ฟู่จาวหนิงไม่สนใจว่าซืออวี๋ชิงจวินจะเตรียมอะไรอยู่นางสนใจแค่ตัวเองก็พอแต่ว่า นางก็ส่งไป๋หู่ออกไปสำรวจทาง และสืบหาร่องรอยของพวกเซียวหลันยวนก่อนส่วนนางก็นำยาที่รวบรวมมาอย่างยากลำบากในช่วงเดือนกว่านี้ พร้อมด้วยองครักษ์สามสิบหกนาย รีบเดินทางไปที่เมืองหลีเสี่ยวเยว่แน่นอนว่าต้องตามนางมาด้วยหงจั๋วเฝิ่นซิงเองก็พยายามจนได้ติดตามฟู่จาวหนิงออกมาเพราะทุกคนล้วนรู้สึกว่า ฟู่จาวหนิงท้องโตขนาดนี้แล้ว ถ้าออกจากบ้าน ข้างกายมีแต่องครักษ์ผู้ชายมันก็ไม่สะดวกเอามากๆ จริงๆและถ้ามีแค่เสี่ยวเยว่คนเดียว ก็เกรงว่าจะดูแลได้ไม่ทั่วถึงดังนั้น หงจั๋วกับเฝิ่นซิงจึงตามมาด้วยถ้าไม่ใช่ว่าฟู่จาวหนิงไม่เห็นด้วย เสิ่นเชี่ยวเองก็จะตามมาอีกคนคลังสกัดยาของฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็มีของใช้สำหรับเตรียมคลอดไว้ไม่น้อยแล้วรถม้าเองก็ผ่านการตัดแปลงอย่างละเอียดโดยฟู่จิ้นเชินและเสิ่นเสวียน ทำให้เลี่ยงการกระเทือนได้มาก ยิ่งไปกว่านั้นด้านในยังปูเอาไว้อย่างนุ่มนวล วางเบาะเอาไว้อีกพอควร กลัวฟู่จาวหนิงจะนั่งไม่สบายแต่ไม่ว่าจะดัดแปลงอย่างไร ฟู่จาวหนิงออกมาครั้งนี้ก็ไม่ใช่ออกมาเที่ยว ความเร็วจึงไม่มีทางช้าได้เลย ดังนั้นจ
ท้ายสุด ใครก็เอาชนะฟู่จาวหนิงไม่ได้เรื่องที่นางตัดสินใจ คนอื่นไม่มีทางเตือนได้ที่สำคัญก็คือ ฟู่จาวหนิงรู้สภาพร่างกายตนเองดี ตอนนี้ท้องของนางถือว่ามั่นคงมากแล้ว เด็กทั้งสองคนในท้องก็ว่าง่ายกันมาก ไม่อาละวาดเลยแม้แต่น้อยนางยังกังวลว่าจะได้ลูกที่เงียบขรึมมาสองคนเสียด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีสิ่งที่พึ่งพาได้มากสุดอีกด้วยหลังผ่านการเตรียมตัวสะสมมาในช่วงหลายปีนี้ ในห้องเภสัชนางปัจจุบันแทบจะมีอยู่ทุกสิ่งอย่าง ถูกจัดแบ่งประเภทเอาไว้อย่างเป็นระเบียบถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นจริง นางก็เข้าไปอยู่ในคลังสกัดยาเสีย อยู่ได้หลายปีก็ไม่อดตายด้วยซ้ำดังนั้น นางก็รับประกันได้ว่าตนเองไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นจริงๆและเพราะนางรับประกันมาขนาดนี้ ฟู่จิ้นเชินเองก็เตือนไม่อยู่แล้ว สุดท้ายจึงไม่มีทางเลือกพวกฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเสวียนล้วนคิดจะตามมาด้วยกัน แต่ฟู่จาวหนิงก็ปฏิเสธไว้"ในเมืองหลวงจำเป็นต้องมีพวกท่าน""เจ้าไม่ต้องการพวกเรารึ?" เสิ่นเสวียนหัวเราะถามนางฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "ท่านลุง ที่นี่ต้องการพวกท่านมากกว่า จะออกไปจนโล่งเลยก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? อันที่จริงพวกท่านอยู่ในเมืองหลวง ข้าเองก
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ค่อยมีช่วงเวลาที่ร้อนรนไม่รู้ว่าเพราะกำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า อารมณ์ของนางตอนนี้จึงดูแปรปรวนกว่าแต่ก่อนเซียวหลันยวนนำทหารออกไปเดือนกว่าแล้ว ช่วงนี้นางก็นอนไม่ค่อยสงบเหมือนก่อนหน้าในใจบอกตนเองอยู่ตลอด ต้องเชื่อมั่นในความสามารถเซียวหลันยวน เชื่อมั่นในตัวพวกเขา พวกเขาต้องทำลายล้างลัทธิเทพทำลายล้างแล้วกลับมาอย่างมีชัยได้แน่ แต่ว่าเหตุผลก็คือเหตุผล อารมณ์มันก็ส่วนอารมณ์หรือก็คือตอนนี้ ฟู่จาวหนิงเพิ่งรู้สึกว่า ตนเองไม่อาจทนกับวันคืนที่ไม่มีเซียวหลันยวนได้เขาต้องอยู่เคียงข้างนางจนหมดอายุขัย"พระชายา" อันเหนียนมองนางผาดหนึ่ง มองออกถึงความลำบากใจของนาง เขาถอนหายใจเบาๆ "ตอนนี้ร่างกายของท่านไม่เหมาะจริงๆ ถ้าเรื่องที่ท่านออกจากเมืองหลวง รู้ไปถึงหูท่านอ๋องเข้า เขาคงได้พะวงหน้าพะวงหลังเป็นแน่"สมมติว่าตอนนี้เซียวหลันยวนยังติดพันอยู่กับเจ้าลัทธิเทพทำลายล้าง ยังไม่ทันได้ทำลายลัทธิเทพทำลายล้าง ถ้าได้ยินว่าฟู่จาวหนิงออกจากเมืองหลวงไป เขาต้องวิตกกังวลอย่างแน่นอนตอนนี้ฟู่จาวหนิงเองก็กังวลตัวเขา แต่ความกังวลต่อตัวนางของเซียวหลันยวนนั้นยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณถึงอย่างไรตอนนี้นา
เซียวหลันยวนในที่สุดก็ทิ้งคนไว้สองร้อยคน ให้ถังอู๋เจวี้ยนกับสือลิ่วอยู่ต่อคนที่เหลือ ล้วนตรงไปทางเมืองหลีระหว่างทาง ความเร็วของพวกเขาก็รวดเร็วมากแต่ก็ยังตามเจ้าลัทธิเทพทำลายล้างไม่ทันเซียวหลันยวนกลับไม่ได้เร่งร้อน"ตราบใดที่เรื่องที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ส่งไปถึงหูเขา เขาจะเข้าเมืองหลีก่อนพวกเราสักเดือนก็ไม่ต้องตึงเครียดไป""แต่ว่าพี่เขย ประชาชนที่เมืองหลีล่ะ?"ฟู่จาวเฟยเองก็กังวลหน่อยๆ มีเจ้าลัทธิเทพทำลายล้างเข้าไป ถ้าจะช่วยเหลือประชาชนเมืองหลีก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไม่เหมือนตอนที่เมืองอวิ๋นจิง เพราะเจ้าลัทธิเทพทำลายล้างไม่อยู่ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าลัทธิเทพทำลายล้างก็มีความคิดที่จะใช้เมืองอวิ๋นจิงเป็นเหยื่อล่อ ไม่ได้ควบคุมเมืองอวิ๋นจิงไว้เข้มงวด ทิ้งสาวกไว้ก็ไม่มากด้วยแต่เมืองหลีแตกต่างออกไปเมืองหลีทางนั้น เขาทิ้งคนที่ตนเองให้ความสำคัญไว้มากมายแล้วถ้าควบคุมเหล่าชาวบ้านเอาไว้หมด เกรงว่าการบาดเจ็บล้มตายก็คงจะมากขึ้นแน่"ทำได้แค่พยายามอย่างเต็มที่เท่านั้น"เซียวหลันยวนรู้ ว่าทำได้แค่พยายามให้เต็มที่เท่านั้นเมืองหลีถูกลัทธิเทพทำลายล้างเลือกไว้นานแล้ว ประชาชนด้านในเป็นอย่างไ
ผู้คุมกฎถูไม่เคยรู้มาก่อน ว่าจะมีอาการคันแบบนี้อยู่ด้วย!นี่เป็นความคันที่พรรณนาออกมาไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้นที่เลวร้ายสุดคือมันเกาไม่ถึง จะอย่างไรก็ไม่หายคันจนอยากจะใช้ดาบกรีดผิวตัวเองให้ขาด แล้วเทยาแก้คันเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยแต่คาดว่าต่อให้กรีดผิวหนังไปจริง ก็ไม่รู้ว่ามันคันอยู่ตรงไหนกันแน่"อ๊าๆๆ! แน่จริงเจ้าก็สังหารข้าซะเลยเซ่!"ผู้คุมกฎถูเมื่อครู่ยังอยากจะรอดอยู่เลย แต่ตอนนี้เขากลับอยากจะควักอวัยวะภายในกับลำไส้ตัวเองออกมาเกาเสียแล้วมันคันมากจริงๆ!"ข้าจะไม่สังหารเจ้า"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำนึง"สังหารข้าซะที! อ๊าๆ!"ผู้คุมกฎถูคันจนร้องออกมาจะเป็นจะตาย แต่แม้เขาจะเกาจนเลือดไหลซิบ ก็ยังไม่สามารถหยุดอาการคันได้เลย ตอนนี้ต่อให้เขาร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งก็ไม่ใช่คำพูดจากใจจริง แต่เพราะคันจนทนไม่ไหวต่างหาก"เจ้าลัทธิฝั่งขวาอยู่ที่ไหน? ข้างกายมีคนอยู่เท่าไร"เซียวหลันยวนถามมาคำหนึ่งครั้งแรก ผู้คุมกฎถูไม่ตอบเซียวหลันยวนไม่สนใจเขา ปล่อยให้เขาทรมานต่อไปอีกพักหนึ่ง จึงถามขึ้นมาอีกครั้งเดิมทีเขาคิดว่าผู้คุมกฎถูสามารถทนเขาถามได้ถึงรอบที่สาม ผลคือมองอีกฝ่ายสูงไปห
ผู้คุมกฎถูกระแทกลงพื้นอย่างหนัก กระอักเลือดสดโฮกใหญ่แต่ยังไม่ทันลุกขึ้นมา เท้าคู่หนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเซียวหลันยวนเมื่อครู่ตอนที่พุ่งเข้ามาก็ถือโอกาสเก็บกระบี่ตนเองกลับมาแล้ว ตอนนี้กระบี่อยู่ในมือ ปลายกระบี่ชี้มาตรงหน้าผู้คุมกฎถูผู้คุมกฎถูพยุงตัวเองเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นปลายกระบี่ที่ส่องประกายเย็นชาแล้วก็รู้สึกสิ้่นหวังในทันทีเหมือนกับผู้คุมกฎจู อันที่จริงแม้เขาจะรู้ว่าวิชายุทธ์ของเซียวหลันยวนเก่งกาจมาก แต่ก็รู้สึกว่าอย่างน้อยตนเองก็น่าจะสู้กับอีกฝ่ายได้หลายสิบกระบวนท่าถึงเขาไม่อยากสู้ อยากจะหนี แต่ก็ไม่ใช่จะสู้ไม่ได้เลยทว่าตอนนี้คิดไม่ถึงว่า แค่สามกระบวนเท่านั้น!สามกระบวนเขาก็พ่ายแพ้แล้ว!"อ๋องเจวี้ยน!"ผู้คุมกฎถูกัดฟันลุกขึ้นมาเซียวหลันยวนเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้เกียรตินี้กับเขากระบี่ชี้เข้ามา หลังจากเห็นเขาลุกขึ้นมาก็ค่อยๆ ถามว่า"เมืองหลีทางนั้นมีพวกเจ้าอยู่กี่คน?"ผู้คุมกฎถูพอได้ยินเขาถามคำนี้ ในใจก็เกิดความหวังขึ้นมาเล็กๆหรือขอแค่เขาทำตัวให้มีคุณค่าหน่อย อ๋องเจวี้ยนมีอะไรจะถามเขาแบบนี้ หมายถึงว่าเขาสามารถรักษาชีวิตได้หรือเปล่านะ?"อ๋องเจวี้ยน เจ้าลัทธิ