากนั้นก็เอาหินหยาบมรกตที่ซือมาจากผู้เฒ่ากู้สองก้อนวางไว้ในลานบ้าน จากนั้นก็ปลูกโกฐเหลืองที่ขุดกลับมาจากในภูเขาเอาไว้ข้างๆครั้งนี้ได้รับของกลับมาจากบนภูเข
"ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ไม่ต้องร้อนรน"พอเห็นเสี่ยวเถาร้อนรนจนร้องไห้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าประคองนาง"แต่ว่าคุณหนูเองก็ดมกลิ่นไม่ออกแล้วนี่" เสี่ยวเถารู้สึกแปลกหน่อยๆ "เอ๋ ไม่ใช่สิ คุณหนู แล้วทำไมตอนนี้ข้าถึงได้กลิ่นหอมของเทียบเชิญนั่นแล้วล่ะ?""เพราะไม่ใช่ว่าประสาทรับกลิ่นจะหายไปทั้งหมด เพียงแต่จะไม่ได้ไวเหมือนเมื่อก่อน ไม่ค่อยปกติเท่านั้น เจ้าตอนนี้ที่ได้กลิ่นหอมของเทียบเชิญไม่ได้หนักหน่วงเหมือนเมื่อวานใช่ไหม? นี่ก็เพราะประสาทรับกลิ่นเริ่มกลับมาแล้ว""ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ข้าคิดว่าวางทิ้งไว้สักวันกลิ่นหอมก็จะจางไป""ในนี้น่าจะยังมีตัวยาที่ทำให้กลิ่นคงไว้อยู่ ดังนั้นกลิ่มหอมจึงไม่จางหายไปไวนัก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "เจ้าอย่าลืมว่าคุณหนูของบ้านเจ้าทำอะไร พิษแค่นี้ข้าแก้ไขได้อยู่"ฟู่จาวหนิงให้นางรอก่อน ตนเองเข้าไปในห้อง เพียงไม่นานก็หยิบยาลูกกลอนที่ปั้นลวกๆ ออกมาเม็ดหนึ่ง"กินลงไปก็พอแล้ว"เสี่ยวเถารับยาลูกกลอนเม็ดนี้ ยัดลงไปในปากทันที"เจ้าเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ?""แน่นอนสิเจ้าคะ ท่านเป็นคุณหนูของข้านะ ยิ่งไปกว่านั้นวิชาแพทย์ของคุณหนูก็ยังยอดเยี่ยมมากด้วย" เสี่ยวเถากลืนยาลูกกลอนเม
"คุณหนู ท่านอย่าไปเชียว" เสี่ยวเถาเอ่ยเตือนนางอย่างกังวล"ข้าขอดูก่อน"ผลลัพธ์ผ่านไปไม่นานนัก ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายทำไมจึงมั่นใจว่าตนเองจะไปยังหอจันทร์หยาด เพราะว่า มีคนส่งจดหมายเข้ามาอีก บอกว่าหลินอันห่าวไปตกอกตกใจอะไรอยู่ที่นั่น เอาแต่ร้องห่มร้องไห้หลินอันห่าวเป็นลูกสาวของพี่สะใภ้รองฟู่หลินซื่อ หรือก็คือน้าสะใภ้รองของฟู่จาวหนิงก่อนหน้าพิธีเดิมพันโอสถครั้งที่แล้วมีหมอสกุลเฉียนคิดจะให้นางเป็นคนไข้ตัวอย่างจึงยิงเข็มพิษใส่นาง ฟู่จาวหนิงรักษาอาการให้นางแล้วน้าสะใภ้รองเซี่ยซื่อเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลหลินที่เคยช่วยเหลือผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิงเอาไว้ ตอนนี้พูดได้ว่าเป็นญาติที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมที่เหลืออยู่ของบ้านพวกนางแล้วฟู่จาวหนิงคิดถึงสภาพหวาดผวาของหลินอันห่าว ไฟโกรธก็แทบจะปะทุเผาไหม้ขึ้นมาเหนือหัวทันทีหลินอันห่าวเป็นเด็กที่มีปัญหาในสมอง อายุสิบสองสิบสามปี ตอนนี้สติปัญญาก็น่าจะแค่สี่ห้าขวบ ยิ่งไปกว่านั้นปฏิกิริยาเองก็ยังใสซื่ออย่างมาก ตอนนี้ทำไมจึงไปยังหอจันทร์หยาดเพียงคนเดียวล่ะ?ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเพื่อจะล่อลวงนางไปหอจันทร์หยาดแล้วใช้หลินอันห่าวมาเป็นเครื่องมือ เช่
"เซียวเหยียนจิ่งอยู่ที่หอจันทร์หยาดหรือ? ฟู่จาวหนิงเองก็ไปแล้ว?""ท่านอ๋อง ใช่แล้ว"ชิงอีไม่กล้าเงยหน้าตอนที่ได้ข่าวนี้พวกเขาเองเองก็คิดขึ้นมาตามสัญชาตญาณเลย ว่าฟู่จาวหนิงไปหอจันทร์หยาดเพื่อไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งหรือไม่?ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้จากการตรวจสอบตัวฟู่จาวหนิงในช่วงสิบกว่าปีนี้มาว่า ฟู่จาวหนิงแต่ก่อนเคยไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งไปถึงหอจันทร์หยาด"ข้าจำได้ ตอนนั้นที่ฟู่จาวหนิงถูกคนอื่นด่าว่า พูดออกมาคำหนึ่งกับคนที่ล้อมมุงอยู่อย่างชัดเจน"เซียวหลันยวนนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ในมือก็ออกแรงกำโดยสัญชาตญาณ จนข้อมือขาวโพลนไปแล้วชิงอีเองก็ไม่กล้าต่อคำ"เหมือนนางจะบอกว่า นางจะไปหาเซียวเหยียนจิ่ง ถ้าหากไม่มใช่เพื่อเซียวเหยียนจิ่ง นางไม่มีทางไปเหยียบหอจันทร์หยาดแม้เพียงก้าวเดียว ใช่ไหม?"เซียวหลันยวนเติมเข้ามา พูดคำนี้ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำชิงอีครั้งนี้ก็พูดไม่ออกแล้ว ทำไมความจำท่านอ๋องถึงได้ดีแบบนี้? ตอนที่ตรวจสอบพบเรื่องนี้วันนั้น ตอนที่คนอื่นเอาคำพูดนี้ของฟู่จาวหนิงมารายงานกับท่านอ๋องเขาก็พูดตามออกมา แต่ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะความจำดีขนาดนี้"ขอ ขอรับ""ดังนั้นนางตอนนี้ไปที่หอจันทร
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ