จูเกอกำมือแน่น แต่ก็ตัดใจไม่ตำหนิคำพูดไร้เยื่อใยของภรรยา แต่สายตายังจับจ้องไปที่ลูกสาวคนรอง
“เจ้ายังอยากกินไก่นึ่งอยู่ไหมอ้ายเหม่ย”
“อยาก ไม่อยากแล้วท่านพ่อ” นางรีบพลิกลิ้นอย่างเร็ว
“ถ้าอยากบิดาของเจ้าคนนี้จะไปทำให้เอง”
“ข้าทำให้นางเองก็ได้อาเกอ” จูอินรีบอาสา
“ถ้าเจ้าว่างนักก็ไปช่วยนวดแป้งดีกว่า งานที่ร้านเยอะจนทำแทบไม่ทัน ได้คนช่วยเพิ่มอีกสักคนสองคนก็จะเบาแรงไปอีกมาก” เขาใช้สายตาเหนื่อยล้าตำหนิภรรยาก่อนจะหันไปทางลูกสาว “ว่าไงอ้ายเหม่ย อยากหรือไม่อยากกันแน่”
“ข้ากินปลาก็ได้เจ้าค่ะ” แล้วรีบหยิบตะเกียบคีบเนื้อปลามากิน
“รีบกิน กินเสร็จก็ไปช่วยขายของที่หน้าร้าน อย่าทำตัวเป็นลูกคุณหนู เพราะเจ้าเป็นแค่ลูกพ่อค้า” พูดจบเขาก็เดินจากไปทันที ในเมื่อภรรยาใจร้ายกับลูกสาวของนางนัก เขาก็ควรจะเข้มงวดกับลูกสาวของเขาบ้าง
“ท่านแม่” อ้ายเหม่ยทำหน้าจะร้องไห้ใส่มารดา
“รีบ ๆ กินเถิด วันนี้แม่ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว ทางที่ดีอย่าให้พ่อเจ้าโกรธดีกว่า” จูอินรีบแกะเนื้อปลาใส่ถ้วยข้าวให้ลูกสาว
แม่ลูกต่างรู้ดีว่าพวกนางทำให้บุรุษที่ชื่อจูเกอไม่พอใจมาก ทางที่ดีควรทำตัวสงบเสงี่ยม
คฤหาสน์สกุลเติ้ง
“นายท่าน”
บุรุษที่กวัดแกว่งกระบี่คู่ใจอยู่ที่ลานฝึกยุติการฝึก แล้วปากระบี่เข้าฝักอย่างแม่นยำ
“ไปจัดการเรื่องของนางให้เรียบร้อย” พูดจบก็เดินจากไป
“ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านมองเจ้านายที่เดินจากไป
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เข้าสู่ปีที่สิบแปดแล้ว ปีแรกเขาแทบจะนอนเป็นผักอยู่บนเตียง ปีที่สองและสามเริ่มฝึกเดิน แม้จะยากลำบากเพียงใดแต่เขาก็ไม่เคยถอดใจ รักษาตัวจนดีขึ้นเกือบเป็นปกติ
แม้จะเดินกะเผลกอยู่บ้าง แม้ในบางช่วงที่อากาศเย็นจัดจะมีอาการเจ็บปวด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต เท่านี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
สามวันต่อมา
คฤหาสน์สกุลเติ้ง
จูเกอคารวะพ่อบ้านโปที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านพ่อบ้านสบายดีหรือ”
“ข้าสบายดี เชิญนั่ง ๆ แล้วเถ้าแก่จูเล่า ช่วงนี้ได้ข่าวว่าขายดี ทำขายแทบไม่ทัน อย่ามัวแต่หาเงินจนลืมพักผ่อน”
จูเกอหัวเราะ “ข้าก็ทำเท่าเดิมนั่นแหละท่านพ่อบ้าน ขายหมดก็ปิดร้าน ท่านพ่อบ้านเรียกข้ามาพบมีเรื่องอันใดหรือ ซาลาเปาของข้ามีปัญหาหรืออยากสั่งเพิ่มไปเป็นของฝาก”
พ่อบ้านโปหัวเราะ มองไปที่มุมหนึ่ง เห็นตรงนั้นยังว่างเปล่าก็หาเรื่องประวิงเวลา รินน้ำชาให้อีกฝ่าย
“ดื่มชาให้ชื่นใจก่อนแล้วค่อยคุยกัน ท่านเติ้งได้ลองเกี๊ยวนึ่งของร้านท่านแล้วนะ แป้งเกี๊ยวบาง ไส้เกี๊ยวแน่น ชมไม่ขาดปากว่าอร่อยมาก อร่อยกว่าในครัวทำอีก”
“ขอแค่ถูกปากท่านเติ้ง ข้าก็สามารถทำขายได้อย่างภูมิใจแล้ว”
“จะว่าไปของพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับการนวดแป้ง นวดไส้ด้วยกระมัง”
“ขอรับ”
“ว่าแต่ลูกสาวคนโตของท่านสบายดีไหม เจอกันเมื่อหลายวันก่อนก็ไม่ได้เจอนางอีกเลย”
“นางสบายดีท่านพ่อบ้าน”
“วันนั้นที่นางมาส่งซาลาเปาข้าติดธุระสำคัญ ลืมบอกกับบ่าวรับใช้เอาไว้ จึงจ่ายเงินให้นางช้าไปมาก หวังว่าท่านจะไม่ตำหนินาง”
คำพูดของท่านพ่อบ้านทำให้จูเกออึดอัดในใจ คงเป็นวันที่นางโดนภรรยาตำหนิที่โต๊ะอาหารวันนั้น แต่ก็หัวเราะกลบเกลื่อน
“ไม่หรอกขอรับ”
“นางเป็นเด็กอัธยาศัยดีนะ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ แล้วก็คงขยันทีเดียว เจอทีไรเนื้อตัวก็มีแต่กลิ่นแป้ง”
“ขอรับ ถ้านางได้เรียนหนังสือ ได้แต่งตัวดี ๆ เหมือนน้องสาวของนาง ป่านนี้คงได้ออกเรือนกับครอบครัวที่ดีไปแล้ว” จูเกอละลายแก่ใจมาก และเผลอระบายความในใจออกไป
แต่ต่อให้ไม่พูด ทุกคนในละแวกนี้ก็ล้วนรู้เรื่องของครอบครัวเขาทั้งสิ้น เพราะภรรยาของเขาแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ารักลูกลำเอียง
“ท่านก็คิดถึงเรื่องให้นางออกเรือนเหมือนกันหรือ ข้าคิดว่าท่านอยากให้นางอยู่ช่วยงานที่บ้านไปอีกสักพัก”
“ขอสารภาพกับท่านพ่อบ้านตามตรง ข้าอยากให้นางออกเรือนไปเสียเดี๋ยวนี้ อยากให้นางไปสร้างครอบครัว ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง”
“แล้วมีบุรุษสกุลไหนอยู่ในใจบ้างไหม”
เขาส่ายหน้า “ข้าก็รอให้แม่สื่อมาทาบทามอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีใครมาเจรจาสักคน นางก็หน้าตาดีปานนั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงถูกมองข้ามกันนะ”
แฮ่ม ๆ พ่อบ้านกระแอมเบา ๆ แล้วจิบน้ำชา.. แม่สื่อคนไหนจะกล้าไปเจรจาเล่า ก็เพราะพวกนางล้วนโดนซื้อตัวไว้หมดแล้ว คำพูดแบบไหนที่ควรพูดก็ถูกกำชับไว้อย่างละเอียด
ถ้าไม่ทำแบบนี้นางคงถูกจับคู่ไปสี่ห้าคนแล้ว
“ปีนี้นางก็สิบแปดแล้วสินะ”
“ใช่”
“เถ้าแก่จู..”
“ขอรับ” จูเกอมองใบหน้าที่ครุ่นคิดของพ่อบ้าน เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงอยากพูดเรื่องความลำเอียงของภรรยา “ท่านพ่อบ้านมีอะไรอยากพูดกับข้าหรือ เชิญพูดมาเถิด เรารู้จักกันมาหลายปี ข้ายินดีรับฟัง”
“ท่านจะว่าอย่างไร ถ้าข้าอยากจะสู่ขอนาง”
คิ้วเข้มขมวด สีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “หมายถึงซินซินของข้าหรือ”
“ใช่”
“ท่านมีลูกชายที่ยังไม่แต่งงานด้วยหรือ”
“เดี๋ยวก่อน ๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้จะสู่ขอนางให้ลูกชายของข้าหรอกนะ”
จูเกอหน้าเสีย ใจสั่นด้วยความไม่สบายใจไปล่วงหน้า
“ท่านจะสู่ขอนางมาเป็นอนุของท่านหรือ!”
“ไม่ใช่ ๆ ท่านเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” พ่อบ้านปฏิเสธเสียงสูง รีบหันไปมองที่ด้านหนึ่ง ใจหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อเห็นคนที่จ้องเขม็งอยู่ตรงนั้น “ข้าจะสู่ขอนางมาเป็นนายหญิงของข้าต่างหากเล่า หมายถึงให้มาเป็นฮูหยินของท่านเติ้ง”
“หา!!”
“เถ้าแก่จู!” พ่อบ้านรีบเข้าไปช่วยประคองคนที่ทำท่าจะเป็นลม “ใครก็ได้หยิบกล่องยามาหน่อย!”
ทุกคนในสกุลไป๋มองบุรุษรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าเปี่ยมด้วยอำนาจน่าเกรงขามที่ก้าวลงจากรถม้า แล้วหันไปอุ้มสตรีรูปร่างบอบบางอรชร ไม่ยอมให้นางเดินลงมาเองด้วยความรู้สึกยากจะบรรยายผู้เฒ่าไป๋ แม่เฒ่าไป๋ ไป๋ซุนหยา ต่างน้ำตาซึมกับภาพตรงหน้า รู้สึกได้ถึงความรัก ความเอาใจใส่ที่หลานเขยมีต่อหลานสาวของพวกเขา“ท่านผู้เฒ่า แม่เฒ่า” ลุงโปคารวะผู้เฒ่าทั้งสอง แล้วรับการคารวะกลับจากคนอื่น ๆ ของสกุลไป๋ “ไม่ได้เจอกันนานแต่พวกท่านก็ยังดูแข็งแรงกันมาก”“ท่านก็เช่นกัน” ผู้เฒ่าไป๋ทักทายกลับ แล้วมองไปที่สตรีที่ถูกสามีเดินโอบเข้ามาหาพ่อบ้านโปถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ เพื่อเปิดทางให้เจ้านาย“คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าเติ้งอี้เทียน วันนี้พาไป๋ซินซิน หลานสาวของพวกท่านกลับมาหาพวกท่านแล้ว” เขาพูดแทนภรรยาที่ตอนนี้น้ำตาคลอเต็มเบ้าตาไปแล้วไป๋ซินซินปาดน้ำตาทั้งรอยยิ้ม มองปู่ ย่า และลุงของตัวเอง น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มนางคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา แล้วหมอบคำนับลงกับพื้น“ไป๋ซินซิน..คารวะท่านปู่..ท่านย่า..ท่านลุง..ป้าสะใภ้..ฮือ ๆ ๆ ฮึก ๆ ๆ” พูดไปร้องไห้ไปด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้นไปด้วยความยินดี“อาซิน” แม่เฒ่าไป๋คือคนแรกที่เดิ
เติ้งอี้เทียนมองภรรยาข้างกาย เห็นถ้วยชาว่างเปล่าก็รีบรินน้ำชาให้“ฮูหยินหมี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องลูกข้าไม่รีบ” แล้วหยิบขนมตั้งใจจะป้อนใส่ปากให้ภรรยาได้ชิม“อ๊วก!”“เป็นอะไร” เขาตกใจ ไม่คิดว่านางแกล้งทำ เพราะมันไม่ใช่นิสัยของนาง“อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดี หน้ามืด รู้สึกแปลก ๆ อยากอาเจียน” กระซิบบอกสามีเสียงเบาเพราะเกรงใจคนอื่น“ให้ข้าตรวจดูหน่อย บางทีอาจจะเพราะเดินทางไกลแรมเดือน เจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปมาก็ทำให้ชี่พร่องได้” ฮูหยินซ่งรีบเสนอตัวกับเติ้งชิงฮวา“เจ้าสอง ให้ฮูหยินซ่งตรวจดูเมียเจ้าสักหน่อยเถิด สามีของนางเป็นหมอ นางเองก็เป็นหมอทำคลอดขึ้นชื่อ มีความรู้เรื่องแพทย์ดีทีเดียว ถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้รีบรักษา”“รบกวนท่านแล้ว” เขารีบเปิดทางให้อีกฝ่ายฮูหยินซ่งจับชีพจรที่ข้อมือของไป๋ซินซิน ไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา“ไม่ต้องห่วง ๆ นางไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องตกใจ ก็แค่อาการของคนท้องน่ะ”“คุณพระคุณเจ้า!” เติ้งชิงฮวาอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะหันไปหาคนรับใช้ที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง “ข้าจะมีหลานเหมือนคนอื่นเขาแล้ว” แล้วหัวเราะด้วยความดีใจ “ดู ๆ ว่าที่พ่อแม่ตัวแข็งเป็นหินกันไปแล้ว
นายหญิงใหญ่สกุลเติ้งมองเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันมาเกือบสามสิบปี เห็นตั้งแต่นางแต่งเข้าสกุลหมี่ใหม่ ๆนางคลอดลูกชายคนแรกก็ส่งชุดฮั่นฝูที่ตัดเย็บด้วยไหมอวิ๋นเซียงรับขวัญ พอถึงวัยแต่งภรรยาเข้าบ้านก็ยังมอบหวีหยกเหอเถียนเป็นของขวัญนางคลอดหมี่มี่เป็นคนรองก็ส่งกำไลข้อเท้ารับขวัญ เมื่อถึงวันออกเรือนก็ยังมอบปิ่นมุกกับต่างหูเข้าชุดให้เป็นของขวัญทั้งที่ตอนนั้นในใจผิดหวังกับการกระทำของนางกับลูกสาวมาก ที่พอเห็นเจ้าสองบาดเจ็บสาหัส ความสัมพันธ์ก่อนหน้าก็เริ่มจืดจาง.. แรก ๆ ก็ยังมาให้เห็น แต่พอรู้ว่าเจ้าสองเอ็นขาด กระดูกหัก อาจจะกลับมาเดินไม่ได้อีก สองแม่ลูกก็เริ่มหายไปจากสกุลเติ้ง เจอกันอีกทีก็ตอนส่งเทียบเชิญร่วมงานแต่งจะว่าไปแล้ว ลูกทั้งสองคนของนางล้วนเติบโตมาพร้อม ๆ กับเจ้าสองของตน มีหรือที่นางจะไม่เอ็นดู.. แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเจ้าสองไม่มีใจให้หมี่มี่เลยเจ้าสองนั่นก็จิตใจมั่นคงเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร สองแม่ลูกนี้เคยทำอย่างไรไว้เขาย่อมจำขึ้นใจ จากเดิมที่ไม่เคยมีใจให้อยู่แล้ว แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำตามที่มารดาอย่างตนเห็นชอบแต่พอเกิดเรื่องขึ้น ต่อให้ตนเห็นชอบอย่างไรก็ไร้ค่า“พี่ชิงฮวา ทำไมเงีย
หนึ่งเดือนผ่านไปสมาคมหอการค้า“ข้าต้องกลับแล้ว”“ทำไมรีบกลับนักเล่า รอให้จบกระดานก่อนค่อยกลับสิ”“ข้าต้องกลับให้ตรงเวลา เพราะไม่อยากให้เหล่าผอรอนาน นางจะออกมารอรับข้าที่หน้าประตูทุกวันน่ะ”ผู้เฒ่าหูหัวเราะ “นี่ท่านบอกเล่าหรืออยากคุยอวดกับข้ากันแน่ท่านเติ้ง”“ท่านผู้เฒ่าคิดว่าข้าคุยอวดงั้นหรือ” เขาหัวเราะชอบใจเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า “ตามนั้นก็ได้ ข้าขอตัวลา”“เชิญ”คฤหาสน์สกุลเติ้ง“เหล่ากง”เติ้งอี้เทียนกางแขนรอรับร่างบาง ที่รีบเดินจนเกือบเป็นวิ่งเข้ามาหา “อากาศเย็นแบบนี้ยังจะออกมารออีก ทำไมไม่รออยู่ในเรือนเล่า”“ใบไม้ผลิใบแล้ว อากาศไม่เย็นเท่าไหร่แล้ว”“ถึงจะเปลี่ยนฤดูก็ยังเย็นอยู่ดี ออกมาก็ต้องใส่เสื้อคลุมให้เรียบร้อย ถ้าเจ้าป่วยขึ้นมาเราจะเดินทางได้อย่างไร”“ไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก ซินเอ๋อร์ดื่มยาบำรุงตามที่ท่านสั่งทุกวัน” สมุนไพรอะไรที่หมอถานจัดให้ดื่มนางไม่เคยขัด เพื่อเตรียมร่างกายไว้สำหรับการเดินทางไกล ไปพบครอบครัวของบิดาที่เมืองหลวงหลังจากที่ได้ฟังสามีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับบิดาของนาง และเรื่องที่เขาเคยส่งพ่อบ้านโปไปที่บ้านบิดาขณะที่เขายังรักษาตัว เพื่อนำสินน้ำใจไปมอบ
“หยุดก่อน ๆ”เจียวหวงดึงบังเหียนบังคับม้าให้หยุด มองบุรุษรูปร่างใหญ่หนา ไว้หนวดเครายาวรกรุงรัง ดวงตาที่มองมาดูดุดันไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้เกรี้ยวกราดจนน่ากลัว“นี่รถม้าของท่านเติ้งใช่ไหม” บุรุษผู้นั้นถามเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว“ใช่” เจียวหวงตอบไปแล้วก็ใจคอไม่ดีที่ฝ่ายนั้นเดินหน้าตาถมึงทึงเข้ามาหา ถ้าไม่มีเฟิงเมี่ยนอยู่ด้วยเขาคงกระโดดลงจากรถไปแล้วเฟิงเมี่ยนที่นั่งด้านข้างเจียวหวงเตรียมพร้อมจะชักดาบเติ้งอี้เทียนที่นั่งอยู่ภายในรถม้าใช้ไม้เท้าแง้มผ้าม่าน มองออกไปด้วยความอยากรู้“คารวะท่านเติ้ง”เฟิงเมี่ยนมองคนตัวใหญ่ที่ก้มหัวคารวะตน ท่าทางของเขาน่ากลัว แต่การกระทำกลับสวนทาง“ข้าไม่ใช่”“มีอะไรกับข้า” ท่านเติ้งตัวจริงถามเสียงเรียบทรงพลัง เปิดผ้าม่านกว้างขึ้นมองอีกฝ่ายเต็มตาคนตัวใหญ่รีบเปลี่ยนเป้าหมาย “คารวะท่านเติ้ง ข้าชื่อเซียงอู่ ทำงานอยู่ในเรือเดินสมุทรเกือบปีเพิ่งกลับมา จึงรู้ว่าแม่นางซินแต่งงานแก่ท่านแล้ว”เขามองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ “ใช่”ป๊าบ!สามคนบนรถม้าสะดุ้งกับเสียงของฝ่ามือที่ประสานกัน ตามด้วยการชูแขนเขย่าและหัวเราะเสียงดังลั่น“เจ้ากำลังดีใจหรือกำลังคลั่ง” เจียวหวงถามคลายความ
เติ้งชิงฮวาคลี่ยิ้ม เดินไปหาหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มชวนมองนี่นะหรือลูกสาวของบุรุษที่เคยช่วยชีวิตหลานชายของนางเอาไว้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้นี่เอง หลานชายตัวดีถึงไม่ยอมชายตามองสตรีนางใด มุ่งมั่นที่จะแต่งกับนางเพียงคนเดียวให้ได้“เรียกข้าว่าท่านแม่นะ ข้าอยากมีลูกสาวหน้าตาน่ารักแบบเจ้ามานานแล้ว ตอนนี้ข้าก็สมหวังแล้ว”“ขอบคุณท่านแม่ที่เอ็นดูซินเอ๋อร์”ชิงฮวาถอดแหวนหยกคู่สีเขียวกับสีเหลืองจากนิ้วชี้แล้วสวมให้หญิงสาว“ของขวัญต้อนรับลูกสะใภ้ แหวนหยกเขียวจักรพรรดินี้ แม่แท้ ๆ ของเจ้าสองมอบให้ข้าเพื่อส่งต่อให้ลูกสะใภ้คนรองของนาง ส่วนแหวนหยกเหลืองวงนี้เป็นของแม่บุญธรรมคนนี้มอบให้เจ้า แม่สวมให้นะ”หญิงสาวตื้นตันใจในความเมตตาของแม่สามี พยายามจะกลั้นน้ำตาขณะมองนิ้วชี้ทั้งสองข้างที่ถูกสวมด้วยแหวนหยกคนละสี แต่สุดท้ายน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม“ซินเอ๋อร์ขอบคุณท่านแม่” กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปาดน้ำตาที่อาบแก้มเหมือนเด็กน้อยเติ้งอี้เทียนอมยิ้มกับความเจ้าน้ำตาของภรรยา จับชายเสื้อตัวในซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ท่านแม่ทำเหล่าผอของข้าร้องไห้แล้ว”“ซินเอ๋อร์แค่ซาบซึ้งใจมากเก