Share

บทที่ 7

บทที่7: หักหลัง /ตอนปลาย

บุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางฉุนเฉียว บุรุษหน้าบากกล่าวว่าเชิญเขามา แต่การกระทำช่างหยาบคายยิ่งนัก และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่นั่งบนเก้าที่สูงกว่า คือสตรีที่ได้ทำการค้าด้วยกันเมื่อวานก่อน สายตาที่เย็นชามองมาทางเขาพร้อมยกยิ้มมุมปาก มันดูน่าหวาดหวั่นมากกว่าจะงดงามตามใบหน้าของนาง

“ต้องขอโทษนายท่านเหลียวที่หนานกงไม่สุภาพ” ร่างบางเอ่ยขึ้นยิ้มมุมปาก ดูงดงามแต่ทว่ามันน่าขนลุกเสียมากกว่าในสายตาบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ฝั่งตรงกันข้าม

“เจ้าทำแบบนี้ทำไม ช่างไม่ให้เกียรติข้ายิ่งนัก”

นายท่านเหลียวจะลุกขึ้นด้วยความโกรษที่ถูกหมิ่นเกียรติเยี่ยงนี้แต่ถูกหนานกงจับบ่าหนากดลงให้นั่งไปตามเดิมด้วยน้ำหนักมือที่กดลงบนบ่าทำให้รับรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายเช่นที่คาดไว้เสียแล้ว

“ท่านจะโมโหไปใยข้าเพียงมีเรื่องจะสอบถามสักเล็กน้อย”

เอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่ทว่านัยตาเริ่มดุดันใบหน้าที่มีรอยยิ้มเริ่มราบเรียบ จับจ้องไปที่บุรษวัยกลางคนที่โดนเชิญกึ่งบังคับมา

“เจ้ามีอะไรทำไมไม่ไปหาข้าและพูดจาดีๆ ทำแบบนี้จะไม่ต้องการทำการค้ากันอีกแล้วใช่รึไม่”

ชายวัยกลางคนเริ่มมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว และที่ไม่คาดคิดว่าสตรีรูปร่างอรชรใบหน้างดงามจะสามารถต่อกรกับเขาได้ถึงเพียงนี้ ความจริงลูกน้องของเขานับร้อยใช่ว่าจะถึงตัวได้ง่ายๆ แต่ชายหน้าบากผู้นั้นนำคนเพียงแค่หยิบมือบุกไปนำเขามาด้วยการเชิญที่ดูแล้วเป็นการบังคับเสียมากกว่ามาจนได้นับว่ามีฝีมือไม่น้อย

ร่างบางถอนหายใจกับคำพูดชายวัยกลางคนตรงหน้า ความจริงก็ต้องการทำการค้ากับท่านเหลียวต่อ แต่นางเกลียดการที่ไม่ซื่อตรงที่สุด ยิ่งไม่ชอบการระแวงเพราะฉะนั้นชายวัยกลางคนผู้นี้ก็จะไม่สามารถเก็บไว้ได้เช่นกัน แต่ถ้าให้มาอยู่ใต้อาณัติความคิดนี้ก็ไม่เลวการควบคุมคนเจ้าเล่ห์ก็ไม่เกินความสามารถเช่นกัน

“หนานกงนำคนออกมาดูว่านายท่านเหลียวรู้จักหรือไม่?”

โจวฟางหลินคิดว่าไม่ต้องการพูดไร้สาระไปมากกว่านี้ สู้ปิดจบความหักหลังครั้งนี้เสียดีกว่า

“นายท่านเหลียวช่วยข้าด้วย”

หัวขโมยรูปร่างไม่สูงไม่ต่ำเรียกร้องให้นายใหญ่ช่วย ด้วยสภาพตอนนี้เขาถูกทารุณจนแทบรับไม่ไหวแล้ว

“ข้าไม่รู้จักเจ้า อย่ามาเอ่ยพล่อยๆ”

นายท่านเหลียวเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นคนที่ส่งมาสืบข่าว อยู่ในสภาพที่ดูแล้วอาจจะอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้เสียด้วยซ้ำ เนื้อตัวเขียวช้ำเลือดออกไปทั่วร่างกาย มือที่โดนตัดนิ้วทั้งสองข้างสั้นกุดจนดูสยดสยอง ขนาดเขาผู้ผ่านการแข่งขันมีต่อสู้แย่งชิงจะมีการสังหารกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มาทรมานถึงเพียงนี้ ชายวัยกลางคนเบือนหน้าหนี ไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะโหดเหี้ยมถึงขนาดไปได้

โจวฟางหลิน นั่งท่าเอนกายคล้ายเกียจคร้าน มือเรียวสวยจับแหวนในมือซ้ายหมุนเล่นเหมือนใช้ความคิด เพียงแต่มันเป็นภาพที่ดูน่าหวาดหวั่นจนเหงื่อซึมตามแนวไรผม ด้วยความกดดันไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้จะทำเช่นไรอีก

ชายวัยกลางคนเริ่มหวั่นวิตกถ้าจะถูกทรมานเช่นชายตรงหน้าย่อมรับไม่ไหวเป็นแน่

“ข้าไม่รู้จักเจ้าหัวขโมยผู้นี้ ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อและการค้านับจากนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”

นายท่านเหลียวคิดว่า เขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด จึงเอ่ยพูดแสร้งโมโหจะได้กลับออกไปโดยง่าย แแต่มันหาใช่ง่ายอย่างที่คิดไม่

“ข้ายังไม่ได้เอ่ยถึงสักนิดว่าชายตรงหน้าเป็นขโมยใยจึงรู้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เล่า” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ท่าทางที่ยกยิ้มน้อยๆขัดกับสายตาที่เย็นชาทำให้นายท่านเหลียวเหน็บหนาวไปทั้งร่างกาย พลางคิดว่าคงต้องเอาชีวิตแก่ๆมาทิ้งไว้ตรงนี้เสียกระมัง

“เอาตราการค้าออกมาให้ข้า”

ร่างบางเอ่ยเนิบๆ ตราการค้าที่อยู่กับชายวัยกลางคนผู้นี้ คือตราสมาคมการค้าที่สามารถควบคุมการค้าอาวุธในเครือข่ายทั้งหมด ถ้ามีตราอันนี้เท่ากับสามารถควบคุมการส่งอาวุธออกขายได้โดยง่าย ไม่ต้องไปหาโครงข่ายให้ยุ่งยากอีกต่อไป

จริงๆแค่เพียงต้องการสร้างเครือข่ายของตัวเอง แต่เมื่อคิดทรยศก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องตาย นางไม่ชอบหอกข้างแคร่ จัดการให้จบไปเลยเสียดีกว่า

“ตราอะไร ข้าไม่รู้”

นายท่านเหลียวใบหน้าซีดเผือด ตราการค้ากว่าเขาจะเป็นผู้ครอบครองต้องลงแรงไปมากเพียงใด จะต้องมาให้กับสตรีตัวเล็กๆตรงหน้าเห็นจะไม่ได้

“ตัดเอ็นข้อเท้าเสียจะได้ไม่ไปหักหลังผู้ใดได้อีก”

โจวฟางหลินสั่งสั้นๆ หนานกงก็จัดการตามคำสั่งทันที

“อ๊าก”

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายวัยกลางคนที่ลงไปนอนบนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาวราวกับไม่มีสีเลือด

“ถ้าเจ้าฆ่าข้าจะไม่มีทางได้ป้ายสมาคมการค้าไปแน่นอน”

นายท่านเหลียวเอ่ยขึ้นมาอย่างเครียดแค้น สายตาจับจ้องไปที่สตรีร่างบางใส่ชุดสีแดงเข้มจัดหรูหรายิ่งดูให้น่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก เขาไม่เข้าใจสตรีที่อายุยังน้อยทำไมถึงมีความโหดเหี้ยมเช่นนี้ สายตาดูไม่ใช่สตรีที่ยังอ่อนเยาว์ ทว่าเหมือนคนกร้านโลกมานับไม่ถ้วนเสียมากกว่า

นายท่านเหลียวเวลานี้คิดแต่ว่าทางรอดของเขาช่างมืดมน ลูกน้องที่พยายามตามมาก็ถูกปลิดชีวิตจนหมด สู้เขายอมลงให้ยังมีทางรอดถ้ายังดื้อดึงเข่นนี้มีแต่จะเสียชีวิตไปเปล่าๆ

“งั้นรึ” ร่างบางอมยิ้มบางๆ

“ถ้าข้าออกหน้านำอาวุธมาส่งให้ และจะอยู่ภายใต้อานัติของท่านเพียงปล่อยข้าไปจะไม่ทรยศท่านอีกแน่นอน”

ชายวัยกลางคนที่บัดนี้ยอมเก็บชีวิตตัวเองไว้ สรรพนามที่เรียกสตรีตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนไปด้วย เอ่ยด้วยท่าทางให้เกียรติอย่างร้อนรนกลัวว่าจะถูกทำร้ายไปมากกว่านี้

ท่าทางโจวฟางหลินตรงหน้าทำให้นายท่านเหลียวใจเต้นลุ้นระทึกว่านางจะเลือกที่จะใช้งานเขาหรือจะสังหารเขาทิ้งเสีย เขาประมาทเกินไปไม่คิดว่าชีวิตที่ผ่านเรื่องราวมาโชกโชนจะจบลงเยี่ยงนี้

“ท่านนำตราการค้ามาให้ข้า แล้วท่านก็กลับไปใช้ชีวิตตามเดิม รอฟังคำสั่งข้าอีกที และหวังว่าคำพูดที่ท่านเอ่ยมาจะเป็นตามคำพูด จงจำไว้ให้ดี โอกาสมีเพียงครั้งเดียว”

ร่างบางโบกมือให้หนานกงส่งนายท่านเหลียวกลับคฤหาสน์ที่มีทั้งเมียเอก เมียรองและอนุอีกเป็นสิบคน

ตราประทับของสมาคมการค้ามาอยู่ในมือโจวฟางหลินเรียบร้อยจากนี้เรื่องหาอาวุธไม่ใช่เรื่องที่จะยุ่งยากอีกต่อไป

“แล้วสายสืบคนนี้เล่าขอรับ”

หนานกงเอ่ยถามเพราะชายผู้นี้ก็เป็นคนของนายท่านเหลียว

“ฆ่าทิ้งเสีย ข้าเกลียดพวกชนเผ่านอกด่าน”

โจวฟางหลินยังจำได้ ชนเผ่านอกด่านได้ตลบหลังท่านพ่อของนางโดยร่วมมือกับแคว้นเหลียว ทั้งๆที่เจรจาสงบศึกกับท่านพ่อแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเจอคนเหล่านี้มาทำผิดที่ไหนก็จะปลิดชีวิตให้หมดเสียทุกคน

น้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อยของสตรีร่างบางตรงหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว ทำให้ลูกน้องที่อยู่รายรอบต้องรีบเข้ามานำหัวขโมยชาวเผ่านอกด่านออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ทั้งหมด รู้แค่ว่าถ้าไม่ทรยศหักหลังนายหญิง ชีวิตจะมีแต่ความสุขสบาย อาหารการกินมีครบทุกมื้อ เสื้อผ้าก็มีให้ครบ เงินทองก็มีให้ ชีวิตของพวกเขาได้แค่นี้ก็เกินกว่าความฝันแล้ว และสาบานว่าจะจงรักภักดีกับนายหญิงไปตลอดชีวิตไม่คิดอันใดที่แปลกแยกเป็นอันขาด

หลังจากถูกส่งกลับมา ก็ได้สั่งพ่อบ้านให้ไปตามหมอมารักษาเส้นเอ็นที่ถูกตัดขาด ถ้ารักษาไม่ได้คงได้นั่งรถเข็นตลอดชีวิต แต่ยังดีที่ยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ พ่อบ้านที่มาเห็นสภาพของนายท่านใหญ่ถึงกับตกตะลึง

“นายท่านทำไมถึงเป็นเยี่ยงนี้”

เอ่ยพูดด้วยความตกใจ นายท่านของเขามีอำนาจและอิทธิพลทำไมถึงถูกทำร้ายขนาดนี้ไปได้

นายท่านเหลียวใบหน้ายังซีดขาวด้วยความเจ็บปวด โบกมือไล่ไม่ต้องการกล่าวถึงเรื่องนี้อีก เรื่องนี้หาใช่พูดจาส่งเดชได้ ดูเหมือนสตรีผู้นี้มีหูตายังกับสับประรด ถ้ามีการเอ่ยถึงไปเข้าหูนาง ขีวิตก็คงรักษาไว้ไม่ได้ เป็นความประมาทฝั่งตรงข้ามมากเกินไป ส่งอาวุธไปเพียงวันเดียวก็คิดว่าจะยึดกลับคืนได้ทั้งเงินทั้งอาวุธที่ส่งไป แต่แทนที่จะได้กลับทุ่มหินทับเท้าตัวเองเสียได้

การทรมานคนเช่นนี้นอกจากในคุกหลวงที่เคยได้ยินมา ด้านนอกถ้าจะเข่นฆ่ากันก็ปลิดชีวิตหรือวางยาพิษให้ตายตกไป โจวฟางหลินผู้นี้นางโหดเหี้ยมเด็ดขาดไม่ต่างจากบุรุษสักนิด และเขาก็นึกหวาดกลัวสตรีผู้นี้ไม่น้อย

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย โจวฟางหลินก็ได้นั่งรถม้ากลับจวน เมื่อลงเดินมาถึงด้านในเพื่อที่จะเดินไปเรือนของนางที่อยู่หลังป่าไผ่ เสียงหวานแหลมก็เอ่ยขึ้น

“เจ้าออกนอกจวนทุกวัน หวังว่าคงไม่สวมหมวกเขียวให้กับบุตรชายข้าหรอกนะ”

ฮูหยินใหญ่ที่เดินผ่อนคลายยามเห็นลูกสะใภ้ที่ไม่ค่อยเห็นหัวผู้ใหญ่เช่นนาง จึงอดไม่ได้ที่จะสอดปากเหน็บแนมไปบ้าง

ร่างบางชะงักฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าแม่สามีที่มีสีหน้าเหยียดหยาม นางถอนหายใจแม่สามีผู้นี้ไม่เปลี่ยนไปจากชาติก่อนแม้แต่น้อย ยังหาเรื่องนางทุกครั้งที่มีโอกาส พยายามจะหาภรรยารองเข้ามาให้ท่านแม่ทัพอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งส่งจดหมายไปให้ หยูไฉ่หยู ที่อยู่ถึงเมืองหลวงให้มาพักอาศัยในจวนเพื่อที่จะให้สานสัมพันธ์กับท่านแม่ทัพให้ได้ แต่ช่วงเวลานั้นก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมเฉินโม่เหยียนถึงไม่รับนางเป็นภรรยารอง

นางอยู่ในกองทัพเป็นกุนซือและไม่ค่อยได้กลับมาที่จวน ด้วยรู้ว่าก็ไม่ได้ต้องการให้นางกลับมาเช่นกัน

“ข้ามีร้านค้าที่ต้องดูแลและเรื่องผิดประเวณีเช่นนี้ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเจ้าค่ะ”

ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบด้วยความเบื่อหน่าย

“หึ สตรีที่ขาดสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม จะไม่ให้ข้าเป็นห่วงได้เยี่ยงไร”

ฮูหยินใหญ่ที่ยังมีใบหน้างดงามด้วยการดูแลรักษาไว้อย่างดี ได้ส่งเสียงในลำคอด้วยความประชดประชันและะเอ่ยตำหนิร่างบางตรงหน้า

“ถ้าท่านไม่ใช่มารดาของท่านแม่ทัพท่านคิดว่าจะยังมีโอกาสมายืนเหน็บแนมข้าเช่นนี้ได้รึไม่” โจวฟางหลินเอ่ยอย่างลำคาญใจ

“เจ้า.เจ้า.ช่างไร้ความมารยาทไม่มีความเคราพผู้ใหญ่สักนิด”

ฮูหยินเฉาเต้นเร่าด้วยความโกรษ สะใภ้ที่นางแสนจะไม่ชอบใจช่างไร้มารยาทไม่เคารพผู้ใหญ่แม้แต่น้อยต่อปากต่อคำและยังขู่ทำร้ายนางอีกด้วย

“ข้าจะให้โม่เหยียนหย่าขาดจากเจ้าโดยเร็วที่สุด”

ฮูหยินเฉาพูดขู่และคิดว่าถ้าบุตรชายกลับมาคราวนี้จะต้องให้หย่าขาดจากสะใภ้ที่ไร้มารยาทผู้นี้ให้ได้

“เจ้าค่ะ ข้าจะรอขอตัวนะเจ้าคะ”

ร่างบางเอ่ยจบก็เดินออกไปด้วยไม่สนใจว่าแม่สามีจะมีอาการเช่นไรต่อไป

ฮูหยินใหญ่อ้าปากค้างที่ลูกสะใภ้ที่น่ารังเกียจผู้นี้ได้เดินออกไปเสียเฉยๆ ไม่เห็นหัวนางสักนิด หยิ่งผยองไปเถอะตระกูลหนุนหลังก็ไม่มีถ้าถูกหย่าขาดออกไปด้วยกฏเจ็ดขับ นางยังจะหยิ่งยโสเช่นนี้ได้อีกหรือไม่

โจวฟางหลินหลังจากกลับออกมาจากแม่สามี ก็ไม่ได้ใส่ใจสักนิดว่าจะถูกหย่าร้างรึไม่

ระหว่างที่หย่อนร่างอรชรงดงามเข้าไปในถังไม้ที่เติมน้ำอุ่นไว้จนเกินครึ่ง พลันรู้สึกผ่อนคลายและได้คิดว่า วันพรุ่งคงจะได้เปิดการค้าจริงจังเสียที

ซุนหงเข้ามาเพื่อปรนนิบัตินายหญิงได้สังเกตุถึงผิวพรรณนายหญิงที่มีความเนียนละเอียด ดวงตาหลับพริ้มด้วยความผ่อนคลาย ใบหน้างดงามถึงจะไม่ได้งดงามเป็นหนึ่งแต่ก็นับเป็นสาวงามที่หายากผู้หนึ่ง

ตั้งแต่นายหญิงมีนิสัยที่เปลี่ยนไปนี่เป็นครั้งแรกที่อนุญาติให้นางเข้ามาปรนนิบัติ เวลาเช่นนี้ดูนายหญิงเหมือนกับสตรีทั่วไปที่มีความอ่อนโยนแต่ยามอื่นที่นิสัยเปลี่ยนไปแล้ว นับว่าดูมีความน่าเกรงขามผิดกับเมื่อก่อน ยามยิ้มก็ไม่ได้สดใสเช่นเคย ซุนหงอยากให้นายหญิงของนางกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่เย็นชาไม่แยแสต่อโลกเช่นนี้

ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ️️️❤❤

อย่าลืมเก็บเข้าชั้นกันด้วยนะคะ🥰
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 76

    บทที่44 ความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจยอมรับ ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร “กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 75

    ธูปราคะที่ถูกจุดขึ้นมาได้ไหม้ลงจนเกือบครึ่งแล้ว มาลียาที่ได้สูดดมไปด้วยเริ่มมีอาการร้อนรุ่มไปทั้งร่างกาย สมองและสายตาเริ่มพล่าเลือน ดวงตาราวเมล็ดซิ่งหยาดเยิ้มด้วยอารมณ์กำหนัดที่เกิดจากสูดควันเข้าไปเยอะพอประมานหนึ่ง เฉินโม่เหยียนที่ได้กินยาถอนพิษไปแล้วย่อมไม่ได้รับผลกับสิ่งนี้ จึงมีสีหน้าที

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 74

    บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้ สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอ

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 73

    บทที่42 กลลวง ภายในเรือนที่อยู่ในด้านหลังป่าไผ่ ปลูกไว้เพื่อความสวยงามจึงไม่ได้บดบังเรือนที่อาศัยของภรรยารอง เสียงสนทนาที่แผ่วเบา กำลังวางแผนที่จะให้ราชบุตรเขยได้ลงเอยเปลี่ยนไม้เป็นเรือเสียโดยเร็ว และจะส่งจดหมายไปถึงท่านมหาข่านให้ส่งคนมาสังหารฮูหยินเอกเพื่อจะได้ทำตามแผนการที่วางเอาไว้ได้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 72

    ฮูหยินใหญ่เฉามองเจตนาลูกสะใภ้คนรองผู้นี้ได้ถ่องแท้จึงอดขนลุกไม่ได้ ช่างปั้นแต่งแสดงออกเก่งเสียจริง “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ ” มาลียา ยิ้มอ่อนหวานรับปิ่นปักผมมาอย่างนอบน้อมพลางคิดว่าไม่น่าจะยากเย็นสักเท่าใดถ้าจะเอาชนะใจแม่สามีผู้นี้ เมื่อต้องยกน้ำชาให้กับฮูหยินเอกที่นั่งหลังตรงดูมีอำนาจแผ่กระจายออกมา

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 71

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status