"พระชายา หญ้าควันพิษพวกนี้ร้ายกาจจริงๆ คนพวกนี้ขนาดพันหน้าพันตา ก็ยังล้มลงในชั่วพริบตาเลย"ชิงอีเข้ามาพูดกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเหลือบมองผ้าผันหน้าขององครักษ์ลับผาดหนึ่ง "ของพวกนี้กันควันพิษไม่อยู่หรอก ที่สูดได้ไปก็คงเข้าไปหมด พวกเจ้าหลังจากเก็บกวาดเสร็จก็มาให้ข้าดูหน่อยนะ ป้องกันไว้ก่อน"ดูว่าพวกเขาติดพิษจนบาดเจ็บบ้างหรือไม่ลูกกลอนแก้พิษเองก้ไม่ใช่จะรับประกันผลลัพธ์ได้ร้อยทั้งร้อย"ขอบคุณพระชายา"หลังจากจัดการคนเหล่านี้ทั้งหมด ฟู่จาวหนิงก็จับชีพจรให้กับพวกเขาเซียวหลันยวนกลับสั่งพวกเขาจัดการซ่อมแซมสะพานหินที่ขาดนี้ใหม่อีกครั้งฟู่จาวหนิงหลังจากตรวจอาการคนทั้งหมดแล้วก็คอยมองพวกเขาทำงานอยู่ข้างๆเซียวหลันยวนถึงแม้ตนเองจะไม่ได้ลงมือ แต่เขาก็ยังตรวจสอบพวกตอหินท่อนหินที่ล้มระเกะระกะ มองร่องรอยด้านบนที่ยังเหลืออยู่ แล้วทำสัญลักษณ์ว่าพวกมันต้องไปเสียบเข้ากับตำแหน่งไหนก่อน จากนั้นจึงสั่งให้พวกเขาวางสะพาน"แผ่นหินก้อนนี้น่าจะหักไปแล้ว ไปหาแผ่นอื่นมาแทนที่ แล้วก็ด้านใต้ตำแหน่งเดิมที่วางตอหินก็หลวมไปแล้ว ลงไปที่แม่น้ำแล้วไปทำพื้นให้เรียบ ย้ายตำแหน่งมันเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่บน
ตอนที่เข้าใกล้เมืองหลวง คนรอบๆ ก็เพิ่มมากขึ้น แล้วยังมีบางส่วนที่เข้ามาสำรวจ รู้ว่าคงปิดบังอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ จึงไม่มีปิดบังอำพรางแต่อย่างใดกระทั่งมีบางส่วนกล้าเข้ามาทักทายอีกด้วย"อ๋องเจวี้ยนไปที่ไหนมาหรือจึงเพิ่งกลับเมืองหลวง? ออกจากเมืองหลวงไปเป็นเดือนเลย"เซียวหลันยวนได้ยินคำทักทายที่ด้านในรถม้า แต่ก็นิ่งงันไม่ส่งเสียง"ใครน่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามเขาเสียงต่ำ"ฟังจากเสียง คงเป็นลูกชายคนโตของบ้านหวางเก๋อเหล่า" เซียวหลันยวนเอ่ยตอบเสียงต่ำฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำว่าหวางเก๋อเหล่า ในความทรงจำจู่ๆ ก็มีเรื่องหนึ่งแล่นออกมาหวางเก๋อเหล่าเป็นตาแก่ตัณหากลับคนหนึ่งนี่นายิ่งไปกว่านั้นเจ้าของร่างเดิมยังเคยเจอด้วย คุณหนูฟู่ตอนนั้นได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งไปที่วัดบนเขาแห่งหนึ่ง จึงคิดจะตามไป แล้วยังคิดว่าที่วัดนั่นเผาธูปได้แม่นยำอีกด้วย จึงหวังว่าพระพุทธเจ้าจะช่วยปกป้องท่านปู่ให้หายวันหายคืนแต่ว่านางก็ถูกพวกคุณชายที่ตามเซียวเหยียนจิ่งไปพวกนั้นหลอกเอา พอไปได้ครึ่งทางเจอกับคนหลายคนนางจึงถามดู พอรู้ว่าถูกหลอกก็เตรียมจะหมุนตัวกลับตอนนั้นฝนก็ตกลงมาด้านหลังมีรถม้าขับเข้ามา คนบนรถม้าบอกให้นางติดรถไ
"เจ้าพูดไร้สาระ! ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นเสียหน่อย!"หวางต้าหลางพอได้ยินคำพูดฟู่จาวหนิงก็โมโหร้อนรนขึ้นมาแม้เขาที่เข้ามาสืบหาที่พักของอ๋องเจวี้ยนก็ดูจะมีเจตนาไม่ดีอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ว่าการเดินทางของอ๋องเจวี้ยนครั้งนี้น่าจะทำให้องค์จักรพรรดิระแวงมากขึ้นไปแล้วพ่อของเขาก็เคยวิเคราะห์ที่บ้านมาแล้ว บอกว่าองค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้พยายามจะรักษาความสัมพันธ์พี่น้องกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ จึงแสดงออกถึงความใจกว้างและใจดีของเขา แต่หลังจากอ๋องเจวี้ยนเดินทางครั้งนี้ก็น่าจะรักษาไว้ไม่อยู่แล้วองค์จักรพรรดิเองก็อยากรู้ว่าไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้กับอ๋องเจวี้ยน และก็อยากรู้มากว่าอ๋องเจวี้ยนไปที่ไหนมากันแน่ใครที่สืบเรื่องนี้ออกมาได้ กระทั่งเป็นการสร้างปัญหาให้กับอ๋องเจวี้ยน ก็ถือว่าเป็น "ขุนนางภักดี" ต่อองค์จักรพรรดิแล้วถึงอย่างไรก็ต้องทำให้องค์จักรพรรดิเบิกบานได้แน่นอนแล้วไม่ใช่หรือ หวางต้าหลางพอเห็นรถม้าของอ๋องเจวี้ยนจึงพุ่งเข้ามาทันทีแต่ตอนนี้เขาก็ถามอะไรออกมาไม่ได้เลย กระทั่งเสียงของอ๋องเจวี้ยนก็ยังไม่ได้ยิน เขาก็ถูกฟู่จาวหนิงหยามหมิ่นเสียแล้ว"เจ้าไม่ได้พูดหรอก แต่ท่าทีของเจ้ามันเป็นเ
ไป๋หู่เอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา "มองความแตกต่างออกหรือยัง? ที่พวกเราตีเจ้า กับที่เจ้าล้มลงไปเอง ว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน?"คนในเพิงน้ำชาข้างๆ ก็หัวเราะขึ้นมาพวกเขาเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ เดิมทีก็มีคนที่อยากจะทำอะไรโง่ๆ อย่างการเข้าไปพูดคุยกับอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน แต่พอเห็นจุดลงเอยเช่นนี้ของหวางต้าหลาง พวกเขาก็หดคอกลับไปดูแล้วนี่แค่พระชายาอ๋องเจวี้ยนคนเดียวก็ยังไม่น่าเข้าไปหาเรื่องด้วยอ๋องเจวี้ยนยังไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำ"ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นคนที่เข้ามาขอให้เอาหินซัดไปที่ขาด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกเหมือนกัน" ในรถม้ามีเสียงหัวเราะของฟู่จาวหนิงลอดออกมา "ไป๋หู่ พวกเราใจกว้างพอ คนเขาขอมารอบหนึ่ง พวกเราจัดให้สักสองรอบได้""ขอรับ"หวางต้าหลางรีบปีนตัวขึ้นมา ลนลานขึ้นแล้ว "ข้าจะไปขอความเป็นธรรมจากองค์จักรพรรดิ พวกเจ้าจะใช้ตัวตนฐานะของราชวงศ์มารังแกข้าไม่ได้! อ๊า!"เพิ่งพูดจบ ไป๋หู่ก็ซัดหินอีกก้อนออกมา เขาล้มลงไปบนพื้นหนักๆ อีกครั้ง ครั้งนี้กระแทกจนฟันหน้าหลวมหน่อยๆ แล้ว เจ็บจนเขาหน้ามืดคนใช้บ้านตระกูลหวางรีบวิ่งเข้ามา ประคองตัวเขาขึ้น"ไป พวกเราไป" หวางต้าหลางรีบคว้ามือคนช้า ให้พวกเขาประคองตนเอ
รถม้าของจวนอ๋องเจวี้ยนเดินหน้าต่อเข้าไปในเมืองหลวงผ่านถนนยาวอย่างเอิกเกริก ควบตรงไปยังจวนอ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงแล้ว!ข่าวนี้เพียงไม่นานก็ลือไปทั่วทั้งเมืองในวังหลวง องค์จักรพรรดิไม่ได้ลับการตอบกลับจากองครักษ์ลับมาโดยตลอด พอได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนเดินทางกลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว ก็โมโหจนแทบลมจับเขาส่งคนไล่ไปตามทางเพื่อออกหาองครักษ์ลับเหล่านั้นทันที ผลคือวันที่สองจึงพบพวกเขาบนหาดริมน้ำข้างทางคนเหล่านี้บางคนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ก็จับไข้ตัวร้อน มึนๆ งงๆ แค่แรงจะแก้มัดก็ยังไม่มีเป็นถึงองครักษ์ลับของจักรพรรดิ นอนอยู่ที่หาดริมน้ำเหมือนคนพิการถึงสองวันเต็ม! เกือบจะสามวัน!ถ้าไม่ใช่ข้างทางมีแม้น้ำ พวกเขายังพอคลานไปกินน้ำกันได้ ไม่เช่นนั้นคงกระหายน้ำตายกันหมดแล้วข่าวนี้ส่งมาถึงในหูองค์จักรพรรดิ ภาพตรงหน้าเขากลับไปหมด เซนั่งลงบนเก้าอี้ ริมฝีปากสั่นระริก ไม่พูดไม่จาไปครึ่งวันองครักษ์ลับเหล่านั้นแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ปราณชี่ก็บาดเจ็บหนัก ยังไม่รู้ว่าต้องพักฟื้นนานเท่าไรจะจึงกลับมาใช้ได้อีกหรือก็คือในช่วงนี้เขาขาดลูกมืออย่างจริงจังแล้วเว้นเสียแต่เขาจะส่งราชองครักษ์ออ
"องค์จักรพรรดิ แคว้นหนานฉือกู่ครั้งนี้บอกว่าส่งองค์หญิงเข้ามาอภิเษกเพื่อสันติ ส่วนเป้าหมายนั้น น่าจะรอให้องค์หญิงมาถึงเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยเอ่ยกับองค์จักรพรรดิด้วยตนเอง""องค์หญิง?"องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว "องค์หญิงของสถานที่นั่น คงไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดหรอกกระมัง?"ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิเคยเห็นภาพของแคว้นหนานฉือกู่จากไท่ซ่างหวงมาแล้ว คนหนานฉือบนภาพล้วนหน้าตากน่าเกลียดหยาบกร้านดังนั้นตั้งแต่ตอนนั้น เขาจึงมีภาพจำเช่นนี้มาโดยตลอด รู้สึกว่าคนหนานฉือล้วนน่าเกลียดกันหมดสิบปีก่อนพวกเขาเคยเอ่ยถึงเรื่องการอภิเษกเพื่อสันติไปแล้ว พอเขาได้ยินก็สั่นเทา ปฏิเสธไปทันที ตอนนี้คนจากหนานฉือมาอีกแล้วหรือ?"องค์จักรพรรดิ" กงกงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "นี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้ ถ้าหากองค์หญิงต้องตาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาเล่า?"ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงในวัยหนุ่มมาก สมัยก่อนคนของแคว้นหนานฉือก็เคยชมเคยหน้าตาของไท่ซ่างหวง แล้วองค์หญิงอะไรนั่นครั้งนี้ จะต้องตามกับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาหรือเปล่า?ดวงตาองค์จักรพรรดิเป็นประกาย"คนของหนานฉือทั้งป่าเถื่อนและดื้อรั้น ถ้าหากองค์หญิงคนนั้นต้องตาอ๋องเจวี้ยน จะต้องยื
ผู้เฒ่าฟู่พอเห็นฟู่จาวหนิงปลอดภัยกลับมา ก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงสองสาวใช้นั้นชอบหลอกข้า บอกว่าพวกเจ้าจะคอยส่งจดหมายกลับมา พูดเอาไว้เสียดิบดี ตอนแรกเองข้าก็เชื่อไปแล้วด้วย"ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยกับฟู่จาวหนิง และเพราะคิดว่าเป็นจริง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลร้อนใจนัก เพราะสองสามวันก็จะส่งจดหมายกลับมาที พูดเอาไว้ดิบดีแล้ว จึงไม่มีเรื่องอะไรแต่เมื่อวานตอนค่ำๆ หลังจากเขากินข้าวเสร็จแล้วถูกเสี่ยวเฟยประคองออกไปเดินย่อยในลานบ้าน แล้วไปได้ยินพวกผู้ดูแลกำลังคุยกัน พูดดูแลนั่นถอนใจโล่งออกมาเฮือกใหญ่ผู้ดูแลบอกว่า ดีเหลือเกิน ท่านอ๋องกับพระชายาในที่สุดก็กลับมาแล้ว หายไปไม่มีข่าวตั้งนมนาน ทำเอาพวกเรากังวลกันไปหมด คนใช้ทั้งจวนอ๋องล้วนกลุ้มกันเหมือนผ่านไปแรมปีตอนนั้นผู้เฒ่าฟู่จึงเพิ่งรู้ ว่าที่แท้เฝิ่นซิงกับหงจั๋วพวกนางมาหลอกเขา"เมื่อวานเพิ่งจะรู้ว่ามาหลอกข้า" ผู้เฒ่าฟู่ตำหนิขึ้นมา ถลึงตามองหงจั๋วกับเฝิ่นซิงสองสาวใช้คารวะให้เขา จากนั้นก็คารวะกับฟู่จาวหนิง"ท่านผู้เฒ่าโปรดให้อภัยด้วย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ โบกไม้โบกมือให้พวกนาง จากนั้นก็ประคองท่านผู้เฒ่า "ท่านปู
"เฮ้อ"ผู้เฒ่าฟู่เห็นสภาพนาง ในใจก็เข้าใจขึ้นมา"เจ้าพูดมาตามตรง ถ้าเจ้าชอบอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา ปู่ก็จะไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาด"อันที่จริง ผู้ชายอย่างอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะมีหญิงสาวไม่น้อยเข้ามาชอบพอ หน้าตาเองก็หล่อเหลาเหลือเกิน มองแค่ครึ่งหน้า มองแค่รูปร่าง ยืนอยู่ที่ไหนก็ดูราวไผ่หยกกลางกระแสลม สง่ามีราศีพอได้ยินเสียง ก็เหมือนกับเสียงพิณเสนาะหูแล่นผ่าน ราวกับสายลมแผ่วลูบผ่านใบหูแล้วยังตัวตนฐานะอีก อ๋องเจวี้ยนแคว้นเจา ในมือมีองครักษ์เงามังกร แล้วยังมีตราประทับแคว้นเจาอีก ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ถ้าหากมีแคว้นอื่นส่งหนังสือแคว้นเข้ามา จะเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองแคว้นก็ดี หรือว่าจะเปิดการค้าระหว่างสองแคว้นก็ตาม กระทั่งการตัดแบ่งเมืองเพื่อชดเชยอะไรเทือกนั้น ก็ยังต้องให้อ๋องเจวี้ยนส่งตราประทับออกมาใช้เลยสำหรับแคว้นต่างๆ นี่ถือเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยได้ยินที่ไหนเป็นเช่นนี้เพราะการพูดเช่นนี้องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะไม่กระอักเลือดเลยหรือ? น่าอดสูเสียจริงแล้วถ้าพูดขึ้นมา อ๋องเจวี้ยนเองก็แทบจะมีตัวตนฐานะเทียบเท่ากับผู้สำเร็จราชการแทนแล้วเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงก็ยังทิ้งสิ่งยืนยันอะไร
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ