ชุนหงเอ่ยขอตามฮูหยินน้อยที่กำลังจะออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ติดตามไป นายหญิงบอกเพียงว่าไว้คราวหน้าที่มีเวลามากกว่านี้จะพานางออกไปเปิดหูเปิดตา เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ ไม่ได้อีกแล้วหรือ.เฮ้อ
          ซุนหงไม่รู้เลยว่าช่างโชคดีเพียงใดที่นายหญิงผู้นี้เมตตาเอ็นดูยิ่งนัก  ถ้าเป็นคนอื่นอย่างสถานเบาอาจจะโดนเฆี่ยนและขายออกไปแล้วก็ได้
           โจวฟางหลินเดินทางมาถึงก็ได้ให้นำเกลือที่ต้มไว้กรองจนขาวสะอาดไปไว้ในรถม้า วันนี้จะไปที่คฤหาสน์ของนายท่านเหล่าหลานตามที่ได้นัดกกันไว้ ราคาหนึ่งหมื่นตำลึงทองที่จ่ายค่าข้าวสารไป วันนี้นางต้องได้กลับคืนมาอย่างน้อยต้องห้าพันตำลึงทองอย่างแน่นอน
           หนานกงได้ไปแจ้งกับทางนายท่านเหล่าหลานเอาไว้แล้วว่านายหญิงจะไปพบในวันนี้  เมื่อรถม้าไปจอดหน้าคฤหาสน์อันใหญ่โต ก็มีชายร่างผอมสูงเข้ามาต้อนรับด้วยความนอบน้อม ด้วยได้ยินนายท่านพูดคุยกับนายท่านเหลียวยามไปเยี่ยมเยียนว่าเวลานี้ได้บาดเจ็บจนไม่สามารถเดินเหินได้สะดวกเพระอะไร เขาที่ไปยืนเฝ้าประตูจึงได้ยินมาบ้างถึงจะไม่ทั้งหมด แต่รู้เพียงอย่างเดียวสตรีตรงหน้ามีความสำคัญเพียงใด
          “เชิญนายหญิงเข้าไปด้านใน นายใหญ่กำลังรออยู่ขอรับ”
 ชายสูงผอมก้มลงจนต่ำด้วยเกรงว่าสตรีตรงหน้าจะไม่พอใจหากชักช้า
           โจวฟางหลินมองท่าทางที่เกรงอกเกรงใจจนเกินพอดีของชายร่างสูงตรงหน้า รู้สึกแปลกใจแต่สีหน้ายังเรียบนิ่งเช่นเดิม ชุดสีแดงอมดำคลุมด้วยผ้าบางปักลายสวยงามพริ้วไหวยามก้าวเดิน อดทำให้ผู้คนมองตามเสียมิได้
           “ฮูยินเชิญนั่งก่อน วันนี้เอาเกลือมาให้ดูด้วยใช่รึไม่” ชายร่างท้วม นายใหญ่ในที่แห่งนี้เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นเกลือบริสุทธิ์ ที่สามารถทำกำไรให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว แต่ท่วงท่าการทักทายกับดูเกรงใจผิดกับคราวก่อน ที่ดูจะมีการไว้ตัวมากกว่านี้
           ร่างบางนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม หนานกงที่รูุ้งานดีอยู่แล้วหลังจากติดตามนายหญิงมาได้สักพัก วางโถกระเบื้องเคลือบที่มีลวดลายสวยงามไว้ที่โต๊ะอย่างระมัดระวัง มือเรียวบางได้เปิดฝากระเบื้องเคลือบที่มีลวดลายสวยงามออกพร้อมกับหยิบเกลือออกมาวางกลางฝ่ามือเรียวสวย
          “นายท่านเหล่าหลานนี่คือเกลือขาวสะอาดท่านพอใจรึไม่”
          “โอ้ .จริงรึข้าไม่เคยเห็นเกลือขาวสะอาดเช่นนี้มาก่อน” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นและหยิบเกลือขาวสะอาดมาชิม เกลือไม่มีความขมติดลิ้น ความเค็มที่ละมุนลิ้น จึงพยักหน้าด้วยความพอใจสมกับความรอคอย
           “แล้วฮูหยินจะคิดราคาอย่างไรกับกาารค้าครั้งนี้” เหล่าหลานเริ่มรู้แล้วว่า สตรีตรงหน้าหาใช่ลูกพลับนิ่ม นางทำการซื้อข้าวสารกับเขา แต่ก็ยังสามารถมาเอาเงินกลับไปได้โดยเอาเกลือขาวสะอาดมาแลกเงินกลับไป การเจรจาครั้งนี้ต้องตรงไปตรงมา เพราะนายท่านเหลียวได้เอ่ยเตือนมาแล้วว่าอย่าใช้เล่ห์กลกับนางเป็นอันขาด ถึงนายใหญ่เหล่าหลานจะไม่คิดเล่นเล่ห์กับสตรีตรงหน้าเพราะเป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณมาก่อน แต่ด้วยนิสัยพ่อค้าก็จะไม่ยอมขาดทุนเป็นแน่นอน
          “เกลือขาวบริสุทธิ์เช่นนี้มีอยู่สามร้อยกระสอบ ถ้าท่านนำไปขายย่อมได้เกินหนึ่งหมื่นตำลึงแน่นอน ข้าขอเพียงห้าพันตำลึงและข้าวสารอีกห้าสิบเกวียน ท่านเห็นเป็นเช่นไร” โจวฟางหลินรู้ว่าต้องขายได้มากกว่านั้น แต่นางยังไม่มีเครือข่ายมากถึงเพียงนั้น จึงต้องให้คนที่มีอำนาจในตอนนี้เป็นผู้จำหน่ายออกไป และเกลือขาวสะอาดแบบนี้มีตนเป็นผู้จำหน่ายเพียงผู้เดียว เพราะอีกเกือบสามสิบปีถึงจะมีคนค้นพบวิธีง่ายๆเช่นนี้ กว่าจะถึงวันนั้นก็ร่ำรวยมหาศาลแล้ว
           ชายร่างท้วมครุ่นคิดคำนวนเห็นจะจริงตามที่สตรีตรงหน้าได้เอ่ยมา นึกชื่นชมความฉลาดเฉียวของนางที่ให้คนที่มีอำนาจในการกระจายสินค้า ดีกว่านำไปขายเองจะขายหมดตอนไหนก็ยังไม่รู้ สู้จับเงินโดยเร็วเสียดีกว่า
          “ได้ ตกลงตามที่ฮูหยินเสนอมาข้ายินดีจ่ายห้าพันตำลึงกับข้าวสารขาวอีกห้าสิบเกวียน”
          “ข้ายินดีที่ได้ทำการค้ากับท่านเช่นกัน” ร่างบางยกยิ้มบางๆที่การค้าเป็นไปตามที่ต้องการ ที่ไม่เอาเป็นเงินทั้งหมด ด้วยรู้ว่า คนที่พึ่งจะได้เงินไปหมื่นตำลึงย่อมเสียดายถ้าจะจ่ายย้อนกลับมาเพียงระยะเวลาอันสั้น เกลือเหล่านี้มันมีต้นทุนน้อยมากสำหรับนาง ด้วยเอาคนไปทำนาเกลือเสียเองแล้วค่อยนำมาทำให้สะอาดส่งขายในราคาสูงกว่าถึง3เท่ามีอันใดไม่คุ้มกัน ก่อนจะนัดส่งเกลือให้อีกสองวันข้างหน้า และได้ขอตัวกลับ จะแวะไปเยี่ยมนายท่านเหลียวเสียหน่อย
          นายท่านเหล่าหลานถึงกับมองใบหน้าเย็นชาของนางด้วยความตกใจเมื่อได้ยินว่าสตรีตรงหน้าจะไปหาสหายที่คบค้ากันมานาน แต่ก็ไม่พูดอันใดออกมา เพียงแต่มองตามแผ่นหลังตั้งตรงเดินออกไป นางช่างต่างกับบิดา อดีตแม่ทัพโจวถึงจะเป็นแม่ทัพแต่ก็ไม่ได้เย็นชาโหดเหี้ยมเช่นบุตรสาวเช่นนี้
           เมื่อมาถึงคฤหาสน์ที่กว้างขวางใหญ่โตของนายท่านเหลียวที่บัดนี้ยังนั่งรถเข็น แต่เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าเยื้องกายเข้ามาด้านใน ภายในใจรู้สึกสั่นไหวลึกๆ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็จดจำมาตลอด ถ้าต้องการมีชีวิตที่สุขสบายต่อไปเพียงทำตามคำสั่งก็พอ อย่าได้คิดทรยศอีก ถึงจะรู้สึกอับอายที่ต้องมาพ่ายแพ้ต่อสตรีที่มีอายุคราวลูกคราวหลาน แต่ในโลกนี้ใครแข็งแกร่งที่สุดคนนั้นคือผู้ชนะมันคือกฏธรรมชาติไม่ใช่รึ
          “ขออภัยที่ต้อนรับท่านได้ไม่ดี” ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจ
          “ไม่ต้องกังวล ข้ามาในวันนี้เพียงแต่จะให้ท่านทำงานให้เสียหน่อย”
          “มีอะไรสั่งมาได้เลยข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง”ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
          โจวฟางหลินยกยิ้มบางเบา พอใจในการแสดงออกของชายวัยกลางคนตรงหน้า
          “ข้ารู้มาว่าท่านรู้จักกับแม่ทัพน้อยของแคว้นหานใช่รึไม่”
          “ก็ใช่ ท่านสงสัยอะไรรึ” ชายกลางคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะเขาแค่รู้จักแต่ไม่ได้ค้าขายด้วย แคว้นหานอยู่ตรงกลางของแคว้นใหญ่ๆ เพียงรู้จักที่นานๆครั้งจะได้ต้อนรับแม่ทัพนัอยยามมาเยือนแคว้นเว่ยเพียงเท่านัั้น
          “ข้าไม่ได้ให้ค้าอาวุธในครั้งนี้ แต่จะไปเจรจาการค้าเรื่องข้าวสารและเกลือ ส่วนอาวุธ คงจะไม่นานคงได้เจรจากันแน่นอน” โจวฟางหลินในชาติก่อนได้รู้มาว่าแคว้นเยี่ยนจะหันไปเปิดศึกกับแคว้นหาน ซึ่งแคว้นหานที่อยู่อย่างสงบมาตลอด จะเน้นเรื่องการปกครองและทำมาหากินเสียเป็นส่วนใหญ่แต่ถ้ามาเปิดศึกสู้รบคงจะตึงมือน่าดู
          เมื่อแคว้นเยี่ยนที่ชอบทำสงครามเปิดศึกด้วยจึงทำให้พ่ายแพ้ได้โดยง่าย และที่จะให้เอาข้าวสารส่งไปขาย ด้วยแคว้นหานปลูกพืชผลทางการเกษตรถึงจะอุดมสมบูรณ์แต่จะขาดแคลนข้าวสารที่สุด ด้วยส่วนพื้นที่ที่ไว้ปลูกข้าว ดินที่ปลูกจะแข็งและเป็นหินเสียเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้ผลิตข้าวได้ไม่ค่อยดีนัก เรื่องราวเหล่านี้ได้มาจากชาติก่อนทั้งสิ้น
          “ข้าจะติดต่อและจะไปแจ้งให้ทราบ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล" นายท่านเหลียวบัดนี้ไม่ต่างจากคนพิการเอ่ยอย่างนอบน้อม ถึงเขาจะออกไปไม่สะดวกเหมือนก่อนแต่ มือเท้าของเขาในด้านการค้ามีไม่น้อย เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา
          “ข้าได้ยินมาว่า ทางทิศตะวันออกมีหมอเทวดาสามารถรักษาได้ สู้ส่งคนออกไปตามหาจะดีกว่า” ร่างบางเอ่ยขึ้นจากความทรงจำเดิมพลางเหลือบสายตาไปที่ขาของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ว่าทางทิศตะวันออกจะมีหมอเท้าเปล่าที่สามารถรักษาได้ทุกโรค จนมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่น้อย
           นายท่านเหลียวกล่าวขอบคุณ มองใบหน้างดงามที่เอ่ยแนะนำด้วยความหวังดีน้ำตาแทบตกใน ที่ข้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะท่านไม่ใช่รึ เอ่ยขึ้นมาเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องในการพิการของเขาเสียอย่างนั้น
          “ข้าคงต้องกลับเสียที” โจวฟางหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดมาก่อน ก่อนจะเดินออกไปเพื่อขึ้นรถม้ากลับไปที่จวน ด้วยตอนนี้ก็เกือบเย็นแล้วเช่นกัน
          ร่างบางรู้สึกทำไมหนึ่งวันถึงได้หมดไปอย่างรวดเร็ว เพียงจัดการธุระไม่กี่อย่างก็แทบหมดเวลาเสียแล้ว พลางนึกถึงสงครามที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จะมีชาวเผ่านอกด่านร่วมด้วยเหมือนครั้งท่านพ่อของนางรึไม่
           หลังจากโจวฟางหลินกลับไปได้ไม่นาน นายท่านเหลียวก็ได้ส่งจดหมายไปที่แม่ทัพน้อย คาดว่าการเจรจาน่าจะสำเร็จไม่น่าเกินสิบวัน ถ้าทำงานสำเร็จเขาเองก็คงอยู่ในสถานะเดิม ที่ยังมีอำนาจและเครือข่ายค้าอาวุธต่อไปได้
 ถ้าคิดจะหักหลังสตรีผู้นั้นอีกครั้งถ้าสำเร็จก็จะสิ้นเสี้ยนหนาม แต่ถ้าพลาดนั่นหมายความความตายคงหนีไม่พ้นแน่นอน มันคือการตัดสินใจว่ามันคุ้มค่าและโอกาสสำเร็จมีพอรึไม่ พลันนึกถึงความโหดร้ายของนางชายวัยกลางคนถึงกับหลับตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ สตรีผู้นี้ช่างต่อกรยากเสียจริง
           “นายใหญ่ ท่านทำไมถึงต้องทำตามคำสั่งของนางด้วยขอรับ” บ่าวรับใช้คนสนิทถามด้วยความสงสัย
          “เจ้าคิดว่าข้าอยากจะทำตามรึ นางโหดเหี้ยมกว่าที่พวกเจ้าคิด”ชายกลางคนเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจ
          “นายใหญ่ท่านก็มีอำนาจยิ่งนัก เครือข่ายก็ไม่ธรรมดาถ้าเรา_"  พ่อบ้านเอ่ยไม่ทันจบก็ต้องหยุดลงเมื่อนายท่านได้โบกมือให้หยุดเอ่ยวาจาอะไรที่มันอาจจะนำความเดือดร้อนมาให้
          นายท่านเหลียวไม่กล้าบุ่มบ่าม ด้วยเคยมีบทเรียนที่หลับตาคราใดต้องสะดุ้งตื่นทุกครา
          “เจ้านำจดหมายนี้ไปส่งให้ถึงมือแม่ทัพน้อยแคว้นหาน” แม่ทัพน้อยผู้นี้มีศักดิ์เป็นถึงพระนัดดาของฮ่องเต้แคว้นหาน ความที่ชอบการต่อสู้จึงได้รับอาสามาอยู่ในกองทัพตั้งแต่อายุได้สิบห้าปีบัดนี้คงมีอายุยี่สิบสองปีแล้วกระมัง
           ในระหว่างเดินทางกลับจวน โจวฟางหลินได้สั่งการให้หนานกงเดินทางไปเผ่าเซียนเป่ยเพื่อเจรจาการค้าอย่างรวดเร็วการขยายการค้าต้องรีบทำอย่างเร่งด่วนด้วยสงครามที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบกับการค้าภายในแคว้นได้ การติดต่อค้าขายนอกแคว้นไปด้วยย่อมดีกว่า
          “หนานกงเจ้าเดินทางไปเจรจาการค้าข้าวกับเผ่าเซียนเป่ย เริ่มออกเดินทางได้เลย” จากนั้นจึงได้บอกรายละเอียดต่างๆว่าการค้าครั้งนี้จะต้องเจราจาอย่างไรถึงจะสำเร็จ เพราะเซียนเป่ยมักขาดแคลนข้าวสารและเกลือ การออกไปปล้นเสบียงในบางครั้งก็เพียงต้องการเอาชีวิตรอดเท่านั้น
          เผ่าเซียนเป่ยมักจะไม่ค่อยได้ร่วมทำศึกสงครามกับชยงหนู ถึงจะไม่ค่อยทำศึกแต่ก็มีนักรบเก่งกาจหลายคน นางต้องการทำการค้ากับคนนอกแคว้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องอาศัยพึ่งพาก็มีข้อแลกเปลี่ยนได้ง่ายการสร้างเคลือข่ายการค้ายิ่งกว้างยิ่งดี หากมีอันใดเกิดขึ้นโอกาสรอดจะสูงมาก
          การที่จะไปค้าขายเพียงภายในแคว้นมันแคบเกินไป ยิ่งกับราชสำนักที่มีฮ่องเต้คอยแต่จะหวาดระแวง และการฉ้อราษฏร์บังหลวง ยิ่งมากมายวุ่นวายจนน่าปวดหัว
          ที่กล่าวว่าฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงว่าแม่ทัพแต่ละหัวเมืองจะมีอำนาจจนสั่นคลอนบัลลังก์ ก็จะทรงตัดรากฐานเสียร่ำไป เหมือนกับเฉินโม่เหยียนรักษาชายแดนทิศตะวันตก พระองค์ยังโยนสมรสพระราชทานมาให้แต่งงานกับนาง ที่เป็นเพียงบุตรสาวของแม่ทัพโจวผู้ร่วงลับไปแล้ว ด้วยหวังว่าทหารในแดนเหนือจะควบคุมยากจนแม่ทัพแดนตะวันตกไม่สามารถชนะใจทหารแดนเหนือ จนทำให้รากฐานไม่มั่นคงอีกต่อไป
           โจวฟางหลินไม่ตัองการทำความเข้าใจในการปกครองเช่นนี้ว่าจะดีหรือไม่ รู้เพียงแค่หากหวาดระแวงจนขับไล่คนซื่อสัตย์จนหมดไป บัลลังก์ก็คงหมดเสถียรภาพ สั่นคลอนจนหมดสิ้นเช่นกัน