แผนการร้ายเผด็จศึก...หากไม่ยอมมีปล้ำ
รถยนต์สมรรถนะสูงวิ่งฉิว แต่มันก็ยังไม่เท่าใจของเขาที่มันกำลังร้อนรน ครูสชะลอความเร็วรถยนต์ลง เขาสอดส่ายตามองหาแพรวาตามข้างทาง เพราะเวลานี้เธอคงกำลังจะเดินทางไปโรงเรียน ในเมื่อเหลือเวลาเรียนอีกแค่3 วัน แพรวาก็จะจบชั้นมัธยมปลาย สายตาปานนกเหยี่ยวสอดส่ายมองหา เขาเขม้นตามองทุกครั้งที่พบเจอเด็กนักเรียนสาวๆ แต่ก็ยังไม่ใช่คนที่มองหาซักที
“ใช่แน่ๆ” เขาขมุบขมิบเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อบั้นท้ายงามงอนใต้กระโปรงสีกรมท่าซีดๆ เบื้องหน้าดูคุ้นตา และท่าเดินหงอยๆ ก้มหน้าก้มตาเดินโดยไม่มองซ้ายมองขวาเหมือนเด็กสาวๆ คนอื่นๆ ต้องเป็นแม่ยอดขมองอิ่มของเขาแน่นอน
“แพร แพรวา!”
แพรวาเงยหน้าขึ้นจากการมองพื้นถนน เธอมองหาเสียงเรียกที่ฟังคุ้นหู ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อหมุนตัวหาจนพบเจอ ครูสยิ้มแผล่ นั่งหลังพวงมาลัยรถยนต์ โดยที่เปิดกระจกด้านข้าง ตะโกนเรียก และกวักมือเรียกเธอไหวๆ แพรวามองซ้ายมองขวา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความโล่งอก ไม่มีใครในที่นั้นสนใจเธอ ต่างคนต่างมุ่งหน้าที่สถานการศึกษา เพราะจวนเจียนเวลาเต็มที
“แพร... แพรเข้าเรียนก่อนนะคะ เกือบจะสายแล้ว” เธอบอกเขาเสียงใส ยกกระเป๋าใบเล็กแนบอก ก่อนจะออกวิ่งด้วยความรวดเร็วเต็มกำลัง จนครูสได้แต่อ้าปากค้าง มองตามแพรวาไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ฉันจะมารอหน้าโรงเรียนตอนเย็น เรามีเรื่องต้องตกลงกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียใจ ถ้าเธอหลบหน้าฉันแบบตอนนี้แพรวา!” ครูสตะโกนตามหลังแพรวาไป เธอได้ยินเต็มสองหูจนหัวใจเต้นระรัว แพรวาหลบหลังกำแพงโรงเรียน เธอใคร่ครวญคำพูดของชายหนุ่มที่ฟังดูเหมือนว่าเขามีไพ่สำคัญอยู่ในมือ และมันสำคัญมาก ถ้าหากเธอฝืนไม่ยอมไปพบเขา เอ! เรื่องอะไรนะ? แพรวาวนเวียนคิดเรื่องของชายหนุ่ม จนเธอไม่ทันฟังเพื่อนๆ ในห้องพูด
“แพรๆ เมื่อเช้าใครนะที่ทักเธอหน้าโรงเรียน หล่อโคตรเลยๆ” เสียงเพื่อนๆ เอ่ยถาม แพรวาจึงหลุดออกมาจากภวังค์
“ใคร? ใครเหรอ”
“ก็คนเมื่อเช้าไง คนที่ตาสีทองผมสีออกสีน้ำตาล ที่เขาถามอะไรแพรไม่รู้ เราเห็นแต่วิ่งมาไม่ทัน แพรวิ่งหนีเข้าโรงเรียน เขาก็ขับรถยนต์ออกไปเลย”
“เอ่อ...” แพรวากระอึกกระอัก “เขามาถามทางน่ะ แพรไม่รู้จัก” เธอตัดสินใจไม่พูดความจริง
“โหเสียดายเนอะคนอะไรไม่รู้หล่อละลายใจ ขนาดเห็นไกลๆ รัศมีความหล่อยังทิ่มตา หากได้จ้องมองใกล้ๆ คงละลายกลายเป็นขี้ผึ้งแน่ๆ”เสียงร่ำลือถึงครูสมีอยู่ทั้งวัน แพรวาพยายามไม่ใส่ใจ และพยายามเก็บปากเก็บคำไม่อยากพูดถึงเขามากไป เดี๋ยวจะตกเป็นขี้ปากคนอื่นเปล่าๆ
“เธอๆ ผู้ชายคนนั้นมาอีกแล้ว ไปดูกันไหม? ยืนพิงรถอยู่หน้าโรงเรียน” เสียงวี้ดว้ายของกลุ่มผู้หญิง ส่งเสียงเจี๊ยวจ้าว เมื่อชายหนุ่มปริศนาที่เป็นหัวข้อสนทนาปรากฏตัวที่หน้าโรงเรียนมัธยมก่อนเวลาเลิกเรียนไม่เท่าไร แพรวาตกใจ! เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากโหนกนูน ดวงตากลมโตไหววูบ หัวใจเต้นกระหน่ำดั่งกลองเพล เธอผุดลุกผุดนั่ง คิดหาวิธีหลีกหนีครูสให้ได้อีกครั้ง ทำยังไงดี! ทำยังไง เธอเดินกลับไปกลับมา วนเวียนคิดอยู่แต่เรื่องเดียว แต่ไม่ว่าจะหาทางออกยังไงก็หาทางหนีไม่ได้ จึงทรุดนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนด้วยความอ่อนแรง ประวิงเวลาให้ยืดยาวออกไปก่อนหวังว่าครูสคงมีความอดทนไม่พอ และเขาอาจจะกลับไปด้วยไม่รอพบเธอ
“แพรๆ...” เสียงเพื่อนๆ เรียกชื่อเธอแว่วๆ
“หืม...มีอะไรจ้ะ” แพรวารับคำ เธอเงยใบหน้าขึ้นมองกลุ่มสาวๆ ที่จับตัวเป็นกลุ่มก้อน และมองมาที่เธอเป็นตาเดียว
“มีคนมาหาแพรจ้ะ และพวกเราหวังดีก็เลยพาเขามาหาแพร เขายืนคอยอยู่นานแล้ว น่าสงสารออก” พวกเธอเหล่านั้นเดินแยกไปด้านข้าง จนแพรวามองเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง ในชุดสูทแนบเนื้อ มองดูสง่างามองอาจสมชาย ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอยกมือขึ้นปิดริมฝีปากเพราะเกรงว่าเสียงกรีดร้องของตัวเองจะทำให้เพื่อนๆ ตกใจ
“ไหนบอกไม่รู้จักกันไง ทำไมคุณเขามีรูปแพรในโทรศัพท์ด้วยล่ะ เป็นอะไรกันเหรอ?”
“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่คนรู้จักนะ” แพรวาปฏิเสธเสียงรัว เธอถลึงตาใส่ชายหนุ่มพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนเร็วๆ มือเล็กๆ กระชากเขาออกเดิน พร้อมทั้งกระซิบขู่ ระหว่างออกเดินด้วยเสียงเคร่งๆ “ห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นแพรจะบีบคอคุณให้ตายคามือ” ครูสก้มใบหน้าลง เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ ไม่อยากให้คนตัวเล็กโมโหมากกว่านี้ สองเท้าก้าวตามแรงดึงของแพรวาไปติดๆ เขาหันไปโค้งศีรษะ ขอบคุณเด็กสาวๆ เหล่านั้นที่อาสาพาเขาเข้าไปหาแพรวา
“คุณมาตามหาแพรทำไม!” แพรวาสะบัดมือ เธอปล่อยเขาเป็นอิสระ ดวงตากลมโตมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ เธอเดินวนไปรอบตัวของครูส และแยกเขี้ยวขู่ ไม่กลัวเขาซักนิด เมื่อเขาเข้ามาคุกคามชีวิตส่วนตัวของเธอ ความโมโหบวกกับความโกรธเธอหลงลืมความหวั่นไหวที่มีต่อครูสไปจนหมดสิ้น
“ก็บอกแล้วนี่...ว่ามีเรื่องต้องตกลงกัน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“แพรไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องตกลงกับคุณ มันจบแล้ว!” แพรวากดเสียงต่ำๆ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“แต่...ฉันมี” ครูสเอ่ยเสียงดุดัน ดวงตาเรืองรอง และมองเธอด้วยสายตามีความนัย
“แพรไม่มี คุณมีก็ตามใจคุณซิ” เธอกระแทกเสียงตอบ สะบัดใบหน้าหนี ก่อนที่ร่างอวบอุ่นจะลอยขึ้นจากพื้น เพราะชายหนุ่มช้อนอุ้มเธอขึ้นมาพร้อมทั้งกระซิบขู่เสียงเย็นๆ “อย่าแม้จะร้องให้คนอื่นช่วย ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกพวกเขาทั้งหมดที่ยื่นหน้าเข้ามาช่วยแพร ว่าเราสองคนเป็นผัวเมียกัน”
“ยะ อย่านะ” เธอรีบตะครุบริมฝีปากหนา กลัวเขาจะทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ เธอยังอยู่ในชุดนักเรียนอาจจะทำให้ทางโรงเรียนเสียชื่อเสียง
“ดีมากเด็กน้อย ทำตัวน่ารักหน่อยเดี๋ยวป๋ามีทิปให้ หากดื้อมากๆ เธอจะต้องโดนลงโทษให้หลาบจำ” ครูสกล่าวหยอกเย้าคนในอ้อมแขน และเธอก็ถลึงตาใส่ แลบปลายลิ้นสีชมพูเล็กๆ ยืดยาว ก่อนจะผวาซุกอกเขา เมื่อเขาลดใบหน้าลงต่ำๆ
“ฮ่าๆ...” ครูสหัวเราะเสียงก้อง เขาเดินเร็วๆ ตรงไปยังรถยนต์คู่ใจ ท่ามกลางสายตาอยากรู้ของคนรอบตัว แต่เขาจะสนทำไม เมื่อได้แพรวามาอยู่ในอ้อมกอด และตอนนี้เขาถือแต้มเหนือกว่าเธอ แพรวาไม่มีทางหลุดรอดออกไปจากกรงเล็บของเขาแน่ๆ
บทที่5.เมาดิบบรั่นดีรสร้อนแรงหายวับไปในลำคอหนา เมื่อปราณกระดกแก้วขึ้นดื่มอักๆ เขาดื่มกินแก้วแล้วแก้วเล่าเหมือนกำลังใช้มันอาบร่างกายของเขา แทนการกลืนมันลงไปในท้องเช่นในขณะนี้ รสแผดร้อนบาดคอ แต่ไม่ได้ทำให้เขาหยุดมือที่ยกแก้วขึ้นจ่อปากลงเลยสักนิด ดวงตาคมดุหรี่ปรือ เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์เขาไปแทนที่ในกระแสเลือด ลมหายใจของปราณมีแต่กลิ่นเหล้าระเหยออกมา ความหนักหน่วงในหัวอกหัวใจทำให้ชายหนุ่มกร่ำสุราเพื่อลดทอนความกลัดกลุ้มที่กำลังทำให้เขาใกล้คลุ้มคลั่ง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? คนที่ควรสนใจกลับไม่สนใจ แต่บุคคลต้องห้ามกลับเข้ามานั่งกลางใจเขาแทน และมันไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึก เมื่อมันมีตัวแปรหลายๆ อย่างสกัดกั้นเอาไว้ มันทำให้เขาต้องสะดุดกึก หยุดความคิดคำนึงทั้งหมดลง...เมื่อเธอเหมือนผลแอปเปิลต้องห้ามในสวนสวรรค์ ที่ดูได้แต่ห้ามเชยชม เป็นของหวงที่เจ้าของรัก เป็นอะไรหลายๆ อย่างแต่เขาไม่สามารถคว้ามาครองได้กมลธาราพลิกตัวกลับไปกลับมาบนเตียงนอนนุ่ม เธอข่มตาไม่หลับ เปลือกตาไม่ยอมปิดเพราะเป็นห่วงปราณที่
บทที่4.แมวสาวยั่วสวาทเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังก้องสวนกว้าง คนงานในสวนชะเง้อชะแง้มองพ่อเลี้ยงเสือแห่งสวนบางรักตาพริบพราว เมื่อเจ้านายหนุ่มทั้งดุ และโหด เพราะต้องคอยดูแลคนงานที่มาจากต่างถิ่นฐาน คนละพื้นฐานครอบครัว พวกเขามีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นประจำ กรรมการห้ามมวยก็คือตัวเจ้าของ ปราณจะถลุงคนงานที่ไร้ระเบียบวินัย จัดการพวกมันจนอยู่หมัด จนไม่มีใครกล้าก่อเรื่อง เพราะกลัวมือตีนของพ่อเลี้ยงเสือที่ทั้งหนักและดุดัน แต่วันนี้นายหนุ่มกลับมาแปลกๆ พาสาวน้อยเอวบางแต่งตัวชวนน้ำลายหกมาด้วย เมื่อกางเกงที่เจ้าหล่อนใส่ขาสั้น... สั้นเต่อ มองเห็นเรียวขาเรียวยาวสีขาวจั๋ว ที่สำคัญคนที่ขับรถยนต์พาสาวน้อยคนนั้นชมสวนลำไย คือตัวพ่อเลี้ยงเอง!! มันจึงทำให้คนงานทั้งสวนจับตาดู เมื่อเรื่องเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่พวกเขาทั้งหมดมาทำงานในสวนบางรัก“พ่อเลี้ยงพาละอ่อนที่ไหนมาแอ่วสวนกันว่ะ อินางงามขนาด”“ไม่รู้สิ เห็นอีแววมันบอกว่าเป็นหลานน่ะ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจอยู่นา”“เห้ย! พ่อเลี้ยง บ
บทที่3.วิมานรักกลางพงไพรแก้วกาแฟในมือของปราณเกือบจะพลัดหลุดมือ โอแม่เจ้า! หัวใจเขาทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมเกือบสิบเท่าตั้งแต่มีหลานสาวคนสวยมาอยู่ใกล้ๆกมลธาราอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่งของเขา แต่...แต่เธอทำเกินคำสั่งไปนิด เมื่อเจ้าของร่างอวบอัดอยู่ในชุดเสื้อผ้าคับติ้ว! เสื้อยืดสีสดบนลำตัวแนบกระชับไปทุกสัดส่วน อวดสัดส่วนสงวนให้เห็นเด่นชัด ของที่ควรมีไม่ว่าจะเป็นหน้าอกหน้าใจอันเกินตัว เอวคอดกิ่ว สะโพกผายตึงแน่น กางเกงยีนขาสั้นเต่อ สั้นมาก สั้นมากๆ เพราะมันเกือบจะปิดแก้มก้นเอาไว้ไม่มิด ผมยาวสลวยถูกมัดไว้เหนือต้นคอขาวๆ ปล่อยลูกผมรุ่ยร่ายละลำคอเรียวบางมองดูแล้วซ่านทรวง วัยแรกแย้มสดใสและมันกำลังทำให้ปราณคิดหนัก เอาไงดีว่ะ! จะอยู่ในสภาพนี้ต่อ หรือหาทางเอาตัวรอดจากสิ่งล่อตา ที่ยิ่งมองก็ยิ่งเพลิดเพลินกันแน่“แดดมันร้อนนะราร่า อาว่าหาเสื้อหนาๆ ใส่เพิ่มอีกตัวดีไหม?” กว่าชายหนุ่มจะควานหาคำพูดตัวเองเจอ เขาต้องทำใจอยู่นาน เป็นเพราะไม่อาจชักสายตาออกมาจากความอวบอิ่มตรงหน้าได้ ทั้งๆ ที่ในใจเขามีแต่เสียงคัดค
บทที่2.ยั่วยวนฉบับอนุบาลแต่คุณอาหนุ่มเกือบแข็งตายเช้าวันใหม่ภายในสวนบางรัก บ้านปีกไม้หลังขนาดย่อมๆ ตั้งอยู่ใจกลางสวนลำไยกว่าพันไร่ เป็นที่อยู่อาศัยปัจจุบันของกมลธาราสาวน้อยวัยรุ่นที่เหินฟ้า ผ่านน่านน้ำนานาประเทศมาจากแดนไกลเพราะความประพฤติของตัวเองเสียงคนงานส่งเสียงโวยวายกันตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมันเป็นหน้าที่ปฏิบัติที่บังคับให้ทำ พวกเขาเหล่านั้นต้องแหกตาตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองตามหน้าที่ กมลธารายืนอิงตัวกับระเบียงกว้าง เธอทอดสายตาไปไกลๆ จุดโฟกัสของสายตาอยู่ที่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี กับร่างองอาจผึ่งผายบนหลังอาชาสีน้ำตาลเข้ม แม้จะเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆ แต่เธอก็จำปราณได้ในทันทีที่มองเห็นเรียวขาเพรียวแนบอยู่ที่สีข้างของม้าหนุ่ม เขาพามันวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายแต่เช้าตรู่รับแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเช้าที่เริ่มสาดแสงแรงกล้าลงมาบนพื้นโลกกมลธาราอยู่ในชุดนอนสีขาวสะอาด ตัวผ้าโปร่งบางพัดปลิวตามแรงของสายลมจนลู่ลีบแนบไปกับลำตัว และบนร่างกายของเธอไร้ชุดอื่นใด ยกเว้นแพนตี้ตัวน้อยที่เกาะเกี่ยวสะโพกผายตึงแน่นไว
พ่ายรักร้ายเดียงสาสมองสั่งให้ลืมแต่หัวใจสั่งให้จำ ความรู้สึกที่โดนกระทำ แต่ก็ยังจดจำไม่มีทางลืมบทที่1.หลานสาวคนใหม่ที่ทำเอาหัวใจคุณอาแกว่ง... ท่าอากาศยานเชียงใหม่... ร่างสูงใหญ่สวมใส่กางเกงยีนสีดำสนิท ฟิตเปรี๊ยะแนบช่วงขายาวๆ เสื้อเชี้ตยีนติดกระดุมเพียงแค่สามเม็ด เปิดแผงอกอุดมสมบูรณ์ที่มีไรขนเรียงตัวลงมาอย่างงดงาม จนมันหายลับไปหลังเนื้อผ้าสีซีดๆ เรียกสายตาอยากรู้อยากเห็นให้แก่สาวๆ ที่ได้พบเจอ มาดห้าวแกร่งดูน่าเกรงขาม!! เรียกสายตาคนทั้งท่าอากาศยาน ไม่ว่าจะสาวหรือแก่ให้มองตามทุกฝีเท้าของเขา ยิ่งมองเห็นเต็มๆ สองตา ไม่ว่าสาวน้อยสาวใหญ่พากันทอดสายตาหวานเชื่อมให้แก่เขา เมื่อวงหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาพอๆ กับดาราชื่อดังของฮอลลีวู๊ด คิ้วเข้มๆ พาดเฉียงๆ บนใบหน้ารับกับปลายจมูกโด่งและดวงตาดุดัน มุมปากยิ้มเยาะๆ เป็นเพราะเหตุการณ์เช่นนี้...เกิดขึ
บทที่9. ในที่สุดโอมานก็อดรนทนไม่ไหว เขาจมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านในหัว และยอมรับกลายๆ ว่ามินตรากำลังมีอิทธิพลเหนือจิตใจเขา ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่จิตใจเธอเข้มแข็งกว่าเขาเสียอีก เธอยอมเพราะไม่มีทางเลือกอื่นๆ ในขณะที่เขาแพ้! ปิดประตูชนะตั้งแต่ได้พบเจอหน้าเธอภายในห้องชุดสุดหรูของเขา “ทานข้าวไหมคะ?” มินตราถามเสียงอ่อนๆ เมื่อชายหนุ่มยอมออกมาจากห้องนอนของเขา ดวงตาคมกริบมืดสนิท มันดูลึกลับพอๆ กับน่าค้นหา เธอเสก้มใบหน้าลง สนใจจานข้าวตรงหน้า พยายามสลัดความหวั่นไหวออกไปจากหัวใจ เมื่อเธอและเขาเป็นแค่เพียงเส้นขนาน เป็นนายจ้างกับลูกจ้างแค่นั้น หลังหมดพันธะสัญญาบ้าๆ บอๆ นั่น ต่างคนก็ต้องกลับไปเดินบนเส้นทางของตัวเอง “อืม...” โอมานเดินมาทรุดนั่งฝั่งตรงข้ามของมินตรา ชายหนุ่มมองจานอาหารตรงหน้าแล้วจึงถามขึ้นเบาๆ “ไม่ได้ให้การีมจัดอาหารให้เหรอ? แ