ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70

ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70

last updateLast Updated : 2025-08-09
By:  ต้นไม้แห้งUpdated just now
Language: Thai
goodnovel12goodnovel
Not enough ratings
32Chapters
85views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ถูกส่งไปตายดาบหน้าที่ชนบทในยุค 70 ทว่าสวรรค์ยังมีตา เมื่อ เสวี่ยหรง เจ้าของไร่ฟาร์มจากอนาคตไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมมิติฟาร์ม งานนี้ใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ข่มเหงเธอ!

View More

Chapter 1

01 ข้ามภพข้ามกาล

เสียงหวูดรถไฟแหลมยาวกรีดผ่านม่านอากาศ ขบวนรถจักรไอน้ำสีดำทะมึนกำลังเคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้ายราวกับอสรพิษเหล็กขนาดยักษ์บนรางที่ทอดยาวสุดสายตา ภายในตู้โดยสารชั้นสามที่ทั้งแออัด เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นสนิม และกลิ่นฝุ่นถ่านหินคละคลุ้งจนน่าเวียนหัว

บนม้านั่งไม้แข็งกระด้าง มีร่างบอบบางของหญิงสาวผู้หนึ่งเอนซบอยู่กับขอบหน้าต่างที่พร่าเลือนด้วยไอละอองหมอก ความเจ็บปวดรวดร้าวแล่นวาบอยู่ในศีรษะราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง เสวี่ยหรง ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนที่ความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนจะหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนที่กำลังจะพังทลาย

ภาพของ หลินเสวี่ยหรง เจ้าของร่างเดิม..

เด็กสาวผู้งดงามราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ แต่ชีวิตกลับน่าสมเพชยิ่งกว่าอะไร ถูกแม่เลี้ยงใจยักษ์เฉดหัวออกจากบ้านหลังบิดาเสียชีวิต เพียงเพื่อเปิดทางให้ลูกสาวแท้ ๆ ของตนได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง คำพูดสุดท้ายที่กรีดลึกลงในใจคือการตัดขาดอย่างไร้เยื่อใย พร้อมเงินสามร้อยหยวน และคูปองปันส่วนจำนวนหนึ่งที่โยนให้ราวกับเศษทาน

“เฮอะ! ช่างเป็นชีวิตที่น่าสมเพชเสียจริง” หลินเสวี่ยหรง หญิงสาวในศตวรรษที่ยี่สิบห้า แค่นเสียงในใจ ดวงตาหงส์ที่เคยหม่นหมองและหวาดกลัวอยู่เสมอ บัดนี้กลับทอประกายเย็นเยียบราวน้ำแข็งขั้วโลก ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ กวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างประเมินสถานการณ์

“พวกเธอดูหล่อนสิ นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นเลย คงจะตกใจกลัวจนพูดไม่ออกแล้วล่ะมั้ง” เสียงแหลมเล็กเสียดแก้วหูมาจากกลุ่มเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ชิงเหอ หญิงสาวผู้มีใบหน้าตกกระ และริมฝีปากบางเฉียบเป็นผู้เอ่ยขึ้น เธอจ้องมองหลินเสวี่ยหรงด้วยแววตาอิจฉาริษยาอย่างไม่ปิดบัง

สหายหญิงอีกคนรีบเอ่ยผสมโรง

“ก็ดูรูปโฉมเธอสิ ขาวผ่องขนาดนั้น ผิวบางเสียยิ่งกว่า¹กระดาษซวนจื่อ จะไปตรากตรำทำงานในชนบทไหวได้ยังไงกัน”

ชิงเหอหัวเราะคิกคัก “ฉันว่านะ สวยอย่างกับตุ๊กตากระเบื้องแบบนี้ จะไปขุดดินไหวเรอะ เผลอ ๆ โดนแดดนิดโดนลมหน่อยก็คงละลายหายไปแล้วมั้ง!”

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังประสานกันราวกับเสียงกาในป่าช้า ผู้คนรอบข้างบางคนมองมาด้วยความสมเพช บางคนก็มองอย่างรอดูเรื่องสนุก หลินเสวี่ยหรงยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาจับจ้องทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้พวกปากหอยปากปูสนทนากันอย่างสนุกปาก

“เงียบไปเลยเห็นไหม คงจะจริงอย่างที่ฉันว่า” ชิงเหอเชิดหน้าอย่างผู้ชนะ “คนประเภทนี้ก็มีดีแค่หน้าตานั่นแหละ พอถึงเวลาต้องใช้แรงงานจริง ๆ ก็เป็นได้แค่ตัวถ่วง”

ทันใดนั้นเอง ร่างที่นิ่งงันราวรูปสลักก็ค่อย ๆ หันกลับมา เสมือนหงส์ที่สะบัดปีกอย่างเกียจคร้าน ดวงตาคู่งามที่บัดนี้ไร้ซึ่งความหวาดหวั่น จับจ้องไปยังใบหน้าของผู้พูดอย่างตรงไปตรงมา ริมฝีปากแดงระเรื่อดุจผลอิงเถาแย้มออกช้า ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับเสียดแทงไปถึงกระดูก

“ก็ยังดีกว่าบางคนที่หน้าตาก็เหมือนดินที่โดนขุดแล้ว”

ประโยคแรกทำให้เสียงหัวเราะชะงักงัน ชิงเหอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

หลินเสวี่ยหรงเอียงคอเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายปิดฉาก

“อีกทั้ง ปากก็ยังเหม็นเหมือนปุ๋ยคอกอีก”

สิ้นเสียงของหลินเสวี่ยหรง ทั้งตู้โดยสารพลันเงียบกริบราวกับป่าช้ายามเที่ยงคืน!

ใบหน้าของชิงเหอแปรเปลี่ยนจากขาวเป็นเขียว จากเขียวเป็นม่วงคล้ำ เธออ้าปากค้างราวกับคนโดนตบหน้ากลางสี่แยก แต่กลับหาเสียงของตัวเองไม่เจอ คำพูดที่หลินเสวี่ยหรงเอ่ยออกมานั้นไม่หยาบคายแม้แต่น้อย แต่กลับคมกริบยิ่งกว่ามีดที่ถูกลับมาอย่างดี

สายตาของผู้คนรอบข้างเปลี่ยนไปในทันที จากความสมเพชในตัวหลินเสวี่ยหรง กลายเป็นความตกตะลึงและขบขันในตัวชิงเหอ

หลินเสวี่ยหรงไม่สนใจสายตาเหล่านั้นอีก รีบดึงสายตากลับมาทอดมองนอกหน้าต่างดังเดิม ทิ้งให้บรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วนปกคลุมกลุ่มของชิงเหอต่อไป

การเดินทางอันยาวนานบั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจ ทว่าเมื่อถึงเวลาปันส่วนอาหารเที่ยง ทุกคนต่างได้รับ²หมั่นโถวที่แข็งกระด้างราวกับก้อนหินคนละหนึ่งลูก พร้อมน้ำดื่มอีกครึ่งกระบอกไม้ไผ่ นี่คืออาหารอันโอชะสำหรับประทังชีวิตไปอีกหนึ่งมื้อ

หลินเสวี่ยหรงรับส่วนของตนมาอย่างเงียบ ๆ เธอไม่ได้คาดหวังความเลิศเลออะไรอยู่แล้ว แต่ในขณะที่เธอกำลังจะนำหมั่นโถวเข้าปาก สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเหตุการณ์หนึ่ง เด็กหนุ่มที่นั่งเยื้องไปด้านหลังทำหมั่นโถวของตนหล่นลงบนพื้นรถไฟที่สกปรกโสโครก เขาตกใจ รีบก้มลงเก็บและปัดฝุ่นออกอย่างลวก ๆ ด้วยความเสียดาย ก่อนจะยัดมันเก็บไว้ข้างตัวด้วยสีหน้าเจื่อนสนิท

หลินเสวี่ยหรงหรี่ตาลงเล็กน้อย มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น

“นังคนชั้นต่ำนั่นกล้าดียังไงมาต่อว่าฉัน!” ชิงเหอกระซิบกับสหายด้วยความเดือดดาล “ฉันจะทำให้หล่อนไม่มีอะไรจะกินคอยดู!”

ว่าแล้วเธอก็อาศัยจังหวะที่รถไฟกระตุกอย่างรุนแรง แสร้งทำเป็นเซถลาเข้ามาทางหลินเสวี่ยหรง มือหนึ่งยื่นออกไปหมายจะฉกชิงหมั่นโถวในมือเธออย่างรวดเร็ว

ทว่าคนที่เร็วกว่าเธอ ก็คือหลินเสวี่ยหรง!

ในเสี้ยววินาทีที่ชิงเหอพุ่งเข้ามา หลินเสวี่ยหรงผู้เตรียมพร้อมอยู่แล้วขยับตัวเพียงเล็กน้อย มือที่ถือหมั่นโถวอยู่ลดต่ำลงวูบหนึ่ง สลับสับเปลี่ยนกับก้อนหมั่นโถวที่เธอแอบหยิบมาจากเด็กหนุ่มคนนั้นตอนที่เขาเผลอได้อย่างแนบเนียน การเคลื่อนไหวของเธอราบรื่นและรวดเร็วราวกับสายลม ไม่มีใครสังเกตเห็น ยกเว้นดวงตาคู่หนึ่งที่เฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ

“ว้าย!” ชิงเหอร้องขึ้นเบา ๆ เมื่อคว้าหมั่นโถวมาไว้ในมือได้สำเร็จ เธอยืดตัวขึ้น ยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ “ขอโทษด้วยนะสหายหลิน มือฉันมันไถลไปหน่อย”

หลินเสวี่ยหรงทำเพียงปรายตามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด ๆ

ชิงเหอรู้สึกราวกับตนเองชกไปบนปุยฝ้าย เธอแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปอวดสหายแล้วงับหมั่นโถวที่แย่งมาได้เข้าปากไปคำใหญ่หมายจะเย้ยหยัน

ทันใดนั้น!

สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนไป รสชาติฝาดเฝื่อน และสัมผัสกรุบกรับของเศษดินทรายทำให้รอยยิ้มของเธอแข็งค้าง เธอพยายามจะกลืน แต่ก็ทำไม่ได้ จะคายก็อับอายผู้คน ใบหน้าจึงบิดเบี้ยวจนน่าขัน

อุ๊บ!

ขณะเดียวกันนั้นเอง หลินเสวี่ยหรงก็ค้นพบบางอย่างข้างตัวเธอ

“อ๊ะ! หมั่นโถวของฉันอยู่นี่นี่เอง เกือบจะคิดว่าหายไปซะแล้ว” เธอหยิบหมั่นโถวก้อนที่สะอาดสะอ้านของตนขึ้นมา กัดกินอย่างละเมียดละไม ท่าทางสง่างามราวเธอหงส์กำลังจิบน้ำค้าง

ภาพนั้นบาดตาลึกเข้าไปในใจของชิงเหอ เธออยากจะอาละวาดแต่ก็จุกอยู่ในลำคอ ได้แต่ไอค่อกแค่กออกมาอย่างน่าสมเพช

เรื่องราวทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของ อวี๋ซิน เด็กสาวผู้เงียบขรึมที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอเห็นการกระทำอันรวดเร็ว และเฉียบขาดของหลินเสวี่ยหรงทั้งหมด ดวงตาของเธอทอประกายประหลาดใจระคนชื่นชม เธอไม่เคยเห็นใครเอาคืนได้อย่างเจ็บแสบโดยไม่ต้องขยับปากแบบนี้มาก่อน

อวี๋ซินมองหลินเสวี่ยหรงที่นั่งกินหมั่นโถวอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้มของตน ในใจของเธอได้ตัดสินแล้วว่า หญิงสาวที่งดงามราวภาพวาดแต่กลับร้ายกาจราวกับเธอพญาผู้นี้ คือคนที่เธอสมควรจะผูกมิตรด้วยที่สุด

หลังจากที่อสรพิษเหล็กได้ปลดปล่อยผู้โดยสารกลุ่มสุดท้ายลงแล้ว มันก็ส่งเสียงคำรามกึกก้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเคลื่อนตัวจากไป ทิ้งไว้เพียงกลุ่มยุวชนปัญญาชนจากเมืองใหญ่ให้ยืนเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางสถานีรถไฟเล็ก ๆ ที่ดูรกร้างว่างเปล่า

เบื้องหน้าของพวกเขาคือถนนดินลูกรังที่ทอดยาวเข้าไปในหุบเขา สองข้างทางมีเพียงผืนดินสีเหลืองแห้งแล้งแตกระแหง มองสุดลูกหูลูกตาไม่เห็นแม้แต่เงาของความเจริญ กลิ่นดินและกลิ่นมูลสัตว์ลอยมาปะทะจมูก เป็นการต้อนรับที่ไม่น่าพิสมัยนัก ความฝันสวยหรูเกี่ยวกับการอุทิศตนเพื่อมาตุภูมิในชนบทของหลายคน พลันสลายไปในบัดดล

ไม่นานนัก ก็มีเสียงเกวียนเทียมม้าดังมาจากปลายถนน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถือแส้ควบคุมม้าผอมโซให้เคลื่อนมาจอดตรงหน้ากลุ่มยุวชน เขาคือ ผู้ใหญ่บ้านสือ ผิวของเขาคล้ำแดด ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยความกรำงานหนัก แต่ดวงตากลับคมปลาบดุจเหยี่ยวที่มองทะลุปรุโปร่งไปถึงจิตใจคน

“พวกเธอคือกลุ่มยุวชนปัญญาชนที่ถูกส่งมาใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขาห้วน และไร้ซึ่งการต้อนรับขับสู้ใด ๆ

ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มก้าวไปข้างหน้าแล้วตอบอย่างนอบน้อม

“ใช่แล้วครับ พวกเราเพิ่งเดินทางมาถึง”

“อืม” ผู้ใหญ่บ้านสือพยักหน้ารับรู้ “สัมภาระเอาขึ้นเกวียน ส่วนคนก็เดินตามมา อย่าโอ้เอ้ ฉันไม่มีเวลาทั้งวัน”

สิ้นคำสั่ง ทุกคนก็รีบยกหีบสมบัติของตนขึ้นบนเกวียนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินเรียงแถวตามหลังเกวียนเข้าไปในหมู่บ้านที่ราวกับถูกกาลเวลาลืมเลือน ยิ่งเดินลึกเข้าไป ความสิ้นหวังก็ยิ่งจับขั้วหัวใจของเหล่าปัญญาชนจากเมืองหลวง บ้านเรือนส่วนใหญ่ทำจากดินเหนียวและฟาง หลังคามุงด้วยหญ้าแห้ง เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ตามทางก็สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ เนื้อตัวมอมแมม สายตาของชาวบ้านที่มองมานั้นหลากหลาย ทั้งอยากรู้อยากเห็น ระแวงสงสัย และบางสายตาก็แฝงไว้ด้วยความเฉยชา

มีเพียงหลินเสวี่ยหรงเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เธอกวาดสายตามองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยแววตาพินิจพิเคราะห์ ในสมองกำลังประมวลผลและเปรียบเทียบข้อมูลกับยุคสมัยที่ตนจากมา ที่นี่ขาดแคลนทุกอย่าง

ซึ่งหมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีในมิตินั้น ล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่า!

เกวียนมาหยุดลงหน้ากระท่อมดินขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่ดูเก่าแก่ และทรุดโทรมกว่าบ้านหลังอื่น ๆ ในละแวกนั้น หลังคามีรอยรั่วอยู่หลายแห่ง กระดาษที่เคยแปะอยู่บนช่องหน้าต่างก็ฉีกขาดวิ่นแหว่ง ปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามาได้อย่างอิสระ

“ถึงแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านสือเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือบ้านยุวชน ที่พักของพวกเธอ จัดแจงกันเอาเองว่าจะนอนตรงไหน”

ชิงเหอเบ้ปากด้วยความรังเกียจ

“นี่จะให้พวกเราอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?! ที่แบบนี้มันจะต่างอะไรกับคอกหมู!!!”

แววตาของผู้ใหญ่บ้านสือตวัดมองหล่อนอย่างเย็นชา

“ในหมู่บ้านต้าซานของเรา แม้แต่คอกหมูก็ยังมีประโยชน์กว่าคนที่ไม่ทำงาน” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “จำไว้ให้ดี พรุ่งนี้เช้าตอนฟ้าสาง ให้มารวมตัวกันที่ลานหมู่บ้านเพื่อรับมอบหมายงาน ใครมาสายจะถูกหักคะแนนสะสม ที่นี่.. หมู่บ้านของเราไม่เลี้ยงดูคนขี้เกียจ”

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
32 Chapters
01 ข้ามภพข้ามกาล
เสียงหวูดรถไฟแหลมยาวกรีดผ่านม่านอากาศ ขบวนรถจักรไอน้ำสีดำทะมึนกำลังเคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้ายราวกับอสรพิษเหล็กขนาดยักษ์บนรางที่ทอดยาวสุดสายตา ภายในตู้โดยสารชั้นสามที่ทั้งแออัด เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นสนิม และกลิ่นฝุ่นถ่านหินคละคลุ้งจนน่าเวียนหัวบนม้านั่งไม้แข็งกระด้าง มีร่างบอบบางของหญิงสาวผู้หนึ่งเอนซบอยู่กับขอบหน้าต่างที่พร่าเลือนด้วยไอละอองหมอก ความเจ็บปวดรวดร้าวแล่นวาบอยู่ในศีรษะราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง เสวี่ยหรง ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนที่ความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนจะหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนที่กำลังจะพังทลายภาพของ หลินเสวี่ยหรง เจ้าของร่างเดิม..เด็กสาวผู้งดงามราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ แต่ชีวิตกลับน่าสมเพชยิ่งกว่าอะไร ถูกแม่เลี้ยงใจยักษ์เฉดหัวออกจากบ้านหลังบิดาเสียชีวิต เพียงเพื่อเปิดทางให้ลูกสาวแท้ ๆ ของตนได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง คำพูดสุดท้ายที่กรีดลึกลงในใจคือการตัดขาดอย่างไร้เยื่อใย พร้อมเงินสามร้อยหยวน และคูปองปันส่วนจำนวนหนึ่งที่โยนให้ราวกับเศษทาน“เฮอะ! ช่างเป็นชีวิตที่น่าสมเพชเสียจริง” หลินเสวี่ยหรง หญิงสาวในศตวรรษที่ยี่สิบห้า แค่นเสีย
last updateLast Updated : 2025-08-07
Read more
02 แย่งชิงพื้นที่
คำพูดนั้นราวกับน้ำเย็นถังใหญ่ที่สาดใส่หน้าทุกคนจนชาไปทั้งตัวผู้ใหญ่บ้านสือไม่กล่าวอะไรอีก เขาหันหลังกลับและเดินจากไป ทิ้งให้เหล่าหนุ่มสาวผู้สูงศักดิ์จากเมืองใหญ่ยืนเผชิญหน้ากับชะตากรรมอันโหดร้ายของตนเองสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านช่องโหว่ของกระท่อมเข้ามา วูบหนึ่งราวกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยในโชคชะตา เหล่ายุวชนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บางคนเริ่มน้ำตาซึม บางคนก็ถอนหายใจอย่างสิ้นหวังและเมื่อร่างของผู้ใหญ่บ้านสือลับหายไป ความเงียบอันน่าอึดอัดก็เข้าปกคลุมบ้านยุวชนหลังใหม่แห่งนี้ชั่วครู่ ก่อนที่มันจะพังทลายลงด้วยเสียงโวยวายของเหล่าปัญญาชนผู้สิ้นหวัง“สวรรค์! นี่มันที่ซุกหัวนอนของคนหรือนี่!”“ดูฝุ่นนั่นสิ หนาเป็นนิ้ว ฉันจะนอนลงไปได้ยังไง”ภายในกระท่อมดินขนาดใหญ่ มีเพียง¹เตียงดินที่ก่อขึ้นจากดินเหนียวเรียงรายอยู่หลายแท่น แต่ละแท่นมีสภาพแตกต่างกันไป บางแท่นอยู่มุมอับชื้น บางแท่นอยู่ใต้รอยรั่วบนหลังคาที่เห็นได้อย่างชัดเจน และมีเพียงไม่กี่แท่นที่ดูแห้งสนิทและอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด บริเวณที่ห่างจากประตูซึ่งมีลมโกรกและอยู่ลึกเข้าไปด้านในกฎของผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมปรากฏผลในยามคับขัน กลุ่มหนุ่มสาวที่แข็งแรง
last updateLast Updated : 2025-08-07
Read more
03 บุรุษในเครื่องแบบ
หลายวันต่อมา ชื่อเสียงของหลินเสวี่ยหรงก็เริ่มเป็นที่รับรู้ในหมู่ยุวชนด้วยกัน แม้กลุ่มของชิงเหอจะยังคงคอยแขวะอยู่เสมอ แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนเธออย่างเปิดเผยอีกหลินเสวี่ยหรงยังคงเลือกใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยม ไม่โอ้อวด และยังคงออกไปสำรวจป่าเป็นกิจวัตร ซึ่งเป็นข้ออ้างชั้นดีในการเข้าไปจัดการฟาร์มในมิติและนำของเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกมาบ่ายวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจอยู่บริเวณชายป่าซึ่งใกล้กับเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ทว่าเสียงขวานจามไม้ที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอก็ดึงดูดความสนใจของเธอเมื่อมองลอดผ่านแนวพุ่มไม้เข้าไป เธอก็เห็นแผ่นหลังกว้างของบุรุษผู้หนึ่ง เขากำลังจามฟืนอยู่ข้างบ้านดินหลังหนึ่งที่แม้จะเก่าแก่แต่ก็ดูแลปัดกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน ร่างของเขาสูงใหญ่กำยำ ทุกครั้งที่เหวี่ยงขวานลงมา มัดกล้ามบนแผ่นหลังและท่อนแขนก็ขยับเคลื่อนอย่างทรงพลัง และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ท่าทางเถรตรงแน่วแน่ราวกับทหารที่กำลังฝึกซ้อมบนเสาไม้ข้าง ๆ กันนั้น มีเสื้อคลุมทหารสีเขียวมะกอกพาดไว้อย่างเป็นระเบียบ บ่งบอกสถานะของเขาของได้อย่างชัดเจน‘ทหารนี่’ หลินเสวี่ยหรงประเมินในใจด้วยสายตาเรียบเฉย ‘แข็งแรงดี แต่ดูท่าทางจะเถรตร
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
04 ข่าวลือสะพัด
“สวรรค์! หล่อนเห็นหรือเปล่า! หล่อนเห็นเหมือนที่ฉันเห็นใช่ไหม?!” หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจางซื่อพยักหน้าหงึก ๆ ดวงตาเป็นประกายระยับราวกับสุนัขจิ้งจอกเฒ่า“เห็นสิ เห็นเต็มสองตาเลย! เจ้าเว่ยหลงกำลังอุ้มสหายหญิงยุวชนคนนั้นออกมาจากป่าลึก สองต่อสอง! แถมดูสภาพเธอสิ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ดูหลุดลุ่ยชอบกล”ข่าวลือในหมู่บ้านเล็ก ๆ เดินทางได้เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งในฤดูแห้งแล้ง เพียงไม่ถึงสองชั่วโมงเรื่องราวก็ถูกส่งต่อไปปากต่อปาก และถูกปรุงแต่งจนผิดเพี้ยนไปจากความจริงลิบลับจากเว่ยหลงอุ้มยุวชนสาวที่บาดเจ็บ กลับกลายเป็น..“ฉันได้ยินมาว่าเว่ยหลงกับยุวชนคนสวยนั่นแอบไปพลอดรักกันในป่า! แต่ถูกจางซื่อจับได้คาหนังคาเขาเลยทีเดียว!”และในท้ายที่สุด คำพูดเหล่านั้นก็กลายเป็นคำพูดที่ร้ายแรงที่สุด..“โอ้สวรรค์! พวกเขาว่ากันว่าเว่ยหลงกับยุวชนสาวชาวเมืองคนนั้นทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกันในป่า! หล่อนมันจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แกล้งทำเป็นเจ็บขาเพื่อให้เขาอุ้มกลับมากลบเกลื่อนความผิด!”และแน่นอนว่าข่าวนี้ย่อมต้องลอยเข้าหูของหลี่เหมยจนได้สหายผู้หวังดีของเธอรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้ฟังด้วยสีห
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
05 พบหน้าแม่สามี
หลังจากที่ข้อตกลงอันน่าประหลาดใจถูกกำหนดขึ้นในห้องของผู้ใหญ่บ้านแล้ว บรรยากาศก็ยิ่งน่ากระอักกระอ่วนใจยิ่งกว่าเดิม ผู้ใหญ่บ้านสือผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาค่อนชีวิตยังอดจะลอบมองหลินเสวี่ยหรงด้วยแววตาทึ่ง ๆ ไม่ได้ เขากระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น“อะแฮ่ม! ในเมื่อตกลงกันแล้ว เว่ยหลง นายก็พาหลินจือชิงกลับไปแจ้งให้แม่ของนายให้รับทราบเถอะ”การเดินทางจากบ้านผู้ใหญ่บ้านไปยังบ้านตระกูลเว่ยนั้นสั้นเสียยิ่งกว่าก้านธูป แต่สำหรับคนทั้งสองแล้วมันกลับยาวนานนัก เว่ยหลงเดินนำหน้าด้วยแผ่นหลังที่ตั้งตรง ไม่เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่ครึ่งคำส่วนหลินเสวี่ยหรงก็เดินตามหลังอย่างเงียบ ๆ พลางพยุงร่างที่บาดเจ็บของตนไปทีละก้าว สายตาของชาวบ้านที่มองมาในครานี้เปลี่ยนจากความสงสัยใคร่รู้ไปเป็นความตกตะลึงข่าวการแต่งงานคงจะแพร่สะพัดไปแล้วไม่นานนัก พวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านดินหลังเดิมที่เธอเคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้จามฟืนอยู่ มันเป็นบ้านที่แม้จะเก่าแก่แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี สะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อยเว่ยหลงผลักประตูไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเข้าไป“แม่ ผมกลับมาแล้ว”หญิงชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากส่วนที่เ
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
06 พิชิตใจน้องสาวสามี
แสงอรุณแรกของวันสาดส่องเข้ามาทางรอยแตกของบานหน้าต่าง ปลุกให้หลินเสวี่ยหรงตื่นขึ้นจากการหลับใหลที่ไม่ได้สนิทดีนัก ทว่าเมื่อเธอลืมตาขึ้น ที่นอนฟางบนพื้นตรงมุมห้องก็ว่างเปล่าเสียแล้วเว่ยหลงคงจะตื่นและออกไปทำภารกิจของตนตั้งแต่เช้ามืด ไม่นานนัก เสียงกุกกักจากการทำครัวก็ดังแว่วมาจากด้านนอก เป็นสัญญาณว่าวันแรกในฐานะสะใภ้ตระกูลเว่ยของเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเธอลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปภาพที่เห็นคือแม่สามีกำลังคนข้าวต้มในหม้อดินใบใหญ่ กลิ่นหอมจาง ๆ ของข้าวลอยมาปะทะจมูก แต่มันเป็นข้าวต้มที่ใสจนแทบจะมองเห็นก้นหม้อ มีเม็ดข้าวสารลอยอยู่เพียงน้อยนิด บนโต๊ะมีเพียงจานเล็ก ๆ ที่ใส่ผักดองเค็มสีคล้ำวางอยู่หนึ่งจาน นี่คืออาหารเช้าของครอบครัว ช่างเป็นภาพที่สะท้อนถึงความยากจนข้นแค้นได้ดีทีเดียว“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวก่อน” ชุนฮวาเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันมามอง น้ำเสียงยังคงราบเรียบเช่นเคยเว่ยเหอหลาน น้องสาวสามีตัวน้อยรีบยกม้านั่งเตี้ย ๆ มาวางไว้ให้หลินเสวี่ยหรงอย่างเอาใจ “พี่สะใภ้ นั่งตรงนี้” เธอเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าเล็ก ๆ ยังคงเจือแววประหม่าหลินเสวี่ยหรงนั่งลง แล้วรับถ้วยข้าวต้มที
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
07 ตลาดมืด
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ชุนฮวากำลังนั่งปะชุนรองเท้าผ้าของเว่ยเหอหลานที่เก่าจนพื้นรองเท้าแทบจะทะลุ เธอก็ได้แต่ถอนหายใจยาว“เฮ้อ.. อีกไม่นานก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว รองเท้าคู่นี้คงจะใส่ทนไปได้อีกไม่นาน”หลินเสวี่ยหรงที่กำลังช่วยบดข้าวโพดอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำรำพึงนั้นก็ชะงักมือลง เธอมองไปยังคูปองปันส่วน และเงินจำนวนน้อยนิดที่เก็บไว้อย่างดีในหีบของตนแล้วก็เข้าใจในทันทีการหาของป่ามาประทังชีวิตนั้นไม่ต่างอะไรกับการดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย มันแก้ปัญหาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถขจัดรากเหง้าของความยากจนไปได้ ครอบครัวนี้ต้องการเงินเพื่อซื้อหาปัจจัยที่จำเป็น และเงินทุนสามร้อยหยวนที่เธอมีติดตัวมานั้น หากใช้ไปโดยไม่มีรายรับเข้ามาเพิ่มก็ย่อมมีวันหมดไปแววตาของหลินเสวี่ยหรงพลันแข็งกร้าวขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยว ถึงเวลาแล้วสินะที่เธอจะต้องเริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจัง!ค่ำคืนนั้น หลังจากที่ทุกคนหลับใหลกันหมดแล้ว หลินเสวี่ยหรงก็นั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้ตัวเล็ก แสงจันทร์สาดส่องลงมาอาบไล้ใบหน้างามของเธอที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก‘จะขายอะไรดี?’การขายผักผลไม้สดในปริมาณมากนั้นเสี่ยงเกินไป ทั้งเรื่องการขนส่งและเป
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
08 การเจรจาครั้งแรก
ชายวัยกลางคนในชุดผ้าเนื้อดีที่หลินเสวี่ยหรงหมายตาไว้กำลังเดินวนไปวนมาด้วยท่าทีหงุดหงิด เขาพึมพำกับตนเองเบา ๆ“น้ำตาลกรวดคุณภาพดีแค่นี้ก็ยังหาไม่ได้! กลับไปคงโดนคุณนายตำหนิอีกแน่”หลินเสวี่ยหรงเห็นโอกาสมาถึงแล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงเริ่มแผนการของตนเธอยกตะกร้าขึ้นสะพายหลังอีกครั้ง แล้วแสร้งทำเป็นเดินโซเซผ่านหน้าชายผู้นั้นไปอย่างคนหมดแรง ในจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ เธอก็สะดุดเข้ากับก้อนหินอย่างจัง!“ว้าย!”เธอร้องออกมาเบา ๆ ขณะที่ร่างเซถลาไปข้างหน้า ผักป่าสองสามกำที่อยู่บนสุดของตะกร้าหล่นกระจายลงบนพื้น และที่สำคัญห่อผ้าใบเล็ก ๆ ห่อหนึ่งก็พลัดตกลงมาด้วย ปากห่อที่ผูกไว้อย่างหลวม ๆ บังเอิญคลายออก เผยให้เห็นผลึกน้ำตาลทรายสีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายใน มันขาวสะอาดยิ่งกว่าหิมะแรกในฤดูหนาว แตกต่างจากน้ำตาลกรวดสีเหลืองขุ่นที่เห็นได้ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง“ขอโทษด้วยค่ะคุณลุง ฉันซุ่มซ่ามไปหน่อย” หลินเสวี่ยหรงรีบก้มลงเก็บของด้วยท่าทีตื่นตระหนก พยายามจะซ่อนห่อน้ำตาลนั้นอย่างรวดเร็วทว่าสายเกินไปเสียแล้ว สายตาของชายผู้นั้นจับจ้องไปยังผลึกสีขาวนั้นไม่วางตา ราวกับถูกมนตร์สะกด เขาตร
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
09 ของติดไม้ติดมือ
เมื่อหลินเสวี่ยหรงก้าวเข้ามาในบริเวณลานหน้าบ้าน ชุนฮวาและเว่ยเหอหลานที่กำลังเก็บกวาดเครื่องมือทำไร่อยู่ก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน“แม่ หลานเอ๋อร์ ฉันกลับมาแล้ว” หลินเสวี่ยหรงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ดวงตาของเธอกลับเป็นประกายสดใสเธอวางตะกร้าที่หนักอึ้งลงบนโต๊ะไม้เตี้ย ๆ ตัวหนึ่ง ก่อนจะเริ่มหยิบของที่ซื้อหามาได้ออกมาวางทีละชิ้นชิ้นแรกคือด้ายและเข็มที่เธอใช้อ้างเป็นเหตุผลในการเข้าเมือง ชิ้นที่สองคือถุงแป้งสาลีขาวละเอียดที่หนักอึ้ง ชุนฮวาเริ่มเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ชิ้นที่สามคือผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มเนื้อดี เว่ยเหอหลานถึงกับสูดปากอย่างตื่นเต้น ชิ้นที่สี่คือห่อยาสำหรับบำรุงร่างกาย และยาหม่องสำหรับทาแก้ปวดเมื่อยและชิ้นสุดท้าย เธอก็ค่อย ๆ คลี่ใบตองที่ห่อไว้ออก เผยให้เห็นเนื้อหมูสามชั้นชิ้นใหญ่มันแทรกสวยงามที่ส่งกลิ่นสดใหม่ทันทีที่เห็นเนื้อหมูชิ้นนั้น ทั้งลานบ้านก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวกับถูกหยุดเวลาสำหรับครอบครัวที่นับเมล็ดข้าวสารประทังชีวิตในแต่ละวันแล้ว การปรากฏตัวของเนื้อหมูชิ้นใหญ่นี้ไม่ต่างอะไรกับภาพฝันที่ไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง ชุนฮวายืนนิ่งตัวแข็งทื
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
10 พี่สะใภ้ผู้ปกป้อง
เมื่อทั้งสองลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ กิจวัตรประจำวันยังคงเหมือนเดิม แต่บรรยากาศกลับเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงขณะที่เธอกำลังพับผ้าห่ม เขาก็ยกอ่างน้ำอุ่นเข้ามาให้เธอล้างหน้าโดยไม่ต้องร้องขอ ขณะที่เธอกำลังจะออกไปตักน้ำ เขาก็ชิงหาบน้ำกลับมาจนเต็มโอ่งเสียก่อนแล้ว การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองในพื้นที่แคบ ๆ นั้นดูสอดประสานและกลมเกลียวกันอย่างน่าประหลาดเมื่อทั้งสองเดินออกมายังห้องโถงเพื่อกินอาหารเช้า ชุนฮวาผู้เจนโลกก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ในทันทีเธอเห็นแววตาของบุตรชายที่ทอดมองสะใภ้ด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเห็นแก้มแดงระเรื่อของสะใภ้ที่ดูงดงามมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญที่สุด เธอเห็นถึงความสนิทสนมและกลมเกลียวที่อบอวลอยู่รอบตัวคนทั้งสอง ซึ่งเป็นบรรยากาศของสามีภรรยาที่แท้จริงหญิงชราไม่ได้เอ่ยถามหรือทักท้วงใด ๆ เธอเพียงลอบยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจจนดวงตาหยีลงเป็นเส้นโค้ง‘สวรรค์เมตตา ในที่สุดบุตรชายฉันก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์เสียที’ระหว่างมื้ออาหาร เว่ยหลงคอยตักอาหารให้หลินเสวี่ยหรงอยู่เสมอ “กินเยอะ ๆ เธอผอมเกินไปแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่การกระทำกล
last updateLast Updated : 2025-08-09
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status