บทที่ 4
ข้าอยากมีลูก
เหอซีหยางได้เสียรู้ให้กับนางจิ้งจอกสาวผู้เป็นภรรยาเสียแล้ว นางร้ายกาจเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขามิอาจหลุดพ้นออกไปจากพันธนาการของนางได้เลย ในเมื่อนางยั่วยวนเขาถึงเพียงนี้ และยังล่วงรู้ว่าเขามิได้ตาบอดสนิทอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในยามกลางวันเขาจะมองไม่เห็นนัก เหมือนมีหมอกมาปกคลุมที่ดวงตาตลอดเวลา บางคราก็เกิดภาพซ้อนทับหรือมองสีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
ทว่าในยามกลางคืนหรือในที่มืด เขาจะมองเห็นได้ชัดกว่าปกติ แม้ไม่เหมือนเดิมในกาลก่อนแต่ก็ชัดเจนกว่าในยามกลางวันมากนัก และเพราะกิจวัตรประจำวันต้องทำในยามกลางวัน ทำให้เขามิอาจจะรับราชการหรือทำอะไรได้สะดวกนัก ทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ตาบอดไปเสียแล้ว
แม้จะพยายามตามหาหมอเทวดามารักษา ทว่ากลับไร้ซึ่งความหวัง เขายอมรับแล้วว่าตัวเองคงจะตาบอดสนิทในไม่ช้านี้เป็นแน่
"ไป๋อวี้! เจ้าท้าทายข้าเองนะ ในเมื่อเจ้าอยากมีลูกมากนัก ข้าก็จะช่วยทำให้เจ้าสมหวังเอง"
เหอซีหยางได้กลายร่างเป็นเสือร้ายไปเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าถมึงทึง สายคาดเอวที่มัดข้อมือของเขาถูกดึงจนขาดหลุดมือออกมาด้วย ร่างสูงคว้าร่างเปลือยเปล่าของไป๋อวี้เข้ามากกกอด บดจูบริมฝีปากเล็กที่ชอบโต้เถียงกับเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยให้หลาบจำ ขบกัดริมฝีปากล่างของนางอย่างรุนแรงจนมีเลือดไหลซึมออกมา รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งไปในโพรงปาก ตวัดลิ้นดูดดุนลิ้นเล็กของนางเป็นพัลวัน ไล้กวาดเลียไปทั่วแนวไรฟันสีขาวสะอาดตา ก่อนจะขบกัดริมฝีปากของนางเป็นการทิ้งท้าย
"อ๊ะ! อื้อ... อ่า"
ไป๋อวี้ยกแขนขึ้นคล้องลำคอหนาด้วยความเต็มใจ หน้าอกเต่งตึงบดเบียดเข้าหาความแข็งแกร่งจากกายสูงอย่างยั่วเย้า ไม่ว่าเขาจะจูบนางอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บระบม แต่นางกลับชอบใจมากกว่าจะไม่พอใจในรสสัมผัสที่ดุดันของเขา
เหอซีหยางผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย เขากดรอยยิ้มตรงมุมปากของตน แล้วช้อนร่างที่แสนเบาของไป๋อวี้เข้ามาในอ้อมกอด โยนร่างของนางลงบนเตียงกว้างหลังใหญ่ ที่จะกลายเป็นสมรภูมิรักระหว่างเขากับนางในราตรีนี้
"ข้าไม่คิดจะอ่อนโยนกับสตรีมากเล่ห์เช่นเจ้าหรอกนะไป๋อวี้"
ขณะเอ่ยกางเกงตัวบางพลันถูกดึงลงไปจากสะโพกสอบ เผยให้เห็นท่อนเนื้ออันขรุขระที่มีเส้นเลือดปูดโปนพันอยู่รอบกายแกร่ง ที่เวลานี้ได้ขยายใหญ่จนแม้แต่ไป๋อวี้ยังรู้สึกตกใจ
'นี่มันไซซ์ฝรั่งชัด ๆ เลยนี่ อ๊ากกก! แล้วจะรับไหวไหมล่ะเนี่ย'
ไป๋อวี้คร่ำครวญในใจ ทว่าสีหน้าที่แสดงอาการตกใจ และดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นท่อนเอ็นของเหอซีหยางนั้น ทุกการเคลื่อนไหวได้อยู่ในสายตาของเหอซีหยางอย่างชัดเจน เขากระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจเป็นครั้งแรก
หึ! เป็นนางเองที่ต้องการมิใช่หรือ เหตุผลที่เขาไม่อยากหลับนอนกับนางคราแรกก็เพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปของเขานั่นเอง เขาเคยหลับนอนกับหญิงคณิกาคราหนึ่ง ครั้งนั้นสตรีผู้นั้นถึงกับร้องโอดครวญและร้องไห้อ้อนวอนให้เขาหยุดกลางคัน เพราะนางมิอาจทนรับตัวตนที่ใหญ่โตของเขาได้เลย
"คิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว" มุมปากหยักกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม
"ผู้ใดว่าข้าจะเปลี่ยนใจเล่า ข้าชอบนะเจ้าคะ... ใหญ่ดี"
“ดี! แล้วอย่าได้มานึกเสียใจก็แล้วกัน”
เหอซีหยางเอ่ยเช่นนั้นก็ไม่รีรออีกต่อไป เขาตามมาทาบทับร่างเล็กของนางเอาไว้ พร้อมกับก้มใบหน้าลงมาขบกัดที่ซอกคอขาวผ่องของไป๋อวี้อย่างรุนแรง ดูดดึงจนผิวขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากการตีตราจองของเขา
“อื้อ.... อ๊า!”
ไป๋อวี้รู้สึกเจ็บแปลบตรงบริเวณที่แนวไรฟันของเขาขบกัดผิวเนื้ออ่อนของนาง ทว่านางกลับรู้สึกตื่นเต้นและร้อนรุ่มเป็นอย่างมาก รับรู้ได้ว่าเบื้องล่างตรงใจกลางสาวนั้นฉ่ำแฉะเพียงใด
‘นี่ข้า... ชอบการร่วมรักแบบรุนแรงงั้นหรือ’
ไป๋อวี้เองก็ตกใจกับรสนิยมความชอบของตน ยิ่งเหอซีหยางกระทำการรุนแรงกับร่างกายของนางมากเท่าใด นางกลับรู้สึกชมชอบและเสียวซ่านมากขึ้นเท่านั้น ร่างบางบิดเร่าไปมาด้วยความเสียวกระสัน
“อ๊ะ อ๊า อื้อ อ่า... อื้อ ดูดแรงขึ้นอีก”
ไป๋อวี้ร้องครางกระเส่าเสียงดังลั่นห้องหอ พลางสั่งให้คนบนร่างดูดหน้าอกของนางให้แรงกว่านี้อีก นางเสียวจนใกล้จะสุขสมอยู่แล้ว
เหอซีหยางหยัดกายขึ้นมามองสตรีด้านล่างด้วยความสับสนเล็กน้อย นางควรจะร้องอ้อนวอนให้เขาหยุดรุนแรงกับนางมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงกลับเอ่ยขอให้เขารุนแรงกับนางขึ้นอีกเล่า นี่นางเป็นสตรีประเภทใดกันแน่?
“อื้อ... ท่านพี่”
ไป๋อวี้แอ่นกายเข้าไปหาร่างสูงที่หยุดชะงักลง นางคล้องลำคอเขาให้โน้มต่ำลงมาหานาง ก่อนตัวเองจะเป็นฝ่ายช่วยเล้าโลมเขาบ้าง ใบหน้างามซุกไซ้ไปที่ลำคอหนา กดจูบดูดดึงจนผิวอ่อนกลายเป็นสีแดงก่ำ แล้วยังเคลื่อนไปเลียที่กกหูของเขา พร้อมกับขบกัดติ่งหูของเขาไปด้วย
“อ่า... ไป๋อวี้”
เหอซีหยางถึงกลับหลุดครางออกมาด้วยความเสียดเสียว ขนกายของเขาพลันลุกซู่ด้วยความวูบวาบ กึ่งกลางกายก็ยิ่งตั้งตระหง่านราวกับกำลังประกาศศักดาเสียอย่างนั้น
“ท่านพี่... มอบลูกให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้! ในเมื่อฮูหยินต้องการเช่นนั้น”
เหอซีหยางโน้มตัวลงมาที่เบื้องล่างกึ่งกลางกายสาว จับท่อนเอ็นที่มีน้ำสีใสปริ่มออกมาจ่อที่ช่องทางรักของไป๋อวี้ตามคำขอของนาง ฝ่ามืออีกข้างก็บีบเคล้นก้อนเต้าหู้ขาวอวบอั๋นไปด้วย เรียวนิ้วสะกิดเขี่ยเม็ดทับทิมให้แข็งชันขึ้นมา ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกลืนกินด้วยความหิวกระหายอย่างรุนแรง
เขาดูดดึงเม็ดทับทิมสีหวานของนางด้วยความชอบใจ ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียไปมาทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมกัน และในจังหวะที่ไป๋อวี้กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น
เหอซีหยางก็ได้กดแทรกตัวตนของตน เข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นของนางในคราวเดียว ท่อนเอ็นร้อนหายเข้าไปในร่องรักของนางจนมิดสุดโคน
“กรี๊ดด!”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บแปลบตรงกึ่งกลางกายสาว รูรักของนางพลันบีบรัดตัวตนของเหอซีหยางแน่นด้วยความเกร็ง หยาดน้ำตาสีใสเอ่อคลอขึ้นมาที่หางตาคู่งาม ริมฝีปากเล็กที่เคยร้องครางขบกัดกันแน่น นางพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แม้ว่าจะเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม
“อ่า... เจ้ากำลังรัดข้าจนข้าหายใจไม่ออกนะฮูหยิน เจ้าผ่อนคลายหน่อยเถิด”
“ขะ ข้าเจ็บ”
ดวงหน้างามซีดขาวจนแทบไร้สีเลือด นางรู้สึกคล้ายจะเป็นลมเสียให้ได้
“ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา มันจะเจ็บแค่คราแรก หลังจากนั้นเจ้าจะรับรู้ถึงความสุขเอง”
เหอซีหยางเอ่ยปลอบประโลมหญิงสาวใต้ร่าง เขาโน้มหน้าลงไปบดจูบที่เรียวปากบางของนางอย่างดูดดื่ม หวังให้นางลืมความเจ็บปวดนี้ไปเสีย
ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายทานทนไม่ไหวจนทำร้ายนางอย่างแสนสาหัส!
บทที่ 7พาสามีมาพบหน้าครอบครัวหลายวันที่ผ่านมานี้ไป๋อวี้ใช้ชีวิตในจวนตระกูลเหออย่างสงบสุขยิ่งนัก พ่อสามีรักใคร่เอ็นดูคอยเอาอกเอาใจนางสารพัด อาหารการกินล้วนถูกดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะเหอหมิงเจ๋อต้องการหลานชายไว ๆ เขาจึงทุ่มเทกับลูกสะใภ้ผู้นี้มาก"วันนี้ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมใช่หรือไม่อวี้เอ๋อร์"เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหาร โดยที่มือก็คีบเป็ดย่างให้ไป๋อวี้ไปด้วย"เจ้าค่ะท่านพ่อ หลังจากรับอาหารเช้าเสร็จข้าก็จะพาท่านพี่ไปเยือนจวนตระกูลไป๋ด้วยกันเจ้าค่ะ""ดี ๆ เช่นนั้นก็เตรียมของไปฝากบ้านเจ้าให้มากหน่อยก็แล้วกัน""ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"ไป๋อวี้คลี่ยิ้มหวานพลางคีบอาหารป้อนใส่ปากเหอซีหยางไปด้วยเหอหมิงเจ๋อมองทั้งสองด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ตั้งแต่บุตรชายสูญเสียการมองเห็นไป การทานอาหารร่วมกันก็นับว่าหม่นหมองยิ่งนัก เหอซีหยางมักจะรับอาหารที่ห้อง ไม่ค่อยยอมออกมาทานร่วมโต๊ะกับผู้ใดด้วยเกรงว่าจะคีบอาหารผิด ๆ ถูก ๆทว่าหลังจากแต่งไป๋อวี้เข้ามา บุตรชายของเขาก็ออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับเขา แม้จะเอาแต่นั่งเงียบคอยอ้าปากรับอาหารที่ผู้เป็นภรรยาป้อนให้ไม่ขาดปากก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเดิมมากนัก ลูกสะใภ้ผู้น
บทที่ 6นายหญิงคนใหม่อากาศที่เริ่มร้อนขึ้นในช่วงคิมหันต์ฤดูนั้น ทำให้ไป๋อวี้ที่รู้สึกร้อนอบอ้าวลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวกวาดสายตามองทั่วห้องหอที่เละเทะด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้เป็นสามีที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ดูท่าเขาคงจะออกไปนานแล้ว'อื้อ... เจ็บชะมัดเลย'ไป๋อวี้ร้องครางในใจ เมื่อเริ่มขยับตัวก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบตรงกึ่งกลางกายสาว เมื่อคืนนี้นางกับเขาหักโหมกันเกินไป ทำราวกับอดอยากปากแห้งมานานจึงได้ดุดันเร่าร้อนกันถึงเพียงนี้ กว่าทุกอย่างจะสงบลงท้องฟ้าด้านนอกก็ได้เปลี่ยนสีไปเสียแล้ว"ฮูหยินน้อย บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ"เพราะเสียงการเคลื่อนไหวด้านใน ทำให้บ่าวหน้าห้องทราบว่าไป๋อวี้ได้ตื่นแล้ว พวกนางมีหน้าที่มาคอยปรนนิบัตินายหญิงคนใหม่อย่างสุดความสามารถ"เข้ามาได้"ไป๋อวี้เอาผ้าห่มมาพันกายที่เปลือยเปล่าของตน สาวใช้กว่าสี่คนที่เดินเข้ามาพลางอุทานด้วยความตกใจ พวกนางอายุยังน้อยเมื่อเห็นความพินาศของห้องหอ และร่องรอยฝากรักที่โผล่พ้นชายผ้าห่มของไป๋อวี้ อดจะรู้สึกเขินอายออกมาไม่ได้ นายน้อยของพวกเขาแม้จะตาบอดแต่ก็ดุดันเร่าร้อนยิ่งนักน่านับถือ น่านับถือ!"เอ่อ... ฮูหยินน้อยจะอาบน
บทที่ 5ข้าจะไม่อ่อนโยนเสียงจ๊วบจ๊าบจากการดูดดึงเรียวลิ้นนั้น ดังขึ้นท่ามกลางเสียงที่เงียบลงในห้องหอ ทว่าเพียงไม่นานเมื่อไป๋อวี้ปรับตัวได้ เบื้องล่างของเหอซีหยางจึงได้เริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า... เบา ๆ หน่อย”ไป๋อวี้ร้องเตือนเขาด้วยสีหน้าเหยเก แม้นางจะเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับตัวตนของเขาได้แล้ว แต่นางก็ยังคงเจ็บจากการที่เขาเคลื่อนไหวบนตัวนางอยู่ดี ยิ่งเขารุนแรงนางก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมาก"ภายในของเจ้ามันรัดข้าแน่นเกินไปแล้วนะ"เหอซีหยางบดกรามแน่น ขณะกำลังกระแทกเอวสอบของตนในร่องรักของนางรัวเร็ว เขาจับยึดสะโพกมนไม่ให้ขยับกายถอยหนี แล้วอัดกระแทกสวนแทงเข้าไปอย่างรุนแรงตามแรงอารมณ์ของตน โดยไม่ได้รับรู้ถึงสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดและสุขสมของไป๋อวี้เลย กายสูงแหงนหน้าร้องครางเสียงต่ำด้วยความเสียวซ่าน"อ่ะ อ๊า... ซี๊ด แน่นมาก เจ้าตอดรัดข้าจนจุกไปหมดแล้ว อ่า...""ชะ ช้าหน่อย อื้อ... จุก"ไป๋อวี้ตัวสั่นระริกจากแรงกระแทกของคนบนร่าง ช่องทางรักของนางมันบีบรัดตัวตนของเขาเอาไว้แน่น ยิ่งปลายส่วนหัวหยักแตะครูดไปถูกผนังเนื้อด้านในอันแสนอ่อนนุ่ม ยิ่งทำให้ไป๋อวี้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความจุกเสี
บทที่ 4ข้าอยากมีลูกเหอซีหยางได้เสียรู้ให้กับนางจิ้งจอกสาวผู้เป็นภรรยาเสียแล้ว นางร้ายกาจเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขามิอาจหลุดพ้นออกไปจากพันธนาการของนางได้เลย ในเมื่อนางยั่วยวนเขาถึงเพียงนี้ และยังล่วงรู้ว่าเขามิได้ตาบอดสนิทอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในยามกลางวันเขาจะมองไม่เห็นนัก เหมือนมีหมอกมาปกคลุมที่ดวงตาตลอดเวลา บางคราก็เกิดภาพซ้อนทับหรือมองสีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงทว่าในยามกลางคืนหรือในที่มืด เขาจะมองเห็นได้ชัดกว่าปกติ แม้ไม่เหมือนเดิมในกาลก่อนแต่ก็ชัดเจนกว่าในยามกลางวันมากนัก และเพราะกิจวัตรประจำวันต้องทำในยามกลางวัน ทำให้เขามิอาจจะรับราชการหรือทำอะไรได้สะดวกนัก ทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ตาบอดไปเสียแล้วแม้จะพยายามตามหาหมอเทวดามารักษา ทว่ากลับไร้ซึ่งความหวัง เขายอมรับแล้วว่าตัวเองคงจะตาบอดสนิทในไม่ช้านี้เป็นแน่"ไป๋อวี้! เจ้าท้าทายข้าเองนะ ในเมื่อเจ้าอยากมีลูกมากนัก ข้าก็จะช่วยทำให้เจ้าสมหวังเอง"เหอซีหยางได้กลายร่างเป็นเสือร้ายไปเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าถมึงทึง สายคาดเอวที่มัดข้อมือของเขาถูกดึงจนขาดหลุดมือออกมาด้วย ร่างสูงคว้าร่างเปลือยเปล่าของไป๋อวี้เข้ามากกกอด บดจูบริมฝีปากเ
บทที่ 3วิธีพิสูจน์ของไป๋อวี้เหอซีหยางแทบจะลืมว่าต้องหายใจอย่างไร จู่ ๆ เขาก็ถูกไป๋อวี้ช่วงชิงจูบแรกไปเสียอย่างนั้น ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางที่แตะแต้มเมื่อครู่นั้นได้จรดลึกเข้าไปในความทรงจำของเขาเสียแล้ว ร่างกายของเขาได้บอกว่าเพียงแค่นี้ไม่พอหรอกนะ ไวเท่าความคิดฝ่ามือหนาก็ได้จับตรึงท้ายทอยของไป๋อวี้เอาไว้แน่น จากเพียงแค่ริมฝีปากแตะสัมผัสกันผิวเผิน เหอซีหยางก็ได้ลอบกัดริมฝีปากล่างของนางเพื่อเอาคืน"อ๊ะ!"ไป๋อวี้อุทานขึ้นมาด้วยความเจ็บจี๊ด กว่าจะรู้ตัวก็ถูกลิ้นร้อนของเหอซีหยางสอดเข้ามาในปากของนางเสียแล้ว เขาไล่ต้อนช่วงชิงความหอมหวานจากโพรงปากเล็กอย่างจาบจ้วง และเงอะงะนักในความรู้สึกของนางทำไมถึงรู้หรือ... ก็เพราะนางเคยเล่นบทจูบกับพระเอกที่จูบเก่งกว่าเขามาแล้วหลายคน จูบเด็กน้อยของเขาไม่ได้ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเลย ทว่ากลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเสียอย่างนั้น ความร้อนวูบวาบพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างจนยากจะต้านทานได้"อ่า... อื้อ อ๊อย ๆ"ไป๋อวี้รู้สึกลมหายใจได้ถูกเขาช่วงชิงไปจนเกือบหมด มือเล็กยกขึ้นทุบหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเพื่อประท้อง เหอซีหยางที่เพิ่งได้สติก็รีบปล่อยริมฝีปากข
บทที่ 2ข้าไม่ยินยอมเหอซีหยางมองตามร่างบอบบางที่หายเข้าไปยังหลังฉากกั้น หัวคิ้วกระบี่ขมวดมุ่นกับกิริยาที่เหมือนจะเปลี่ยนไปของนางด้วยความสงสัย หากข่าวลือที่ได้ยินมาคือเรื่องจริง ฮูหยินของเขาผู้นี้ย่อมไม่ยอมปล่อยเรื่องยาพิษไปอย่างง่ายดายแน่ นางเป็นถึงบุตรีคนโตของท่านแม่ทัพอุดร ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ กดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า นิสัยเลือดร้อนโมโหร้าย ชอบทำร้ายบ่าวไพร่ นางจะต้องไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ไม่แน่ว่าท่าทีที่สุขุมของนางคงเป็นเพียงอุบายเท่านั้น วันพรุ่งนางอาจจะเรียกบ่าวรับใช้ทุกคนแล้วสั่งลงโทษโบยเพื่อระบายโทสะก็เป็นได้หรือไม่! เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงงิ้วโรงใหญ่ที่นางตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อเรียกความสงสารจากทุกคนก็ได้ หึ! นางช่างเป็นสตรีที่มากเล่ห์ มิผิดคำพูดของถงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย สงสัยเขาจะต้องเฝ้าระวังนางให้ดีเสียแล้ว"ท่านพี่คิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ คิ้วขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์แล้ว คิก ๆ"ไป๋อวี้เดินมาลูบคิ้วกระบี่ของเหอซีหยางอย่างถือวิสาสะ ทั้งยังล้มตัวนั่งข้างกายเขาเสียด้วย หยดน้ำที่เกาะพราวระยับบนเรือนร่างของนางพลันหยดใส่ตัวของเหอซีหยางไปด้วย"นี่เจ้า! กล้าดีอย่