ฮูหยินใหญ่หลินตอนนี้ก็ราวกับตื่นจากฝัน พุ่งตัวเข้ามาฉับพลัน "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!""สือซาน!" ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาร่างของสือซานบินแฉลบเข้ามาจากด้านนอก ร่อนลงมาเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง ชักกระบี่รูดออกมาประกายเย็นวาบ เกือบแยงตาฮูหยินใหญ่หลิน นางตกใจจนร้องขึ้น ถอยตัวอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือยังไม่ทันได้ยืนนิ่ง ก็ล้มจ้ำเบ้าลงกับพื้น"ใครกล้าทำร้ายพระชายา?" สือซานกวาดสายตาเย็นชาออกไปคนในนี้ทั้งหมดล้วนเงียบเสียงพวกนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนคือเรื่องจริง"ไม่ ไม่มี"ฮูหยินใหญ่หลินเสียงสั่นเทาฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่งหน้าของหลินอี๋เจินแดงก่ำไปแล้ว รอยน้ิวสามรอยชัดเจนมาก เจ็บจนน้ำตาของนางร่วงผล็อยเลยทีเดียวเพราะอะไรฟู่จาวหนิงถึงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้!"เจ้าก็แค่อาศัยอำนาจของอ๋องเจวี้ยน" ริมฝีปากนางเองก็สั่นระริก แต่สีหน้าเขียนความไม่ยินยอมไว้เต็มที่ "ถ้าหากไม่มีอ๋องเจวี้ยน เจ้าก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!""แล้วมันทำไมกันเล่า?" ฟู่จาวหนิงยิ้มเสียงเรียบ "ตอนนี้ข้าก็ใช้อำนาจของอ๋องเจวี้ยนนี่ล่ะ ถ้าไม่ยอมเจ้าก็มากัดข้าดูไหม?""นี่เจ้า!""ไม่ว่าข้าจะอา
หลินอี๋เจินในที่สุดก็ไปคุกเข่าตรงหน้าหลินอันห่าว ร้องห่มร้องไห้ขอโทษนางเซี่ยซื่อเองก็รู้ว่าอาการป่วยของอันห่าวดีขึ้นมาก ตื่นเต้นจนร้องไห้ขึ้นมา น้ำตาเองก็ห้ามไว้ไม่อยู่ ดวงตาเองก็ร้องไห้จนแทบจะบวมขึ้นมาแล้วฟู่จาวหนิงจึงจำใจต้องอยู่ต่ออีกครึ่งวัน กว่าจะทำให้อารมณ์ของพวกนางสงบลงมาได้ หลินอันห่าวเองก็กินยาหลับไปแล้ว ฟู่จาวหนิงจึงนำรูปของเสิ่นเสวียนสองรูปนั้นออกมาผลคือพอเปิดดูรูปแรก ที่เป็นรูปเสิ่นเซียวตอนเด็ก เซี่ยซื่อกลับยิ้มขึ้นมา"เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเจ้าตอนสองสามขวบเลย โดยเฉพาะดวงตาคู้นี้!"เซี่ยซื่อมองดูรูป จากนั้นก็มองไปทางฟู่จาวหนิง แล้วจึงยิ้มขึ้นมา "แต่ว่าเจ้าตอนเด็กดูคล้ายกว่า ตอนนั้นสายตาของเจ้าไม่เหมือนกับตอนนี้ ดูคล้ายกับในรูปมากกว่า"ฟู่จาวหนิงตอนนี้สายตาเป็นประกายมั่นคง ดูแล้วเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากแต่ว่าตอนเด็กสายตาของนางดูเหมือนสายน้ำ น่ารักน่าชังในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้หกถึงเจ็ดส่วนแล้ว เสิ่นเชี่ยวก็คือฟู่หลินซื่อไม่เช่นนั้นจะดูคล้ายนางตอนเด็กได้อย่างไร?นางเองก็เปิดรูปที่สองออก "แล้วรูปนี้ล่ะน้าสะใภ้รอง?"เซี่ยซื่อไม่เคยเห็นเ
เฮ่อเหลียนเฟยมองฟู่จาวหนิงยิ้มคิกคัก"พี่หญิง ถึงจะอย่างไร ข้าก็มองท่านเป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้ว มองท่านปู่เป็นปู่แท้ๆ ไปแล้วด้วย""ฮ่าๆ ข้าเห็นเสี่ยวเฟยคนนี้แล้วก็รู้สึกชิดเชื้อจริงๆ มีวาสนากับพวกเรา ไม่ผิดแน่แล้ว"ท่านผู้เฒ่าฟู่เองก็เอ่ยยิ้มขึ้นมาเช่นกันฟู่จาวหนิงสังเกตเขาอยู่พักหนึ่ง พบว่าที่ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกสูญเสียจากการที่คนบ้านสองบ้านสามบ้านสี่ถูกไล่ออกไป ก็น่าจะเป็นความดีความชอบของเฮ่อเหลี่ยนเฟยล่ะนะแต่ว่า ตอนแรกก็แค่เพื่อเลี้ยงดูประคับประคองดุจเครือญาติเท่านั้น แค่อยากให้ในบ้านคึกคักขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ให้ในบ้านใหญ่โตขึ้นเท่านั้น ผลลัพธ์กลับพาคนอกตัญญูเข้ามาในรังเสียอย่างนั้น ตอนนี้ไล่ออกไปหมดแล้ว ผู้เฒ่าฟู่ในใจคงรู้สึกทอดถอนอยู่บ้าง"ท่านปู่ ลองดูสองรูปนี้"นางนำรูปทั้งสองหยิบออกมาให้กับผู้เฒ่าฟู่ดูความรู้สึกตอนเห็นภาพของผู้เฒ่าฟู่เหมือนกับเซี่ยซื่อ"สาวน้อยคนนี้ดูคล้ายแม่เจ้ามาก" เขาเพ่งดูอย่างละเอียด "แตกต่างนิดหน่อย แต่ก็คล้ายไปถึงเจ็ดแปดส่วน""ใช่ไหมใช่ไหม?" เฮ่อเหลียนเฟยรีบชิดตัวเข้ามา "พี่หญิง นี่คือภาพของท่านแม่หรือ?"ฟู่จาวหนิงยอมเขาแล้วจริงๆ นาง
แต่ว่าเขาไม่เหมือนกัน เขาสามารถแบกหน้าไปอ้อนวอนเสิ่นเสวียนได้"ท่านเสิ่นตอนนี้ร่างกายก็ไม่ดีนัก พวกเราดีที่สุดต้องหาหลักฐานให้มากอีกหน่อย ให้เขาเชื่อมั่นตระกูลฟู่ แม่ของเจ้าคือเสิ่นเชี่ยว หลังจากนั้นค่อยไปพูดกับเขาเรื่องนี้ ใช้เรื่องนี้ตรวจสอบตระกูลหลิน ยืนยันว่านางไม่ใช่คนตระกูลหลินก็พอ"ผู้เฒ่าฟู่แม้จะร้อนรน แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงพูดถูกต้อง"เช่นนั้นเจ้าก็หาวิธีไปตรวจสอบดู ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าหาคนไปทำด้วยตนเอง ข้าจะไปถามญาติของพวกเขา ให้พวกเขาพูดความจริง!""ท่านปู่ ท่านถ้าหากคิดจะช่วยข้าจริงๆ ก็พักผ่อนเถิด เรื่องนี้ส่งให้ข้าก็พอแล้ว""ใช่แล้วใช่แล้ว ท่านปู่ ท่านตอนนี้สำคัญที่สุดคือต้องรักษาสุขภาพให้ดี ข้ากับพี่หญิงหลังจากนี้ยังต้องพึ่งพาท่านอีก" เฮ่อเหลียนหเฟยเองก็รีบเข้ามาปลอบความสนใจของฟู่จาวหนิงตกอยู่ที่ของเหล่านั้นบนโต๊ะ เมื่อครู่นางไม่ทันได้ดู ตอนนี้พอเหลือบมองไปก็เห็นศาลาไม้เล็กหลังหนึ่ง ศาลานี้ดูพิเศษมาก เสาทั้งสี่ล้วนสลักดอกบัวไว้ บนยอดสลักนกกางเขนไว้หลายตัว"ศาลานี้ดูมีเอกลักษณ์เหลือเกิน"นางยกศาลาไม้สลักนี้ขึ้นมา และพบว่าด้าในเองก็สลักไว้อย่างประณีตอีกด้วยผู้เฒ่าฟู่
ซ่งอวิ๋นเหยาหลับลึกมาก ดังนั้นจึงไม่สังเกตเห็นว่าฟู่จาวหนิง มาอยู่ข้างเตียงนางแล้วตอนนี้ต่อให้พื้นเขย่าเขาสะเทือนนางก็คงจะไม่ตื่นแน่ฟู่จาวหนิงเลิกม่านเตียงออก ได้ยินเสียงหายใจไม่สม่ำเสมอของซ่งอวิ๋นเหยา"ดูท่าจะนอนไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนี้ยังฝันร้ายอีกหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา หยิบไฟฉายออกมาปรับแสง แสงไม่ถึงกับสาดออกมา แต่ก็เพียงพอให้นางเห็นใบหน้าซ่งอวิ๋นเหยาอยู่"เฮือก"ใบหน้าซ่งอวิ๋นเหยาถูกปะไว้ด้วยสิ่งของสีขาวชั้นหนึ่ง ดูแล้วเหมือนถูกมาส์กหน้าอยู่อย่างไรอย่างนั้นคิดไม่ถึงว่าตอนนางหลับก็จะมีของอย่างพวกมาส์กหน้าอยู่ด้วย?ยอดคนงามนี่นะฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะวาดอะไรลงไปบนหน้านาง แต่ตอนนี้พอเห็นว่าบนหน้านางมีของเหมือนโคลนขาวพอกอยู่ จึงหยิบเอาแปรงเล็กกับยาน้ำขวดเล็กใบหนึ่งออกมาสิ่งนี้เดิมทีจะเอาไปวาดบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยา แต่ตอนนี้นางก็วาดลงไปบนจุดที่พอกหน้านางเสียเลย ถึงเวลาที่ซึมเข้าไปตื้นหน่อย ผลลัพธ์ก็น่าจะดียิ่งขึ้นนางมือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือหนึ่งถือแปรงเล็กปาดทาน้ำยาบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาทาตรงนี้ทีตรงนั้นทีหลังจากเสร็จสิ้นก็เก็บไฟฉายถอยออกมาฟู่จาวหนิงรีบถอยกลับตามทางเดิ
ตอนนี้เอง ไม่ถึงครึ่งวัน สถานการณ์ของท่านหญิงอวิ๋นเหยาก็ขุดออกมาจนหมด กระทั่งมีคนขุดไปว่าท่านหญิงอวิ๋นเหยาวันนั้นยังยื้อยุดกับอ๋องเจวี้ยนที่หน้าประตูด้วยประชาชนทั้งเมืองล้วนอนุมานถึงความจริงของเรื่องราวท่านหญิงอวิ๋นเหยาใจปองอ๋องเจวี้ยน แต่อ๋องเจวี้ยนไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง พอนางเข้าไปพัวพันไม่ได้ ก็เลยย้ายโทสะไปที่พระชายาอ๋องเจวี้ยน คิดจะใส่ร้ายนาง ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะปกป้องพระชายา จนสุดท้ายคนที่ถูกทำร้ายกลายเป็นเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยา!ให้ตายเถอะ ท่านหญิงอวิ๋นเหยาเป็นคนอย่างนี้เองหรือ?กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมยังเขียนอีกว่า ท่านหญิงอวิ๋นเหยารู้ว่าตนเองทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต ดังนั้นจึงไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คนอีกนาน"พวกเราจะรอดูว่าท่านหญิงอวิ๋นเหยาจะกล้าออกมาไหม""ถ้าหากนางถูกใส่ร้าย ลือกันจนเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงคงป่นปี้หมด แล้วจะไม่ออกมาตอบโต้ข่าวลือได้อย่างไร?"ด้านนอกลือกันดุเดือด กระทั่งมีคนที่ว่างจัดถึงกับไปนั่งจดจ้องซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ที่นอกเรือนตระกูลซ่ง ดูว่านางจะออกมาไหมคนใช้ตระกูลซ่งที่ออกมาซื้อของเองก็ได้ยินข่าวลือด้านนอกแล้วพวกเขารีบร้อนกลับเข้าไป คิดจะ
"อ๊าๆๆๆ!"ซ๋งหยวนหลินก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่นี่ต่างห่างที่เป็นรอยแตกกระดองเต่าดูท่าเหมือนว่าใบหน้าที่ถูกแช่จนบวมของซ่งอวิ๋นเหยาแตกหลุดร่วงลงมาทีละชิ้นๆ อย่างไรอย่างนั้นภาพน่าตกตะลึงพรั่นพรึงมาก แม้ซ่งหยวนหลินจะรู้ว่านี่คือซ่งอวิ๋นเหยา แต่ก็รู้สึกว่ายังน่ากลัวมากอยู่ดีซ่งอวิ๋นเหยาตัวเองก็ทนไม่ไหว กรีดร้องขึ้นมาด้วยเช่นกัน"อ๊าๆๆ!"ซ่งหยวนหลินหมุนตัวพุ่งไปที่ประตู ดึงตัวหยินหลิ่วที่ร้อนรนจนทำไม่ไหวอยู่นอกประตูเข้ามา "เจ้ารีบไปดูท่านพี่อวิ๋นเหยาเร็ว!""ท่านหญิง!"หยินหลิ่วพุ่งออกไป ซ่งหยวนหลินหันหน้าเข้ามา ภาพนั้นกระทบกระเทือนหยินหลิ่วจนแข้งขาอ่อน "ท่าน ท่านหญิง?!""หน้าของข้า หน้าของข้ามันเกิดอะไรขึ้น?"เสียงของซ่งอวิ๋นเหยากำลังสั่นเครือหลังจากยาบำรุงความงามบนหน้านางเหล่านั้นร่วงลงมา บนหน้าก็เผยสีออกมา เป็นสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลกประหลาดอีกด้วยด้านบนคิ้วมีคิ้วเพิ่มมาอีกคู่หนึ่งรอบๆ ดวงตาล้วนเป็นวงดำ ดูแล้วเหมือนดวงตาใหญ่ครอบดวงตาเล็กทั้งคู่ไว้ด้านซ้ายและขวาของจมูกมีจมูกซีกหนึ่งยื่นออกมาฝั่งละข้าง มีรูจมูกเพิ่มมาข้างละรู หนีบจมูกของนางเอาไว้ ดูแล้วคล้า
หยินหลิ่วลังเลพูดวิธีการออกมาสองวิธี ถ้าเป็ฯช่วงปกติ การให้ซ่งอวิ๋นเหยาใช้ของสองสิ่งนี้มาล้างหน้าคือหาเรื่องตายแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ ซ๋งอวิ๋นเหยาทั้งหัวสมองก็คิดแต่ว่าจะล้างเจ้าสีดำบนใบหน้านี้ออกไปอย่างไร พอได้ยินว่ายังมีวิธีอื่น ก็ให้นางไปจัดหามาทันทีของจัดหามาแล้ว ซ่งอวิ๋นเหยาเองก็กัดฟันทนเจ็บแล้วล้างตอนที่เอาเกลือบชโลมหน้า นางก็ปวดจนทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ใบหน้าก็ถูกจนแดงไปหมดแล้ว บางจุดน่าจะถลอกแล้วด้วยแต่ไม่รู้สึกตัว ตอนนี้พอเอาเกลือทาลงไป ความระทมนั้นมันช่าง..."ล้าง ล้างออกไหม?"หลังจากล้างน้ำสะอาดไปรอบหนึ่ง ซ่งอวิ๋นเหยาก็ใช้นิ้วแตกไปเบาๆ บนหน้าก็ยังเจ็บจนอยากจะร้องไห้นางล้างต่อไม่ได้แล้ว ทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมองซ่งหยวนหลินกับหยินเหลิ่ว เสียงสั่นเครือ ถามพวกนางขึ้นอย่างมีความหวังนี่น่าจะล้างออกหมดแล้วกระมัง?ซ่งหยวนหลินไม่กล้ามองนางของนางอีกนี่มันอย่างกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีเป็นสีดำ ไม่ได้วาดเต็มไปทั้งหน้า ยังพอมีบางส่วนเป็นผิวหนังเดิมของนางอยู่ แต่ว่าพอล้างไปหลายรอบเข้า แล้วยังใช้สิ่งของต่างๆ มากมายมาถู ตอนนี้บนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาจึงไม่เหลือผิวดีอยู่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ