พูดจบก็สั่งการสาวใช้ "ยกของหวานน้ำชามาให้แขกหน่อยฃ""อืม"องค์หญิงหนานฉือเพิ่งจะพยักหน้าเห็นด้วย หลี่จื่อเหยาทางเอ่ยขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม"ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ หนวกหรือไร? นี่มันตั้งกี่โมงแล้ว อ๋องเจวี้ยนยังจะหลับอยู่อีกหรือ?"องค์หญิงหนานฉือเหลือบมองหลี่จื่อเหยาอย่างประหลาดใจผาดหนึ่งได้ยินว่าหลี่จื่อเหยาเป็นลูกสาวของหมอเทวดาหลี่ และยังเป็นภรรยาของรัฐทายาทเซียว ช่วงนี้รัฐทายาทเซียวก็ดูจะดีกับนางอยู่ ยิ่งไปกว่นั้นยังส่งน้ำใจจากเมืองหลวงแคว้นเจามาไม่น้อยอีกด้วย ทำเอานางดีใจเหมือนกันส่วนเก๋อชีซิงเองก็ทั้งเพราะพูดภาษาหนานฉือได้ และยังถูกองค์จักรพรรดิแนะนำกับนาง บอกว่านางพาคนมาแคว้นเจากลุ่มหนึ่ง คนที่เป็นลูกน้องอาจจะมีอาการปวดหัวตัวร้อนได้ มีหมอใหญ่ที่รู้ภาษาหนานฉืออยู่ก็น่าจะเป็นเรื่องดีดังนั้นองค์หญิงหนานฉือพอได้ยินเก๋อชีซิงพูดว่าจะมา แน่นอนว่าพาเขามาด้วยเก๋อชีซิงเป็นคนที่ชินอ๋องเซียวมาจากด้านนอกด้วย ตอนนี้มีความสัมพันธ์อันดีสุดกับจวนชินอ๋องเซียว และรัฐทายาทเซียวก็ตามเก๋อชีซิงมาด้วย องค์หญิงหนานฉือเองก็ขี้เกียจจะพูดอะไรแต่ไม่รู้ว่ารัฐทายาทเซียวพาหลี่จื่อเหยามาด้วยนี่คือไม่รู้ฟ
เก๋อชีซิงมองไปทางอันเหนียนเขาได้ยินอะไรเข้าเนี่ยผู้ตรวจการชิงหรือว่าจะมีความคิดผิดศีลธรรมกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?ถ้าหากว่ามีจริง เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เหล่าลูกสาวประชาชนกับขุนนางได้ถกกันสนุกปากหลังมื้ออาหารได้เลยนะเรื่องนี้เอามาทำอะไรได้บ้างไหม?ตอนที่เก๋อชีซิงยังคิดเรื่องนี้อยู่ เสียงของอันเหนียนก็ดังขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"มองอย่างไร? ก็ใช้ตามองน่ะสิ"เอ่อ?เก๋อชีซิงแทบจะงงเป็นไก่ตาแตกองค์หญิงหนานฉือหัวเราะพรวดขึ้นมา"นายท่านอันนี่ตลกจริงๆ"นางพิงไปด้านหลังอย่างเอ้อระเหย หยิบของว่างขึ้นมากินบ้าง "ข้าชอบหาเรื่องมาหยอกท่านจริงๆ"เก๋อชีซิงมองอันเหนียน พอเห็นว่าเขาไม่ได้ลนลานอะไรเลย กระทั่งยังถอนหายใจใส่องค์หญิงหนานฉืออีก จึงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ไม่เช่นนั้นอันเหนียนทำไมถึงไม่รู้สึกประหม่าออกมาเลย?หันมามองอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือ เหมือนว่าองค์หญิงเองก็อะไรกับเขาบ้างเหมือนกันอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ให้พวกเขารอนานเพียงแต่ตอนที่เขามายังคงถูกหามไว้บนเกี้ยวเบาเซียวเหยียนจิ่งเห็นเขานั่งลง ก็ส่งสายตาให้เก๋อชีซิงผาดหนึ่งวันนี้พวกเขา
กระทั่งเซียวหลันยวนเองก็ยังตกตะลึง"ตั้งแต่โบราณมา ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าป้ายทองเลี่ยงความตายเอามาซื้อขายกันได้ด้วย""คนอื่นไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนอย่างท่านมีวิธีการแน่ สิ่งที่ข้านำออกมาได้ ท่านน่าจะต้องการมัน ในมือข้ามีราชาไข่มุกแห่งทะเลลึกอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นไข่มุกล้ำค่าที่หายากมาก เม็ดใหญ่มาก ประกายแสงเองก็งดงามมาก ราชาไข่มุกเม็ดหนึ่ง มูลค่าเทียบเท่ากับเมืองทั้งเมืองเลยทีเดียว"องค์หญิงหนานฉือมองเซียวหลันยวน "ไข่มุกล้ำค่านี้ยังมีคุณค่าทางยาด้วย ขูดมันออกเป็นผง สามารถบำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็นได้ ผลลัพธ์น่าตกตะลึง ดังนั้น สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์กับอ๋องเจวี้ยนอยู่กระมัง?"เซียวหลันยวนหวั่นไหวขึ้นในใจเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง จะมาหวั่นไหวกับคำว่า "บำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็น" สี่ห้าคำนี้หรือ! คิดแล้วมันก็น่าละอายอยู่หน่อยๆแต่จาวหนิงเองก็ไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้ที่รักษาหน้าให้เขาต้องการสิ่งนี้หรือเปล่านี่สิถ้าหากต้องการ เช่นนั้นราชาไข่มุกเม็ดนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วกระมัง?ต่อให้ไม่ใช้ ราชาไข่มุกเม็ดนั้นก็ยังมอบให้ฟู่จาวหนิงได้เขาเองก็ยังไม่เคยมอบพวกไข่มุกเครื่องประดับอะไรให้นางอย่า
องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองอันเหนียนผาดหนึ่ง"ท่านอย่าทำมาทำลายเรื่องดีดีของข้าสิ"นางซื้อขายออกจะไปได้สวย แล้วอันเหนียนจะมาสอดปากทำไมกัน? เดี๋ยวอ๋องเจวี้ยนไม่ยอมขายป้ายทองเลี่ยงความตายให้นางจะทำอย่างไรกัน?"ข้ากลัวถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนจะมาเสียใจภายหลัง"อันเหนียนไม่ได้ถอยหนี แต่ยังคงมองเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิฮองเฮาล้วนมีท่าทีกำเริบเสิบสาน นางดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอำนาจราชวงศ์ แต่เช่นนี้เองก็ไปหาเรื่องคนอื่นเขาได้ง่ายการมอบป้ายทองเลี่ยงความตายให้นาง ก็ถือว่าเป็นยันต์คุ้มกายให้นางใบหนึ่ง"อันเหนียน เจ้าไม่เข้าใจ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเรียบๆ "มีข้าอยู่ ใครจะกล้าทำอะไรนาง"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงไม่จำเป็นต้องมีป้ายทองเลี่ยงความตาย ข้าก็คือยันต์คุ้มกายของนางคำพูดเหล่านี้ พวกเขาใช้ภาษาแคว้นเจา ดังนั้นคนที่นี่จึงฟังเข้าใจเซียวเหยียนจิ่งไม่รู้ว่าในใจมันความรู้สึกอะไรไปชั่วขณะ เอาแต่รู้สึกแย่ๆแต่หลี่จื่อเหยากลับอิจฉาจนคุ้มคลั่งขึ้นมานางก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าฟู่จาวหนิงต่อให้แต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะใช้ชีวิตได้ไม่ดีเท่าไรนัก อ๋องเจวี้ยนเป็นไปไม่ได้ที่จะชอบนาง แ
"ท่านทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้? ข้าไม่ได้ออกแรงเท่าไรเลยนะ!"องค์หญิงหนานฉือหลังจากตั้งตัวมาได้ก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือมาคว้าหลังคอเสื้ออันเหนียน จากนั้นก็ดึงเขาขึ้นมา"พรวด" เซียวหลันยวนหัวเราะก๊ากออกมาอีกครั้ง"เอาล่ะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว"อันเหนียนลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "องค์หญิงปล่อยมือได้แล้วกระมัง?" พอพูดประโยคนี้จบ ก็ไอออกมาสองทีเมื่อครู่ที่ถูกตบไปยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ตอนนี้จึงเพิ่งไอออกมาเซียวหลันยวนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นมาอีก"องค์หญิงกับผู้ตรวจการชิงของพวกเราปกติอยู่ด้วยกันแบบนี้หรือ? อย่างนั้นบนตัวผู้ตรวจการอันคงมีผลไม่น้อยแล้วกระมัง?"องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ "เขาติดตามข้ามา กินของดีไปไม่น้อย น้ำแกงบำรุงอะไรก็ดื่มไปตั้งเยอะ แล้วทำไมถึงยังอ่อนแอแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนท่านเองก็อ่อนแอ ส่วนรัฐทายาทเซียวคนนั้นยิ่งอ่อนแอหนักไปอีก ผู้ชายของแคว้นเจานี้ คงไม่ใช่ว่าแค่แรงจะจับไก่ก็คงไม่มีหรอกกระมัง?"ให้ตายเถอะ ไม่มีแข็งแรงๆ กันบ้างเลยชายหนุ่มของหนานฉือทางนั้นยังดูสูงใหญ่กำยำกว่ามากเลย"พวกเขาอ่อนแอไปหน่อยแค่นั้น แต่ข้าไม่ใช่นะ ข้าเป็นเพราะป่วยมานาน แตกต่างจากพวกเขา" เซียวห
หลี่จื่อเหยาไม่รู้ว่าคำพูดนี้ควรจะตอบรับอย่างไรนางนั่นล่ะแต่ว่าอะไรคือ "ใครคนนั้น" ?นางไม่มีชื่อแซ่หรือไร? นางตอนนี้ไม่มีตัวตนฐานะหรือ?ถ้าตอบกลับไป แล้วหน้าของนางจะไปเหลืออะไร?ผลคือเซียวหลันยวนไม่ได้ต้องการคำตอบจากนาง เขายืนยันตัวตนฐานะของนางแล้ว หน้าขรึมลงทันที "ใครก็ได้""ท่านอ๋อง?"องครักษ์รีบเข้ามา"โยนสองคนนี้ออกไปหน่อย"เซียวหลันยวนชี้ไปที่เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยา"อ๋องเจวี้ยน! พวกเราเป็นแขกนะ" หลี่จื่อเหยาตกตะลึง"ใช่!"องครักษ์เดินไปทางพวกเขาเซียวเหยียนจิ่งคิดไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งนานขนาดนี้ อ๋องเจวี้ยนเหมือนยังไม่ลืมเรื่องสมัยก่อน ตอนนี้แค่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเขาด้วยซ้ำ!เขาเองก็หน้าเปลี่ยนสี กลับรีบลุกขึ้นมา พูดขึ้นว่า "ข้าไปเองได้!"พรวดอันเหนียนเกือบหัวเราะออกมา นี่คืออาการดื้อรั้นสุดท้ายของรัฐทายาทเซียวหรือ?เขายังคิดว่าเซียวหลันยวนไม่สนใจสองคนนั้นแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจจะมองพวกเขาตรงๆ เลยด้วยซ้ำถึงอย่างไรตาข้างหนึ่งก็ยังพันเอาไว้นี่นะ"โยนออกไป" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเย็นชาองครักษ์สองคนหิ้วตัวเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมา
องครักษ์จวนอ๋องมองพวกนางอย่างเย็นชา "พวกเจาทำไมยังกล้ามาจวนอ๋องเจวี้ยนอีก? พวกเขาลืมไปแล้วหรือว่าเคยอะไรกับพระชายาไว้ แต่พวกเราไม่ลืมหรอกนะ ครึ่งนี้แค่ลงโทษเล็กน้อย ท่านอ๋องมีคำสั่ง ครั้งหน้าถ้าพวกเขายังกล้ามาเหยียบจวนอ๋องเจวี้ยนอีก ข้าจะหักขาทิ้งเสียเลย"พูดจบ พวกเขาก็หมุนตัวเข้าประตูไป ปิดประตูใส่หน้าเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาดังปังเซียวเหยียนจิ่งหน้าเขียว รู้สึกว่าได้รับความอัปยศอย่างมากเขาพลาดไปแล้วจริงๆ เซียวหลันยวนเป็นคนใจแคบเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก!หลี่จื่อเหยาหันหน้า เห็นพวกคนใช้และคนขับรถที่องค์หญิงหนานฉือพามากำลังมองพวกเขา เห็นขั้นตอนความขายหน้าทั้งหมดของพวกเขากับตา นางรู้สึกว่าหน้าตาป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ร้องไห้ออกมาทันทีนางยกมือข่วนๆ ไปทางเซียวเหยียนจิ่ง ร้องว๊ากขึ้นมาว่า "เป็นเพราะท่าน! เป็นเพราะท่านมันไม่ได้เรื่อง! ท่านมันคนไม่เอาถ่าน จวนชินอ๋องเซียวของพวกท่านมันไม่ได้เรื่อง ถูกคนรังแกขนาดนี้แค่จะผายลมก็ยังไม่กล้าเลย!"เซียวเหยียนจิ่งถูกเขาข่วนมาที่หน้าอย่างไม่ทันคาดคิด ทั้งโกรธทั้งเกลียด ลุกขึ้นมา ยกเท้าถีบนางเข้าไปทีหนึ่ง"ที่ข้าเป็นรัฐทายาทต้องมาตกต่ำแบบนี้ ก็เพรา
"ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปอยู่แล้วจริงหรือ?""ใช่ นางนั่นล่ะ ของใช้นางมีไม่เท่าไร ย้ายเข้าไปในนั้นหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาอยู่ถาวรไหม ถ้าหากว่าใช่ล่ะก็ ของที่นางเอามานั้นยังไม่พอ แล้วตระกูลเสิ่นต้องมาซื้อให้นางไหม?""ไม่ใช่บอกว่าเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่งหรือ?""จริงด้วย นางพอมาถึงก็เข้าไปสวนจิ้งชิวแล้วให้หมอหวางมาเป็นลูกมือเลยนะ ไม่ใช่เป็นแค่หมอหญิงหรือ? เหมือนได้ยินว่าไปนวดหัวให้ไท่ไท่อาวุโสด้วย ฝีมือน่าจะพอไปวัดไปวาอยู่""เพราะแค่ช่วยไท่ไท่อาวุโสนวดหัว ก็ยกเชิดชูนางแล้วหรือไรกัน?"คนบ้านตระกูลเสิ่นล้วนไม่อยากเชื่อกัน ขณะเดียวกันก็ทั้งอิจฉาทั้งขุ่นเคือง"ต่อให้เพื่อให้นางอยู่ต่อก็เถอะ ก็ไม่ควรให้เข้าไปพักในสวนจิ้งชิวไหม? นางที่เป็นหมอหญิงคนหนึ่ง ถ้าพักอยู่ในสวนจิ้งชิว ถึงจะคอยรับใช้ไท่ไท่อาวุโสได้ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ?"คนทั้งหมดหลังจากเอะอะเอ็ดตะโรไปรอบหนึ่งจึงมองไปทางท่านลุงรองครอบครัวของท่านลุงรองต่างหากที่พักอยู่ในจวนตระกูลเสิ่นมาโดยตลอดก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนก็ดูเคาระเขาอยู่ตัดท่านผู้เฒ่าออก ตัดไท่ไท่อาวุโสออก พูดได้ว่าบ้านตระกูลเสิ่นหลายปีมานี้มีเขาเป็นเสาหลักไปแล้ว เพราะเสิ่นเสวียน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ