กู้เฉียวจิงรู้สึกได้พักเต็มอิ่ม จนกระทั่งเกือบเที่ยงจึงมีฝีเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตู สัมผัสของเธอยังเฉียบคมทำให้นางลืมตาขึ้น สักพักก็มีเสียงใสกระจ่างขานจากข้างนอก
“ท่านแม่..ข้าเข้าไปนะขอรับ”
เด็กน้อยไม่รอคำตอบ เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาหยุดฝีเท้ายืนอยู่ข้างเตียงมองมารดา กู้เฉียวจิงรีบหลับตาและรับรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายพินิจอยู่ มือน้อย ๆ มาแตะที่แขนของเธอพลางเขย่าเบา ๆ
“ท่านแม่..ท่านพ่อบอกข้าเอาไว้ว่า หากเที่ยงแล้วท่านยังไม่ตื่นให้มาปลุกท่าน ท่านตื่นขึ้นมาทานอะไรสักหน่อยเถอะขอรับ”
หญิงสาวคล้ายพยายามลืมตาขึ้น นางมองเด็กชายน้อยตรงหน้า นี่คือบุตรชายของนาง กู้ซวิน ทั้งที่ความทรงจำไม่ใช่ของเธอทว่ากลับมีความอบอุ่นสายหนึ่งวิ่งไปทั่วร่าง นางปรายสายตามองไปยังมือน้อย ๆ ใช่แล้วมันถ่ายทอดมาจากตรงนั้น
นางลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยถาม
“ท่านพ่อเจ้า ยังไม่กลับมาอีกหรือ”
เด็กน้อยส่ายหน้า “ท่านพ่อสั่งความไว้ วันนี้จะเข้าป่าลึกอาจจะกลับมาตอนตะวันตกดินขอรับ ท่านพ่อต้มโจ๊กหมูเอาไว้ ข้าอุ่นไว้ตลอดเวลา เดี๋ยวข้าไปยกน้ำมาให้ท่านแม่ล้างหน้าล้างตาจะได้ทานข้าวนะขอรับ”
กู้เฉียวจิงไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่เช่นนี้มาก่อน จึงอดตื้นตันซาบซึ้งไปกับเด็กน้อยไม่ได้ อดีตนักฆ่าอย่างกู้เฉียวจิงจึงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ลำบากเจ้าแล้ว”
เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปเอาน้ำ พลางคอยปรนนิบัติมารดาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จากนั้นก็ออกไปตักโจ๊กใส่ถ้วยรอกู้เฉียวจิง ดูน่ารักน่าเอ็นดู
ในขณะที่ทานโจ๊ก กู้เฉียวจิงพลางนึกถึงชะตาของกู้ซวิน หลังจากเข้าตระกูลเสิ่น ทว่ารายละเอียดตัวประกอบเล็ก ๆ มีน้อยมากกล่าวถึงไม่กี่ฉาก นางจำได้ว่าเด็กคนนี้ออกรบกับเสิ่นเยี่ยหง ได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต ตอนนั้นเองที่กู้เฉียวจิงคลั่งเกือบเสียสติ
เด็กที่แสนดีขนาดนี้กลับต้องมาตาย นักเขียนชะตาโหดร้ายไม่เบา หลังจากทานอิ่มแล้ว พักผ่อนครึ่งค่อนวัน เรี่ยวแรงพลังก็ได้คืนมาหลายส่วน กู้เฉียวจิงบิดตัวไปมา
“แม่จะออกไปเดินดูสวนเสียหน่อย”
กู้ซวินรีบออกมาห้ามปราม “ไม่ได้นะขอรับท่านแม่ ท่านจะไม่สบายเอาได้ ท่านพ่อสั่งเอาไว้ให้ท่านพักผ่อนอยู่ที่เรือนเท่านั้น”
กู้เฉียวจิงเอามือลูบแขนบุตรชายเบา ๆ “แม่เบื่อที่จะอยู่ในห้องแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่จะรับผิดกับพ่อเจ้าเอง”
“ข้าไม่ได้กลัวท่านพ่อจะดุ แต่กลัวท่านไม่สบาย”
“แม่เข้าใจแล้ว ถ้าแม่รู้สึกเหนื่อยจะรีบพักไม่ฝืนตนเองเด็ดขาดได้หรือไม่” กู้ซวินรู้ไม่อาจจะห้ามปรามมารดาจึงพยักหน้าและเดินตามออกไป
แม้ตัวเรือนจะหลังเล็กทว่าก็เก็บกวาดสะอาดสะอ้าน กู้เฉียวจิง พลางมองไปรอบ ๆ นางไม่คิดจะปรับเปลี่ยนสิ่งใดของที่นี่ เพราะคืนนี้หลังเสิ่นเยี่ยหงฟื้นความทรงจำ ภายใน 1-2 วันเธอจะต้องเดินทางไปเมืองหลวงกับเขาและแน่นอนที่นี่ไม่มีสิ่งที่ควรคู่จะนำไปด้วย ทุกอย่างล้วนมีพร้อมในจวนตระกูลเสิ่น
ในขณะที่กู้เฉียวจิงนั่งเล่นเอนกายอยู่บริเวณกลางเรือน กู้ซวินก็เอาผ้าห่มที่นอนของนางออกมาผึงแดดไม่มีท่าทีเกียจคร้านหรือเคืองมารดาแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกรักใคร่เด็กน้อยมากขึ้นไปอีก ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ มันใกล้จะลับขอบฟ้า เสิ่นเยี่ยหงก็กลับมาถึงเรือน
เมื่อประตูเข้ามา เห็นกู้เฉียวจิงยืนรอรับอยู่ ใบหน้าคมคายเข้มก็ระบายเต็มไปด้วยความอบอุ่น บุรุษในความทรงจำกับได้มาเห็นตรงหน้าให้ความรู้สึกลึกซึ้งแตกต่างกัน ที่สำคัญชายผู้นี้หาได้มีความเย็นชาเฉกเช่นในนิยายบรรยาย กลิ่นอายไม่มีรัศมีเข็นฆ่าอย่างที่แม่ทัพเสิ่นควรจะเป็นแม้แต่น้อย
เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่เธอได้ผ่านช่วงเวลาเร้าร้อนสัมผัสใกล้ชิดกัน เป็นสามีที่อ่อนโยนอบอุ่นให้ภรรยาและบุตรชาย ดวงตาที่จ้องมองมาทำให้หัวใจของเธออุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ พลันใจของกู้เฉียวจิงก็รู้สึกสั่นคลอน หากอยู่ที่นี่ด้วยกันเช่นนี้ต่อไปชีวิตคงสงบและดีไม่น้อย นางอดขำตนเองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจิตวิญญาณของกู้เฉียวจิงคนเดิมกลืนกินนางไปแล้วกระมั้ง
“คิดอะไรอยู่หรือ”
เสิ่นเยี่ยหงเดินเข้ามาปัดปอยผมตรงหน้าของภรรยาด้วยความมืออันแผ่วเบาอ่อนโยน
“เปล่าเจ้าค่ะ...ข้าแค่รู้สึกโชคดีที่มีท่านอยู่”
“ข้าก็เช่นกัน...เจ้ามาดูสิ ในที่สุดข้าก็จับจิ้งจอกได้ เฝ้ารอมาตั้งนานก็สำเร็จหนังของมันจะเอาทำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกกันหนาวให้เจ้าได้แล้ว”
กู้เฉียวจิงยิ้มอ่อนหวาน “ท่านพี่...แต่ว่าหนังจิ้งจอกขายได้ราคายิ่งนัก ท่านเอาไปขายเถอะ มันล้ำค่าจนเกินไป”
“ได้อย่างไร...ข้าตั้งใจนำมาให้เจ้านะ สำหรับเจ้าไม่มีสิ่งใดล้ำค่าเกินไป...เจ้าไม่ต้องกังวลเนื้อไก่ป่าพวกนั้น ก็ขายได้ราคา”
“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ท่านจะเข้าไปในเมืองหรือไม่ขอรับ”
“ไปสิ เราจะไปขายไก่ป่ากัน”
“ข้าไปด้วยนะขอรับ”
“อืม..ไปด้วยกัน ไว้โตกว่านี้สักหน่อย พ่อจะพาไปล่าสัตว์ด้วย”
ครอบครัวสุขสรรค์อบอุ่นยิ่งนัก นัยน์ตาของกู้เฉียวจิงแววหมองหม่นหลุบต่ำลง หลังจากเสิ่นเยี่ยหงคืนความทรงจำ ทุกอย่างก็อาจจะสลายไป นางรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง
“ข้าจะต้มข้าว ท่านพี่ไปอาบน้ำเถอะ...”
“ได้ ๆ ซวินเอาไก่พวกนี้ไปขังไว้ วันนี้พ่อจะย่างเนื้อจิ้งจอกให้พวกเจ้ากิน”
หลังจากทานข้าวเสร็จเตรียมจะเข้านอน กู้เฉียวจิงก็หยิบยาออกมาในฐานะเป็นนักฆ่าเรื่องวางยาไม่ใช่เรื่องยาก
“ท่านพี่ดื่มน้ำเสียหน่อยเจ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยหงรับน้ำมาจากภรรยา พลางส่งสายตาหวานซึ้งเจตนาในแววตาชัดเจนคืนนี้เขาจะเคี้ยวกร่ำนางเช่นเคยกู้เฉียวจิงยิ้มเอียงอาย ความจริงนางไม่ได้อ่อนแอ่อันใด เพราะแต่ละคืนนางไม่ได้พักผ่อนเลยต่างหาก
ขณะที่เสิ่นเยี่ยหงกำลังดื่มน้ำ กู้เฉียวจิงพลันรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็น นางปลอบให้ใจสงบลง นี่คงเป็นนิสัยของเจ้าของเดิม
“น้องหญิงเข้านอนกันเถอะ”
หลังจากดื่มน้ำเสร็จ เสิ่นเยี่ยหงก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาพร้อมจะขึ้นเตียงแล้วเมื่อโน้มกายทับร่างมือใหญ่ของเขาก็ลูบไล้ไปทั่วร่างของหญิงสาว กู้เฉียวจิงสั่นสะท้านถึงจะอย่างไรเสิ่นเยี่ยหงก็นับว่าเป็นบุรุษแปลกหน้า ทำให้การแสดงออกดูเขินอายและไร้เดียงสา กระตุ้นอารมณ์ของเสิ่นเยี่ยหงให้ฮึกเหิม
ทว่าไม่ทันที่เขาจะสอดประสานพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง
“โอ้ย!!”
ชายหนุ่มเอามือกุมหัวที่เหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ กู้เฉียวจิงเบิกตากว้างอย่างตกใจนางไม่คาดว่าเสิ่นเยี่ยหงจะมีอาการตอบสนองเช่นนี้
“ท่านพี่..ท่านเป็นอะไร”
สิ้นคำถาม เสิ่นเยี่ยหงก็หมดสติไป กู้เฉียวจิงจะเขย่าอย่างไรก็ไม่ได้สติ
หลังจากตรวจดูอาการดูเหมือนว่าจะแค่หมดสติไปเท่านั้น กู้เฉียวจิงถอนหายใจโล่งอก นางหยิบยาขึ้นมาอ่านว่ามีคำเตือนหรือไม่ ข้างขวดมีตัวหนังสือเล็ก ๆ อยู่ ๆ เมื่อเพ่งดูก็เห็นอักษรชัดเจนเขียนเอาไว้
อาการข้างเคียง ปวดหัวอย่างรุนแรง
กู้เฉียงจิงสบถคำหยาบในใจ
แต่ก็ช่างเถอะเป็นนางเองที่ไม่ระวัง หลังจากนั้นนางก็นำขวดยากลับไปวางที่เดิม นั่งไปเฝ้าไปเกือบสองชั่วยามเสิ่นเยี่ยหงก็ยังไม่ได้สติ กู้เฉียวจิงจึงคล้อยหลับไป
จวบจนกลางดึก เสิ่นเยี่ยหงก็ลืมตาขึ้น
แววตาชายหนุ่มหาได้เป็นเช่นเดิม
ตอนที่ 60 บทบาทต่อไป...พี่สาวจงหงวน “คุณหนูหวัง...ถึงโรงเตี้ยมแล้วขอรับ” เสียงพ่อบ้านเฉิงเอ่ยเรียกอยู่นอกรถม้าด้วยเสียงนอบน้อม พอหวังเว่ยซินเลิกผ้าม่านออกมา ก็เจอป้ายขนาดใหญ่หอสุราชิงเห่อ โรงเตี้ยมใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง หวังเว่ยซินถอนหายใจ มิต้องสงสัย คงไม่ได้เริ่มต้นแบบชีวิตสตรีชาวบ้านทั่วไปเสียแล้ว นางก้าวลงรถม้า พ่อบ้านเฉิงก็เอ่ยบอก “นี่คือเอกสารของท่านขอรับ เมื่อสักครู่คนเอามาส่งแล้ว” “รบกวนแล้ว ขอบคุณพ่อบ้านเฉิงมาก” “มิกล้า มิกล้า โรงเตี้ยมนี้ท่านจะอยู่กี่คืนก็ได้ขอรับ ข้าได้สั่งเถ้าแก่เอาไว้ ให้ไปเก็บที่จวน” หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ จากนั้นก็เอ่ย “ท่านพ่อบ้านมีภารกิจมากมาย ขอมิอาจรบกวนนาน ส่งข้าเท่านี้พอ” พ่อบ้านเฉิงถูกกำชับว่าอย่าขัดใจคนเบื้องหน้าเด็ดขาด ก็รีบขานรับทันที “มิกล้า มิกล้า เช่นนั้นบ่าวขอตัว” “เดินทางดี ๆ เจ้าค่ะ” จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็มารับหน้าต่อ “คุณหนูเชิญด้านในเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านจะไปยังห้องพักหรือว่านั่งผ่อนคลายที่ระเบียงชั้นสองก่อนดีเจ้าคะ”
ตอนที่ 59 เรื่องราวสามปีที่ผ่านมา รถม้าจวนหงอี้กงเคลื่อนผ่านพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา “นี่...รู้ไหมฮูหยินหงอี้กง จัดหาอนุให้กับท่านหงอี้กงอีกแล้วนะ ...ได้ยินว่าเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มงดงามที่สุดที่หอซิงเซียงอุตสาหามาได้ แต่จวนหงอี้กงก็ยังมาแย่งคนไป” “จริงหรือ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูตื่นเต้นประหลาดที่สุด ทำให้คนเล่ายิ่งรู้สึกสนุกอยากเล่าต่อ “แน่นอน...ข้าได้เห็นกลับตา ว่าไปแล้วก็อิจฉาหงอี้กงยิ่งนัก ได้ฮูหยินที่ใจกว้างดั่งมหาสมุทรเช่นนี้ หากเป็นข้าก็อยากจะกลับเรือนทุกวัน” “คริ คริ” เสียงสตรีผู้หนึ่งหัวเราะขบขันพลางกล่าว “ท่านมีเงินเลี้ยงพวกนางหรือข้าได้ยินว่า ฮูหยินหงอี้กงใช้เงินเดือนละหลายหมื่นตำลึงหมดไปกับอาภรณ์เครื่องประดับของเหล่าอนุเชียวนะ” บุรุษผู้นั้นรู้สึกละอาย ตอนนี้แค่นี้ภรรยากับบุตรสองคนก็แสนอัตคัดจะมีปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงอนุเพิ่มบุรุษผู้หนึ่ง หมุนจอกชาในมือไปมาคิดไปแล้วก็แปลกใจดูเหมือนว่า อยู่ ๆ เขาก็ตัดใจจากกู้เฉียวจิงได้ ส่วนฮูหยินอันดับหนึ่งที่ทุกคนให้ตำแหน่งมา “ฮื้อ ฮื้อ ท่านไปไหนมา
ตอนที่ 58 ฮูหยินกู้..ถามข่าวท่านทุกวัน ซูซูมอง เด็กสาวประครองหีบขึ้นมา เมื่อเปิดดูข้างในก็เจอตั๋วเงินหลายแผ่นพร้อมเครื่องประตับจำนวนหนึ่ง ดวงตาโตของเด็กสาวเจิดจ้าใต้แสงดาว ได้ยินเสียงนางพึมพำ“เงินของข้า เงินของข้า”นางประคองหีบออกมาอย่างประคบประหงม ลุกขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อยแล้วหันมากล่าว “ซูซู ขอบคุณท่านมากนะที่เฝ้าให้ข้า ข้าไปล่ะ”ในขณะที่กำลังจะทะยานออกไป ซูซูก็เอ่ย“คุณหนูช้าก่อน” จากนั้นก็ไปขวางหน้าเด็กสาว เห็นสีหน้าที่ดูแตกตื่นแววตาสังหารประกายวาบขึ้น นางก็รีบอธิบาย “ป่ะ...เปล่า ข้ามิได้ห้ามที่ท่านจะนำหีบไป เพียงแต่ฮูหยินสั่งเอาไว้ หากท่านมาก็ให้เชิญท่านไปพบ”เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจยิ้มตอบ “ฝากบอกนางว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เอาไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วข้าจะไป”หวังเว่ยซินกำลังจะก้าวเท้าออกไปก็ถูกซูซูขวางอีกรอบ “คุณหนูจะบอกข้าได้หรือไม่...ว่าท่านพักอยู่ที่ใด เผื่อหากว่าฮูหยินถามข้าจะได้มีข้อมูล...ฮูหยินถามข่าวท่านทุกวันเลยนะเจ้าคะ สีหน้านางดูเป็นกังวลและห่วงใยท่านมาก” แววตาของหวังเว่ยซินมีประกายอบอุ่นขึ้นมา นางคลี่ยิ้มตอบ “ข้าถูกนำมาขายที่หอซิงเซียง ตอนนี้ให้ข้าไปไถ
ตอนที่ 57 หวังเว่ยซิน..ได้ตามที่ขอในถนนเส้นหนึ่งในอำเภอเล็ก ๆ มีรถม้าคันนี้กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ภายในรถม้ามีเด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ประมาณห้าหกคน ทุกคนล้วนมีผิวพรรณละเอียดใบหน้าหมดจด เค้าโครงรูปหน้าชัดโตขึ้นย่อมเป็นหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย“ฮื้อ ฮื้อ...ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าครอบครัวข้าจะขายข้า” เสียงเด็กสาวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยก บางคนร้องจนหมดแรงหลับไป กู้เฉียวจิงตอนนี้อยู่ในร่างของ หวังเว่ยซิน หนึ่งในสาวงามที่ถูกครอบครัวขายมา เด็กสาวตรอมใจตายยกร่างให้กู้เฉียวจิง อย่างไม่อาลัยอาวรณ์พร้อมขอไปเกิดใหม่ทันทีนางนิ่งเงียบสนิทพยายามทบทวนเรื่องราวของตนเองจากความทรงจำเจ้าของร่างพร้อมกับตรวจสอบพรว่าได้ครบหรือไม่ ในข้อที่หนึ่งขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์ ข้อนี้ผ่านไม่มีข้อผิดพลาดถูกต้องตามเจตนา ข้อสอง เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที นับว่าใช่ ตอนนี้นางมีมารดาและน้องชายแต่นางถูกขายออกมาโดยผู้ที่ได้ว่าเป็นย่าแท้ ๆ อำมหิตสุด ๆ แต่ก็ยังถูกต้องตามที่ขอ หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ ส่วนข้อสาม คงต้องรอสักระยะ ได้ยินคนขับรถม้า
ตอนที่ 56 พรหนึ่งข้อกับตัวละครลับ ในที่สุดกู้เฉียวจิงก็ทนความง่วงไม่ไหว คล้อยหลับไปในตอนดึก ค่ำคืนในฤดูหนาวสายลมพัดเย็นยะเยือก ในห้วงคลับคล้ายเหมือนฝัน นางได้พบกับคนผู้หนึ่งยืนอยู่กลางหิมะ ใบหน้าเหมือนกับนางในตอนนี้ไม่ผิดเพี้ยน “เจ้าคือ กู้เฉียวจิงคนนั้น?” หญิงสาวคนนั้นยิ้มละมุนตอบ “ใช่ข้าเอง...ข้ามาขอบคุณท่าน หากไม่มีท่านทุกอย่างคงไม่ลงเอ่ยเช่นนี้...ข้าซึ้งใจท่านนัก” กล่าวตามจริง กู้เฉียวจิงก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำอันใดมากนัก แค่ทำตามคำสั่งและระงับอารมณ์ให้มากเท่านั้นเอง จึงกล่าว “ข้าทำตามภารกิจ...เจ้ามิต้องขอบคุณ” นางส่ายหน้า “ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณ” กู้เฉียวจิงมองคนเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิดแววตาฉายความสงสัย “ท่านไปอยู่ที่ไหนมาเหตุใดพึ่งปรากฏกาย” “ข้าก็อยู่กับท่าน...หนึ่งร่างสองวิญญาณ”กู้เฉียวจิงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ความเข้าใจหนึ่งผุดขึ้นใช่แล้ว..กู้เฉียวจิงเจ้าของร่างไม่ได้บอกว่านางตาย มิน่า ๆ หลายครั้งนางก็มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเสิ่นเยี่ยหง คงจะเป็นความรู้สึกของสตรีคนนี้ นางเอ่ยถ
ตอนที่ 55 หลบหน้า “ซื่อจือ” กู้เฉียวจิงเอ่ยเรียกกู้ซวินด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความยินดี รอยยิ้มของเด็กชายหันมามองมารดาอบอุ่นเป็นพิเศษ ชวนให้ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมกับความสุขที่ล้นออกมาทั้งใจ ความสุขนี้มากเกินบรรยาย หลังจากออกกำลังไป ฝึกกระบี่ไปหลายกระบวนท่าแล้ว กู้ซวินก็มานั่งข้างมารดา รับน้ำมาดื่มพลางเอ่ยถามมารดา “ท่านแม่...ผู้ที่ตัดเส้นแขนขา จะสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกหรือไม่ขอรับ” กู้เฉียวจิงกระพริบตาเล็กน้อยสายตาอ่อนโยน มองบุตรชายเป็นกังวลนางก็รู้สึกใจอ่อน “ไม่ต้องห่วง...แม่มีหนทางช่วยพ่อเจ้า” ดวงตาบุตรชายเป็นประกายขึ้นมา “จริงหรือขอรับ” “แม่มิเคยโกหกเจ้า” “ป่ะ..เปล่าขอรับ ลูกแค่ตื่นเต้นเกินไป” “เอาล่ะ ไปอาบน้ำเสียก่อน...ทานอาหารให้เรียบร้อยอย่าได้ให้อาจารย์ต้องรอ” เด็กชายตอบรับทันที “ขอรับท่านแม่”ผลัดออกจากบุตรชาย กู้เฉียวจิงก็กลับไปที่เรือนไปหยอกล้อเสิ่ยซูเวยสักพักก่อนจะออกจากจวนไป โรงหมอฮุ๋ยหวง กัวเล่อเยี่ยนชำเลืองมองกู้เฉียวจิง ใบหน้าของนางคล