ในโรงเตี๊ยม ฟู่จาวหนิงรีบแต่งเนื้อตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการตนเองให้สะอาดสะอ้านหลักๆคืออีกเดี๋ยวต้องไปพบไท่ไท่อาวุโส ถึงอย่างไรการไปพบผู้ป่วย นางจะสกปรกไปด้วยฝุ่นทั้งตัวก็คงไม่ดีเท่าไรแต่นางเองก็ไวมาก หลังจากจัดการตัวเองก็ให้พวกของสืออีเตรียมตัวออกเดินทางไว้ตลอดเวลาไป๋หู่ถึงแม้จะให้นางรออยู่ที่นี่ แต่ความเร็วเองก็ไวมาก ใช้วิชาตัวเบาให้ลูกน้องไปซื้อขนมนึ่ง ทุกคนล้วนกินรองท้องเข้าไปคนละสองชิ้นแล้วตอนหลังวันนี้เพื่อเร่งเดินทาง พวกเขาแทบไม่ได้กินอะไรเลย ดื่มแต่น้ำให้ฟู่จาวหนิงกินอะไรเสียก่อนที่นี่ เพระาไป๋หู่ก็กลัวว่าถ้าพอเข้าเรือนไป ก็จะมากเรื่องมากความ เดี๋ยวถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้กินอะไรแน่ถ้าเผื่อต้องดูอาการไข้ให้ไท่ไท่อาวุโสพอดี ต่อให้ในจวนตระกเตรียมอาหารไว้ นางก็คงไม่สนใจอยู่ดีพวกเขาหิวกันจนไม่ไหวแล้ว อย่างว่าแต่ฟู่จาวหนิงเลยเร่งเดินทางกันมาขนาดนี้ พวกของไป๋หู่ก็นับถือฟู่จาวหนิงเอามากๆ ทั้งนับถือและก็เป็นห่วงนางฟู่จาวหนิงหิวมากจริงๆ หลังจากซื้อขนมนึ่งใบไผ่มานางก็ไม่เกรงใจ กินเข้าไปถึงสามชิ้นมีทั้งที่ไม่มีไส้ มีทั้งไส้ทั่วแดง แล้วยังมีไส้เนื้อด้วย หว
นี่มันไร้สาระไปไหม!อวี๋อวี่เวยเหมือนตนเองโดนเล่นงาน นางตัวโยนจนแทบจะยืนไม่อยู่"ท่านลุง นาง นางคือ..."นางรู้ว่าว่าเพราะอะไรตนเองก่อนหน้านี้ถึงดูโหวงๆฟู่จาวหนิงได้ยินนางเรียกลุง เหลือบมองนางผาดหนึ่ง นี่คือหลานสาวของเสิ่นเสวียนหรือ?แต่นางเหลือบมองเช่นนี้ กลับทำให้อวี๋อวี่เวยรู้สึกได้รับการท้าทาย"จาวหนิง ไป!"เสิ่นเสวียนไม่ได้สนใจอวี๋อวี่เวยเลย และไม่สนใจคนอื่นๆ ด้วย มือกระทั่งยังไม่ทันปล่อย แต่ดึงฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้าประตูไปไม่มีใครกล้าขวางเขาฟู่จาวหนิงแค่เหลือบมองกลุ่มคนที่หน้าประตูใหญ่ทันวูบหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะนางต้องรีบเข้าไปกับเสิ่นเสวียน จึงไม่ทันได้มองชัดเจน ยังคิดว่าคนตระกูลเสิ่นเหล่านี้ล้วนออกมารับนางเสียอีกมารยาทเองก็ดีอยู่นะนางพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นก็ถูกเสิ่นเสวียนพาเข้าไปแล้วคนกลุ่มใหญ่ที่หน้าประตู ล้วนตะลึงอยู่จนยังตั้งตัวไม่ทันเสิ่นเสวียนในสายตาพวกเขาเป็นคนที่ใจเย็นหยิ่งทะนงไม่น่าเข้าใกล้มาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะรู้สึกว่าอย่างอวี๋อวี่เวยนั่นถือว่าใกล้ชิดกับเสิ่นเสวียนมากแล้วได้อย่างไรกัน?ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายเสิ่นเสวียนจึงไม่เคยเข้าใกล้หญิง
ฟู่จาวหนิงกระทั่งไม่สนใจท่านผู้เฒ่าที่อยู่ข้างเตียงพอนางเข้ามา สายตาก็ตกไปอยู่บนตัวไท่ไท่อาวุโสบนเตียงทันทีหมอหวางพอเห็นนาง ก็เข้าใจตัวตนฐานะนางทันที มองความสาวความสวยของนางอย่างตกตะลึง พลางรีบส่งพื้นที่ให้กับนาง"จาวหนิง เร็ว" เสิ่นเสวียนตอนนี้ก็เพิ่งจะปล่อยมือฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่พูดอะไรไร้สาระ รีบเดินเข้าไปทันที ยื่นมือไปจับที่หัวใจของไท่ไท่อาวุโส มืออีกข้างเปิดหนังตาของนางออกเพื่อตรวจสอบ"หมอหวางใช่ไหม?" นางตรวจสอบไปถ้วยถามหมอหวางไปด้วย "คนป่วยเมื่อครู่มีอาการอะไรบ้าง? ท่านรักษานางอย่างไร ใช้ยาอะไร?"พอนางพูดออกมา น้ำเสียงก็ตั้งใจเคร่งขรึม ทำเอาหมอหวางใจสั่นวาบ เก็บอาการตกตะลึงต่อตัวฟู่จาวหนิงลงด้วยสัญชาตญาณ แล้วตอบคำถามนางออกไปอย่างละเอียด"...เดิมทีข้าจะฝังเข็มให้กับไท่ไท่อาวุโส ให้ชีพจรหัวใจของนางเคลื่อนไหวขึ้นมา แต่ตัวนางชักกระตุก ผิวเนื้อลั่นตึง จนฝังเข็มลงไปไม่ได้""เมื่อครู่จึงใช้ยาลดความตระหนก แต่กรอกลงไปไม่ทันไร ไท่ไท่อาวุโสก็กลืนลงไปด้วยตนเองไม่ได้แล้ว"หมอหวางอยากจะบอกว่า ตอนนี้ชีพจรของไท่ไท่อาวุโสอ่อนแอจนเขาจับไม่โดนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้ายังซีดเผือ
"หมอหวางเติมผงเครือฝ้ายลงไปด้วยใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ใช่ ใช่""ยานี้มีประสิทธิภาพอยู่ รบกวนหมอหวางเตรียมผงเครือฝ้ายอีกสักสิบสลึงด้วย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ได้!"หมอหวางพอจู่ๆ ถูกชมมา ก็ยืดหลังตรงด้วยสัญชาตญาณ รีบไปพลิกค้นกล่องยาของตนเอง เขาเริ่มเข้าใจว่าต้องมาเป็นลุกมือให้ฟู่จาวหนิงแล้วหลักๆ คือ พลังของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาต้องศิโรราบให้อย่างแทบไม่ต้องคิดฟู่จาวหนิงเปิดเสื้อผ้าของไท่ไท่อาวุโสออกนางนำเข็มของตนเองออกมา กางออกหมอหวางเพิ่งหยิบยาออกมา ก็เห็นฟู่จาวหนิงยกเข็มขึ้น"แทงไม่เข้า แล้วยังแทงชีพจรได้ไม่แม่นยำด้วย..."หมอหวางเดิมทีคิดจะเตือนฟู่จาวหนิง แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นฟู่จาวหนิงแทงลงไปอย่างรวดเร็วแล้วหนึ่งเข็ม บิดๆ ที่ปลายเข็ม จากนั้นก็หยิบเข็มที่สองดูเอาเถิด หลังจากนางแทงเข็มเล่มแรกเข้าไป ร่างกายที่กระตุกของไท่ไท่อาวุโสก็นิ่งลงทันทีตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงจึงรีบแทงเข็มที่สองพวกเขาทั้งหมดล้วนเห็นว่าร่างกายของไท่ไท่อาวุโสผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ผงยาละลายน้ำ แค่น้ำอุ่นครึ่งชามก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะป้อนเอง"ฟู่จาวหนิงฝังเข็มไปด้วย พลางเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน
หมอหวางไม่รู้เวลาจึงเข้าไปอยู่ข้างกายนางแล้วเห็นวิธีการนี้ของฟู่จาวหนิง เขารู้สึกว่าการกระพริบตามากครั้งจะเป็นการไม่เคารพต่อนาง และจะสิ้นเปลืองโอกาสการเรียนรู้ของตนเองไปตอนแรกที่เขาได้ยินเสิ่นเสวียนเอ่ยถึงหมอหญิงก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นจริงได้เลยต่อมาพอยิ่งฟังลหลักการการรักษาของนางมากเข้า ก็รู้สึกว่านี่เป็นหญิงสาวที่มีวิชาแพทย์เก่งกาจมาก และดูมีความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาด้วยแต่จินตนาการเหล่านี้ก็ยังสู้ตอนที่เขาเห็นกับตาไม่ได้!เดิมทีที่เขาเห็นฟู่จาวหนิงปักเข็มลงไปอย่างรวดเร็ว ยังกังวลว่านางอาจจะแทงผิดจุดชีพจร ถ้าเช่นนั้นก็จะไม่มีผลอะไร แต่ตอนนี้พอเข้ามาดู ทุกรูล้วนแทงลงไปบนจุดชีพจรอย่างแม่นยำถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงต้องแทงที่จุดชีพจรเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามองไม่ออกหมอหวางยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากขึ้น"เอ่อ แม่นางฟู่ เข็มเล่มนี้ทำไมจึงแทงลงไปลึกเป็นพิเศษกัน?" หมอหวางมองอยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ตรงนั้นมีเข็มหนึ่งแทงไว้ลึกมาก"เส้นประสาทของจุดชีพจรนี้ค่อนข้างลึก ถ้าแทงไว้ตื้นจะกระตุ้นไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องแทงลงไปลึกหน่อย"ฟู่จาวหนิงไม่ได้มีความคิดแปลกประหล
นี่ก็เป็นสิ่งที่นางเตรียมการไว้แล้ว"ทำได้แค่ช้าๆ ช้าให้มากที่สุด"นางพูดไปด้วยพลางตกยาใส่ช้อนเล็ก ยื่นชามไปให้กับหมอหวาง "รบกวนท่านถือให้ข้าหน่อย"หมอหวางรีบรับไป ดวงตาจ้องมองการกระทำของฟู่จาวหนิงไม่วางตาฟู่จาวหนิงบีบไปที่แก้มของไท่ไท่อาวุโส นำช้อนใส่เข้าไปในปากนาง แล้วยื่นส่งเข้าไปลึกยิ่งกว่าการป้อนยาแบบทั่วไป ใช้ก้นช้อนกดลง กรอกยาเข้าไปมืออีกข้างก็ช่วยกดนวดลงไปและเห็นไท่ไท่อาวุโสมีท่าทางกลืนยาเล็กๆ ลงไปแล้วถึงอย่างไรขอแค่จะเป็นยาแค่เล็กน้อย ตอนที่กลืนแม้จะอ่อนแอ แต่ก็ถือว่ากลืนลงไปแล้วหมอหวางยินดีขึ้นมาทันที "กลืนลงไปแล้ว!""อืม ตอนนี้ขอแค่อดทนเพียงพอ ค่อยป้อนลงไป" ฟู่จาวหนิงอธิบาย ป้อนคำที่สองช้อนเล็กคันนั้นสามารถตักยาได้นิดหน่อย ป้อนลงไปเหมือนป้อนทารก ยาหนึ่งชามถ้าหากจะป้อนลงไปให้หมดก็ใช้เวลาไม่น้อยเลยแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญ และป้อนยาทีละช้อนๆ อย่างไม่เร่งไม่ร้อนท่านผู้เฒ่ามองฟู่จาวหนิง และไม่รู้ว่าน้ำตาไหลอาบออกมาตั้งแต่เมื่อไรหญิงสาวคนนี้เข้ามาอยู่ในปลายดวงใจของเขาทันทีทำไมจึงทำให้คนชื่นชอบมากขนาดนี้?รอจนฟู่จาวหนิงป้อนยาเสร็จ พวกเขาก็ล้วนรู้สึกว่าเวลา
"ไป๋รื่อ แม่นางคนนั้นเป็นใครกันแน่?" อวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้นมาไป๋รื่อไม่สนใจนาง เตรียมจะรีบออกไป และพอดีกับที่ไป๋หู่พาพวกสืออีเข้ามา"ไป๋รื่อ นายท่านล่ะ?""อยู่ในสวนจิ้งชิว พวกเจ้าเข้าไปเถอะ" ไป๋รื่อพยักหน้าให้กับสืออีและสือซานเป็นการทักทายนี่เป็นองครักษ์ที่คุณหนูจาวหนิงพามาจากแคว้นเจา ก็เท่ากับว่าเป็นพวกเดียวกันไป๋หู่พาสืออีกับสือซานเข้าไปทันทีพวกเขาเมื่อครู่ตามมาไม่ทัน จึงช้าไปหน่อย หลังจากมาถึงจวนเสิ่นไป๋หู่ก็จัดคนเอาของของฟู่จาวหนิงส่งไปที่สวนสี่ซินเพราะพอเขากลับมาก็มีการพูดคุยกับองครักษ์ บอกว่านายท่านจัดไว้เสร็จสรรพแล้ว ให้ฟู่จาวหนิงเข้าไปพักที่สวนสี่ซินและคนเหล่านี้ทั้งหมดก็หวางอยู่ที่สวนจิ้งชิวพอดี จึงไม่เห็ฯพวกเขาย้ายของเข้าไปพอย้ายของเสร้๗จึงพาสืออีสือซานมาหาฟู่จาวหนิงอวี๋อวี่เวยพวกนางเองก็เคยเห็นไป๋หู่มาแล้ว รู้ว่าเป็นคนของเสิ่นเสวียน แต่สืออีกับสือซานพวกนางรู้สึกไม่คุ้นอย่างมาก แต่พวกเขาจะเข้าไป ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรไป๋รื่อให้พวกเขาเข้าไปแล้วตนเองก็รีบออกไปหาคนทำช้อน"อวี่เวย เจ้าเองก็พักอยู่ในจวนเสิ่นมาตลอดนี่? แล้วทำไมคนใช้พวกนี้แต่ละคนถึงไม่เห็นเจ้าในสา
อวี๋อวี่เวยพอเห็นพี่ใหญ่ ในใจก็ลนลานขึ้นมาพี่ใหญ่ครั้งที่แล้วให้นางออกจากเรือนตระกูลเสิ่น แต่นางก็ไม่ยอมกลับไปมาตลอดอวี๋เสิ่นจือมองลูกสาว รุ้สึกว่านางเปลี่ยนไปจนดูแปลกหน้า ปกติจะดูอ่อนหวานไร้เดียงสา แต่อาการโมโหเกรี้ยวกราดที่ตะคอกใส่เหล่าพี่น้องป้าๆ ตระกูลเสิ่นเมื่อครู่ นางที่เป็นแม่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"อาหว่าน เจ้ามาได้อย่างไรกัน" สะใต้รองเสิ่นมองอวี๋เสิ่นจือเสินหว่าน แลดูถูกอยู่หน่อยๆเสินหว่านคนนี้หลายปีก่อนทำตัวหงออยู่แต่ในบ้านสามีมาโดยตลอด ขนาดคลอดลูกชายลูกสาวออกมาคู่หนึ่งแท้ๆ แต่ก็ยังต้องมาชอกช้ำในบ้านสามี ลูกสาวตอนยังเด็กเพราะได้รับความชื่นชอบจากฮูหยินอาวุโส จึงส่งนางกลับมาเลี้ยงที่บ้านฝ่ายหญิง เป็นแบบนี้เสียที่ไหน?ถึงอย่างไรสะใภ้รองเสิ่นก็ยังรู้สึกดูถูกหลานสาวของบ้านสามีคนนี้และในช่วงนี้เอง ท่านแม่ก็ป่วยจนำแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว เสินหว่านยังไม่กล้าพูดเลยว่าจะกลับมาปรนนิบัติในช่วงเวลานี้ สู้พวกนางก็ไม่ได้เสินหว่านยิ้มขืน "สุขภาพท่านยายไม่ดีเท่าไร ยังไปไหนไม่ได้พักหนึ่ง""แม่ของเจ้าแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าก็ยังเอาแต่ปรนนิบัติท่านยายอยู่อีก" อาสะใภ้สามเสิ่นเอ่ยแข
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ