พ่อบ้านเพียงแต่ส่งยิ้มให้หญิงสาว แล้วรินน้ำชาให้ด้วยตัวเอง
“ดื่มชาสักหน่อย ขนมพวกนี้เมียของข้าเพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ กินให้หมดเลยนะ”
“ขอบคุณลุงโป แต่ข้าต้องรีบกลับไปทำงานแล้ว ข้าขอเก็บเงินค่าอาหารเลยได้ไหม” หญิงสาวไม่กล้าเสียเวลาเพียงเพราะอยากหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่นี่ เพราะกลัวจะโดนมารดาต่อว่าด้วยถ้อยคำบั่นทอนจิตใจอีก
พ่อบ้านมองไปทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคนจากทางนั้นพยักหน้าก็ยอมหยิบเงินส่งให้หญิงสาว
“เจ้าน่าจะกินขนมสักหน่อย เซาปิ่งและชาของที่นี่รสชาติดีที่สุดในเมืองเทียนสินเลยนะ เป็นชาที่ส่งมาจากเมืองหลวงเชียวนะ” พ่อบ้านโปแอบทำท่ากระซิบ
เห็นท่าทางจริงใจของท่านพ่อบ้านนางก็ยกน้ำชาขึ้นมาดื่มจนหมดถ้วย นอกจากชาจะรสชาติดีแล้ว ความร้อนของมันก็กำลังดีทีเดียว สมแล้วที่เป็นชาของบ้านผู้มั่งคั่ง
“ข้าขอเอาเซาปิ่งไปกินระหว่างทางก็แล้วกันนะลุงโป” หยิบขนมหนึ่งชิ้นเพื่อรักษาน้ำใจ
“เอาไปให้หมดเลยสิ เดี๋ยวข้าห่อให้”
“ไม่เป็นไรลุงโป ขนมนี่ชิ้นใหญ่มาก แค่ชิ้นเดียวข้าน่าจะแบ่งกินได้ถึงสามมื้อ ข้าไปก่อนนะลุงโป”
“เจ้ากินน้อยอย่างนี้มิน่าถึงผอมนัก เจอลมแรง ๆ คงจะปลิว ควรกินให้มากอีกหน่อย”
“ข้ากินน้อยจนชินแล้วลุงโป”
คำพูดของหญิงสาวทำให้หัวใจของพ่อบ้านสะท้านไปเล็กน้อย ขนมชิ้นแค่นี้นางต้องเก็บไว้กินถึงสามมื้อเชียวหรือ ขนาดบ่าวรับใช้ที่นี่ยังได้กินมื้อละชิ้น
โอ้หนอ.. ทำไมนางจูถึงใจดำกับลูกสาวคนนี้นัก
เขามองตามหลังร่างระหงโปร่งบาง แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังต่างกับลูกสาวอีกคน คนนั้นใส่เสื้อผ้าเนื้อดี สีสันสดใส เนื้อตัวมีแต่กลิ่นหอมของน้ำดอกไม้ ส่วนคนนี้ใส่เสื้อผ้าสะอาดก็จริง แต่ก็ดูเก่าและเรียบง่าย เนื้อตัวมีแต่กลิ่นของแป้งสาลี
เคร้ง..
หญิงสาวที่เพิ่งเดินพ้นจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์สกุลเติ้งด้วยความเร่งรีบได้ไม่ถึงยี่สิบก้าว หันกลับไปมองทางด้านหลัง..
“ข้าเก็บให้เอง” แล้วรีบวิ่งกลับไปเก็บไม้เท้าที่ตกอยู่บนพื้น ยื่นให้บุรุษรูปร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ จากท่าทางของเขาทำให้นางรู้ว่าเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บที่ขา ทำให้ลำบากในการก้มเก็บไม้เท้าที่ทำร่วง
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร ท่านบาดเจ็บหรือ มีอะไรอยากให้ข้าช่วยไหม” แม้จะรีบแต่นางก็ยังเป็นห่วง แต่ดูจากลักษณะและการแต่งตัวของเขาแล้ว..เขาน่าจะมีบ่าวคอยติดตามสักคนสิ
แล้วทำไม.. ทำไมเขาเอาแต่มองหน้านางเล่า
เร็วเท่าความคิด เท้าของนางรีบถอยห่างจากเขาหลายก้าว อย่างน้อยก็ยังวิ่งหนีทัน
บุรุษผู้ปรากฏตัวพร้อมแผนการ เริ่มรู้สึกตัวว่าทำให้แม่นางน้อยเกิดความกลัว จึงปรับเปลี่ยนท่าทีให้ดูเป็นสุภาพชนมากขึ้น
“ขอบใจแม่นางที่เป็นห่วง ข้ากำลังรอคนของข้าอยู่ เชิญแม่นางตามสบาย”
“เช่นนั้นข้าขอตัว” นางโค้งศีรษะให้เขาแล้วรีบเดินจากไปทันที
ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกเขามองตามด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าประตูคฤหาสน์สกุลเติ้งไป
ร้านซาลาเปาสกุลจู
“ข้าให้เจ้าไปส่งของแค่นี้ เจ้าก็ไปเอ้อระเหยเสียนาน คนขี้เกียจแบบเจ้าข้าควรสั่งสอนอย่างไรดี”
“เปล่านะท่านแม่ ที่ข้าช้าก็เพราะรอเงินจากลุงโปอยู่”
“โกหก ทุกครั้งที่หนี่เอ๋อร์ไปก็ไม่เห็นจะช้าเหมือนเจ้าเลย”
“ข้าเห็นพี่รองกลับมาช้ากว่านางอีก เงินที่ได้ก็กลับมาไม่เคยครบสักครั้ง” จูก่านต้งแย้งคำพูดของมารดาน้ำเสียงราบเรียบ แล้วคีบข้าวใส่ปากต่อเหมือนไม่ได้พูดอะไรออกไป
จูอินมองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ได้แต่อึกอักเพราะคิดคำพูดแก้ตัวให้ลูกสาวคนโปรดไม่ทัน
“เอ๋อร์จื่อ เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว พี่สาวเจ้ากลับช้าก็ขอแม่ก่อนทุกครั้ง เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายพี่เจ้านักเลย”
“ข้าไม่อยากกินแล้ว” เด็กหนุ่มวัยย่างสิบสี่หยิบจานไก่นึ่งแล้วเดินจากไป
“เจ้าจะเอาไก่ไปไหนทั้งจาน ข้ายังกินไม่เสร็จเลยนะ อาต้ง!”
“หนี่เอ๋อร์ลูกรัก ไก่ไม่มีก็กินปลาแทนสิ ปลานี่ของโปรดเจ้าเลยนะ”
“แต่วันนี้ข้าไม่อยากกินปลา ข้าอยากกินไก่ ข้าไม่ยอมนะท่านแม่ ข้าจะกินไก่นึ่ง ท่านต้องไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ลูกรัก เจ้าอย่าเอาแต่ใจนักเลย นั่นน้องชายของเจ้านะ”
“ท่านลำเอียง ท่านรักอาต้งมากกว่าข้า”
“โธ่ลูกรัก แม่จะลำเอียงได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าทั้งสองคนก็เป็นลูกแม่เหมือนกัน”
“ข้าไม่เชื่อ! ถ้าอยากให้ข้าเชื่อก็ไปเอาไก่จานนั้นกลับมาให้ข้าสิ”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูกรัก แม่จะทำให้เจ้าใหม่เดี๋ยวนี้”
“เอะอะโวยวายอะไรกัน เสียงดังไปถึงหน้าร้านแล้ว”
น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่มีความเฉียบขาดทางสายตา ทำให้จูอ้ายเหม่ยรีบทำตัวสำรวม
“ข้าถามได้ยินไหม”
จูอ้ายเหม่ยรีบปรับสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไรหรอกท่านพ่อ ข้าแค่โมโหซินซินนิดหน่อยเท่านั้น”
“..นางทำอะไรเจ้า”
“ข้าแค่อยากกินไก่นึ่ง แต่นางไม่ยอมไปทำให้ข้า”
จูเกอมองหญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงที่ยืนสำรวมอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะอาหาร ก้นบึ้งของหัวใจเขาสุดแสนจะสงสารเห็นใจนางเหลือเกิน แต่ก็ต้องทำเป็นเย็นชาใส่เพราะไม่อยากให้นางถูกแม่แท้ ๆ หาเรื่องจงเกลียดจงชังไปมากกว่านี้
“งานของเจ้าเสร็จแล้วหรืออาซิน”
“ยังเจ้าค่ะ”
“งานยังไม่เสร็จแล้วมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ นางเรียกให้เจ้ามานึ่งไก่ให้หรือ”
“ไม่ใช่ ข้าแค่นำเงินค่าอาหารจากคฤหาสน์ท่านเติ้งมาส่งให้ท่านแม่เจ้าค่ะ”
“งั้นก็รีบกินข้าวแล้วกลับไปทำงานของเจ้าให้เสร็จ”
“งานยังไม่เสร็จอย่ามาเสนอหน้ากินข้าว อย่าทำตัวให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำข้านัก”
“ข้าจะรีบทำให้เสร็จเจ้าค่ะ” ซินซินกล่าวอย่างชินชาแล้วรีบเดินจากไปทันที
ทุกคนในสกุลไป๋มองบุรุษรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าเปี่ยมด้วยอำนาจน่าเกรงขามที่ก้าวลงจากรถม้า แล้วหันไปอุ้มสตรีรูปร่างบอบบางอรชร ไม่ยอมให้นางเดินลงมาเองด้วยความรู้สึกยากจะบรรยายผู้เฒ่าไป๋ แม่เฒ่าไป๋ ไป๋ซุนหยา ต่างน้ำตาซึมกับภาพตรงหน้า รู้สึกได้ถึงความรัก ความเอาใจใส่ที่หลานเขยมีต่อหลานสาวของพวกเขา“ท่านผู้เฒ่า แม่เฒ่า” ลุงโปคารวะผู้เฒ่าทั้งสอง แล้วรับการคารวะกลับจากคนอื่น ๆ ของสกุลไป๋ “ไม่ได้เจอกันนานแต่พวกท่านก็ยังดูแข็งแรงกันมาก”“ท่านก็เช่นกัน” ผู้เฒ่าไป๋ทักทายกลับ แล้วมองไปที่สตรีที่ถูกสามีเดินโอบเข้ามาหาพ่อบ้านโปถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ เพื่อเปิดทางให้เจ้านาย“คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าเติ้งอี้เทียน วันนี้พาไป๋ซินซิน หลานสาวของพวกท่านกลับมาหาพวกท่านแล้ว” เขาพูดแทนภรรยาที่ตอนนี้น้ำตาคลอเต็มเบ้าตาไปแล้วไป๋ซินซินปาดน้ำตาทั้งรอยยิ้ม มองปู่ ย่า และลุงของตัวเอง น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มนางคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา แล้วหมอบคำนับลงกับพื้น“ไป๋ซินซิน..คารวะท่านปู่..ท่านย่า..ท่านลุง..ป้าสะใภ้..ฮือ ๆ ๆ ฮึก ๆ ๆ” พูดไปร้องไห้ไปด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้นไปด้วยความยินดี“อาซิน” แม่เฒ่าไป๋คือคนแรกที่เดิ
เติ้งอี้เทียนมองภรรยาข้างกาย เห็นถ้วยชาว่างเปล่าก็รีบรินน้ำชาให้“ฮูหยินหมี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องลูกข้าไม่รีบ” แล้วหยิบขนมตั้งใจจะป้อนใส่ปากให้ภรรยาได้ชิม“อ๊วก!”“เป็นอะไร” เขาตกใจ ไม่คิดว่านางแกล้งทำ เพราะมันไม่ใช่นิสัยของนาง“อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดี หน้ามืด รู้สึกแปลก ๆ อยากอาเจียน” กระซิบบอกสามีเสียงเบาเพราะเกรงใจคนอื่น“ให้ข้าตรวจดูหน่อย บางทีอาจจะเพราะเดินทางไกลแรมเดือน เจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปมาก็ทำให้ชี่พร่องได้” ฮูหยินซ่งรีบเสนอตัวกับเติ้งชิงฮวา“เจ้าสอง ให้ฮูหยินซ่งตรวจดูเมียเจ้าสักหน่อยเถิด สามีของนางเป็นหมอ นางเองก็เป็นหมอทำคลอดขึ้นชื่อ มีความรู้เรื่องแพทย์ดีทีเดียว ถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้รีบรักษา”“รบกวนท่านแล้ว” เขารีบเปิดทางให้อีกฝ่ายฮูหยินซ่งจับชีพจรที่ข้อมือของไป๋ซินซิน ไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา“ไม่ต้องห่วง ๆ นางไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องตกใจ ก็แค่อาการของคนท้องน่ะ”“คุณพระคุณเจ้า!” เติ้งชิงฮวาอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะหันไปหาคนรับใช้ที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง “ข้าจะมีหลานเหมือนคนอื่นเขาแล้ว” แล้วหัวเราะด้วยความดีใจ “ดู ๆ ว่าที่พ่อแม่ตัวแข็งเป็นหินกันไปแล้ว
นายหญิงใหญ่สกุลเติ้งมองเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันมาเกือบสามสิบปี เห็นตั้งแต่นางแต่งเข้าสกุลหมี่ใหม่ ๆนางคลอดลูกชายคนแรกก็ส่งชุดฮั่นฝูที่ตัดเย็บด้วยไหมอวิ๋นเซียงรับขวัญ พอถึงวัยแต่งภรรยาเข้าบ้านก็ยังมอบหวีหยกเหอเถียนเป็นของขวัญนางคลอดหมี่มี่เป็นคนรองก็ส่งกำไลข้อเท้ารับขวัญ เมื่อถึงวันออกเรือนก็ยังมอบปิ่นมุกกับต่างหูเข้าชุดให้เป็นของขวัญทั้งที่ตอนนั้นในใจผิดหวังกับการกระทำของนางกับลูกสาวมาก ที่พอเห็นเจ้าสองบาดเจ็บสาหัส ความสัมพันธ์ก่อนหน้าก็เริ่มจืดจาง.. แรก ๆ ก็ยังมาให้เห็น แต่พอรู้ว่าเจ้าสองเอ็นขาด กระดูกหัก อาจจะกลับมาเดินไม่ได้อีก สองแม่ลูกก็เริ่มหายไปจากสกุลเติ้ง เจอกันอีกทีก็ตอนส่งเทียบเชิญร่วมงานแต่งจะว่าไปแล้ว ลูกทั้งสองคนของนางล้วนเติบโตมาพร้อม ๆ กับเจ้าสองของตน มีหรือที่นางจะไม่เอ็นดู.. แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเจ้าสองไม่มีใจให้หมี่มี่เลยเจ้าสองนั่นก็จิตใจมั่นคงเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร สองแม่ลูกนี้เคยทำอย่างไรไว้เขาย่อมจำขึ้นใจ จากเดิมที่ไม่เคยมีใจให้อยู่แล้ว แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำตามที่มารดาอย่างตนเห็นชอบแต่พอเกิดเรื่องขึ้น ต่อให้ตนเห็นชอบอย่างไรก็ไร้ค่า“พี่ชิงฮวา ทำไมเงีย
หนึ่งเดือนผ่านไปสมาคมหอการค้า“ข้าต้องกลับแล้ว”“ทำไมรีบกลับนักเล่า รอให้จบกระดานก่อนค่อยกลับสิ”“ข้าต้องกลับให้ตรงเวลา เพราะไม่อยากให้เหล่าผอรอนาน นางจะออกมารอรับข้าที่หน้าประตูทุกวันน่ะ”ผู้เฒ่าหูหัวเราะ “นี่ท่านบอกเล่าหรืออยากคุยอวดกับข้ากันแน่ท่านเติ้ง”“ท่านผู้เฒ่าคิดว่าข้าคุยอวดงั้นหรือ” เขาหัวเราะชอบใจเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า “ตามนั้นก็ได้ ข้าขอตัวลา”“เชิญ”คฤหาสน์สกุลเติ้ง“เหล่ากง”เติ้งอี้เทียนกางแขนรอรับร่างบาง ที่รีบเดินจนเกือบเป็นวิ่งเข้ามาหา “อากาศเย็นแบบนี้ยังจะออกมารออีก ทำไมไม่รออยู่ในเรือนเล่า”“ใบไม้ผลิใบแล้ว อากาศไม่เย็นเท่าไหร่แล้ว”“ถึงจะเปลี่ยนฤดูก็ยังเย็นอยู่ดี ออกมาก็ต้องใส่เสื้อคลุมให้เรียบร้อย ถ้าเจ้าป่วยขึ้นมาเราจะเดินทางได้อย่างไร”“ไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก ซินเอ๋อร์ดื่มยาบำรุงตามที่ท่านสั่งทุกวัน” สมุนไพรอะไรที่หมอถานจัดให้ดื่มนางไม่เคยขัด เพื่อเตรียมร่างกายไว้สำหรับการเดินทางไกล ไปพบครอบครัวของบิดาที่เมืองหลวงหลังจากที่ได้ฟังสามีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับบิดาของนาง และเรื่องที่เขาเคยส่งพ่อบ้านโปไปที่บ้านบิดาขณะที่เขายังรักษาตัว เพื่อนำสินน้ำใจไปมอบ
“หยุดก่อน ๆ”เจียวหวงดึงบังเหียนบังคับม้าให้หยุด มองบุรุษรูปร่างใหญ่หนา ไว้หนวดเครายาวรกรุงรัง ดวงตาที่มองมาดูดุดันไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้เกรี้ยวกราดจนน่ากลัว“นี่รถม้าของท่านเติ้งใช่ไหม” บุรุษผู้นั้นถามเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว“ใช่” เจียวหวงตอบไปแล้วก็ใจคอไม่ดีที่ฝ่ายนั้นเดินหน้าตาถมึงทึงเข้ามาหา ถ้าไม่มีเฟิงเมี่ยนอยู่ด้วยเขาคงกระโดดลงจากรถไปแล้วเฟิงเมี่ยนที่นั่งด้านข้างเจียวหวงเตรียมพร้อมจะชักดาบเติ้งอี้เทียนที่นั่งอยู่ภายในรถม้าใช้ไม้เท้าแง้มผ้าม่าน มองออกไปด้วยความอยากรู้“คารวะท่านเติ้ง”เฟิงเมี่ยนมองคนตัวใหญ่ที่ก้มหัวคารวะตน ท่าทางของเขาน่ากลัว แต่การกระทำกลับสวนทาง“ข้าไม่ใช่”“มีอะไรกับข้า” ท่านเติ้งตัวจริงถามเสียงเรียบทรงพลัง เปิดผ้าม่านกว้างขึ้นมองอีกฝ่ายเต็มตาคนตัวใหญ่รีบเปลี่ยนเป้าหมาย “คารวะท่านเติ้ง ข้าชื่อเซียงอู่ ทำงานอยู่ในเรือเดินสมุทรเกือบปีเพิ่งกลับมา จึงรู้ว่าแม่นางซินแต่งงานแก่ท่านแล้ว”เขามองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ “ใช่”ป๊าบ!สามคนบนรถม้าสะดุ้งกับเสียงของฝ่ามือที่ประสานกัน ตามด้วยการชูแขนเขย่าและหัวเราะเสียงดังลั่น“เจ้ากำลังดีใจหรือกำลังคลั่ง” เจียวหวงถามคลายความ
เติ้งชิงฮวาคลี่ยิ้ม เดินไปหาหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มชวนมองนี่นะหรือลูกสาวของบุรุษที่เคยช่วยชีวิตหลานชายของนางเอาไว้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้นี่เอง หลานชายตัวดีถึงไม่ยอมชายตามองสตรีนางใด มุ่งมั่นที่จะแต่งกับนางเพียงคนเดียวให้ได้“เรียกข้าว่าท่านแม่นะ ข้าอยากมีลูกสาวหน้าตาน่ารักแบบเจ้ามานานแล้ว ตอนนี้ข้าก็สมหวังแล้ว”“ขอบคุณท่านแม่ที่เอ็นดูซินเอ๋อร์”ชิงฮวาถอดแหวนหยกคู่สีเขียวกับสีเหลืองจากนิ้วชี้แล้วสวมให้หญิงสาว“ของขวัญต้อนรับลูกสะใภ้ แหวนหยกเขียวจักรพรรดินี้ แม่แท้ ๆ ของเจ้าสองมอบให้ข้าเพื่อส่งต่อให้ลูกสะใภ้คนรองของนาง ส่วนแหวนหยกเหลืองวงนี้เป็นของแม่บุญธรรมคนนี้มอบให้เจ้า แม่สวมให้นะ”หญิงสาวตื้นตันใจในความเมตตาของแม่สามี พยายามจะกลั้นน้ำตาขณะมองนิ้วชี้ทั้งสองข้างที่ถูกสวมด้วยแหวนหยกคนละสี แต่สุดท้ายน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม“ซินเอ๋อร์ขอบคุณท่านแม่” กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปาดน้ำตาที่อาบแก้มเหมือนเด็กน้อยเติ้งอี้เทียนอมยิ้มกับความเจ้าน้ำตาของภรรยา จับชายเสื้อตัวในซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ท่านแม่ทำเหล่าผอของข้าร้องไห้แล้ว”“ซินเอ๋อร์แค่ซาบซึ้งใจมากเก