مشاركة

บทที่ 5

مؤلف: SnailW
last update آخر تحديث: 2025-10-30 17:16:52

ตอนที่ 4

เสียงลมพัดหวิวผ่านต้นไม้ใหญ่ริมทุ่งหญ้า กลิ่นดินเปียกชื้นแทรกมากับไอหมอกบางยามเช้า แสงแดดอ่อน ๆ สาดผ่านใบไม้ลงมากระทบกับหลังคากระเบื้องดินเผาของบ้านหลังเล็กในชนบท

เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล ตามด้วยเสียงหมาเห่า และเสียงน้ำไหลจากรางไม้ที่พาดออกจากโอ่ง

ภายในห้องนอนขนาดเล็ก ผ้าห่มผืนบางปกคลุมร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่บนฟูกเก่าที่ปูบนเสื่อทอมือ ข้างเตียงมีถ้วยน้ำวางอยู่ และสมุนไพรตากแห้งห้อยระโยงระยางอยู่เหนือหัวเตียง

หญิงวัยกลางคนผิวกร้านในชุดผ้าฝ้ายเก่าขาดแต่สะอาด เดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง เธอถือชามข้าวต้มอุ่น ๆ ไว้ในมือ มองดูหญิงสาวที่ยังไม่ตื่นด้วยสายตาเวทนาอีกฝ่าย

“ท่านแม่” เสียงเรียกของหญิงสาวนางหนึ่งที่เดินมาจากทางด้านหลังดังขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วงสตรีที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงเช่นกัน

“นางไม่ได้สติมาสามวันแล้ว พวกเราพานางไปที่ในเมืองให้ท่านหมอตรวจดูอีกรอบดีหรือไม่?”

หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเตียง มองหน้าบุตรสาวสลับกับหญิงสาวที่นอนอยู่ด้วยสีหน้าลำบากใจ

“หากวันนี้นางยังไม่ฟื้นอีก พรุ่งนี้เราค่อยให้พี่ชายเจ้าพานางไปก็แล้วกัน”

แม้เด็กสาวที่นอนอยู่จะไม่ใช่คนในครอบครัวของนาง แต่มารดาที่ล่วงลับไปของอีกฝ่ายกลับมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อครอบครัวนางเป็นอย่างยิ่ง

แต่เมื่อนึกถึงคนที่ทำให้เด็กสาวต้องเป็นเช่นนี้ นางก็อดที่จะโมโหขึ้นไม่ได้

“ครั้งนี้เจ้าซานโก่วทำเกินไปแล้ว ถึงกับกลั่นแกล้งกันถึงตายเช่นนี้”

โจวจวงจื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

“เดิมทีการที่นางเป็นเช่นนี้ก็น่าสงสารพออยู่แล้ว”

ทั้งสองคนต่างถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมมองหญิงสาวด้วยสายตาที่เวทนาอีกครั้ง

“อาา…” เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นมา พร้อมกับเปลือกตาของสตรีที่นอนไม่ได้สติขยับเล็กน้อย สีหน้าของนางคล้ายกำลังทรมาน

โจวซื่อ*ที่เห็นเช่นนั้นก็เบิกตากว้างทันที พร้อมกับรีบเข้ามาดูนางอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่กำลังนอนอยู่กำลังจะได้สติขึ้นมาแล้ว

หญิงสาวค่อย ๆ ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่เริ่มสั่นไหวคล้ายต่อสู้กับความฝันอันเลือนราง เสียงหายใจแผ่วเบาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นลมหายใจถี่รัว ก่อนที่เปลือกตาจะค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า

แสงแดดอ่อนยามเช้าสะท้อนเข้าดวงตา ทำให้เธอต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย เสียงน้ำในรางไม้ยังคงไหลอย่างสม่ำเสมอ กลิ่นสมุนไพรแห้งที่แขวนอยู่เหนือหัวเตียงลอยมาแตะจมูกทีละน้อย ท่ามกลางความพร่าเลือน หญิงสาวกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กลอกตามองไปรอบห้อง

“เสี่ยวซู! เสี่ยวซู?” โจวซื่อเอ่ยถามเสียงตื่นตระหนก มือกร้านของนางจับมือของสตรีผู้นอนป่วยแน่น

หญิงสาวกะพริบตาอีกครั้ง คราวนี้นางพยายามจะขยับริมฝีปาก แต่มีเพียงเสียงแหบพร่าไร้ถ้อยคำเล็ดรอดออกมา

โจวจวงจื่อที่ยืนอยู่อีกด้านรีบหยิบถ้วยน้ำที่วางข้างเตียงแล้วยื่นให้ “เจ้าดื่มน้ำก่อนนะ ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ”

หญิงสาวเบือนหน้าช้า ๆ ไปทางต้นเสียง พยายามตั้งสติรับรู้ว่ามีใครอยู่รอบกาย ก่อนจะยกมือขึ้นรับถ้วยน้ำจากอีกฝ่าย มือของเธอสั่นจนโจวจวงจื่อต้องช่วยประคอง

เมื่อจิบน้ำลงคอได้เล็กน้อย ใบหน้าซีดเซียวก็เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กลับคืนมา หญิงสาวมองสองแม่ลูกสลับกันไปมา ความงุนงงและความระแวดระวังฉายชัดในแววตา

ไม่ว่าจะเป็นของที่อยู่รอบ ๆ หรือแม้แต่คนที่อยู่ตรงหน้าของเธอสองคน ซูอวี้หนิงกลับไม่คุ้นเคยทั้งคู่

“…ที่นี่…ที่ไหน…” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบเล็ดรอดออกมาในที่สุด

แต่แทนที่คนทั้งสองจะตอบคำถามของนาง กลับกลายเป็นสีหน้าตกใจราวกับเห็นเรื่องที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะโจวซื่อ นางถึงกับยกมือขึ้นทาบอก

เพล้ง

ชามใส่น้ำในมือของโจวจวงจื่อเองก็ร่วงลงพื้นด้วยความตกใจเช่นกัน

ซูอวี้หนิงมองหน้าทั้งสอง ในตอนนั้นเองนางก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าของทั้งสองอยู่บ้าง แต่อาจเป็นเพราะตอนนี้นางปวดหัวอยู่ ทำให้นางใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

ป้าโจว โจวจวงจื่อ

ชื่อของทั้งสองคนปรากฏขึ้นในหัวของนาง ภาพเหตุการณ์บางอย่างปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางภายในความทรงจำของใครคนหนึ่ง ซึ่งนางมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความทรงจำของนางแน่นอน

“สะ เสี่ยวซู” โจวซื่อเรียกเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง คล้ายว่าตนเองพึ่งค้นพบเสียงของตนเองได้ หลังจากผ่านความตกใจมาครู่หนึ่ง

ซูอวี้หนิงเงียบ ไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่าย

โจวซื่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับ นางจึงลุกขึ้น ก่อนดึงมือของบุตรสาวไปที่ด้านหน้าห้อง พร้อมกับสั่งการ

“เจ้าไปบอกพี่ชายของเจ้า ไปที่หมู่บ้านข้าง ๆ ตามท่านหมอหูมา” โจวซื่อบอกกับบุตรสาวด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“ท่านแม่…เสี่ยวซูนางจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?” โจวจวงจื่อถามมารดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน

“อย่าพึ่งพูดตอนนี้ ไปตามท่านหมอมาที่นี่ก่อน”

โจวจวงจื่อพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ทุ่งนาไม่ไกลจากบ้านของตนเอง เพื่อไปตามหาพี่ชายของนาง

โจวซื่อมองตามหลังบุตรสาวไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา พร้อมกับมองไปที่เตียงด้านในห้องด้วยความประหลาดใจ

นางมองแววตาของซูอวี้หนิงที่เต็มไปด้วยความสับสนและระแวดระวัง แล้วยิ่งรู้สึกผิดแปลกไปจากเดิม เด็กสาวคนนี้ไม่เคยจ้องมองผู้ใดตรง ๆ แบบนั้นมาก่อน และไม่เคยเป็นฝ่ายพูดถามอะไรเลยสักครั้ง

แม้จะใช้ชื่อว่า “เสี่ยวซู” ร่วมอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่นางกลับเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร

ตั้งแต่มารดาของนางเสียไปเมื่อสามปีก่อน เสี่ยวซูก็ยิ่งเงียบขรึมลงไปทุกที มิใช่เพียงไม่พูดจา หากแต่ไม่เคยส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้บาดเจ็บจนเลือดไหล นางก็ยังคงเงียบงัน ราวกับโลกนี้ไม่มีสิ่งใดควรค่าแก่การตอบสนอง

ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็เรียกขานกันอย่างแผ่วเบาว่า “วิปลาส” บ้างก็ว่า “อาภัพ” บ้างก็ว่า “ปีศาจไร้เสียง”

แม้ตัวนางและลูกสาวจะสงสารและให้ความเอ็นดูเสี่ยวซูอยู่เสมอ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า…เสี่ยวซูไม่เหมือนคนทั่วไปจริง ๆ

วันทั้งวันนางมักเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปทางลำห้วย หรือนั่งเขียนลวดลายแปลกประหลาดลงบนพื้นดินหน้าบ้าน เมื่อถามไถ่ก็ไม่ตอบ บางครั้งจ้องตาใครนานเกินไปจนคนรอบข้างรู้สึกขนลุก

จนกระทั่งเมื่อสามวันก่อนที่นางถูกซานโก่วกลั่นแกล้งอย่างรุนแรง ผลักตกเนินดินจนศีรษะกระแทกกับหินและหมดสติไป คนในหมู่บ้านก็พากันลือว่าบางทีนี่อาจเป็นผลกรรมจากความ “ผิดปกติ” ของนางเอง

แต่ตอนนี้...หญิงสาวที่นอนอยู่ตรงหน้ากลับเอ่ยถามว่า “ที่นี่ที่ไหน” อย่างชัดถ้อยชัดคำ!

ไม่เพียงน้ำเสียงที่ฟังดูแปลกไป หากแต่ยังเต็มไปด้วยสติและความฉลาดเฉียบแหลมที่ไม่เคยปรากฏในตัวเสี่ยวซูมาก่อน

โจวซื่อขมวดคิ้วแน่น มองซูอวี้หนิงด้วยความไม่แน่ใจ ไม่ใช่ความกลัว…แต่เป็นความสงสัยลึก ๆ ในใจ

หรือว่า...เด็กคนนี้จะไม่ใช่เสี่ยวซูคนเดิมอีกต่อไปแล้ว?

ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาเหล่านั้น ซูอวี้หนิงเหลือบตามองหญิงวัยกลางคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปด้านข้าง ปล่อยให้ม่านตาทอดยาวไปยังรอยแตกร้าวบนผนังดิน

แม้ภายในใจจะคลาคล่ำไปด้วยคำถาม แต่เธอกลับไม่ปริปากใด ๆ ออกไปอีก

ซูอวี้หนิงกะพริบตาช้า ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง

"เสี่ยวซู"...ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอ…

หรือว่าเธอ...กำลังติดอยู่ในร่างของคนอื่น?

เสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ประตูบ้านไม้เก่า ก่อนที่บานประตูจะถูกผลักออกพร้อมกับเสียงหอบหายใจของหญิงสาวผู้วิ่งนำมา

“ท่านแม่! ข้า…ข้าพาท่านหมอหูกับพี่จื่อเฉียงมาด้วยแล้ว!”

โจวซื่อหันกลับไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงของโจวจวงจื่อ แล้วจึงรีบลุกขึ้นต้อนรับชายชราร่างผอมในชุดผ้าสีเทาหม่นที่เดินตามเข้ามา พร้อมไม้เท้าซึ่งเจ้าตัวใช้ยันกาย แม้จะดูอายุมากแล้ว แต่ดวงตาของเขายังเฉียบคม

“ท่านหมอหู ลำบากท่านแล้วจริง ๆ” โจวซื่อกล่าวพลางโค้งตัวลงอย่างมีมารยาท

“ไม่เป็นไร ข้าเองก็อยากดูนางด้วยตา ข้าจำได้ว่าเสี่ยวซูไม่ค่อยพูดจา คราวนี้ที่ได้ยินว่า ‘เอ่ยปากถาม’ ก็อดไม่ได้จริง ๆ” หมอหูตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้างเตียง

โจวจื่อเฉียง ชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้น ๆ สะพายตะกร้าฟืนไว้บนหลัง เดินตามเข้ามาเงียบ ๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาก้าวมายืนข้างน้องสาว มองซูอวี้หนิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตาซับซ้อน

หมอหูเริ่มตรวจชีพจรด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว เขาจับข้อมือของซูอวี้หนิงเบา ๆ นิ้วเรียวยาวกดอยู่ตรงจุดสำคัญเป็นจังหวะ

ซูอวี้หนิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของนางนิ่งเฉยแต่ลึกซึ้งเกินวัย ราวกับมองผ่านการวินิจฉัยของหมอหูออกหมดจด

“ชีพจร…ไม่ได้สับสน” หมอหูขมวดคิ้วเล็กน้อย อ่อนแอก็จริง แต่นิ่งและมั่นคงผิดปกติ…ราวกับคนที่จิตตั้งมั่นกว่าทุกครั้งที่เขามาจับชีพจรของนาง

หรือการที่นางได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ จะทำให้นางกลับมาเป็นเด็กสาวปกติอีกครั้ง?

“หมายความว่าอย่างไรหรือ ท่านหมอ?” โจวจื่อเฉียงถามขึ้นในที่สุด

หมอหูวางมือของซูอวี้หนิงไว้ตามเดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองหน้าคนในห้องอีกครั้ง “อาการของนางดีขึ้น ไม่มีไข้หรือผิดปกติใด ๆ แล้ว ข้าจะจัดยาให้นางอีกเทียบหนึ่ง"

หมอหูกล่าวพร้อมกับมองไปที่โจวซื่อ ก่อนส่งสายตาให้อีกฝ่ายเดินตามตนออกไป

โจวซื่อเดินตามอีกฝ่ายออกมาเงียบๆ เมื่อเห็นว่าห่างจากห้องเมื่อครู่พอสมควรแล้ว หญิงชราจึงถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“ท่านหมอ อาการของนางน่าเป็นห่วงอย่างมากเลยหรือ?”

หมอหูถอนหายใจออกมา “ไม่เป็นเช่นนั้น อาการของนางปกติยิ่ง”

โจวซื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “หากอาการของนางเป็นปกติ แล้วเหตุใดท่านจึงมีสีหน้ากังวลเช่นนี้”

“เพราะชีพจรของนางเหมือนคนปกติ ไม่เหมือนชีพจรก่อนหน้านี้อีกแล้ว”

“!!” โจวซื่อ

…………………….

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 40

    ตอนที่ 26แสงเช้าสีทองอ่อนลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ ส่องลงบนผ้าปูสีแดงที่ยังคงยับย่นจากการเคลื่อนไหวเมื่อคืน ความอบอุ่นในอากาศช่างแตกต่างจากความร้อนพลุ่งพล่านของคืนวานราวฟ้ากับดินซูอวี้หนิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอ่อน ๆ ของไม้หอมและลมหายใจสม่ำเสมอคลออยู่ข้างหู นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงั

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 39

    เขาเดินมาหยุดหน้าฉากแม้จะไม่ก้าวล้ำเข้าไป แต่เพียงยืนใกล้ ๆ ก็ทำให้ซูอวี้หนิงรู้สึกถึงลมหายใจที่มั่นคงของเขา“เมื่อกี้ดื่มสุราเพียงนิดเดียว ไม่น่าทำให้เป็นแบบนี้”เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “ออกมาหาข้าหน่อย”ซูอวี้หนิงพยายามลุกขึ้น แต่ขากลับอ่อนแรงจนลุกได้ช้ากว่าปกติ ทว่าก็ยังคงยืนขึ้นแล

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 38

    ตอนที่ 25ยามค่ำคืนแห่งวันมงคลยามสนธยาค่อย ๆ คลี่คลุมหมู่บ้านเล็ก ๆ แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สุดท้ายลาลับหลังแนวภูเขา ทิ้งความอบอุ่นไว้ก่อนที่ความมืดจะเข้ามาแทนที่ ชาวบ้านที่ยังคงนั่งพูดคุยกันอยู่ใต้โคมไฟแดงต่างทยอยลุกขึ้นกลับบ้าน เสียงหัวเราะค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงลมค่ำพัดเอื่อยและแสงโคมแดงที่ไหวระริก

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 37

    โจวซื่ออมยิ้มพลางจัดชายแขนเสื้อให้เธออีกครั้ง“เจ้าบ่าวมาถึงแล้วล่ะเสี่ยวซู เจ้าต้องนั่งสงบ ๆ นะ อย่าลุกลี้ลุกลน…เจ้าสวยอยู่แล้ว”โจวจวงจื่อหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะออกไปดูหน้าเจ้าบ่าวให้ก่อนว่าทำหน้าเหมือนคนพร้อมแต่งหรือไม่”ด้านนอก โจวซื่อเปิดประตูเรือนเล็กน้อยแล้วโผล่หน้าออกไป เห็นเฟิ่งอวี่เซียนยืนอยู่

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 36

    ตอนที่ 24ในที่สุดวันงานมงคลก็มาถึงแสงอรุณแรกของวันมงคลสาดลอดผ่านหมอกบางเหนือยอดไม้ของหมู่บ้านเล็ก ๆ เสียงไก่ขันแผ่วเบาและกลิ่นควันไฟจากครัวเรือนที่เริ่มตื่นเช้าคละเคล้ากันไปทั่ว บรรยากาศของวันทั้งวันเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นอ่อน ๆบ้านของตระกูลโจวที่ปกติเรียบง่าย กลับมีสีแดงสดแต่งแต้มประปรายไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 35

    ตอนนี้ภายในบ้านมีเพียงเขาคนเดียว เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันมงคล ครอบครัวโจวได้ให้ซูอวี้หนิงไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา เพื่อทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นตรงนอกประตู ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะค่อย ๆ คุกเข่าลง“ท่านแม่ทัพ”เฟิ่งอวี่เซียนไม่ได้หันมอง แต่เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ“รายงาน

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status