"อ๋องเจวี้ยนคุมองครักษ์เงามังกรอยู่ในมือ คงไม่ได้มีใจคิดไม่ซื่อหรอกกระมัง?"แน่นอนว่ามีคนรู้สึกว่าพวกเขาคิดมากเกินไป "องค์รักษ์ต่อให้จะร้ายกาจอีกแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่แค่ไม่กี่คนหรือไรกัน? องค์จักรพรรดิมีทหารนับล้านนะ องครักษ์เงามังกรจะต้านทานทหารนับล้านไหวหรือ?"สองพี่น้องอันเหนียนอันชิงที่กำลังออกมาซื้อของว่างก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้าพอดีพวกเขาสบตามองกัน ไม่พูดอะไร หยิบของว่างแล้วออกประตูไปรอจนขึ้นรถม้า อันชิงจึงมองไปทางอันเหนียน"ท่านพี่ ที่พวกเขาพูดท่านเห็นว่าอย่างไร?""เห็นว่าอย่างไร?" อันเหนียนยิ้ม "เจ้าหมายถึงด้านไหนล่ะ?""องครักษ์เงามังกรถ้าอยู่ต่อหน้าทหารนับล้านก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น" อันชิงกดเสียงลงต่ำ"ยังไม่พูดถึงว่าอ๋องเจวี้ยนมีใจจะนั่งตำแหน่งนั้นไหม เอาแค่ทหารนับล้าน เจ้าคิดว่าทหารนับล้านน่ะอยู่ในที่เดียวกันหรือ? การจะเรียกรวมทหารนับล้านไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย แต่ละค่ายทหารก็มีแม่ทัพที่แตกต่างกัน แต่องครักษ์เงามังกรอยู่ในเมืองหลวง"อันชิงฟังเข้าใจความหมายของเขาทันทีคนอื่นพูดกันว่าองครักษ์เงามังกรไม่สามารถต้านทานทหารนับล้านไหว แต่อันที่จริง ทหารนับล้าน
เจิ้งหยางรู้สึกว่าลู่ทงพูดถูก"ใช่ พวกเราต้องช่วยลูกพี่หนิงดู ว่าอ๋องเจวี้ยนจะไปช่วยนางทำอะไร? ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรีบหาตัวลูกพี่หนิงแล้วไปช่วยเหลือนาง!""ถูกต้องถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นนี้""พวกเจ้าตอนนี้จะถอยก็ยังทันนะ หันม้ากลับไปที่เมืองหลวงเสีย!" ลู่ทงหันหน้าไปบอกเหล่าพี่น้องที่อยู่ด้านหลังเจิ้งหยางติดตามมา "เจิ้งทงพูดถูกต้อง พวกเจ้าเองก็มองออกแล้ว อ๋องเจวี้ยนตอนนี้นำองครักษ์เงามังกรอย่างองอาจเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะไปยั่วโมโหองค์จักรพรรดิเข้าแล้ว พวกเราจะติดตามอ๋องเจวี้ยนไป หลังจากนี้อาจจะถูกองค์จักรพรรดิทิ้งได้ คงคิดให้ถี่ถ้วน!"เหล่าคุณชายพวกนั้นมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ร้องเรียกขึ้นเสียงดัง "ลู่ทง เจิ้งหยาง พวกเจ้าดูถูกกันเกินไปไหม? พวกเราตอนนั้นเองก็ถูกลูกพี่หนิงช่วยชีวิตไว้ที่เขาเมฆอรุณนะ พวกเราต้องอยากช่วยลูกพี่หนิงอยู่แล้ว!""ใช่ๆๆ ไม่ใช่ว่ามีแค่พวกเจ้าสองคนที่ไม่กลัวตายนะ พวกข้าก็ไม่กลัวตายเหมือนกัน!""กลัวตาย แต่ก็ต้องคอยสนับสนุนลูกพี่หนิงนะ!"พวกเขาทยอยกันตะโกนขึ้นมาก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา ทุกวันเอาแต่นัดกันออกไปล่าสัตว์ดื่มสุร
"ที่นี่ จะเป็นสถานที่ที่ฟู่จาวหนิงไม่มีทางลืมเลือนไปตลอดชีวิต"จ้าวเฉินชี้ไปที่เขาลูกนี้เฮ่อเหลียนเฟยเงยหน้ามองไปผาดหนึ่ง ทั้งภูเขาเป็นหิมะขาวโพลน ด้านหน้ามีถนนสายหนึ่ง มีรอยเท้าของคนบางส่วนเหยียบไปแล้ว ดูสับสนวุ่นวาย แต่ก็สะดุดตาเป็นอย่างมากเขาเข้าใจขึ้นมาทันทีพวกของจ้าวเฉินต้องเคยมาที่นี่ก่อนแล้วแน่นอน หรือบางทีอาจจะเป็นคนของพวกเขาดูจากรอยเท้า จำนวนคนไม่น้อยเลยพวกเขาไม่กลัวว่ารอยเท้าเหล่านี้จะเปิดโปงพวกเขา นี่คือคิดจะล่อฟู่จาวหนิงขึ้นเขากระมัง"เจ้าไม่ใช่จะเอาชีวิตข้าหรือ? ข้าไปไปก็พอแล้ว!" เฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา หลังจากนี้ก็คิดจะกัดลิ้นแรงๆแต่ว่าพี่มู่คนนั้นก็มาบีบหน้าของเขาเอาไว้ทันที บิดคางของเขาเสียงดังกร๊อบ กรามของเขาหลุดออกมาตอนนี้เขากัดลิ้นไม่ได้อีกแล้ว"เอาล่ะ อย่าไปกระตุ้นเขาเลย ขึ้นเขากันก่อน" พี่มู่เอ่ยกับจ้าวเฉิน"ลุกขึ้นมา" จ้าวเฉินเตะเฮ่อเหลียนเฟย "เจ้าคิดว่าเจ้าตายแล้วก็จบหรือ? ถ้าเจ้าตายไป ฟู่จาวหนิงก็จะน่าเวทนายิ่งกว่า ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู ถ้าเจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีก ต่อให้เป็นผู้เฒ่าตระกูลฟู่คนนั้นพวกเราก็จะไม่ปล่อยไป"เฮ่อเหลียนเฟยถลึงตามองเขาอย่างโก
คนเหล่านี้น่าจะไม่ใช่คนแคว้นเจา!พวกเขาเองก็ไม่รู้วางแผนไว้นานแค่ไหนแล้ว ถึงได้มีคนตั้งมากมายแทรกซึมเข้าไปยังตำแหน่งต่างๆ ในเมืองหลวงของแคว้นเจาได้อย่างเงียบเชียบแบบนี้!ผู้บัญชาการกองธงมู่พ่นลม ฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด"แล้วพวกเจ้าล่ะ?"ชายกลุางคนหนึ่งในนั้นที่ดูแล้วมีการศึกษาหน่อยก็ถอนหายใจออกมา มีท่าทางไม่ค่อยยินยอมขึ้นด้วยเช่นกัน"ข้าถูกเปิดโปงอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมด้วย! ทั้งหมดเพราะฟู่จาวหนิงคนนั้น!"เฮ่อเหลียนเฟยเงี่ยหูฟังคำพูดของพวกเขา เหมือนจะพูดถึงพี่หญิงหรือเปล่า?"และเพราะก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงมาซื้อยาที่ร้านยาของพวกข้า ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดมาก แค่รู้สึกว่าร้านยามากมายทั่วทั้งเมืองกำลังหัวเราะเยาะเรื่องที่นางไปขุดผักป่าแล้วคิดว่าเป็นยาสมุนไพรเอามาขาย รู้สึกว่าข้าก็ควรจะทำเหมือนคนอื่นๆ หัวเราะเยาะนางไปรอบหนึ่ง"คนชุดดำข้างๆ ก็หัวเราะเสียงเย็นชา"เหมือนเจ้าไม่ได้แค่หัวเราะเยาะนางนะ แต่เจ้ามันบ้ากาม ตอนนั้นพอเจ้าเห็นฟู่จาวหนิงสวยเป็นพิเศษ แล้วยังคิดจะยื่นมือไปลูบนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกนางว่าถ้านางมาอยู่ด้วยไม่กี่วัน ผู้เฒ่าฟู่ต้องการยาอะไร เจ้าจะประเคนช่วยให้หมด"คนร่
วิธีการของอ๋องเจวี้ยนเวลานี้ คือการบีบให้พวกเขาต้องล้มเลิกความพยายามในช่วงหลายปีนี้ แล้วถอนตัวออกไปจากเมืองหลวงและเพราะอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเกินไป จับจ้องคนเพียงคนเดียว ก็ยังสาวไส้พวกเขาออกมาเป็นพรวนได้!นี่อันตรายเกินไป ทำเอาพวกเขาตอนนี้ไม่กล้าจะเสี่ยงอยู่ต่อแล้วในมืออ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร และพลานุภาพก็ยังยิ่งใหญ่มากอย่างเช่นฮวาเหนียง เดิมทีคิดว่าตนเองออกเรือนกับหัวหน้าที่คอยดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายหุงหาอาหารในค่ายตงต้าเหล่านั้น นี่เป็นงานที่ไม่เลวเลย และไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะไต่เต้าขึ้นไปถึง เขาจะต้องมีเบื้องหลังจึงสามารถเข้าไปในค่ายได้ แล้วหัวหน้าคนนั้นก็ทำได้ดีในค่ายตงต้าอีกด้วยแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนก็ยังกล้าไม่สนใจ จัดการส่งองครักษ์เงามังกรเข้าไปจับคนในค่ายตงต้าเลยหัวหน้าในค่ายตงต้าคนนั้นก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนดังนั้นพวกเขาจะทำอะไรได้?คนเหล่านี้ถ้าตกไปอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน เกรงว่าคงถูกไต่สวนอะไรออกมาแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบถอนตัวกันก่อนพอได้ยินผู้บัญชาการกองธงมู่พูดเช่นนี้ คนเหล่านี้ก็ไม่กล้ามีความเห็น รีบกระชับเสื้อผ้าหมุนตัวตามพวกองครักษ์ชุดขาวเหล่านั้นออกไป"พี่มู่
ถึงอย่างไรอีกเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว คนตายนั้นพูดไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนถ้าหากอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ยังหาโอกาสได้ยาก แต่ถ้าหากเขามาถึงภูเขาหิมะ ขอแค่ข้าทำให้เขาพิษกำเริบ ความหนาวเย็นของภูเขาหิมะนี้จะทำให้เขากระตุ้นพลังวรยุทธ์ไม่ได้เลย แล้วเจ้าว่าเขามาแล้วข้าต้องกลัวไหม?"จ้าวเฉินหลังจากได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมา "จริงหรือ?""ข้ายังต้องหาเรื่องมาหลอกเจ้าหรือ มีความหมายตรงไหนกัน?""เช่นนั้น ถ้าหากฟู่จาวหนิงแก้พิษเขาได้จะทำอย่างไรกัน?""วิชาแพทย์ของนางไม่ได้ดีถึงระดับนั้น ต่อให้มีจริง นางก็ขาดตัวยา พิษนั่นซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ยาแก้หลายชนิดจำนวนมาก ยาแก้พิษอาจจะต้องใช้วัตถุดิบยานับร้อยชนิดเลวทีเดียว ตอนนี้วัตถุดิบยาหลายอย่างขาดแคลน เจ้าคิดว่าการจะหาวัตถุดิบยาให้ครบได้มันง่ายดายนักหรือ?"เขามั่นใจมาก ต่อให้ฟู่จาวหนิงสามารถแก้พิษให้อ๋องเจวี้ยนได้ ตอนนี้เองก็ยังขาดวัตถุดิบยาอยู่จ้าวเฉินถามขึ้นอีก "แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร""องครักษ์เงามังกรต่อให้เข้ามาก็เหมือนกัน ขอแค่ข้าพูดความลับการติดพิษของอ๋องเจวี้ยนออกไป พวกเขาจะกล้าสังหารข้าหรือ? จากที่ข้ารู้ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบเรื่องนี้มาสิบปีแ
ผู้บัญชาการมู่เดินเข้ามา จากนั้นก็มัดสองขาของเฮ่อเหลียนเฟยไว้แน่น จากนั้นเขาก็หยิบสิ่งของออกมาถุงหนึ่ง พอเปิดออก ด้านในห่อผงฝุ่นที่ดูคล้ายหิมะเอาไว้ผู้บัญชาการมู่สวมถุงมือ หยิบเอาของเหล่านั้นมาทาเชือกบนตัวเขาที่เหลือก็ทาไปบนข้อมือและเสื้อผ้าถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าของสิ่งนี้นำออกมาจากบนตัวเขา เฮ่อเหลียนเฟยก็อาจจะคิดว่าเขาหยิบถุงหิมะออกมาใบหนึ่งของสิ่งนี้ทาไว้บนตัวเขานานขนาดนี้ ก็ยังไม่มีกลิ่นอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้นหลังจากทาไปที่เชือก เขาก็เหมือนแค่โดนหิมะบางส่วนมาเปื้อนตัวเท่านั้น มองไม่ออกถึงความผิดปกติตรงไหนเลย"เจ้าทาอะไรให้ข้า? นี่มันคืออะไรกัน?" เฮ่อเหลียนเฟยใจกำลังดำดิ่ง"แน่นอนว่าเป็นของดี" ผู้บัญชาการมู่ขยำถุงกระดาษ จากนั้นก็ยื่นมือขว้างออกไปไกลๆ กระดาษก้อนนั้นก็ตกลงไปก้นเหวเขาหัวเราะ มือที่ใสวมถุงมือหนังกระต่ายก็ตบลงไปบนหน้าของเฮ่อเหลียนเฟย"เจ้าเองก็หน้าตาหล่อเหลา ถ้าไม่ใช่ตัวตนฐานะไม่ถูกต้อง ข้าเองก็สนใจตัวเจ้าอยู่ น่าเสียดาย"เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกในท้องปั่นป่วนขึ้นทันที"ถุด!"เขาออกแรงถ่มน้ำลายไปบนหน้าผู้บัญชาการมู่"ข้าได้ยินแล้ว เจ้าคือคนของต้าชื่อ! ยิ่งไปกว่
เฮ่อเหลียนเฟยถลึงตาโตมองเพดานกระโจมและตามคาด พอมองอย่างละเอียดก็เห็นจุดที่ไม่ถูกต้องด้านบนท่อนไม้หลายท่อนกระทั่งไม้แหลมที่ห้อยแทงลงมาอีกหลายเล่ม!เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม้แหลมเหล่านั้นถูกผู้บัญชาการมู่ฉาบพิษไว้หรือไม่กระทั่งผ้าที่ตอกไว้ทั้งสี่ด้าน น่าจะเปื้อนพิษไว้แล้วกระมัง?แล้วก็พรมบนพื้นพี่หญิง อย่ามาเด็ดขาด!การเคลื่อนไหวภายนอก ผ่านไปครู่หนึ่งก็หายไปหมดแล้วรอบด้านนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก บางครั้งก็มีเสียงลมภูเขาหวีดหวิว นอกจากนี้ด้านนอกก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีกเฮ่อเหลียนเฟยได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวทั่วตัวเขาเหมือนจะร้อนขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกเย็นเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ผู้บัญชาการมู่กับจ้าวเฉินพวกเขาจะต้องคอยซุ่มอยู่รอบๆ นี้แน่นอน รอจนพี่หญิงเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยร้อนรนจนปากแทบจะพองท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงบนภูเขาหิมะมีแสงหิมะขับเด่น แต่ก็ยังพอฝืนมองเห็นอยู่ไม่รู้ผ่านมานานเท่าไร ตอนที่รอยเท้าแนวนั้นใกล้จะถูกปกคลุม บนถนนภูเขาในที่สุดก็ปรากฎเงาคนร่างหนึ่งฟู่จาวหนิงเดินมานานกว่าจะหาที่นี่เจอในช่วงสุดท้ายที่ลมหิมะจะกลบร่องรอยก็หาเบาะแสพบจนได้รอยเท้าตั้งมากมายขนาดนั้น เล็กใหญ่ไม