Masukบทที่ 3
วิธีพิสูจน์ของไป๋อวี้
เหอซีหยางแทบจะลืมว่าต้องหายใจอย่างไร จู่ ๆ เขาก็ถูกไป๋อวี้ช่วงชิงจูบแรกไปเสียอย่างนั้น ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางที่แตะแต้มเมื่อครู่นั้นได้จรดลึกเข้าไปในความทรงจำของเขาเสียแล้ว ร่างกายของเขาได้บอกว่าเพียงแค่นี้ไม่พอหรอกนะ ไวเท่าความคิดฝ่ามือหนาก็ได้จับตรึงท้ายทอยของไป๋อวี้เอาไว้แน่น จากเพียงแค่ริมฝีปากแตะสัมผัสกันผิวเผิน เหอซีหยางก็ได้ลอบกัดริมฝีปากล่างของนางเพื่อเอาคืน
"อ๊ะ!"
ไป๋อวี้อุทานขึ้นมาด้วยความเจ็บจี๊ด กว่าจะรู้ตัวก็ถูกลิ้นร้อนของเหอซีหยางสอดเข้ามาในปากของนางเสียแล้ว เขาไล่ต้อนช่วงชิงความหอมหวานจากโพรงปากเล็กอย่างจาบจ้วง และเงอะงะนักในความรู้สึกของนาง
ทำไมถึงรู้หรือ... ก็เพราะนางเคยเล่นบทจูบกับพระเอกที่จูบเก่งกว่าเขามาแล้วหลายคน จูบเด็กน้อยของเขาไม่ได้ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเลย ทว่ากลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเสียอย่างนั้น ความร้อนวูบวาบพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างจนยากจะต้านทานได้
"อ่า... อื้อ อ๊อย ๆ"
ไป๋อวี้รู้สึกลมหายใจได้ถูกเขาช่วงชิงไปจนเกือบหมด มือเล็กยกขึ้นทุบหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเพื่อประท้อง เหอซีหยางที่เพิ่งได้สติก็รีบปล่อยริมฝีปากของนางไปทันที เขายกมือลูบหน้าตนเองด้วยความรู้สึกผิด ทั้งผิดต่อตนเองและไป๋อวี้
เขา... ไม่ควรล่วงเกินนางเลย ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้จูบนางไปเช่นนั้น
"ขะ ข้าหายใจไม่ทัน ท่านพี่ต้องผละออกเล็กน้อยให้ข้าสูดลมหายใจด้วยนะเจ้าคะ"
ไป๋อวี้มองสามีที่ทำหน้าราวกับโลกจะถล่มด้วยความขบขัน ถ้าแค่จูบเขายังเสียใจ นางจะทำให้เขาเสียใจมากกว่านี้เสียอีก
"ข้าขอโทษ เป็นเจ้าที่ยั่วยุข้าก่อนนะ" เป็นนางที่เริ่มจูบเขาก่อน!
"ก็เราเป็นสามีภรรยากันนี่เจ้าคะ จะจูบกันก็มิใช่เรื่องแปลก"
"แต่ข้าไม่อยากแตะต้องเจ้า"
"เช่นนั้นท่านพี่ก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ที่ข้าทำเพราะต้องการทำตามความคาดหวังของผู้อาวุโสหรอกนะเจ้าคะ"
ไป๋อวี้มองเหอซีหยางราวกับราชสีห์กำลังจับจ้องหนู ดวงตาคู่สวยตรึงคนตรงหน้าแทบไม่กะพริบตา ในโลกก่อนนางไม่เคยหลับนอนกับใครเพราะมัวแต่ทำงาน แม้แต่แฟนก็ยังไม่เคยมี แต่เพราะมีสื่อให้ได้ดูอย่างมากมาย ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ยากเกินความสามารถของนางหรอก ก็แค่ช่วยเล้าโลมเขานิดหน่อย แล้วจับเจ้ามังกรน้อยแทงเข้ามาในตัวนาง ขยับเอวเล็กน้อยให้เขาสุขสมปล่อยน้ำเข้าไปในร่างของนาง แค่นี้นางก็ท้องแล้ว...
ที่นางต้องทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้ฐานะของตนเองในจวนตระกูลเหอมั่นคง แม้สามีจะไม่ชอบหน้า แต่ขอแค่พ่อสามีรักและเอ็นดูก็พอแล้ว ถือว่านางได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ และที่สำคัญคือนางอยากมีลูก ยิ่งได้ลูกผู้หญิงจะดีที่สุด จะได้จับลูกสาวมาทำผมถักเปีย ชวนกันแต่งตัวให้สนุกสุด ๆ ไปเลย
ไป๋อวี้คิดในใจ ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการมีลูกกับสามีผู้หล่อเหลาของตน นางข่มขืนสามีคงมิผิดกระมัง!
"จะ เจ้าจะทำอะไรข้า อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทำร้ายสตรีนะ"
เหอซีหยางรู้สึกไม่ดีเลย เขาพยายามจะผลักร่างอันนุ่มนิ่ม และหอมกรุ่นของไป๋อวี้ให้ลุกออกไปจากบนตัวของเขา ทว่ากลับไร้ผลอย่างสิ้นเชิง เมื่อไป๋อวี้ขึ้นคร่อมบนตัวของเขา ใช้หัวเข่ากดแขนของเหอซีหยางที่พยายามจะผลักให้นางออกไป แล้วใช้มือดึงสายคาดเอวเอามามัดข้อมือของเหอซีหยางอย่างรวดเร็ว มัดขึงไว้กับหัวเตียงทำให้เขามิอาจจะขยับมือได้อีก
"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เลย!"
เหอซีหยางกัดฟันกรอด เมื่อถูกสตรีตรงหน้าจับมัดอย่างไร้ซึ่งหนทาง เขาไม่เคยรู้สึกโกรธผู้ใดมากเท่านางมาก่อนเลย คืนวันเข้าหอกลับถูกฮูหยินของตนมัดมือราวกับตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ปาน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ศักดิ์ศรีของเขาได้ถูกไป๋อวี้เหยียบย่ำเสียแล้ว!
"ก็ท่านพี่อยากดื้อกับข้าเองนี่เจ้าคะ ข้าบอกไว้ก่อนเลยว่าข้าอยากได้ลูกสาว ส่วนท่านพ่อก็อยากได้บุตรชายไว้สืบสกุล เช่นนั้นเราจะต้องรีบทำให้มันจบ ๆ ไป หลังจากข้าได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว ข้าจะคืนอิสรภาพให้กับท่านพี่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"
"เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้าคิดจะให้ข้าเป็นพ่อพันธุ์เพื่อให้เจ้าให้กำเนิดบุตรชายหญิงออกมาเช่นนั้นหรือ เจ้านี่มัน!"
เหอซีหยางถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้ยินจุดประสงค์ที่แท้จริงของไป๋อวี้ นี่นางมองเขาเป็นคนเช่นไรกัน คิดจะมีลูกแต่ก็จะทิ้งเขาอย่างไร้เยื่อใย นางยินยอมที่จะเลี้ยงลูกตามลำพังได้หรือ
หึ! อวดดีนัก!!
บนใต้หล้านี้สตรีที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง หย่าขาดจากบ้านสามีล้วนมีจุดจบไม่ดีนัก นางยินยอมแน่หรือ
"เจ้าค่ะ หากท่านพี่ไม่เชื่อจะเขียนสัญญาก็ได้นะเจ้าคะ"
"ไป๋อวี้ อย่าให้มันมากเกินไปนัก ถ้าเจ้าอยากมีลูกนักข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาก็ได้ ส่วนเรื่องหย่าเจ้าอย่าได้ฝันไปไกลนักเลย เพราะอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นหรอก ตระกูลไป๋ย่อมไม่ยอมให้บุตรสาวกลายเป็นหญิงม่ายไปได้ และท่านพ่อของข้าย่อมไม่ยอมละทิ้งลูกสะใภ้เช่นเจ้าด้วย"
"ว้า... น่าเสียดายจัง เช่นนั้นเอาอย่างไรดีเล่าเจ้าคะ"
ไป๋อวี้มองเขาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมที่ไม่มีสายคาดเอวไปกองอยู่ตรงเอวเล็กคอด เผยให้เห็นหน้าอกอวบอึ๋มขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าของเหอซีหยาง ก้อนเต้าหู้อวบสีขาวน่ากินประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงข้างละหนึ่งเม็ด ชวนให้คนมองถึงกับลมหายใจสะดุดในทันที
"จะ เจ้าทำอะไร" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามตะกุกตะกัก สีหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดของเหอซีหยางบ่งบอกได้ว่าเขานั้นมิได้ตาบอดอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
"ท่านพี่เห็นหรือเจ้าคะว่าข้ากำลังเปลือยกายอยู่ตรงหน้าของท่านพี่" มุมปากเล็กกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
มิผิดจากที่คาดเอาไว้ เขาไม่ได้ตาบอดจนไม่เห็นสิ่งใดเลย เขาแค่มองเห็นไม่ชัดเหมือนกับมีฝ้าหรือหมอกมาบดบังดวงตาเอาไว้ เพียงแต่นางไม่รู้ว่าสายตาของเขามองได้ชัดแค่ไหนเท่านั้นเอง ดวงตาของเขาคืออาการของคนเป็นโรคต้อกระจกไม่ผิดแน่ สังเกตได้จากลักษณะเลนส์ตาที่ขุ่นมัว
"ข้าไม่เห็น แต่ข้าได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของเจ้า" เขารีบเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง
"ในเมื่อท่านพี่ตาบอด และในห้องก็ไม่มีใครอื่น เช่นนั้นข้าจะทำอะไรก็ได้น่ะสิเจ้าคะ"
ไป๋อวี้แสยะยิ้มกว้าง นางลุกออกมาจากการขึ้นคร่อมบนกายของเหอซีหยาง แล้วยืนอยู่ข้างเตียง ถอดเสื้อคลุมที่กองอยู่ตรงเอวออกไป ก่อนจะโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี
เผยให้เห็นร่างกายอันงดงามที่เปลือยเปล่าของไป๋อวี้!
ตอนพิเศษ 2ครอบครัวใหญ่5 ปีผ่านไปจวนตระกูลเหอได้กลายเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว เนื่องจากฮูหยินน้อยเหอได้ให้กำเนิดบุตรชายหญิงถึง 4 คนด้วยกัน คนแรกเป็นบุตรชายนามว่าเหอเสี่ยวเฟิง คนที่สองเป็นบุตรชายนามว่าเหอหงซวน คนที่สามเป็นบุตรสาวนามว่าเหอไห่อิง ส่วนคนที่สี่เป็นบุตรสาวนามว่าเหอจื่อเหยา โดยที่บุตรทั้งสี่นั้นมีอายุไล่เลี่ยกัน "ท่านพ่อ ท่านพ่อ ฟันดาบกันขอรับ" เหอหงซวนในวัยเกือบ 3 หนาววิ่งเข้ามาหาเหอซีหยาง ในมือยังถือดาบที่ท่านปู่เป็นคนซื้อให้ด้วย"หงซวนอยากเล่นฟันดาบกับพ่อหรือ"เหอซีหยางที่อุ้มบุตรสาวคนเล็กก้มหน้ามาถามบุตรชายคนรอง "ขอรับ!" เด็กน้อยพยักหน้าระรัวแล้ววิ่งรอบตัวผู้เป็นบิดาเหอซีหยางที่เอาเหอจื่อเหยาในวัย 9 เดือนหลับลงแล้วจึงส่งต่อนางให้กับแม่นมเพื่อพาไปนอนในเรือน ส่วนเขาก็หันกลับมาสนใจบุตรชายคนรอง"เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้ดีนะ พ่อจะฟันแล้ว"เหอซีหยางคว้าดาบไม้อีกอันขึ้นฟันดาบกับบุตรชาย สองพ่อลูกเล่นฟันดาบกันจนเหน็ดเหนื่อย แต่คนที่เหนื่อยที่สุดดูท่าจะเป็นเหอซีหยางมากกว่า เพราะเหอหงซวนยังคงวิ่งไล่ฟันบิดาอย่างไม่หยุดหย่อน เด็กน้อยสนุกมากจนหัวเราะลั่นออกมาอย่างมีความสุข อี
ตอนพิเศษ 1เรื่องนี้ยอมกันไม่ได้หลายเดือนที่ผ่านมานี้ได้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากที่มู่ห่าวรันคอยตามเกี้ยวสตรีใจแข็งอย่างซูหนิงเหอ เขาต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากมายกว่าจะทำให้นางเปิดใจยอมคบหากับเขาได้ ด้วยความพยายามและปรับปรุงตัวไม่โปรยรอยยิ้มให้กับสตรีอื่น และความหนักแน่นมั่งคงของมู่ห่าวรันทำให้ซูหนิงเหอยอมเปิดใจ "หนิงเหอ อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับไปเมืองสั่วหลิงแล้วนะ เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่""จะไปนานเลยหรือ" ซูหนิงเหอวางมือจากการบดยาแล้วหันกลับมาสนใจมู่ห่าวรันในใจของนางอดจะรู้สึกวูบโหวงไม่ได้ หลายเดือนที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยอยู่ห่างจากสายตาของนางเกินหนึ่งเดือนเลย จนตอนนี้ฮ่องเต้เริ่มจะไม่พอพระทัยที่เขาอู้งานแล้ว เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งทิศประจิมแต่กลับเอาแต่อยู่ในเมืองหลวงไม่ยอมจากไปไหน"ก็คงเป็นปีเลย ฮ่องเต้ทรงออกคำสั่งให้ข้าย้ายกลับไปประจำยังเมืองสั่วหลิงได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ก็ส่งจดหมายให้ข้ารีบกลับบ้านเช่นกัน""อื้อ... ข้าคงคิดถึงเจ้า" ดวงหน้างามก้มหน้างุดนี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยคำพวกนี้ออกมา ทำเอามู่ห่าวรันตาโตด้วยความตกใจและดีใจเช่นกัน"เจ้าพูดเช่นนี้ข้าไม่อยากกลับเลย""
จวนตระกูลเหอ ทุกอย่างได้ดำเนินไปในทางที่ควรจะเป็นแล้ว บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง การปราบกบฏชินอ๋องในครั้งนี้ถือเป็นการกวาดล้างขุนนางกังฉินด้วย และยังมีการมอบรางวัลให้กับขุนนางผู้ภักดี ตัวอย่างเช่นเหอหมิงเจ๋อที่ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย "ยินดีกับท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ" ไป๋อวี้เข้ามาแสดงความยินดี ในวันนี้ที่จวนได้จัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ขึ้นมาโดยมีไป๋อี้ซวน ไป๋ฮวา ซูหนิงเหอ มู่ห่าวรัน และอี้เฉินที่มาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ "ฮ่ะฮ่า ขอบใจมากนะอวี้เอ๋อร์ และขอบใจทุกคนที่มาฉลองให้กับตาเฒ่าเช่นข้าด้วย" เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี "ยินดีด้วยขอรับท่านอัครเสนาบดี จอกนี้ข้าขอดื่มให้ท่าน" อี้เฉินลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายดื่มคารวะเขาก่อน "ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบใจ ๆ" บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง ทุกคนต่างดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เสียงพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะสลับกับเสียงหัวเราะดังลั่นของมู่ห่าวรัน และคำพูดหยอกล้อของไป๋อี้ซวนที่ชวนให้ผู้คนหัวเราะตามไปด้วย แต่คนที่ถูกเอ่ยถึงกลับเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำไปตาม ๆ กัน แม้งานเลี้ยงจะสนุกสนานเพียงใดก็ต้องมีวันเลิกรา เมื่อเวล
บทส่งท้ายฟิ้ว! ฉึก!เมื่อสุยเฟยหรงพุ่งตัวออกมาจากที่กำบังของตน เขาก็ถูกไป๋ฮวาที่ยืนอยู่บนกำแพงยิงธนูเข้าใส่ทันที ร่างสูงบนหลังม้าเสียหลักจนพลัดตกจากหลังม้า ร่างของสุยเฟยหรงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ลูกธนูปักเข้าหน้าอกของเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะถูกหัวใจของเขาอยู่แล้ว"อ๊ากกก สารเลว! ลอบกัดข้า!" เขากัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ เขาเสียรู้ให้กับอี้เฉินเสียแล้ว"เจ้าชอบใช้วิธีลอบกัดมิใช่หรือ พอโดนกับตัวรู้สึกอย่างไรบ้างเล่า" อี้เฉินกระโดดลงมาจากหลังม้าแล้วตรงเข้าสังหารทหารคุ้มกันของสุยเฟยหรงอย่างรวดเร็ว ข้างกายเขายังมีตงเป่าและทหารข้างกายผู้ชาญศึกที่รู้ใจเป็นอย่างดีเข้าห้ำหั่นฝ่ายกบฏด้วย เหตุการณ์ตรงนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก ทางด้านสุยเฟยหรงพยายามจะขึ้นมาหลบหนี ทว่าอี้เฉินกับไป๋ฮวาย่อมไม่ยินยอม นางที่ยืนดูเหตุการณ์ด้านบนยิงธนูเข้ามาสกัดการหลบหนีของสุยเฟยหรง ก่อนที่อี้เฉินจะตรงเข้ามาฟาดฟันดาบใส่ร่างของสุยเฟยหรงอย่างโหดเหี้ยมเพลงดาบของเขาทั้งดุดันและรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวศีรษะของสุยเฟยหรงก็ได้ตกกระเด็นไปกับพื้น เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง"เฮ้! ท่านแม่ทัพอี้สังหารชินอ๋องได้แล
บทที่ 41ร่วมแรงร่วมใจต้านศัตรูเรื่องเสบียงถูกทำลายยังไม่สามารถแก้ไขได้ ทหารเกินกว่าครึ่งที่ดื่มน้ำจากแม่น้ำก็มีอันต้องเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก บางคนอาการหนักถึงขั้นท้องเสียอย่างรุนแรงจนตาย ส่วนอาการที่เบาสุดก็ถ่ายท้องจนไม่มีเรี่ยวแรง หลังจากสืบสวนจึงได้ทราบว่าแม่น้ำถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษ! จากการคาดคะเนของชินอ๋องนั้น ต้นแม่น้ำอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงซึ่งเวลานี้เป็นกองทัพของมู่ห่าวรันที่คุมเชิงอยู่ ฉะนั้นคนที่วางยาพิษในแม่น้ำจะต้องเป็นฝั่งของมู่ห่าวรันเป็นแน่ น่าเจ็บใจยิ่งนัก เขาคาดไม่ถึงเลยว่ามู่ห่าวรันจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ได้ "จะทำอย่างไรต่อไปดีเพคะ ทหารของเราถูกพิษเกินกว่าครึ่ง เสบียงก็ถูกเผาจนเกือบวอดวายไปหมดแล้ว" พระชายาเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ"กองทัพของเรามีถึงเรือนแสน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะตีเมืองหลวงไม่แตก สั่งให้ทหารทุกนายเตรียมตัว ในยามจื่อข้าจะนำทัพออกรบด้วยตัวเองทุกทิศทาง อย่างไรจะต้องตีเมืองหลวงให้ราบเป็นหน้ากลองภายในคืนนี้ให้ได้!" สุยเฟยหรงประกาศเสียงกร้าว "พ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง"ทหารคนสนิทรับคำแล้วออกไปถ่ายทอดคำสั่งของชินอ๋องด้วยความฮึกเหิม พวกเขารอเวลาที่จะได้ขยี้คนเมืองหล
บทที่ 40หลอกใช้ไป๋อวี้หยิบขวดน้ำปรุงขึ้นมาถือตรงหน้าของซุนหงเสีย อีกฝ่ายมีท่าทีตกใจแล้วพยายามยกมือขึ้นมาปิดปากปิดจมูกของตนเอาไว้แน่น ท่าทางเช่นนี้ของนางบ่งบอกว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะที่ต้องการให้ข้าตาย น้ำปรุงขวดนี้ที่เจ้าให้ข้าในวันแต่งงานคือตัวกระตุ้นให้พิษกลืนวิญญาณให้ออกฤทธิ์ใช่หรือไม่!"ถ้าไม่ได้ซูหนิงเหอที่มาช่วยไป๋อวี้คัดเลือกน้ำปรุงและเครื่องประดับ นางคงจะโง่อีกนานที่ไม่รู้ว่าคนร้ายที่ตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินนั้นอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อม โจวเย่ถงที่ต้องการฆ่านางนั้นยังไม่น่าแปลกใจเท่าซุนหงเสียเลย ไป๋อวี้อยากจะรู้เหตุผลว่านางทำไปเพราะอะไร เหตุใดถึงอยากจะฆ่านางนัก!"จะ เจ้าเอาน้ำปรุงนั่นโยนทิ้งไปเลยนะ" ซุนหงเสียเอ่ยสั่งเสียงดัง นางรีบถอยหลังไปยืนอยู่ด้านหลังห้องขังด้วยความหวาดกลัว"หึ ๆ เจ้าเองก็กลัวเป็นเหมือนกันหรือ""ขะ ข้าไม่รู้เรื่องนะ น้ำปรุงนั่นเป็นชินอ๋องที่ทรงมอบให้ข้า" "เจ้าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร อย่ามาเล่นงิ้วทำตัวว่าตัวเองถูกหลอกใช้เลย มันน่าขัน" ไป๋อวี้ตอกกลับอย่างเย็นชา"อวี้เอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้านะ เป็นชินอ๋องที่หลอกใช้ข้า เขาบ







