" ไหนขอพี่ดูหน่อย " จ้าวฟางลู่ ยื่นมือให้พี่รองของนาง จับดูชีพจร
" ชีพจรปกติดี และดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ถ้าท่านพ่อกับพี่ใหญ่รู้ต้องดีใจมากแน่ " " ดังนั้นข้าก็ฝึกวรยุทธได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ " นางถามพี่รองด้วยความดีใจ เค้าพยักหน้ารับน้อย ๆ ท่านแม่ทัพบังเอิญมองเห็นแววตาเป็นประกายซุกซนของนางเข้า ' มิน่าละ หลายวันมานี้เจ้าดูเปลี่ยนไปมาก เป็นเพราะหายป่วยแล้วนั่น เอง แต่เป็นแบบนี้ก็ดี แล้ว น่ารักดี ' เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตุดี ๆ ก็จะมองไม่เห็น แต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาของกุนซือหน้าหยกไปได้ " ดังนั้นท่านแม่ทัพ รบกวนท่านช่วยสอน วรยุทธนางด้วยแล้วกัน " " ทำไมเจ้าไม่สอนเองละ " เค้าไม่ตอบท่านแม่ทัพแต่หันกลับไปพูดกับน้องสาวแทน " ไม่ใช่พี่ไม่อยากสอนเจ้า แต่พี่ต้องไปช่วยท่านราชครูคัดเลือกบัณฑิตใหม่ต่างหากเล้า " " นายน้อยขอรับ รองแม่ทัพมู่ มาขอพบขอรับ " ห้าวชวน เดินเข้ามารายงาน ทำให้การสนทนาต้องหยุดชะงักลง " พาเขาไปรอที่ห้องตำรา " " ขอรับนายน้อย " ห้าวชวน รับคำแล้วเดินออกไป " มู่เฉิน ก็มาที่นี่บ่อย เขากับเจ้าก็เคยเจอกันแล้วหลายครั้ง ถ้าให้เขาสอนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก หากท่านแม่ทัพอนุญาต ข้าจะคุยกับเขาเอง " พี่รองพูดพลางมองหน้าท่านแม่ทัพ ดูเหมือนจะขอความคิดเห็น ข้าจึงหันมาจองท่านแม่ทัพอย่างรอคำตอบเหมือนกัน ' ยังไงก็ต้องมีคนมาสอนเพื่อบังหน้าหากอยู่ ๆ เก่งวรยุทธ ขึ้นมาเองคงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ ' " ไม่ต้อง.. ..เดี๋ยวข้าสอนเอง นางเป็นถึง ฮูหยินแม่ทัพ จะให้รองแม่ทัพมาสอนวรยุทธ ผู้คนทั่วแผ่นดินนี้คงคิดว่าข้าไม่มีปัญญาสอนแม้กระทั่ง ฮูหยินของตัวเอง " พูดจบท่านแม่ทัพก็ทำหน้าบึ้ง แล้วเดินจากไป " พี่รอง ท่านแม่ทัพเขาเป็นอะไรหรือเจ้า " จ้าวฟางลู่มองตามหลังท่านแม่ทัพอย่างไม่เข้าใจ ' ก็แค่ถามความเห็นไม่ใช่หรอ ทำไมต้องโกรธด้วย เข้าใจยากเสียจริง ' " ไม่มีอะไรเขาแค่ทำไหน้ำส้มหกเฉย ๆ " " หา! " ' นี่แค่หก แล้วถ้าแตกละจะขนาดไหนนะไม่อยากจะคิดเลย ' " ลู่เอ๋อ เจ้าดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ " " หือ .. เปลี่ยนยังไงหรือเข้าคะ " " เจ้าดูสดใสร่าเริง ไม่ยึดถือกฎระเบียบมากไปเหมือนเมื่อก่อน " " ข้าผ่านความเป็นความตายมาก็หลายครั้งแล้ว ในขณะนั้นข้ามีเรื่องมากมายที่อยากทำแต่กับไม่สามารกระทำได้ตามใจตน ครั้งนี้เมื่อได้รับโอกาส ข้าก็แค่อยากทำในสิ่งที่ใจปรารถนา เมื่อถึงเวลานั้น จะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้เสียใจในภายหลังเจ้าค่ะ " " เจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว พี่ ๆ และท่านพ่ออยากเห็นเจ้ามีความสุข " " เจ้าค่ะพี่รอง เอ่อ ท่านพ่อและพี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ " " ท่านพ่อสบายดี ส่วนท่านพี่ของเจ้าก็มัวยุ่งอยู่กับงานใน กรมยุติธรรม ไม่ค่อยได้กลับจวนสักเท่าไหร่ " " ฝากบอกพวกท่านด้วยนะเจ้าคะ ว่าข้าคิดถึงพวกท่านมากเลย และฝากพี่รองและพี่ใหญ่ดูแลท่านพ่อแทนข้าด้วยนะ " " ได้ ๆ พี่ต้องไปแล้ว ส่วนเจ้าก็จงใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการเถอะ " " ทราบแล้วเจ้าค่ะ โลกใบนี้มีพี่ใหญ่ กับท่านแม่ทัพอยู่ มีพวกเค้าช่วยกันแบกไว้คงไม่มีทางถล่มลงมาได้ง่าย ๆ หลอกเจ้าค่ะ ถ้าจะถล่มลงมาจริงก็ยังมีพี่รองกับท่านพ่ออยู่พวกท่านคงไม่ปล่อยให้ข้าเป็นอะไรหรอกใช่ไหมเจ้าคะ " พี่รองมองนางด้วยรอยยิ้ม แววตาอบอุ่นและอ่อนโยน พร้อมเอามือมาลูบผมของนางเบา ๆ ' ครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้ ข้าจะรักษาไว้ให้ดี ' ห้องตำรา ท่านแม่ทัพมองแผนที่ ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างใช้ความคิด ในแผนที่นี้ รองแม่ทัพ มู่เฉิน ได้ ทำเครื่องหมายจุดที่เป็นค่ายโจรเอาไว้แล้ว มีทางเข้าหลายทาง นั่นก็แปลว่าพวกมันก็มีทางหนีหลายทางเช่นกัน " พวกมันมีพรรคพวกเท่าไหร่ " " ประมาณร้อยห้าสิบ ขอรับท่านพี่ แต่ทั้งหมดเป็นชายฉกรรจ์ พวกมันมีฝีมือพอตัวเลยขอรับ " " ดูจากแผ่นที่ ที่เจ้าวาดแล้ว การเผชิญหน้ากันโดยตรงอาจทำให้เกิดความสูญเสียมากแน่ คงต้องใช้กลอุบายเข้าช่วย " รองแม่ทัพมู่เฉิน พยักหน้าแล้วคิดตาม ตั้งแต่เล็กจนโตญาติผู้พี่ของเขาคนนี้ คิดอ่านรอบคอบและยึดถือเอาความปลอดภัยเป็นหลัก เขาจึงเต็มใจที่จะติดตามพี่ชายคนนี้ตลอดไป " ถ้าอย่างนั้น ให้ข้านำทหารส่วนหนึ่งปลอมตัวเข้าไปป่วน ภายในค่ายของพวกมันก่อนดีหรือไม่ขอรับ " " ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ เจ้าเข้าไปป่วนในค่าย ส่วนข้าจะนำทหารแบ่งออกเป็นสี่ส่วน บุกเข้าพร้อมกันทั้งสี่ทิศ คืนพรุ่งนี้เป็นคืนเดือนมืดง่ายต่อการพรางตัวเราจะลงมือในคืนพรุ่งนี้แล้วกัน " " ข้าจะไปเตรียมการให้พร้อม " " นายน้อยขอรับ ฮูหยินน้อยให้นำขนมมาให้ขอรับ " ห้าวชวนเดินมาพร้อมกับถือถาดขนมในมือเข้ามาวางลงบนโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมลอยมาแตะจมูกของบุคคลทั้งสอง ท่านแม่ทัพพยักหน้ารับพร้อมยิ้มนิด ๆ รองแม่ทัพ มู่เฉิน หยิบขนมถั่วเขียวเข้าปากแล้วทำหน้าแปลกใจ " ขนมมีปัญญาหรอ " ท่านแม่ทัพถามพลางหยิบขนมเข้าปากบ้าง ' ก็อร่อยกว่าทุกวัน แถมหอมด้วย ' " เปล่าขอรับท่านพี่ แค่รสชาดของขนมค้อนข้างคุ้นเคยเหมือนกับเคยกินที่ไหนมาก่อน " " อ๋อ..เมื่อเช้านี้ข้าเห็นฮูหยินน้อยกับเจียวซินเป็นคนทำขอรับ " ห้าวชวน รีบบอกสิ่งที่ตนรู้ " ถึงว่า ..เป็นคุณหนูจ้าว..เอ่อฮูหยินน้อยนี่เอง ถึงว่าเคยกินที่ไหน เป็นจวนสกุลจ้าวนี่เอง " มู่เฉิน ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี แต่งจากท่านแม่ทัพที่ดูเหมือนจะไม่พอใจกับท่าทีสนิทสนมของฮูหยินและญาติผู้น้อง ' ต้องสนิทแค่ไหนกัน เจ้ากุนซือนั่นถึงกับกล้าเอ่ยปากขอให้ มู่เฉินสอนวรยุทธนาง นี่ข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า 'ตงเฟยหลง กุมมือเรียวของภรรยาตัวน้อยแล้วพาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ เขารินสุราใสจอกให้นางและเขาก่อนที่จะคล้องแขนกันดื่มสุราจนหมดจอก นางยิ้มหวานให้เขา แล้วเดินเข้ามานั่งบนตักแกร่ง มือเรียวยกขึ้นมากอดรอบคอของคนตัวโตไว้ เขาจึงกอดรอบเอวบางไว้หลวม ๆ " ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ .... ว่า..ท่านพี่ ลงทุนมากมายขนาดนี้จะขออะไรหรือเจ้าคะ " นางมองสบตาคมแล้วเอ่ยถามออกมาตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม เขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของนาง " พี่ขอ เจ้าตัวเล็กเพิ่มอีกซักสองคนได้ไหม " " แค่นี้ยังไม่พออีกหรือเจ้าคะ " " ยัง..... มีเยอะ ๆ สิถึงจะดี " " แต่ว่า " " เจ้าสัญญากับพี่แล้วนะ " เขาไม่รอให้นางเอ่ยจบ แล้วช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้พาเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว จ้าวฟางลู่ นางรู้ว่าหากคุณสามีของนางเขาตั้งใจที่จะทำอะไรแล้วต้องสำเร็จทุกประการ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่ นางจึงทำได้แค่ยอมตามใจเขาเท่านั้น ตงเฟยหลง มองเด็กน้อยวัยสี
จ้าวฟางลู่มองหน้าอาเต๋อ ที่ยืนทำหน้าตาไม่สู้ดีนัก แล้วจึงเดินกลับเข้าเรือนของตนเองไปเตรียมตัวไปงานแต่งของพี่รอง นางเดินวนไปวนมาอย่างคุ้นคิด ว่าสามีของนางจะไปไหนได้ งานแต่งพี่รองก็ใกล้จะเริ่มแล้วนะ " เจียวซิน ท่านแม่ทัพกลับมาหรือยัง " " ยังเลยเจ้าค่ะ ฮูหยิน " " แล้วเสี่ยวเป่ากับอิ่งเอ๋อหล่ะ แต่งตัวเสร็จหรือยัง " " เสร็จแล้วเจ้าค่ะ " " ข้าจะร่วงหน้าไปก่อน เจ้าไปบอกห้าวชวนหากท่านแม่ทัพกลับมาแล้วให้เขารีบตามไปด้วยนะ " " เจ้าค่ะ " จ้าวฟางลู่ นางส่องกระจกอีกครั้งเพื่อดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่ ชุดสีน้ำเงินเข้มที่ช่วยขับผิวของนางให้ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นางแต่งหน้าบาง ๆ แต่ยังเลือกเครื่องประดับไม่ได้เลย มือหนากอดรอบเอวบางจากทางด้านหลัง เขาเกิยคางบนไหล่มนแล้วคลอเคลียอยู่กับซอกคอขาวผ่องของภรรยาตัวน้อย บอกตามตรงเขาไม่ชอบให้นางออกงานสังคมเท่าไหร่นัก เพราะไม่ชอบเวลาที่มีบุรุษอื่นม
บุรุษทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างจนใจ เมื่อเจอคำถามของนาง " ลู่เอ๋อ แต่ไม่ไม่เหมือนกันนะ " ท่านแม่ทัพยังคงพยายามที่จะอธิบายต่อ แต่นางก็ไม่ได้สนใจฟังเขาสักเท่าไหร่นัก " แต่ที่นางส่งคนมารอบทำร้ายข้าจะไม่เกินไปหน่อยหรอเจ้าคะ....ข้าว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ๆ " " เราจะไปลงโทษนางเอง...และจะให้นางมาขอโทษเจ้าด้วยดีไหม " ฮ่องเต้ ยังคงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางยิ้มรับแล้วหันไปมองเจียวซิน ที่เดินเข้ามานางสบตากับสาวใช้คนสนิทอย่างรู้กัน แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ " คงไม่ต้องแล้วหละเจ้าค่ะ......องค์หญิงคงได้รับบทเรียนมากพอแล้ว " ทุกคนหันมามองหน้านางด้วยความสงสัย แต่ก็ยังไม่ทันมีใครได้ถามอะไร กงกงคนสนิทของฝ่าบาทก็เข้ามาเสียก่อน " ทูลฝ่าบาท ที่ตำหนักขององค์หญิงเหยาจีเกิดเรื่องแล้วพะยะค่ะ " เมื่อกงกงเอ่ยจบ บุรุษทั้งสามคนก็หันมามองหน้านางทันที จ้าวฟางลู่จึงยิ้มบาง ๆ ให้พวกเขาแทนคำตอบ
จ้าวฟางลู่ กอดอกยืนมองชายชุดดำสี่คนที่ถูกจับได้ นางควงมีดในมือเล่น แล้วเดินวนรอบ ๆ ตัวพวกมัน " ใครส่งพวกเจ้ามาหรือ " นางเอ่ยถามคนเหล่านี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไร " หึ...ที่นี่เป็นถึงจวนแม่ทัพผู้เก่งกาจ เหตุใดจึงให้สตรีออกหน้าได้ น่าขายหน้าเสียจริง ไอ้แม่ทัพนั่น มัวไปมุดหัว อยู่ที่ไหนล่ะ" หนึ่งในพวกมันเอ่ยขึ้นทำให้ จ้าวฟางลู่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนผู้นั้น " สตรีแล้วอย่างไร.....หรือเจ้าว่าข้าไม่น่ากลัวหรือ...." นางมองคนผู้นั้นด้วยความเฉยเมย แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ แถมยังมาพูดเหยียดหยามสามีของนางอีก แบบนี้คงอยากจะลองดี " ได้....หากถามดี ๆ เจ้าไม่ชอบ เดี๋ยวข้าจัดให้......เด็ก ๆ " พอสิ้นเสียงของนาง คนของนางสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหีบใบหนึ่ง พวกเขาหยิบมีขนาดเล็กไล่เรียงตามลำดับไปถึงใหญ่มาก ออกจากหีบมาวางเรียงรายตรงหน้านาง ชายชุดดำทั้งสี่คนมองมีดขนาดต่าง ๆ อย่างตื่นตระหนก จ้าวฟางลู่นางหยิบมีดออกมาควงเล่นตรงหน้าพวกเขา
จ้าวฟางลู่ ยืนมองเงาสะท้อนในกระจก อย่างพอใจนางแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม ' แค่นี้ก็พอมั้ง ' " งามมากเลยเจ้าค่ะฮูหยิน " เจียวซิน เอ่ยชมและมองนายหญิงของนางด้วยรอยยิ้ม หากจะบอกว่าฮูหยินยังเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็คงไม่มีใครสงสัยอะไรเป็นแน่ " ซินเอ๋อ ..... เจ้าก็พูดเกินไป เราออกไปกันเถอะท่านพี่คงรอนานแล้ว " " เจ้าค่ะ " เจียวซินเดินตามหลังฮูหยินออกมาจากห้อง ก็เห็นท่านแม่ทัพกับอาเต๋อรออยู่ก่อนแล้ว ตงเฟยหลง มองสตรีตรงหน้าด้วยความตกตะลึงวันนี้นางอยู่ในชุดสีม่วงอ่อน เรียบง่ายแปลกตา ใบหน้าหวานใสแต่งหน้าบาง ๆ เรียวปากสีชมพูระรื่นน่าลิ้มลอง เขาเริ่มจะไม่อยากพานางไปงานแล้วซิ ' สงสัยข้าคงคิดผิดแน่ ๆ ' " ท่านพี่.....ท่านพี่เจ้าคะ ท่านไม่สบายหรือเปล่าข้าเรียกตั้งนาน ทำไมท่านไม่ตอบ " นางเดินเข้ามาใกล้ ใช้หลังมือยกขึ้นมาอิงกับหน้าผากของผู้เป็นสามีด้วยความห่วงใย " ใช่พี่ไม่สบาย...เราไม่ไปแล้วได้ไหม
หยางหลี่เวย มองดูบ่าวรับใช้ขนของขึ้นรถม้า เตรียมเดินทางเข้าเมืองหลวง ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปจัดงานแต่งที่เมืองหลวงแทน " เวยเวย " ร่างบางหันไปมองตามเสียงเรียก แล้วส่งยิ้มหวานให้บุรุษหน้าหวานที่กำลังเดินมาหานาง หลายวันมานี้เขาอาการดีขึ้นเร็วมากจนน่าแปลกใจ แต่หนทางยาวไกลนางเป็นห่วงว่าร่างกายเขาจะรับไม่ไหว " ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะเดินทางไหว " นางมองหน้าเขาอย่างห่วงใยและกังวลใจในคราวเดียวกัน เขามองหน้านางก่อนจะยิ้มบาง ๆ " ตำแหน่งกุนซือของพี่ไม่ได้ ได้มาเพราะหน้าตาหรอกนะเด็กโง่ ไปกันเถอะ " " ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าเชื่อท่าน " หยางหลี่เวย นางเอ่ยเสียงหวานแล้วส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะประคองคนตัวสูงขึ้นรถม้าแล้วออกเดินไปยังเมืองหลวง จวนท่านแม่ทัพ ตงเฟยหลง กลับมาจากกองทัพก็ตรงไปยังเรือน ของฮูหยินทันที่ แต่เดินมาได้ครึ่งทางเขาก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน จนห้าวชวนที่เดินตามหลังเกือบหยุดไม่ทัน