การค้าที่เจรจาสำเร็จผ่านไปด้วยดี กับทางแคว้นหาน ได้มีการสั่งข้าวสารและเกลือเป็นจำนวนมาก ขบวนขนส่งสินค้าได้เดินทางออกไปได้ครึ่งเดือนแล้ว คงใกล้จะถึงแล้วด้วยระยะก็ไม่ได้ไกลมีชายแดนติดกันกับแคว้นเว่ย แต่การเดินทางค่อนข้างช้าด้วยการบรรทุกสินค้าเป็นจำนวนมาก
           ชนเผ่านอกด่านที่ให้หนานกงไปเจรจาก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเช่นกัน โดยคิดเป็นเงินเพียงบางส่วน นอกนั้นก็จะให้ส่งเครื่องหนังมาทดแทนเงิน ถ้าจะให้จ่ายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด เซียนเป่ยคงจะไม่สามารถทำได้ และนางก็ได้มีที่ส่งขายเครื่องหนังเหล่านี้เช่นกัน การทำการค้าจะต้องรู้ว่าบางสิ่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสียหมด
           ข่าวการรบได้ถูกส่งมาเป็นระยะๆ นับจากเฉินโม่เหยียนกลับไปทำศึกกับแคว้นเยี่ยน ก็กินเวลาไปกว่าสามเดือนแล้ว ทหารที่มีก็ลดน้อยลงด้วยการสู้รบครั้งนี้ได้เผชิญกับกองทัพที่ใหญ่กว่าทุกครั้ง
          แคว้นเยี่ยนได้ส่งกองทัพมาครั้งนี้มากมายหลายแสนคน นางเพียงคิดว่า ถ้าเฉินโม่เหยียนไม่อาจต้านทานไว้ได้ ทัพเยี่ยนสามารถตีเมืองอูเจิ้นแตกพ่าย ทหารแคว้นเยี่ยนต้องบุกมาถึงเมืองเจี่ยงที่นางอยู่เป็นแน่ เพียงหวังว่ากุนซือในกองทัพจะสามารถมีแผนการรบที่ดีไม่ให้ทัพเว่ยพ่ายแพ้ไปเสียก่อน
           ยามดึกสงัดได้มีทหารที่มาจากกองทัพ ได้นำม้าเร็ววิ่งมาแจ้งข่าวว่าแม่ทัพเฉินบาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบเมื่อวันก่อน แล้วเวลานี้ท่านแม่ทัพยังไม่ฟื้นคืนสติมาเลยทำให้เกิดความไม่มั่นคง ขวัญกำลังใจก็แทบจะหดหายไปหมดสิ้น
          ทหารที่นำข่าวมาแจ้งคือหัวหน้ากองที่รู้จักโจวฟางหลินเป็นอย่างดี ตั้งแต่ยังเป็นกุนซือในกองทัพกับท่านพ่อของนาง สีหน้าที่แสดงออกมามีแต่ความหนักใจกับสถานการณ์ในเวลานี้
          “ฮูหยินน้อย บัดนี้ท่านแม่ทัพได้บาดเจ็บสาหัส หมดสติไปตั้งแต่เมื่อวันก่อน ตอนนี้กองทัพไม่มีผู้นำแล้วทหารก็อ่อนล้าจะทำเช่นไรดี” รองแม่ทัพหลี่ ได้เอ่ยด้วยความกังวล
          “อะไรนะ ใยถึงเป็นเช่นนี้ไปได้” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินถึงกลับทรุดตัวลงด้วยความอ่อนแรงแม่นมจางที่คอยดูอยู่ใกล้ชิดจึงรับไว้ได้ทันจึงไม่ร่วงลงกับพื้นก่อนจะพยุงไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง
           “โถ.โม่เหยียนของแม่ เจ้าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่จะทำเช่นไรดี” ฮูหยินเฉาคร่ำครวญเสียงดังจนน่าลำคาญยิ่งนัก
          รองแม่ทัพหลี่จับจ้องใบหน้าของโจวฟางหลินที่ขมวดคิ้วด้วยท่าทางครุ่นคิด ด้วยความกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้ช่างย่ำแย่ยิ่งนัก
           “ฮูหยินน้อย ตอนนี้ท่านกุนซือก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน และท่านรองแม่ทัพหานก็นำกำลังออกไปต้านเอาไว้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้นานเพียงใด”
           โจวฟางหลินถอนหายใจ คงเลี่ยงไม่ไปไม่ได้สินะ
          “รองแม่ทัพหลี่ ท่านกลับไปและแจ้งข่าวกับทางกองทัพว่าข้าจะออกเดินทางในทันที และจะนำคนของข้าไปด้วยไม่ต้องกังวลข้าจะออกเดินทางตามไปทันที ข้าจะไปเตรียมการก่อน”
          “เจ้าจะไปช่วยอะไรจะไม่เป็นภาระหรอกรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาเอ่ยออกมาอย่างดูถูก เมื่อสบสายตาที่เย็นชาของลูกสะใภ้ถึงกลับต้องหุบปากในทันที เพราะมันช่างดูน่ากลัวจนนางขนลุกชูชันไปหมด
          “ท่านคงไม่รู้กระมัง ว่าฮูหยินน้อยมีความสามารถเช่นไร” รองแม่ทัพหลี่อดโมโหไม่ได้ที่ฮูหยินใหญ่เฉานอกจากโวยวายดูถูกคนก็ไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
          “เจ้าไปได้แล้วข้าเตรียมตัวสักครู่จะรีบตามไป”ร่างบางเอ่ยตัดบทด้วยความลำคาญ ไม่ต้องการเอ่ยอะไรที่ไร้สาระกับมารดาของสามีในนามผู้นี้อีก
           โจวฟางหลินเตรียมตัวเพียงไม่นาน เปลี่ยนเป็นชุดรัดกุมที่สุด ผมที่ยาวสลวยถูกมัดรวบตึงขึ้นไปข้างบน และไม่ลืมหยิบมีดพกคู่ใจนำไปด้วย ในชาติก่อนโดนจับไปทรมานเพื่อที่จะให้บอกแผนการที่วางเอาไว้ แต่ที่รอดมาได้ก็เพราะใช้มีดเล่มนี้สังหารชายที่คุมขังในห้องที่นำตนไปทรมานจนบาดเจ็บสาหัสนั่นแหละ
           ร่างบางได้ไปที่ภูเขา ได้แบ่งคนงานไว้เฝ้าของครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งซึ่งมีอีกเกือบร้อยคน ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาได้ไปซื้อทาสมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก เอามาฝึกโดยให้หนานกงรับหน้าที่ตรงนี้ หนานกงเป็นนักฆ่ามาก่อนจึงฝีมือพอตัว
          “ข้าจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ส่วนเจ้าเตรียมเสบียงตามไปและรอรับคำสั่งจากข้าเมื่อไปถึงเมืองอูเจิ้น “
 ร่างบางสั่งงานอย่างรวดเร็ว และต้องเดินทางโดยใช้ม้าถึงจะรวดเร็วที่สุด และนี่คือสิ่งหนึ่งที่นางถนัดที่สุด
          “ระวังตัวด้วยนายหญิงพวกข้าจะตามไปให้เร็วที่สุดขอรับ” หนานกงพึ่งเคยเห็นนายหญิงขี่ม้าศึกที่มีรูปร่างสูงใหญ่ช่างสง่างาม จากนั้นจึงรีบนำสัมภาระโดยเฉพาะข้าวสารอาหารแห้งต่างๆ ขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็วตามที่นายหญิงสั่งไว้
           ร่างบางเดินทางไม่ได้หยุดพักด้วยความร้อนใจ ไม่ใช่ห่วงสามีในนามผู้นั้น แต่ถ้าแพ้ศึกครั้งนี้นางคงต้องลำบากไปด้วยเป็นแน่ ค่ายทหารตรงหน้าช่างดูเงียบเหงาราวกับไม่มีกำลังใจในการต่อสู้
          ทหารต่างมีอาการบาดเจ็บจากการออกไปสู้ศึก บางคนก็นั่งหมดอาลัยตายอยาก ทหารบางคนยังจำโจวฟางหลินได้ จึงลุกขึ้นมาคำนับด้วยความดีใจความเฉลียวฉลาดของอดีตกุนซือผู้นี้พวกเขาจดจำได้ในใจเสมอมา ครั้งที่ท่านแม่ทัพโจวโดนสังหารก็เพราะไม่เชื่อในแผนที่วางไว้ จึงตกหลุมพลางของพวกชนเผ่านอกด่าน แต่ด้วยแผนที่วางเอาไว้จึงชนะได้ในครานั้นแต่ก็สูญเสียท่านแม่ทัพใหญ่ไป วันนี้พวกเขาได้เห็นนางอีกครั้งจึงรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทำให้มีเรี่ยวแรงจะสู้ต่อ หนทางชนะย่อมเป็นไปได้ถ้ามีกุนซือผู้นี้อยู่ที่นี่
          “คำนับท่านกุนซือโจว" ทหารเหล่านี้ไม่ได้เรียกนางว่าฮูหยินน้อยต่างเรียกว่ากุนซือโจวเสียมากกว่าด้วยความเคยชิน
          โจวฟางหลินพยักหน้าตอบรับของทหารตรงหน้าก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ทหารทั้งหลายต่างโล่งใจพอมีหวังที่จะรอดจากการศึกในครั้งนี้
           "ข้าจะเข้าไปปรึกษาสถานการณ์ตอนนี้กับรองแม่ทัพเสียก่อน เสบียงกำลังเดินทางมาพวกเจ้าอย่ากังวล” เอ่ยให้ขวัญกำลังใจทหารเพราะการศึกที่ยังไม่จบกำลังใจทหารมีผลมากที่สุด
          “พวกเรา ท่านกุนซือมาแล้ว พวกเราต้องชนะแน่นอน" ทหารโห่ร้องดีใจเริ่มมีความหวังอีกครั้งหลังจากแม่ทัพเฉินบาดเจ็บสาหัส
          โจวฟางหลินได้เข้าไปดูเฉินโม่เหยียนที่บาดเจ็บสาหัสยังไม่ฟื้นคืนสติมาได้ ร่างสูงกำยำที่นอนเหยียดยาวถูกพันด้วยผ้าเต็มไปหมด มีเลือดซึมออกมาจนผ้าขาวมีรอยแดงของเลือด
 ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนขาวซีดและดูจะผ่ายผอมลงไป ในใจรู้สึกหน่วงร้าวลึกๆ ทั้งๆที่ไม่คิดว่านางจะรู้สึกกับบุรุษผู้นี้อีกแล้วใยยังรู้สึกเจ็บหน่วงด้วยเล่า หรือยังคงเป็นความรู้สึกที่ยังหลงเหลืออยู่ในชาติก่อนกันแน่
          “ท่านรองแม่ทัพหาน ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง” ร่างบางได้เอ่ยถามอย่างจริงจัง
          “ตอนนี้ทัพของแคว้นเยี่ยนได้เข้ามาตีทางฝั่งเมืองอูเจิ้น และตอนนี้ก็กำลังจะต้านต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว กองทัพแคว้นเยี่ยนครั้งนี้ได้นำทัพมาหลายแสน แบ่งผลัดกันเข้าโจมตีเราทุกวันจนไม่ได้พัก เราเสียทางตอนใต้ไปเกือบครึ่ง และมีชนเผ่านอกด่านได้มาร่วมด้วยเวลานี้เจอศึกหลายด้าน กำลังพลของเราก็น้อยกว่าเกือบเท่าตัว บาดเจ็บล้มตายไปก็เยอะ
 และเราเหลือทหารไม่ถึงสองแสนคนด้วยซ้ำ ข้าวปลาอาหารก็หร่อยหลอลง  ตอนนี้เราจะแก้ไขสถานการณ์กันอย่างไรดี” รองแม่ทัพหานได้เอ่ยอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ถึงแม้ใจจะสู้เพื่อแผ่นดิน แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วก็แค่ยอมตายก็คงได้แค่นั้น
          “เรื่องเสบียงท่านไม่ต้องห่วง คนของข้ากำลังนำมา ส่วนแผนการรับมือครั้งนี้ ขอข้าคำนวนสถานการณ์ก่อน" โจวฟางหลินเอ่ยขึ้นมาไม่แสดงสีหน้ากังวลแต่อย่างใด ได้วางแผนไว้แล้วก่อนจะมาที่ค่ายทหาร เพียงแค่ส่งหนานกงและลูกน้องที่มีฝีมือไปทำตามแผนเท่านั้น
         รองแม่ทัพหานพึ่งจะสังเกตุว่า กุนซือผู้นี้เขาได้พบเห็นนางมาหลายปี พึ่งจะไม่ได้พบหน้าเพียงสองปีเท่านั้น นางดูเปลี่ยนไปมาก ดูสุขุม เย็นชา หลังตรงสง่าผ่าเผย ไม่มีสีหน้าวิตกกังวลหรือตระหนกตกใจสักเพียงนิดกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้
           หลังจากที่นางมาถึงค่ายทหารเพียงสองวัน หนานกงก็ตามมาถึงพร้อมกับเสบียงและอาวุธ เมื่อได้แจกจ่ายอาหารและยาให้กับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โจวฟางหลินจึงได้เรียกประชุมอีกครั้ง
           “หนานกงเจ้ารีบไปที่แคว้นหานและยื่นข้อเสนอกับแม่ทัพน้อยว่าข้ายินดีจะส่งข้าวสารและเกลือบริสุทธิ์ไปให้เป็นเวลาหกเดือน เดือนละยี่สิบเกวียน เพียงขอทหารมาช่วยรบ ทหารของแคว้นหานข้าขอเพียงเพึยงแปดหมื่นคนเท่านั้น ขอเป็นคนที่ถนัดต่อสู้ในทางราบ มิใช่พลธนู  ถ้าแคว้นหานยินดี ข้าจะส่งอาวุธเข้าไปเสริมช่วย ให้เดินทัพมารอริมแม่น้ำตรงเชิงเขา รอให้ทหารแคว้นเยี่ยนที่ถูกไล่ต้อนลงแม่น้ำ เมื่อขึ้นฝั่งให้สังหารเสียให้หมด” เอ่ยจบก่อนจะสั่งการไปที่ลูกน้องฝีมือดีอีกคน
           “เสี่ยวเฉาเจ้าไปที่ชนเผ่าเซียนเป่ย บอกว่าจะส่งข้าวสารขาวไปให้เป็นเวลาหกเดือน เดือนละสิบเกวียน ถ้าเซียนเป่ยตกลง ให้เข้าไปซุ่มตีเผ่าเยี่ยวจื่อ เผ่าตงหู เผ่าเซียง และฉ่วนหรง เพียงไปก่อกวนเผาเสบียงและขัดขวางการมาร่วมกับทัพแคว้นเยี่ยนให้ได้ ถ้าศึกนี้สำเร็จ ทางกองทัพจะช่วยเหลือยามเผ่าเซียนเป่ยถูกรุกราน เจ้าออกเดินทางเดี๋ยวนี้และส่งข่าวให้ข้าเร็วที่สุด เจ้านำนกพิราบสื่อสารไปด้วย” โจวฟางหลินสั่งการอย่างรวดเร็ว
           “ท่านรองแม่ทัพหาน ท่านนำทหารหนึ่งแสนนายไปเป็นทัพหน้าแต่ให้ทหารม้าด้านหลังเดินย่ำเท้าให้เกิดเสียงดังพร้อมโห่ร้องเพื่อให้เข้าใจว่าทางเมืองหลวงได้ส่งทหารมาช่วยพวกเราแล้ว” หยุดคำนวนสักครู่ก็ได้เอ่ยแผนต่อไป
          “อีกห้าพันคนที่เป็นพลธนูไปรอบนเขาทางทิศใต้ ส่วนที่เหลือให้ตีขนาบด้านข้างตรงกลางกองทัพ โดยต้องพยายามให้ทัพเยี่ยนไปทางทิศใต้เพื่อจะไล่ลงแม่น้ำข้ามฝั่งไปให้ได้ จะมีทหารแคว้นหานไปรอจัดการทหารเหล่านี้เอง” โจวฟางหลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับนำไม้ ขีดเขียนไปตามทรายที่นำมาเป็นสถานที่จำรองในการวางกลศึกในแต่ละครั้ง
 พร้อมกับนำธงมาปักลงไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจตามจุดต่างๆที่ได้วางเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นในขั้นตอนต่อไป
           “ส่วนไส้ศึกที่ส่งไป ช่วงเวลาที่เข้าตีเมื่อเสียขบวนให้คนที่เราส่งไปร้องตะโกนพร้อมกันว่ากองทัพแคว้นเยี่ยนแพ้แล้ว กองทัพแคว้นเยี่ยนแม้จะยกทัพมามากมายแต่ส่วนมากก็เป็นแค่ชาวบ้านและเชลยศึก ใช่จะรู้วิธีการต่อสู้เยี่ยงทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี แค่ทำลายขวัญกำลังใจให้ได้ก็เพียงพอจะให้ระส่ำระสายได้แล้ว" ก่อนจะหันไปทางรองแม่ทัพผู้ที่จะเป็นทัพหน้าในครานี้ ซึ่งกำลังมองมาอย่างนิ่งอึ้งจนไม่ขยับร่างกาย
           “รองแม่ทัพหาน เมื่อกองทัพเยี่ยนเริ่มเสียขวัญให้ท่านบุกเข้าโจมตีอย่าได้หยุดพักเราจะต้องชนะศึกในคราเดียวให้จงได้เรามีกองกำลังน้อยกว่ามาก เพราะฉะนั้นจะต้องจบการสู้รบครั้งนี้ให้เร็วที่สุด”
          ชายร่างสูงที่มีตำแหน่งรองแม่ทัพพยักหน้ารับคำด้วยความยินดีนึกชื่นชมกับแผนการในครั้งนี้แทบหาช่องโหว่ไม่ได้ มีคนน้อยชนะคนมากกลยุทธ์นี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
           “พวกเจ้าออกเดินทางเดี๋ยวนี้และใช้นกพิราบสื่อสารส่งมาเมื่อเจรจาสำเร็จ เราจะดำเนินแผนการกันได้เลย” โจวฟางหลินสั่งการเป็นระบบระเบียบอย่างรวดเร็วกับทั้งสองคนที่เป็นคนของตนเอง
           ทุกคนที่นั่งฟังกลยุทธ์ครั้งนี้ถึงกับตกตะลึง หนานกงกับเสี่ยวเฉาชื่นชมยินดีและจะขอติดตามนายหญิงไปตลอดชีวิตไม่เคยคิดเลยว่านายหญิงนอกจากโหดเหี้ยมแล้วยังเชี่ยวชาญกลศึกถึงเพียงนี้
          รองแม่ทัพทั้งสอง ตะลึงกับกลยุทธ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ โอกาสชนะมีสูงมาก เขานับถือกุนซือที่เป็นสตรีอายุน้อยผู้นี้เสียจริงๆ เด็ดขาด วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน รอเพียงความร่วมมือของแคว้นหานและเผ่าเซียนเป่ยเพียงเท่านั้น
           “ข้าขอคำนับท่านกุนซือ” บุรุษร่างสูงใหญ่เยี่ยงชายชาติทหารคำนับด้วยความนับถือจากใจจริง เมื่อก่อนว่านางคือกุนซือที่ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เมื่อมาเทียบกับตอนนี้ นางช่างเปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งสุขุม เด็ดขาด กลยุทธ์ที่เอ่ยขึ้นมาไหนเลยจะมีใครคิดได้ซับซ้อนถึงเพียงนี้ ร่างสูงใหญ่มั่นใจว่าเพียงนางอยู่ย่อมชนะศึกครั้งนี้ได้แน่นอน
          “เมื่อต้องเริ่มเดินทัพเราจะมาลงรายละเอียดอีกครั้งเพราะที่กล่าวมาเพียงเอ่ยให้เห็นในภาพรวม และถ้ามีข้อสงสัยตรงที่ใดให้เอ่ยถามให้สิ้นสงสัย แผนการครั้งนี้ซับซ้อนนักเราจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่จุดเดียว” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยแผนกลศึกครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน หากสื่อสารผิดพลาดอาจจะพลิกเป็นฝ่ายเสียหายก็เป็นได้