พอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา ไท่ไท่อาวุโสดวงตาก็เป็นประกายขึ้นทันที รอยยิ้มบนหน้าจริงใจขึ้นมาก"ไม่รู้เพราะอะไร ทุกครั้งที่เห็นจาวหนิง อารมณ์ของข้าถึงได้ดีเหลือเกิน ต่อให้เห็ฯว่านางไม่ได้ทำอะไร ก็ยังรู้สึกชอบมาก"ไท่ไท่อาวุโสถอนหายใจท่านผู้เฒ่าแหงนตามองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่งหญิงสาวคนนี้น่าจะเหมาะกับต้าชื่อของพวกเขา มาที่นี่หลายวันแล้วก็ยังไม่เห็นว่าอยู่ได้ลำบากเลย แถมผิวก็เหมือนจะขาวขึ้นไปอีกช่วงไม่กี่วันนี้ต้าชื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว นางสวมชุดกระโปรงสีบ๊วย ดูทรงสง่าราศี ไม่ต้องพึ่งพวกดอกไม้ทัดหลิ่ว นางก็ดูเจิดจ้าแยงตามาก"ไท่ไท่อาวุโสวันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?""ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นมากเลยจริงๆ ข้าคุยกับเจ้าได้ครึ่งชั่วยามเลยทีเดียวล่ะ" ไท่ไท่อาวุโสมองจนรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงนั้นเข้าตานางมากจะมองอย่างไรก็ยังชอบ"จะดีขึ้นทุกๆวัน ข้าเพิ่งไปหาท่านปู่อาเพื่อหารือเรื่องปรับเปลี่ยนอาหารยาจีน ให้เพิ่มผลไม้แห้งที่รสชาติไม่เลวลงไปด้วย ท่านจะต้องชอบแน่"พอพูดถึงท่านปู่อาคนนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าวาสนี้นี้ช่างแสนอัศจรรย์ท่านปู่อาคนนี้ก็คือผู้อาวุโสตู้พ่อครัวที่มีชื่อแห่งต้าชื่อนี่เองหลังจากผู
"มีเรื่องอะไรถึงได้ดีใจขนาดนี้" ไท่ไท่อาวุโสถาม"ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะกลับเมืองหลวงแล้ว ทุกคนล้วนอยากจะไปต้อนรับองค์หญิงใหญ่กัน ถือโอกาสรับโชคลาภด้วย" เสี่ยวชิ่นตอบนี่น่าจะเป็นหัวข้อสนทนาที่คุยกันมากที่สุดด้านนอกในช่วงหลายวันนี้ถ้าไม่ใช่ว่ามีเรื่องอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้ามาพอดี การเคลื่อนไหวในตระกูลเสิ่นช่วงนี้ก็ทำให้คนจับตามองมากเช่นกันเพราะหลายวันนี้ วิธีการของเสิ่นเสวียนก็เด็ดขาด "เชิญ" ญาติในตระกูลมากมายที่พักในบ้านตระกูลเสิ่นออกไป ยิ่งไปกว่นั้นยังประกาศไปภายนอกอีด ว่าคนเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเสิ่นอีกแล้ว หลังจากนี้หากมีเรื่องอะไร ห้ามหยิบชื่อของตระกูลเสิ่นมาแอบอ้างอีกท่านปู่อารองเสิ่นทั้งครอบครัวโดนเชิญออกไปเกือบหมด สาเหตุคือหลานของสะใภ้รองเสิ่นไปทำเรื่องอะไรยั่วโมโหเสิ่นเสวียนเข้าที่เสิ่นเสวียนเล่นงานซุนจิ้นอวี๋จนย่ำแย่ยังไม่พูดถึง ยังย้ายความโกรธมาที่สะใภ้รองเสิ่นอีกด้วยท่านปู่อารองเสิ่นไล่ลูกชายทั้งสองออกไปทันที ดูเป็นการตัดญาติเพื่อความชอบธรรมอยู่หน่อยๆ นี่จึงทำให้ตนเองกับลูกหลานคนอื่นยังอยู่ต่อในบ้านตระกูลเสิ่นได้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างเอะอะม
ไท่ไท่อาวุโสเสิ่นพอได้ยินเรื่องที่เสิ่นเสวียนพูดถึง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา"เอ๋? นั่นก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ จาวหนิงโดดเด่นเสียขนาดนี้ แม้ว่าข้าจะอยากให้นางกลายเป็นคนของตระกูลเสิ่นก็ตาม แต่ถ้ามีคนที่ดีกว่าตระกูลเสิ่นพวกเรา เหมาะกับฟู่จาวหนิงมากกว่า แล้วเป็นคนที่นางชอบมากกว่า พวกเราก็จะเห็นแก่ตัวไม่ได้"ไท่ไท่อาวุโสมองไปทางฟู่จาวหนิง "จาวหนิง ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองบอกมาหน่อยว่าเจ้าชอบแบบไหน?"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงตอบ นางก็รีบเอ่ยขึ้น "อย่าบอกว่าเป็นแบบอาเสวียนนะ เขาอายุมากแล้วไหม?"พรวดฟู่จาวหนิงทนไม่ไหว หัวเราะพรวดออกมา"ฮ่าๆๆ!" นางมองไปทางเสิ่นเสวียน หัวเราะไปด้วยพูดไปด้วย "ท่านลุง ทุกครั้งที่ข้าบอกว่าชอบท่านไม่ใช่ชอบแบบนั้น ไม่มีใครเชื่อเลยรึ!"คนตระกูลเสิ่นเหล่านี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน แต่ละคนคิดว่านางกับเสิ่นเสวียนมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากันยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่าเสิ่นเสวียนก็รู้สึกพิเศษกับนางด้วยฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ ว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนไม่ให้ใครเข้ามาพักในสวนสี่ซินเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขามีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย อันที่จริงก็มีความเย่อหยิ่งอยู่หลายปีมานี้ต่อให้ถูกอง
เสิ่นเสวียนไม่ใช่คนที่มีปัญหาเรื่องนิสัย บอกว่ามองเป็นลูกสาว เช่นนั้นก็คือไม่คิดอะไรเกิดเลยกับฟู่จาวหนิงแน่นอนถ้าหากบอกว่าเป็นลูกสาว เช่นนั้นก็ยังพอเข้าใจได้ถึงอย่างไรเสิ่นเสวียนก็อายุมากขนาดนี้แล้ว แล้วยังไม่ได้แต่งงาน การอยากจะยอมรับลูกสาวสักคนก็ไม่ได้ผิดอะไรไท่ไท่อาวุโสตอนนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเสียแล้ว"อาเสวียน เจ้าบอกมาหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น นี่มันก็เรื่องดีนี่นา ทำไมไม่รีบพุดออกมากัน?""แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิง" เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าในเมื่อพูดแล้ว เช่นนั้นก็พูดให้เข้าใจขึ้นมาดีกว่า"ฟู่จาวหนิงแต่งงานแล้วจริงๆ สามีของนางคือเซียวหลันยวนอ๋องเจวี้ยนแห่งแคว้นเจา""อะไรนะ?"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นร้องเสียงหลงออกมา"อ๋องเจวี้ยน ท่านพ่อ ท่านไม่ได้ฟังผิด นางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่แคว้นเจา" เสิ่นเสวียนเอ่ยต่อ"เซียวหลันยวนข้ารู้จัก!" ท่านผู้เฒ่าเสิ่นหน้าเปลี่ยนสี "แต่เขาไม่ได้ว่าสุขภาพย่ำแย่จนต้องพักฟื้นอยู่แต่ที่ยอดเขาโยวชิงหรอกหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดขึ้นมาเหมือนกัน"ท่านผู้เฒ่ารู้สถานการณ์ของเขาด้วยหรือ?""รู้สิ ตอนเขายังเล็กข้ายังเค
ไท่ไท่อาวุโสนึกออกแล้ว"ข้ารู้แล้ว ตอนนั้นหลังจากเจ้ากลับมาก็บอกกับข้าอยู่ บอกว่าเจ้าอารามบอกเจ้ามาคำหนึ่ง ตอนนั้นพวกเรายังนึกไม่ออกว่าว่าโอกาสรอดนี้จะเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร""ใช่ ข้าตอนนั้นเองก็ไม่เข้าใจ จึงถามเขา ว่าเพราะอะไรโอกาสรอดจึงยังต่ำ? เข้าจะทำให้โอกาสรอดสูงขึ้นได้อย่างไร? เจ้าอารามก็ยิ้มๆ ตอบมาคำหนึ่ง บอกว่าให้รอ รอให้โอกาสรอดมันเติบโตขึ้นมาเสียก่อน"หืม?เสิ่นเสวียนตอนนี้เองก็เหมือนฟังอะไรออกแล้ว เขามองไปทางฟู่จาวหนิง"ดังนั้นตอนนี้ท่านจึงคิดว่า โอกาสรอดที่ว่านี้หมายถึงคนหรือ?""ใช่" ท่านผู้เฒ่าพยักหน้า "ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จาวหนิงถ้าคำนวณเรื่องอายุแล้ว ตอนนั้นนางก็น่าจะยังเล็กมากใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงกล้าพูดเสียที่ไหนว่าตนเองจะเป็นโอกาสรอดของบ้านตระกูลเสิ่น?"ข้าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง""ไม่ธรรมดาเลย พิเศษและยอดเยี่ยมเอามากๆ เจ้าลองดูสิ เจ้าช่วยชีวิตอาเสวียนไว้ นี่เท่ากับช่วยตระกูลเสิ่นไว้แล้วนะ อาเสวียนเองถ้าไม่อยู่แล้ว เขาจะหาโอกาสไหนมาเชิญเจ้ามาตรวจภรรยาของข้า? แล้วถ้าพวกเราตายกันหมด ตระกูลเสิ่นก็แตกกระเจิงกันไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าก
"เจ้าพูดเองเลยแล้วกัน เซียวหลันยวนดีกับเจ้าไหม" เสิ่นเสวียนเอ่ยกับฟู่จาวหนิง"เขา..."ฟู่จาวหนิงอึกอักขึ้นมาดีไหมนะ?"เจ้าดูสิ ถ้าเขาดีกับเจ้าจริง ยังต้องมาคิดอีกหรือ? มันต้องตอบออกมาได้อย่างไม่ลังเลไม่ใช่หรือ?"ไท่ไท่อาวุโสดึงมือฟู่จาวหนิง ปวดใจจะแย่"จาวหนิงเอ๋ย ไม่ว่าเจ้าจะมีตัวตนฐานะอะไร ต่อให้เป็นท่านอ๋องจากแคว้นเจา ถ้าหากไม่ดีกับเจ้า พวกเราก็ไม่แปลกใจหรอก เจ้าจะแยกกับเขาตอนไหน พวกเราก็จะสนับสนุนเจ้า ตระกูลเสิ่นแม้ว่าตอนนี้จะดูแล้วไม่เท่าไร แต่การกินการอยู่สำหรับเจ้าไม่ต้องกังวล""ไท่ไท่อาวุโส ข้า...""ใช้ พวกเราสามารถเป็นที่พึ่งของเจ้าได้" ท่านผู้เฒ่าเองก็พูดขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ยอมรับอาเสวียนเป็นพ่อเลี้ยงเลยสิ พวกเราจะเปิดผังตระกูลให้เอง เขียนชื่อเจ้าไปบนผังตระกูลเสิ่น พวกเราก็สามารถเป็นปู่กับย่าเจ้าได้แล้ว เจ้าก็จะไม่ใช่คนโดดเดี่ยวอีก"เขาตอนนี้ในใจเชื่อว่า "โอกาสรอด" ที่เจ้าอารามพูดถึงคือฟู่จาวหนิงแต่ต่อให้นางไม่ใช่โอกาสรอด พวกเขาเองก็ชอบนาง อยากจะให้นางอยู่ในตระกูลเสิ่นอย่างจริงใจก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะแนะนำนางให้กับเด็กในบ้านอยู่เลย ตอนนี้พอคิดๆ มีอะไรจะดีไ
"หมอหวาง ไปดูด้วยกัน"เสิ่นเสวียนเรียกหมอหวางทันทีหมอถังเขาไม่ได้เจอมาระยะหนึ่งแล้ว ใครก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หมอถังยังยืนอยู่ด้านความยุติธรรมไหมถึงอย่างไรลูกไม้ขององค์จักรพรรดิก็มีไม่น้อยมาตลอด"ท่านลุง ข้าเองก็จะไปด้วย" ฟู่จาวหนิงในห้องพอได้ยิน ก็รีบวิ่งออกมา"ก็ดี เอาผ้าคลุมให้คุณหนูด้วย" เสิ่นเสวียนรีบบอกกับเสี่ยวชิ่นเสี่ยวชิ่นรีบพุ่งไปหยิบผ้าคลุมมา และสะพายกล่องยาของฟู่จาวหนิงมาด้วยเสิ่นหยางมองฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็นเขาช่วงนี้ได้ยินชื่อฟู่จาวหนิงบ่อยมาก ได้ยินคนอื่นในตระกูลเสิ่นพูดเรื่องของนาง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบดูดีกว่าที่พวกเขาพูดเสียอีกเสิ่นหย้าหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย เขารีบย้ายสายตาออกไปด้านนอก ไม่กล้าเข้าไปนั่งในรถม้าพร้อมพวกเขา"เจ้าชื่อเสิ่นหยางใช่ไหม?"ใครจะรู้ว่าฟู่จาวหนิงกลับเลิกม่านมาพูดกับเขาก่อน"เขาอายุพอพอกับเจ้า เรียกชื่อเลยก็ได้" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"เช่นนั้นก็เรียกชื่อเลยนะ เสิ่นหยาง บอกข้าถึงแขกคนนั้นหน่อย อายุ รูปร่าง ตอนที่เข้าไปมีอะไรผิดปกติไหม ขั้นตอนระหว่างที่พูดทำอะไรอยู่ถึงได้เป็นลม ตอนเป็นลมลงไปกระแทกที่ไหนบ้างหรือเปล่า สิ้นสต
"ที่นี่ ห้องโถงทางนี้มีแคร่ตัวหนึ่ง พวกเราประคองเขาอย่างระวังไปบนแคร่แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องเขาอีกเลย"ลุงตงพาคนเข้าไปฟู่จาวหนิงพาเสี่ยวชิ่นตามอยู่ด้านหลังหมอหวางสืออีสือซานก็ตามนางมา ดังนั้นจึงบังเขาได้บ้าง ไม่ใช่คนทั้งหมดจะมองเห็นนางตอนนี้ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่บนตัวเสิ่นเสวียนแล้วก็แขกที่สลบไปแล้วคนนั้น"นี่คือท่านโม่ ท่านโม่ก่อนหน้านี้มาซื้อของในโถงป๋ออวี้สองครั้ง ถือว่าเป็นลูกค้าเก่าแล้ว สองครั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเรื่องไม่น่ายินดีอะไร"ลุงตงพาคนมาถึงข้างแคร่ตัวนั้น หมอหวางเข้าไปตรวจสอบร่างกายท่านโม่ก่อนฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา สังเกตไปด้วยฟังลุงตงพูดไปด้วยเสิ่นเสวียนถาม "คนในครอบครัวเขาหรือผู้ติดตามล่ะ?"คนใช้รูปร่างกำยำสองคนลุกขึ้นยืน"พวกเราคือคนรับใช้ของท่านโม่ มีคนไปแจ้งกับฮูหยินของพวกเราแล้ว พวกเราไม่ว่าสนว่าโถงป๋ออวี้จะมีอำนาจแค่ไหน ถึงอย่างไรวันนี้นายท่านของพวกเรากลายเป็นแบบนี้พวกท่านก็อย่าคิดหนีเชียว""ใช่! พวกเราจะเรียกร้องความยุติธรรม!"เสิ่นเสวียนเหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่งคนใช้สองคนนี้ถูกเสิ่นเสวียนเหลือบมองก็ตกใจจนหดคอลง แต่พวกเขาก็เหมื
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ