Share

๔ กลำกลืนฝืนทน

last update Last Updated: 2025-08-11 16:10:57

ใครเล่าจะเชื่อเรื่องโชคชะตา…

แม้แต่ไป๋เหยียนหลันเองก็ไม่เคยเชื่อมาก่อน หากแต่สวรรค์กลับเล่นตลกกับนางเสียจนหมดหนทางปฏิเสธ ด้ายแดงที่เคยถักทอมาเนิ่นนานแต่พอถูกละลายลงในสายน้ำก็ไม่หลงเหลือแม้เศษเส้นใยให้เหนี่ยวรั้งไว้

นางไม่คิดเลยว่าเพียงแค่พบกับจางสือ บุรุษหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งจากร้านขายถั่วเหลือง หัวใจที่เคยนิ่งสงบกลับเต้นกระหน่ำรัวราวกับกลับไปเป็นดรุณีน้อยที่เพิ่งรู้จักคำว่ารักอีกครั้ง…

แน่นอน…ว่านางอยากมีชีวิตที่สงบและเรียบง่าย ไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายหรือแก่นแย่งชิงอำนาจกับผู้ใดทั้งสิ้น

ทว่าหลี่เจิ้งเฉินกลับมีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงหลี่อ๋อง…มีอำนาจในมือ วันข้างหน้าย่อมไม่อาจมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียวได้

แต่จางสือนั้น…กลับสามารถรักมั่นเพียงนาง ถึงแม้ฐานะเขาจะต่ำต้อยกว่าเพราะต้องเลี้ยงดูมารดา น้องสาว น้องชายและยังหาเช้ากินค่ำก็ช่างเถอะ…

หากใจรักมั่น ไป๋เหยียนหลันเชื่อว่าสวรรค์ก็ต้องเมตตาให้ชีวิตคู่ของนางและเขาราบรื่นเป็นแน่

“เหยียนหลันรีบกินขาหมูตุ๋นร้อนๆ นี่ก่อนเถิด” น้ำเสียงของจางฮูหยินเอ่ยดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มประจบประแจ้ง นางได้ยินข่าวมาว่าคุณหนูไป๋จากร้านน้ำเต้าหู้ตรงประตูเมืองผู้นี้ติดตามบุตรชายมาด้วยเงินติดตัวจำนวนมาก…ดังนั้น จึงรีบเอาใจราวกับเห็นแก้วแหวนเงินทองมาเคาะประตู!

นี่เลยว่าโชคหล่นทับได้หรือไม่!?

เกรงว่าสวรรค์คงเห็นความลำบาก นับตั้งแต่สามีด่วนจากไปนั้น…ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางต้องอบรมสั่งสอนบุตรทั้งสามมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย

ใบหน้าของไป๋เหยียนหลันคลี่ยิ้มบางๆ น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมา “รบกวนท่านแม่แล้วเจ้าค่ะ”

หากฟังให้ดี ย่อมจับได้ถึงความเยือกเย็นที่แฝงอยู่ในรอยยิ้ม

จางสือเหลือบตามองมารดาราวกับส่งสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะหันมาทางคนรัก เอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยน “ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่…ว่ามารดาของข้านางใจดีนัก ย่อมรักและเอ็นดูเจ้าเสมือนบุตรสาวในไส้ผู้หนึ่งแน่นอน”

“ใช่เจ้าค่ะ!”

จางเยว่ผู้เป็นน้องสาวของจางสือรีบเอ่ยเสียงหวานทันที “หากพี่ชายของข้ารักท่าน…พวกเราก็รักท่านด้วยเช่นกัน!”

เพล้ง!

ทันใดนั้น จู่ๆ กลับมีเสียงตะเกียบไม้กระแทกโต๊ะก็ดังขึ้น

จางเวิ่น…น้องชายอีกคนของจางสือพลางถอนหายใจฟึดฟัดคล้ายไม่พอใจ ใบหน้าบึ้งตึงฉายออกมาอย่างชัดเจน เขาแค่นเสียงด้วยความไม่สบอารมณ์ “เหอะ! หากมัวแต่ประจบกันไปมาเช่นนี้ เมื่อไหร่จะได้กินเสียที!”

จางฮูหยินหัวเราะกลบเกลื่อนออกมาทันที นางหันขวับถลึงตามองคล้ายไม่พอใจ พลางเอ่ยปรามบุตรชาย “เวิ่นเอ๋อร์!...ระวังคำพูดเสียบ้าง อย่างไรแม่นางผู้นี้ก็คือคนรักของพี่ชายเจ้า วันหน้าย่อมเป็นพี่สะใภ้”

นางพูดด้วยใบหน้าใจดี หากแต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจที่เผยออกมาเพียงครู่หนึ่งก่อนแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่นดุจมารดาใจดีดั่งพระแม่กวนอิมที่ใครก็ยากปฏิเสธได้

จะให้บุตรชายไม่รู้ความผู้นี้มาทำเสียเรื่องไม่ได้!

“…”

ไป๋เหยียนหลันยกยิ้มเล็กน้อย หาได้เอ่ยสิ่งใด นางคีบหมูตุ๋นที่จางสือตักใส่ชามให้อย่างเชื่องช้า

ไฉนนางจะมองไม่ออกเล่า…ว่าความหวังดีที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวในยามนี้ ล้วนเคลือบไว้ด้วยทองคำมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ

“ท่านแม่นั่งลงกินก่อนเถอะ…หากเย็นชืด ข้าเกรงว่าจะไม่อร่อยเอาได้” น้ำเสียงทุ้มของจางสือกล่าวกับมารดาอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นบุตรชายที่กตัญญูรู้ความ

จางฮูหยินพยักหน้า ก่อนนั่งลงตรงข้ามไป๋เหยียนหลิน

นางกวาดสายตามองถุงเงินที่ตั้งอยู่ริมผนังมุมห้อง ถุงผ้านั้นถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา แม้จะไม่มีผู้ใดเปิดดูแต่รูปลักษณ์กลับฟ้องชัดอันแน่นเต็มไปด้วยเงินทองด้านในไม่ใช่น้อย

เรื่องนี้จางสือ…บุตรชายของนางกล่าวว่าเห็นกับตา!

“เหยียนหลัน…”

ฮูหยินชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมตักผักดองใส่ชามข้าวของไป๋เหยียนหลันอย่างเอาอกเอาใจ “ฐานะของสกุลจางก็ยากจน ข้าวปลาอาหารแต่ละมื้อที่กินยังต้องคิดแล้วคิดอีก…”

นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สีหน้าประดับด้วยรอยยิ้มใจดีอย่างคนเมตตา หากแต่สายตากลับเหลือบมองถุงเงินใบโตซึ่งวางอยู่ใกล้ร่างของไป๋เหยียนหลันครั้งแล้วตาลุกวาว “แต่หากเหยียนหลัน อยากอยู่ที่นี่นานเท่าใด...ก็ตามใจเถอะ อยู่ให้นานที่สุดเท่าที่ใจเจ้าต้องการ อย่างไรเสียจวนหลังนี้ถือเป็นบ้านของเจ้าแล้ว”

น้ำเสียงนุ่มหวานนั้นดูเหมือนซาบซึ้งใจยิ่งนัก ทว่าในใจของจางฮูหยินกลับคำนวณผลประโยชน์จากแขกคนพิเศษผู้นี้แทบทุกลมหายใจเข้าออก

จะให้ขาดทุนไม่ได้เด็ดขาด!

ไป๋เหยียนหลันหันไปสบตานางด้วยรอยยิ้มบางๆ

“หากท่านแม่ขาดเหลือสิ่งใดก็จดลงในรายงานแล้วนำมาให้ข้าเถอะเจ้าค่ะ” เรื่องนี้นางพอเข้าใจได้และหาใช่เรื่องใหญ่อันใด อย่างไรเสียวันข้างหน้านางย่อมกลายเป็นสะใภ้อยู่แล้ว

จางสือเงยหน้าขึ้นสบตานางทันที ดวงตาเปล่งประกายวูบไหวเพียงเสี้ยวลมหายใจ ก่อนที่เขาจะหันไปกล่าวกับมารดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ท่านแม่เรื่องค่าใช้จ่ายภายในจวนเป็นหน้าที่ของบุรุษ…ลูกในฐานะผู้นำ ย่อมไม่อาจปล่อยให้เหยียนหลันต้องลำบากจัดการสิ่งเหล่านี้ได้”

เขาพูดพลางปรายตากลับมองไปยังไป๋เหยียนหลันด้วยแววตาที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ

ไป๋เหยียนหลันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา นางรับรู้ได้ถึงความใส่ใจและจิตใจงดงามของจางสือเพราะเขาเป็นเช่นนี้อย่างไร ทั้งอ่อนน้อม ถ่อมตนและไม่เคยคิดเอาเปรียบหรือบังคับใจผู้ใด

นางจึง...ตกหลุมรักเขาอย่างไม่รู้ตัว

น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างเรียบง่าย ทว่าแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น “เรื่องเช่นนี้...ข้าเต็มใจ”

จางฮูหยินระบายยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของสตรีตรงหน้า นางพลางเอื้อมมือไปแตะหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ ด้วยแววตาเมตตาเอ็นดูเต็มเปี่ยม

“นับว่าเป็นเด็กสาวที่น่าเอ็นดูเสียยิ่งนัก! ทั้งไม่ถือตัวและไม่รังเกียจสกุลจางของพวกเรา…ข้ารู้สึกชื่นใจแทนจางสือยิ่งนัก”

จางเยว่กล่าวต่อจากมารดาอย่างรู้ความ “น่าอิจฉาพี่ใหญ่จริงๆ ที่ได้สตรีงดงามทั้งจิตใจและรูปโฉม!”

ใบหน้าของจางฮูหยินยังคงปรากฏรอยยิ้มจางๆ ด้วยความอ่อนโยน ทว่าสายตาของนางนั้นกลับเหลือบไปมองห่อเงินครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่อาจปิดบังความโลภได้

จวนสกุลจางกำลังจะร่ำรวยแล้ว!

ยามซวี (19.00 – 21.00 น.)

เรือนบรรพชลในจวนหลี่อ๋องแม้มิใช่สถานที่หรูหราอันใด

หากแต่กลับเป็นที่ต้องห้ามที่มีความหมายทางใจ…ภายในเรือนแทบไม่มีเครื่องตกแต่งหรือสมบัติอันมีค่าให้โจรผู้ใดอยากลอบเข้ามาขโมยไป หากแต่เพราะใช้เป็นที่เก็บรักษาสิ่งที่หลี่เจิ้งเฉินให้ความสำคัญจึงออกแบบให้มีเพียงทางเข้าเพียงหนึ่งเดียว

แม้แต่หน้าต่างก็ไม่มี มีเพียงช่องระบายอากาศสูงติดเพดานเล็กน้อยเท่านั้น…ทั้งอับชื้นและคับแคบ อากาศภายในคงอุดอู้แทบหายใจไม่ออก

ไป๋ซูเหยาถูกขังอยู่เช่นนี้ตั้งแต่ยามสายของวัน จนกระทั่งฟ้าสีครามกลายเป็นม่วงคล้ำ นางยังไม่ได้กินแม้แต่ข้าวสักเม็ด

ใบหน้าคนงามเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เรือนผมยุ่งเหยิงและริมฝีปากก็แห้งผาก

นางทรุดตัวลงนั่งพิงผนังเย็นชืด หลับตาลงเพียงชั่วครู่ข่มความรู้สึกอ่อนล้าในใจ ทว่าภาพของหลี่เจิ้งเฉินที่ฉุดกระชากลากดึงนางด้วยความโมโหกลับยังติดอยู่ในหัวไม่เลือน

บุรุษผู้นั้น…ไร้สติ บ้าอำนาจและไร้เหตุผลเป็นที่สุด!

ไป๋ซูเหยากัดฟันแน่น มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อเอาไว้แน่น หากมีโอกาสเมื่อใดนางเอาคืนอย่างสาสมแน่!

สถานการณ์ในยามนี้นับว่าย่ำแย่ไม่น้อย สาวใช้ในจวนไม่ว่าผู้ใดต่างก็พากันสงสารและเห็นใจพระชายาทั้งสิ้น พวกนางนำถาดขนม น้ำชาและอาหารมาหมายจะนำเข้าไปให้ทว่ากลับไร้หนทาง

ประตูเรือนบรรพชลถูกลงกลอนอย่างแน่นหนาและมีเพียงผู้เป็นนายเท่านั้นที่เปิดได้

ยิ่งกว่านั้นแล้ว ตั้งแต่ยามสายจนกระทั่งพลบค่ำ หลี่อ๋องออกจากจวนไปยังไม่กลับมาอีกเลย หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป…เกรงว่าพระชายาคงต้องทรุดหนักเป็นแน่

แม่บ้านผู้อาวุโสยืนอยู่ด้านหน้าประตู สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม หากจะปล่อยนิ่งเฉยก็สุดแสนจะทนดูได้

นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วกล่าวเสียงหนักแน่น

“ไป! นำของใดก็ได้มาตัดกลอนเหล็กนี่เสีย!”

สาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นต่างหันขวับมองด้วยความตกใจ บางคนก็เอ่ยถามอย่างหวาดหวั่น

“แม่บ้าน…ท่านจะทำสิ่งใดกันหรือเจ้าคะ”

แม่บ้านเม้มริมฝีปากแน่นก่อนกล่าวเสียงต่ำแต่หนักแน่น“เหอะ! ข้าจะช่วยพระชายา หลี่อ๋องผู้นั้นใจร้ายเกินไปแล้ว!”

“กล้าขัดคำสั่งข้าแล้วอย่างนั้นหรือ…”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๗ ปิดเอาไว้ไม่มิด

    ยามนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบงันลงอีกครั้ง เหล่าสาวใช้ต่างกระพริบตาปริบๆ มองกันไปมาด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่พระชายากล่าวออกมาว่าหมายถึงสิ่งใดกันแน่ไป๋เหยียนหลิน...มิใช่พระชายาไป๋เหยียนหลันหรือ?และหากสตรีที่นั่งกำลังอยู่บนเตียงในตอนนี้ มิใช่พระชายาไป๋เหยียนหลันตัวจริง เช่นนั้นแล้ว...แม่นางผู้นี้เป็นใครกันแน่?ประโยคก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างแล้วก็ไม่กระจ่างแจ้งพลันก่อความสับสนในใจของทุกคนขึ้นทันที ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเอ่ยถามออกไป เหล่าสาวใช้ต่างก็พากันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจโจวตงหยางถึงกับหันขวับไปมองสหายทันที ดวงตาดำขลับเบิกโพลงกว้างอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ก็ไม่ปานเช่นนั้น…คำพูดที่หลี่เจิ้งเฉินหลุดปากเอ่ยเมื่อวันก่อนก็เป็นความจริงอย่างงั้นหรือ!ที่แท้คนผู้นี้ก็มิได้เมามายจนสติเลอะเลือนไป!เขาจ้องมองบุรุษข้างกายตาเขม็ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เป็นเรื่องจริงหรือ…หลี่เจิ้งเฉิน?”หลี่เจิ้งเฉินกล่าวเสียงแผ่วเบา “นางคือไป๋ซูเหยา…”เขาไม่เคยคิดจะปิดบัง…ทว่าก็หาได้อยากเปิดเผยออกไปให้เป็นเรื่องใหญ่โตชวนวุ่นวายหลี่เจิ้งเฉินขยับฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๖ สงสารหรือสมเพช

    หลี่เจิ้งเฉินอุ้มไป๋ซูเหยสกลับไปที่จวนอย่างเร่งรีบ ซ้ำตลอดทางยังตะโกนเรียกสาวใช้ให้ท่านหมอมาโดยเร็วทุกครั้งยามนี้ที่เขาเหลือบสายตามองนางในอ้อมแขนนั้น ทันใดนั้น…หัวใจแกร่งก็พลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างน่าประหลาดใจ เพียงคิดว่าหากสตรีผู้นี้เป็นอันใดไปนี่ก็คงความผิดของเขากระมัง!?ยามนี้ทั่วทั้งเรือนหลัก จุดโคมไฟจนสว่างไสวแต่ทว่ากลับไม่อาจขับไล่บรรยากาศอึมครึมขุ่นมัวภายในเรือนได้ หลี่เจิ้งเฉินนั่งเงียบงันอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกริบทอดมองร่างบอบบางที่ยังคงหลับใหลอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเซียวไล่สีเลือดฝาดเมื่อครู่ๆ ค่อยๆ ขึ้นสีเล็กน้อยเขาพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากของนางแผ่วเบา…ราวกับไม่ต้องการปลุกให้นางขึ้นมาหลี่เจิ้งเฉินกำมือแน่น ยามนี้เขาถูกความรู้สึกผิดกัดกินอยู่ไม่ใช่นาง...ไม่ใช่นางเลยสักนิดที่ควรถูกลงโทษ...“ข้าขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา“นี่มิใช่ความผิดของเจ้า…ไป๋ซูเหยา”ก่อนหน้านั้น หลี่เจิ้งเฉินย่อมรู้ดีว่าสตรีที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่ไป๋เหยียนหลันไม่เพราะมีคนจากสกุลไป๋เร่งร้อนมาแจ้งข่าวแต่เช้าตรู่เสียจนเขาตั้งตัวไม่ทันในยามนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรับมือเช่นไรจู่ๆ สตรี

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๕ กลืนน้ำลาย

    ปัง!หลี่เจิ้งเฉินวางจอกสุรากระแทกลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ห้วงความคิดของเขาวนเวียนกลับไปกลับมาไม่พ้นจากดวงตาคู่งามที่แข็งกร้าวคล้ายกลับว่าไม่อาจลืมเลือนมุมปากหนาแค่นเสียงเยาะ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าจอกสุราอีกครั้งทว่า…ไหสุราในมือนั้นกลับถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปอย่างรวดเร็วฟึ่บ!“!!!” หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วทันควัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจโจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้าราวกับตั้งใจ เขาถือไหสุราไว้ในมือแน่นไม่ยอมคืนให้ พร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ท่าทางวันนี่หลี่อ๋องคงมีเรื่องทำให้กลัดกลุ้มใจไม่น้อย…ทะเลาะกับพระชายามาหรืออย่างไรกัน”ก่อนหน้านี้เขากำลังเอนกายนอนชมการร่ายรำของเหล่าสตรีงามอย่างสบายอารมณ์ ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีพ่อบ้านเข้ามาแจ้งว่าหลี่อ๋องมาเยือนถึงที่จวน…!?เดิมทีเดียวโจวตงหยางคิดว่าคงมีราชการด่วนหรือเรื่องสำคัญใดๆ ทว่ามิใช่...หลี่เจิ้งเฉินกลับมานั่งดื่มสุราไหแล้วไหเล่าราวกับอารมณ์มาจากจวนเสียมากกว่าสายตาคมกริบของเขาเหลือบมองสหายตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ“…” หลี่เจิ้งเฉินสูดลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แต่กลับไม่ยอมเอ่ยอันใดออกมาโจว

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๔ กลำกลืนฝืนทน

    ใครเล่าจะเชื่อเรื่องโชคชะตา…แม้แต่ไป๋เหยียนหลันเองก็ไม่เคยเชื่อมาก่อน หากแต่สวรรค์กลับเล่นตลกกับนางเสียจนหมดหนทางปฏิเสธ ด้ายแดงที่เคยถักทอมาเนิ่นนานแต่พอถูกละลายลงในสายน้ำก็ไม่หลงเหลือแม้เศษเส้นใยให้เหนี่ยวรั้งไว้นางไม่คิดเลยว่าเพียงแค่พบกับจางสือ บุรุษหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งจากร้านขายถั่วเหลือง หัวใจที่เคยนิ่งสงบกลับเต้นกระหน่ำรัวราวกับกลับไปเป็นดรุณีน้อยที่เพิ่งรู้จักคำว่ารักอีกครั้ง…แน่นอน…ว่านางอยากมีชีวิตที่สงบและเรียบง่าย ไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายหรือแก่นแย่งชิงอำนาจกับผู้ใดทั้งสิ้นทว่าหลี่เจิ้งเฉินกลับมีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงหลี่อ๋อง…มีอำนาจในมือ วันข้างหน้าย่อมไม่อาจมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียวได้แต่จางสือนั้น…กลับสามารถรักมั่นเพียงนาง ถึงแม้ฐานะเขาจะต่ำต้อยกว่าเพราะต้องเลี้ยงดูมารดา น้องสาว น้องชายและยังหาเช้ากินค่ำก็ช่างเถอะ…หากใจรักมั่น ไป๋เหยียนหลันเชื่อว่าสวรรค์ก็ต้องเมตตาให้ชีวิตคู่ของนางและเขาราบรื่นเป็นแน่“เหยียนหลันรีบกินขาหมูตุ๋นร้อนๆ นี่ก่อนเถิด” น้ำเสียงของจางฮูหยินเอ่ยดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มประจบประแจ้ง นางได้ยินข่าวมาว่าคุณหนูไป๋จากร้านน้ำเต้าหู้ตรงประตูเมืองผู้นี

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๓ พระชายาไร้ค่า

    บรรยากาศภายในจวนหลี่อ๋องยามนี้ขุ่นมัวและอึมครึมยิ่งกว่ายามฝนตั้งเค้าเสียอีก เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างค่อยๆ ถอยห่างออกไปอย่างเงียบเชียบ บ้างก็ถึงกับกลั้นหายใจด้วยความหวาดหวั่นใบหน้าของหลี่อ๋องบัดนี้เขียวคล้ำด้วยโทสะ แววตาคมกริบฉายชัดถึงความขุ่นเคืองจนไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่ครึ่งคำแล้วไหนจะพระชายาผู้นั้น…สตรีผู้มีใบหน้างดงามแต่ตอนนี้กลับแข็งกร้าวฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมโอนอ่อนแม้แต่น้อย!ทั้งที่รอคอยจะได้ครองคู่อยู่ด้วยกันมิใช่หรือ…?ทว่าเพียงคืนเข้าหอคืนเดียวเท่านั้น ไฉนเลยความสัมพันธ์กลับแปรเปลี่ยนราวกับคนแปลกหน้าเช่นนี้แท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้น…พวกนางอยากรู้เสียจริง!แม้ว่าพวกนางจะพยายามถอยหลีกห่างแล้ว ทว่าในความเงียบสงัดกลับได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเองหลี่เจิ้งเฉินกัดฟันกรอดคล้ายข่มโทสะ เขาก้าวเข้าไปหาสตรีตรงหน้า ก่อนจะคว้าเรียวแขนของอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วออกแรงกระตุกดึง กึ่งลากนางให้เดินตามไปทันที“ปล่อยข้า!” ไป๋ซูเหยาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนางยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางก็ถูกบังคับให้ก้าวตามเขาไปตามแรงดึง หากฝืนก็เกรงว่าจะล้มลงกับพื้นและหากเป็นเช่นนั้น…บุรุษผู้

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒ อวดดี

    หลี่เจิ้งเฉินไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าตอบโต้ด้วยท่าทีอวดดีเช่นนี้!เขากัดฟันกรอดก่อนจะสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบอบบางลอยขึ้นเหนือพื้นเพียงชั่วพริบตา แล้วถูกเหวี่ยงกระแทกลงบนเตียงอย่างไม่ไยดีน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยลอดไรฟัน “ม้าพยศย่อมต้องถูกเฆี่ยน!...สตรีอวดดีสมควรถูกสั่งสอน!”ตุบ!ร่างอรชรของไป๋ซูเหยาพลันกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง แม้จะมีฟูกนุ่มรองรับ ทว่าแรงจากการสะบัดของบุรุษผู้นี้กลับรุนแรงราวกับหมายจะให้กระดูกทุกชิ้นในร่างนางแตกร้าวเสียให้ได้“อ๊ะ!” ไป๋ซูเหยานอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจโดยไม่ทันคาดคิดว่าอันตรายจะคืบคลานเข้ามาเร็วเพียงนี้!!!หลี่เจิ้งเฉินก้าวเข้ามาใกล้ สายตาคมกริบเพ่งมองร่างสตรีตรงหน้าอย่างเยียบเย็น มุมปากหนายกยิ้มเยาะไร้ความอ่อนโยนหากนางมิใช่สตรีในดวงใจแล้ว…ไม่ว่าสตรีใดก็อย่าได้หวังว่าเขาจะอ่อนโยน ต่อให้นางกระอักเลือดเจียนตายอยู่ตรงหน้าก็อย่าคิดว่าเขาจะเหลือบแลเห็นใจแม้เพียงเสี้ยวสายตา!“แค่ก! แค่ก!” ไป๋ซูเหยาไอแห้งๆ ออกมาหลายครั้งลมหายใจของนางติดขัดราวกับปอดแทบจะยุบตัว ดวงตาคู่งามพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำใส หากแต่ในใจกลับไม่คิดอ้อน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status