Share

๔ ไป๋หรูอี๋

last update Huling Na-update: 2025-07-13 11:26:26

วันนี้เพียงแค่ฮูหยินใหญ่กลับมาถึงจวนได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ทว่าทุกสิ่งภายในจวนสกุลโม่กลับแปรเปลี่ยนไปราวกับผ่านไปนานนับสิบปี

โม่เหยียนซวี่ค่อยๆ ประคองร่างของไป๋หรูอี๋วางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาก้มตัวถอดรองเท้าให้นางด้วยมือของตนเองก่อนจะจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงยกผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีทะนุถนอมราวกับกลัวว่านางเจ็บระบม

ไป๋หรูอี๋ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าแขนเขาไว้ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่หม่นแสงเงยขึ้นสบสายตาบุรุษตรงหน้าอย่างสงสาร

“เป็นความผิดของข้าเอง…” น้ำเสียงเอ่ยแผ่วเบา ราวกับว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่ภายในใจ

“หึ! นี่หาใช่ความผิดของเจ้า” เขากัดฟันกรอดตอบออกมา

ยามนี้ภายในใจของโม่เหยียนซวี่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่ปะทุขึ้นรุนแรงราวจะเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้ สตรีผู้นั้น…นางกล้าดียิ่งนักไม่เพียงแต่ย่างเท้ากลับมาจวนหน้าตาเฉย ยังบังอาจอวดดีแสดงอำนาจเหนือผู้ใดในฐานะภรรยาพระราชทาน

นางคิดหรือว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้งั้นรึ!?

สายตาคมกริบแข็งกร้าวฉายแววกราดเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน เสมือนกับพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งในพริบตาเดียว

“…”

ไป๋หรูอี๋มองสามีตาปริบๆ พอเห็นท่าทีขุ่นเคืองของเขา…ยิ่งเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะเพราะมาจากสตรีอีกผู้หนึ่ง ภายในใจของนางก็พลันพลุ่งพล่าน ความกลายเป็นความไม่พอใจ

นางเม้มริมฝีปากแน่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานเจือความน้อยใจ ทว่ายังไม่วายแฝงความประชดประชันไว้ในถ้อยคำ “ช่างเถิด…อย่างไรพี่หญิงก็คือภรรยาที่ได้รับราชโองการสมรสอย่างถูกต้องเทียบกับข้านั้น ผู้ที่มีเพียงฐานะนางโลมต่ำต้อย จะมีสิทธิ์อะไรไปเทียบเคียงนางได้เล่า”

“หรูอี๋…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา

โม่เหยียนซวี่ได้ยินถ้อยคำประชดประชันของไป๋หรูอี๋แล้วก็พลันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดวงตาคมทอดมองสตรีตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

เขาเข้าใจความรู้สึกของนางดี…

แม้เรือนหลังนี้จะเป็นที่ที่นางอาศัยอยู่มานาน ข้าวของทุกชิ้นล้วนเป็นของนาง ไม่เว้นแม้แต่ม่านหน้าต่างหรือตลับเครื่องหอมตรงหัวเตียงทว่าทั้งหมดนั้น…ก็ยังมิใช่ที่ของนาง

โม่เหยียนซวี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักอึ้ง

เขาเอ่ยเสียงเรียบและแผ่วเบา ราวกับกำลังปลอบใจนาง “ด้านหลังจวน…ยังมีที่ว่างอยู่ ข้าจะให้คนสร้างเรือนใหม่ให้เจ้าและจะเรือนใหม่ทั้งยังงดงามที่สุดในจวนนี้”

“หลังจวน…” ไป๋หรูอี๋ทวนคำเบา ๆ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย

หลังจวนหรือ…!?

ที่ซึ่งไกลห่างจากเรือนหลัก ไกลห่างจากสายตาผู้คน…

หึ! เช่นนั้นแล้ว นางก็มีฐานะอันใดไม่ต่างจากสตรีหลังจวนไร้ศักดิ์ศรีผู้หนึ่งกัน

มือทั้งสองข้างของไป๋หรูอี๋กำแน่นจนปลายนิ้วเริ่มซีดขาว ขณะที่นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่เคยหม่นหมองค่อยๆ แข็งกร้าวขึ้นทีละน้อยด้วยความโกรธและไม่พอใจ

นางหัวเราะเยาะออกมาเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ…”

ไป๋หรูอี๋เงยหน้าขึ้น สบตาบุรุษตรงหน้าอย่างช้าๆ น้ำเสียงหวานพลางเอื้อนเอ่ยเรียบเย็นจนแทบไม่หลงเหลือความอ่อนโยน “เพราะยามนี้ข้าหาได้อุ้มท้องทายาทสกุลโม่แล้ว ท่านจึงจะสร้างเรือนใหม่ให้ข้าอยู่หลังจวนให้ห่างไกลจากนางและห่างไกลจากท่านด้วยใช่หรือไม่ โม่เหยียนซวี่”

เหตุใดนางถึงคิดเช่นนี้กัน…!?

โม่เหยียนซวี่ชะงักเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึมลงอย่างชัดเจน “ข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น…”

“แต่ความหมายของท่านคือเช่นนั้น”

ไป๋หรูอี๋เอ่ยตัดบทด้วยท่าทางเจ็บปวดทว่าสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “เมื่อพี่หญิงกลับมาแล้ว ท่านจึงเริ่มผลักไสข้าไปอยู่ด้านหลัง ถึงแม้จะให้เรือนงามขนาดใดก็ช่างเถิด…ข้ารู้ดีว่าที่นี่มิใช่ของข้าอีกตั้งแต่แรก”

เดิมที…นางเป็นเพียงหญิงคณิกาอยู่ในหอนางโลมโคมเขียวเท่านั้น ทว่าโชคชะตากลับพลิกผันอย่างไม่คาดคิด…เมื่อความงามของนางพลันไปต้องตาต้องใจแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งเข้าโดยบังเอิญ

วาสนาลอยมาถึงตรงหน้า เช่นนั้นนางจะไม่รีบคว้าเอาไว้ได้อย่างไรกัน?

ดูเหมือนสวรรค์และทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นใจให้กับนาง…

วันที่นางก้าวเข้าสู่จวนสกุลโม่ ทุกอย่างราบรื่นราวกับคลื่นในฤดูใบไม้ผลิ

มิหนำซ้ำ ภรรยาของโม่เหยียนซวี่ยังมีปัญหากับเขาและแม่สามีอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้…ไป๋หรูอี๋จะไม่ฉวยโอกาสสาดน้ำมันใส่กองเพลิงที่ลุกไหม้อยู่แล้วได้อย่างไรกัน

แต่พอขจัดเซินลี่ฮวาออกพ้นทางไปได้ก็น่าจะหมดสิ้นหนามตำใจเสียที ทว่ากลับยังมีหญิงชราผู้นั้นคิดจะใช้มือนางเป็นเครื่องมือกำจัดอีกฝ่าย พอทำสำเร็จแล้วกลับหันมาตั้งแง่คิดเป็นศัตรูกับนางเสียเอง

ไป๋หรูอี๋ถึงกับต้องเหนื่อยสองครา…กำจัดหนึ่งไปและยังต้องมารบรากับอีกหนึ่ง

แม้สามารถกำจัดเซินลี่ฮวาออกไปได้อย่างแนบเนียนไร้ร่องรอย หากแต่หญิงเฒ่าชรายังปักหลักอยู่ในเรือนไม่ไปไหน นางจึงจำต้องเสียเวลาเกือบสองปีเต็มเพื่อผลักอีกฝ่ายออกจากจวนโดยไม่มีผู้ใดสงสัย

เมื่อคิดว่าเส้นทางเบื้องหน้าช่างราบรื่น แผนการตั้งครรภ์เพื่อกุมอำนาจในจวนก็เริ่มต้นขึ้น ทว่าราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งหรือไม่ก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัด…นางแท้งบุตรไปอย่างไร้ซึ่งสาเหตุ

ขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว เซินลี่ฮวากลับหวนคืนมาจวนอีกครั้ง พร้อมกับความมุ่งมั่นจะแย่งชิงทุกสิ่งที่นางเคยได้มาไปจนหมดสิ้น

แล้วจะให้นางเสแสร้งยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ราวกับคนเสียสติได้อย่างไรกัน!?

ไป๋หรูอี๋แค่นเสียงเอ่ย “ข้าก็แค่นางโลมผู้หนึ่ง…เมื่อฝันจบลง ก็ต้องรู้จักตื่นเสียที”

โม่เหยียนซวี่รีบคว้าร่างบางเข้ามากอดแนบอกทันที ราวกับว่าต้องการส่งต่อความจริงใจทั้งหมดให้นางรับรู้

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยความหนักแน่น “ไป๋หรูอี๋…ตอนนี้เจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริงของข้า อดทนอีกสักนิดเถิด ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นสตรีสูงศักดิ์เหนือกว่าผู้ใดในจวนนี้”

เรื่องหย่ากับเซินลี่ฮวาไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าก็หาใช่เป็นไปไม่ได

หากต้องแลกกับการรักษาไป๋หรูอี๋เอาไว้…เขายอมก้าวเท้าเข้าสู่วังหลวงเพื่อทูลขอหย่าแม้จะต้องแลกกับการถูกลงโทษก็ตาม

ไป๋หรูอี๋มีหรือจะยอมอ่อนให้โดยง่าย ดวงตาคู่งามแดงก่ำ น้ำเสียงแฝงแววเจ็บช้ำแข็งกร้าวนัก “อดทนรึ…ท่านจะให้ข้ารออีกนานเพียงใดกัน โม่เหยียนซวี่…ข้ายอมลดตัวลงมาขนาดนี้ก็เพียงเพื่อท่านแต่กลับต้องถูกพี่หญิงเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าจะรักษาหน้าตนเองไว้อย่างไรได้อีกเล่า”

นี่เป็นความผิดของเขา…

โม่เหยียนซวี่ได้ยินแล้วหัวใจกระตุกก่อนจะค่อยๆ บีบรัดแน่นจนปวดหนึบคล้ายหายใจไม่ออก “ข้าขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา “ข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้าต้องอดทนมานานถึงเพียงนี้”

เขาโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตบนหน้าผากนางเบาๆ ด้วยความรักใคร่

“…” นางมิได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา เพียงนิ่งเงียบอยู่ในอ้อมกอดของเขา ปล่อยให้บุรุษตรงหน้าทำตามใจตนเอง

ยิ่งเห็นว่านางเงียบงันเช่นนี้ ภายในใจของโม่เหยียนซวี่ก็ยิ่งปั่นป่วนราวคลื่นพายุโหมกระหน่ำยากจะควบคุม เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังปนร้อนรน “พูดอันใดสักอย่างเถอะ…อย่าเงียบเช่นนี้ ข้ารู้สึกไม่ดี ไป๋หรูอี๋”

นางขยับตัวออกห่างช้าๆ แล้วพลิกกายนอนหันหลังให้อย่างเฉยชาราวกับไม่ต้องการพบหน้าเขาอีก “ไปจัดการเรื่องของท่านให้เรียบร้อยเถอะโม่เหยียนซวี่…ยามนี้ข้าเหนื่อยนักอยากจะพักผ่อนเพียงลำพัง”

 

ปลายยามซวี (เวลา 19.00 – 21.00 น.)

เซินลี่ฮวายืนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอยู่นานครู่หนึ่ง ดวงตาคู่งามเหม่อลอยราวกำลังจมอยู่ในความคิดบางอย่าง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีแสงไฟสว่างวาบไปทั่วทั้งหลัง

มุมปากของนางค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา

หึ! เกรงว่าปานนี้โม่เหยียนซวี่คงกำลังเฝ้าปรนนิบัติและคอยเอาใจไป๋หรูอี๋อยู่กระมัง เกรงว่าหากวันใดไร้เงาของสตรีผู้นั้น…นางก็อยากรู้เหมือนกันว่า เขาจะยังเหลือลมหายใจอยู่หรือไม่!?

ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ผิงอันเหลือบตามองผู้เป็นนายอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าลังเลคล้ายอยากพูดบางสิ่งแต่ก็อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบออกมาเสียงเบา “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน”

เซินลี่ฮวาชะงักเล็กน้อย นัยน์ตาเมล็ดซิ่งยังคงเพ่งมองเรือนหลังนั้นอย่างไม่ลดละก่อนจะหัวเราะเย็นๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ

“หึ...แน่ใจหรือว่าสะอาดแล้ว”

ผิงอันพยักหน้าหงึกๆ พร้อมตอบเสียงหนักแน่น “เจ้าค่ะ…บ่าวทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างเรียบร้อยแน่นอน”

เซินลี่ฮวาแค่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “ช่างเถิด…พรุ่งนี้ข้าคงต้องไปหาช่างไม้ให้มาทำเตียงใหม่เสียแล้ว”

วันนี้นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที แม้ไม่อยากนอนซ้ำรอยกับสตรีผู้นั้นแต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในยามนี้

เซินลี่ฮวาเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความรังเกียจ “หรือว่า...เจ้าจะจัดห้องรับแขกให้ข้าได้หรือไม่”

ผิงอันชะงักเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดมุ่นสีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง “บ่าวจะลองไปดูอีกทีเจ้าค่ะ…หากยังมีห้องรับแขกว่างอยู่จะรีบจัดเตรียมให้ฮูหยินโดยเร็วเจ้าค่ะ”

เซินลี่ฮวาละสายตาจากตรงหน้าก่อนจะเหลือบตามองสาวใช้ข้างกายด้วยสายตาเรียบนิ่ง นางกระตุกยิ้มจางๆ “หรือว่าที่เรือนหลังนั้นเต็มแน่นไปด้วยคนของนางแล้ว”

“…” ผิงอันกระพริบตาปริบๆ นางก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน

“หากมีคนของสตรีผู้นั้นก็ขับไล่ออกไปให้หมดซะ หากยังขืนขัดไม่ฟังก็บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า” น้ำเสียงของเซินลี่ฮวาเรียบเฉย ทว่ามุมปากกลับค่อยๆ เหยียดยิ้มร้ายขึ้นมา

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฮูหยินกลับมาแล้ว   ๖ ปะทะคารม

    ยามเฉิน (เวลา 07.00 – 09.00 น.)บรรยากาศภายในจวนเริ่มตึงเครียดจนสัมผัสได้ เหล่าบ่าวรับใช้พากันหวาดหวั่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงคนผู้หนึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใจร้อนดั่งเปลวเพลิง เย็นชาเหมือนสายน้ำเอาแน่เอานอนไม่ได้และแปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนฤดู…ส่วนอีกคนก็หาได้ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย ดูแข็งกร้าวราว เกรงว่าต่อให้มีคมดาบจ่อคอก็ไม่คิดจะถอยกระมังพวกบ่าวได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากอย่างหวาดหวั่น คาดว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ต่างจึงรีบพากันตรงดิ่งไปยังเรือนหลัก หวังว่าภรรยาอีกคนของนายท่านจะช่วยห้ามทัพได้บ้าง!ทว่าตอนเช้าเช่นนี้ ไหนเลยไป๋หรูอี๋จะลืมตาตื่นได้หากยังไม่มีแสงอาทิตย์สาดลงกลางหัวเสียก่อน…นางกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงแต่กลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ไม่หยุด ราวกับว่าหากไม่ตื่นขึ้นมาเปิด…เสียงเคาะนั่นก็คงไม่เลิกราไปง่ายๆไป๋หรูอี๋ลืมตาขึ้นอย่างหงุดหงิดแท้จริงแล้วไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนักหนา แต่ในความคิดของนาง…หากไม่มีใครตายก็คงไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะปลุกนางให้ตื่นในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ได้แน่!ไป๋หรูอี๋สะบัดผ้าห่มลุกขึ้นด้วย

  • ฮูหยินกลับมาแล้ว   ๕ นิสัยอันธพาล

    แม้ว่า เซินลี่ฮวาจะได้รับพระราชทานสมรสจากฝ่าบาทให้แต่งกับโม่เหยียนซวี่…ทว่าก็มิใช่ว่านางจะต่ำต้อยหรือไร้ศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ว่ากันตามตรงแล้ว เซินลี่ฮวานับเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้มีฐานะสูงส่งอีกทั้งยังเพียบพร้อมในทุกด้านนางหาใช่สตรีสามัญธรรมดาไม่…แต่กลับเป็นคุณหนูแห่งตระกูลสูงศักดิ์โดยแท้มิหนำซ้ำด้วยสถานะของเซินลี่ฮวา ไม่เพียงแค่เป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่ในราชสำนัก..นางยังเป็นหลานสาวของพระสนมในวังหลวงอีกด้วยยังจะมีผู้ใดกล้าหมิ่นเกียรติได้ง่ายๆเพียงเพราะโม่เหยียนซวี่หาได้มีใจรักใคร่ต่อนางอย่างลึกล้ำ เขาจึงหันไปคว้าสตรีต่ำต้อยจากหอนางโลมข้ามหน้าข้ามตานางไป ไม่สนใจไยดีและไม่แม้แต่จะเห็นความไม่ยุติธรรมที่นางได้รับหึ! ยามนี้มารดากลับมาสะสางความแค้นแล้วหากเขาคิดจะผลักไสนางเช่นนี้…ก็อย่าได้หวังว่านางจะยอมหลีกทางให้อีกต่อไป!“คิดจะทิ้งนางเพื่อไปยกย่องสตรีใดก็เชิญเถิด...แต่อย่าได้หวังว่าจะได้ครอบครองความสงบสุขไปตลอด”ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มอย่างเยือกเย็นแฝงความเจ้าเล่ห์ฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด แม้แต่เถ้าแก่โรงไม้มองเห็นแล้วยังต้องสะดุ้งและกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบากเหตุใดเพียงแค่มองแวบเดียว

  • ฮูหยินกลับมาแล้ว   ๔ ไป๋หรูอี๋

    วันนี้เพียงแค่ฮูหยินใหญ่กลับมาถึงจวนได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ทว่าทุกสิ่งภายในจวนสกุลโม่กลับแปรเปลี่ยนไปราวกับผ่านไปนานนับสิบปีโม่เหยียนซวี่ค่อยๆ ประคองร่างของไป๋หรูอี๋วางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาก้มตัวถอดรองเท้าให้นางด้วยมือของตนเองก่อนจะจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงยกผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีทะนุถนอมราวกับกลัวว่านางเจ็บระบมไป๋หรูอี๋ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าแขนเขาไว้ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่หม่นแสงเงยขึ้นสบสายตาบุรุษตรงหน้าอย่างสงสาร“เป็นความผิดของข้าเอง…” น้ำเสียงเอ่ยแผ่วเบา ราวกับว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่ภายในใจ“หึ! นี่หาใช่ความผิดของเจ้า” เขากัดฟันกรอดตอบออกมายามนี้ภายในใจของโม่เหยียนซวี่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่ปะทุขึ้นรุนแรงราวจะเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้ สตรีผู้นั้น…นางกล้าดียิ่งนักไม่เพียงแต่ย่างเท้ากลับมาจวนหน้าตาเฉย ยังบังอาจอวดดีแสดงอำนาจเหนือผู้ใดในฐานะภรรยาพระราชทานนางคิดหรือว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้งั้นรึ!?สายตาคมกริบแข็งกร้าวฉายแววกราดเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน เสมือนกับพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งในพริบตาเดียว“…”ไป๋หรูอี๋มองสามีตาปริบๆ พอเห็นท่าที

  • ฮูหยินกลับมาแล้ว   ๓ วันวานขมขื่น

    บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ…ความอึดอัดแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วบริเวณเซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง ดวงตาคู่งามหลุบมองสตรีผู้นั้นเพียงครู่ก่อนจะหันกลับมาสบตากับบุรุษตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดหลบเลี่ยงนางเอ่ยเสียงหวาน “วันนี้ข้าเดินทางไกลนัก…ยามนี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยรีบจัดเตรียมเรือนนอนให้มารดาพักผ่อนเสีย”โม่เหยียนซวี่แค่นเสียงในลำคออย่างดูแคลน ดวงตาคมกริบเพ่งมองนางตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว “หึ! รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน…เซินลี่ฮวา”ไฉนเลยเข้าจะรู้…ว่าสตรีผู้นี้กลับมาเพราะเหตุใด แล้วยังมีหน้ามาก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อีก!“กลับไป…ข้าควรกลับไปที่ใดหรือสามี” นางเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ ใบหน้าคนงามเรียบเฉยไร้ความเกรงกลัวใดๆ“เซินลี่ฮวา! เจ้ามิสิทธิ์กลับมาเหยียบที่นี่อีก ตั้งแต่วันนั้น…เมื่อสามปีก่อน!” น้ำเสียงทุ้มตะคอกก้องดังลั่นไปทั่วด้วยความไม่พอใจที่พลุ่งพล่านอยู่คะบอกจนยากเกินจะควบคุมเซินลี่ฮวาได้ยินแล้วพลางหัวเราะเบา ๆเหอะ!...บุรุษผู้นี้โง่เขลาถึงเพียงนี้เชียวหรือ“ข้าเป็นภรรยาที่ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้…มิอาจหย่าขาดได้ตามใจ” นางกล่

  • ฮูหยินกลับมาแล้ว   ๒ ฮูหยินไร้ค่า

    หากเป็นเมื่อสามปีก่อน เซินลี่ฮวาคงมิได้มีความกล้าเท่านี้ เพียงแค่อีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่...หยาดน้ำตาใสก็พลันไหลรินอาบแก้มทันทีเซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างไร้ความเกรงกลัว นางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง พร้อมกับในอกที่รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ทว่าหาใช่เพราะความหวาดกลัว...แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาดต่างหากหลังจากที่โม่เหยียนซวี่ไล่นางออกจากจวนไปแล้ว เขาจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสตรีผู้นั้นอย่างมีความสุข...โดยไม่รู้สึกผิดใดเลยเชียวหรือ!?หึ...นางอยากเห็นนักว่าเขาจะทำหน้าเช่นไร เมื่อภรรยาที่เคยขับไล่ราวกับสิ่งไร้ค่ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง!พอนึกแล้ว…เซินลี่ฮวาหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์“รีบไปกันเถอะผิงอัน…ข้าคิดถึงสามียิ่งนัก”เดิมทีบรรยากาศยามนี้ก็มืดครึ้มด้วยหมอกเมฆตั้งเค้าราวกับพายุใหญ่กำลังจะกระหน่ำลงมา ทว่าดูเหมือนว่า...จวนสกุลโม่คงเผชิญเข้ากับพายุลูกใหญ่เข้าให้จริงๆ แล้วเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าจวน ต่างจับจ้องแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่ที่กำลังย่างเท้าเข้าไปด้านใน…บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยความตึงเครียด แล้วรีบแซงหน้าอีกฝ่ายไปอย่างร้อนรนอย่

  • ฮูหยินกลับมาแล้ว   ๑ ข้ากลับมาแล้ว

    วันนี้ตลอดทั้งวันท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสาดส่องไปทั่วบริเวณจนร้อนอบอ้าวแต่เพียงชั่วพริบตาเมื่อยามพลบค่ำ เมฆฝนเริ่มตั้งเค้า ท้องฟ้ามืดมิดสนิทราวกับพายุกำลังจะพัดพาฝนห่าใหญ่มาสาดกระหน่ำสายลมแรงพัดกระหน่ำจนทุกสิ่งจนปลิวว่อน เสียงลากล้อรถม้าค่อยๆ ลากตามพื้นมาดัง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ อย่างน่าหวาดกลัวจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูจวนสกุลโม่สาวใช้พลางเร่งรีบลงจากลงม้าก่อนจะยื่นมือออกไปประคองผู้เป็นนายหญิงอย่างรวดเร็วเซินลี่ฮวาในชุดผ้าไหมสีครามเข้มประดับด้วยลวดลายดอกเหมย นางก้าวลงจากเกี้ยวอย่างเชื่องช้าและระมัดระวังโดยมีสาวใช้คอยประคองเอาไว้สตรีที่ถูกสามีทอดทิ้ง ไฉนคิดว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกใบหน้าของนางเรียบเฉยไร้อารมณ์ฉายออกมาแต่ดวงตาคู่งามกลับสื่อความรู้สึกลึกซึ้งถึงอดีตที่ปวดร้าวและความโกรธที่รอวันสะสางเอาคืนหึ! สามีที่ดีไหนเลยจะทอดทิ้งภรรยาแล้วยกย่องสตรีอื่นทันทีที่ได้เห็น คนงานชายเฝ้าหน้าประตูพลางเบิกตาโพลงกว้างทันที ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังเห็นผีก็ไม่ปาน“นั่นคือฮูหยิน...ภรรยาของแม่ทัพโม่ใช่หรือไม่”เมื่อสาวใช้ของเซินลี่ฮวาได้ฟังแล้ว ผิงอันพลางหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาขวางทันที นางส่งเสียงฮึดฮ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status