เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้นในทุกซอกมุมของบริษัท "ภาคินัย กรุ๊ป" มันเริ่มจากแค่เสียงแผ่วเบาที่พนักงานแผนกหนึ่งพูดกับอีกแผนกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ แผ่ขยายวงกว้างออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ปลายฝันสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่จับจ้องมาที่เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน พนักงานบางคนก็ลดเสียงลง บางคนก็แสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น ท่ามกลางความรู้สึกอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เธอก็ได้แต่หวังว่ามันคงเป็นเพียงแค่จินตนาการของเธอเอง
นับตั้งแต่ภาคินัยเริ่มให้ปลายฝันมีส่วนร่วมในโครงการสำคัญๆ มากขึ้น และมักจะเรียกเธอเข้าพบเป็นการส่วนตัวบ่อยครั้ง ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นจากการทำงานทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่พิเศษกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับนักศึกษาฝึกงานทั่วไป แม้ทั้งคู่จะยังคงเก็บงำความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นไว้ในใจ แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกถึงความห่วงใยและการเอาใจใส่ก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของพนักงานในบริษัทไปได้
เช้าวันหนึ่ง ปลายฝันเดินเข้ามาในแผนกออกแบบด้วยรอยยิ้มสดใส เธอเพิ่งได้รับคำชมจากภาคินัยเกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบใหม่ที่เธอเสนอไปเมื่อวันก่อน แต่ทันทีที่เธอก้าวเข้ามา เสียงพูดคุยที่เคยดังเจื้อยแจ้วก็เงียบลงทันที พนักงานหลายคนเหลือบมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และบางคนก็เริ่มกระซิบกระซาบกันเบาๆ
ปลายฝันรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของเธอ และพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาเหล่านั้น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะได้ยินบทสนทนาแผ่วเบาที่ลอยมาเข้าหู
“เห็นว่าท่านประธานให้ยัยเด็กฝึกงานคนนั้นดูแลโปรเจกต์สำคัญด้วยตัวเองเลยนะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
“นั่นสิ เห็นว่าเข้าออกห้องท่านประธานบ่อยกว่าเลขาอีก” อีกเสียงหนึ่งเสริม
“สงสัยจะได้ดีเพราะเส้นสายแหละมั้ง” เสียงสุดท้ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
คำพูดเหล่านั้นเหมือนคมมีดที่กรีดลงกลางใจของปลายฝัน เธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที นี่คือสิ่งที่คนในบริษัทกำลังคิดเกี่ยวกับเธออย่างนั้นหรือ พวกเขากำลังมองว่าเธอใช้เส้นสายเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และกำลังมองว่าความสัมพันธ์ของเธอกับภาคินัยนั้นไม่โปร่งใส
ความรู้สึกอับอายและความไม่สบายใจเข้าครอบงำปลายฝันอย่างกะทันหัน เธอพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ และจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า แต่ในใจของเธอกลับว้าวุ่นอยู่ตลอดเวลา
ในช่วงสัปดาห์ต่อมา ข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของภาคินัยและปลายฝันก็ยิ่งแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว พนักงานในบริษัทเริ่มพูดคุยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้นเกี่ยวกับความใกล้ชิดของทั้งสอง ทุกครั้งที่ภาคินัยเรียกปลายฝันเข้าพบเป็นการส่วนตัว หรือเมื่อเขาไปส่งเธอที่บ้านหลังเลิกงาน เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ก็ถูกนำไปขยายความจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
ปลายฝันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เธอเดินไปไหนมาไหนในบริษัทก็มักจะได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเสมอ บางครั้งก็มีสายตาเย้ยหยันจากพนักงานบางคนที่มองมาที่เธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
แม้คุณชลดาหัวหน้าแผนกของปลายฝันจะพยายามไม่ใส่ใจกับข่าวลือเหล่านี้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงปลายฝัน เธอรู้ดีว่าปลายฝันเป็นเด็กดีและตั้งใจทำงาน แต่ข่าวลือที่ไม่ดีเหล่านี้ก็อาจจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของปลายฝันได้
ในขณะเดียวกัน ธาม เพื่อนสนิทของภาคินัย ก็เริ่มสังเกตเห็นข่าวลือที่แพร่สะพัดในบริษัทเช่นกัน เขารู้สึกเป็นห่วงภาคินัยและปลายฝัน เพราะเขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของภาคินัยกับทิชานั้นซับซ้อน และการที่ข่าวลือเหล่านี้แพร่สะพัดออกไปอาจจะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ในอนาคต
วันหนึ่ง ธามเดินเข้ามาในแผนกออกแบบ และเห็นปลายฝันกำลังนั่งทำงานอยู่คนเดียว ใบหน้าของเธอดูหม่นหมองกว่าปกติ ธามตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ
“คุณปลายฝันสบายดีไหมครับ” ธามเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมองธาม เธอยิ้มเจื่อนๆ “สบายดีค่ะคุณธาม”
“ช่วงนี้คุณดูไม่ค่อยสดใสเลยนะ” ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
ปลายฝันลังเลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้ธามฟังดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นแววตาที่จริงใจของเขา เธอก็ตัดสินใจที่จะพูด
“ปายรู้สึกไม่สบายใจเลยค่ะคุณธาม” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ช่วงนี้มีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับปายกับคุณภีมในบริษัทน่ะค่ะ”
ธามพยักหน้าช้าๆ “ผมพอจะได้ยินมาบ้าง”
“ปายรู้สึกอึดอัดมากเลยค่ะ” ปลายฝันเอ่ยต่อ “ปายไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี”
ธามถอนหายใจเล็กน้อย “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณปลายฝันนะครับ การที่คนอื่นพูดถึงเราในแง่ไม่ดีมันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดจริงๆ”
“แต่ปายไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันเป็นแบบนี้นะคะคุณธาม” ปลายฝันเอ่ยขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า “ปายแค่ตั้งใจทำงานของปายเท่านั้นเองค่ะ”
ธามยื่นมือไปแตะไหล่ของปลายฝันเบาๆ “ผมเชื่อคุณครับคุณปลายฝัน ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดีและตั้งใจทำงาน”
คำพูดของธามทำให้ปลายฝันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่ามีคนเข้าใจเธอ และไม่ได้ตัดสินเธอจากข่าวลือที่แพร่สะพัด
“แต่ข่าวลือเหล่านี้มันก็อาจจะส่งผลกระทบต่องานของคุณได้นะครับ” ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณทิชารู้เรื่องนี้”
คำพูดของธามทำให้ปลายฝันรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่าง เธอจำได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของทิชา และการที่เธอพยายามกลั่นแกล้งเธอในที่ทำงาน
“คุณทิชาจะทำอะไรคะ” ปลายฝันถามด้วยน้ำเสียงกังวล
ธามถอนหายใจ “ผมไม่รู้ว่าคุณทิชาจะทำอะไรนะครับ แต่คุณทิชาเป็นคนขี้หึง และเธอไม่ยอมให้ใครมาแย่งคุณภีมไปจากเธอเด็ดขาด”
ปลายฝันเงียบไป เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ธามพูดมานั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ทิชาเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง และมีอำนาจมาก เธอสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อรักษาในสิ่งที่เธอต้องการ
“ผมว่าคุณปลายฝันควรจะระวังตัวให้มากขึ้นนะครับ” ธามเอ่ยขึ้น “และพยายามอย่าอยู่ใกล้คุณภีมมากเกินไปในที่ทำงาน”
คำแนะนำของธามทำให้ปลายฝันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ธามพูดมานั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรง
“ปายเข้าใจค่ะคุณธาม” ปลายฝันตอบรับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ธามมองหน้าปลายฝันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร เขารู้ดีว่าการที่ปลายฝันต้องอยู่ห่างจากภาคินัยนั้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ดีกว่านี้
“ผมเป็นห่วงคุณนะครับคุณปลายฝัน” ธามเอ่ยขึ้น “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย คุณบอกผมได้เลยนะครับ”
คำพูดของธามทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นใจ เธอรู้สึกขอบคุณธามที่คอยเป็นห่วงและคอยช่วยเหลือเธออยู่เสมอ
ในขณะเดียวกัน ภาคินัยเองก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศของบริษัท เขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับปลายฝัน และเห็นสายตาแปลกๆ ที่พนักงานมองมาที่พวกเขา ภาคินัยรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ข่าวลือเหล่านี้แพร่สะพัดออกไป และเขาก็รู้สึกเป็นห่วงปลายฝันมากยิ่งขึ้น
วันหนึ่ง ภาคินัยเรียกคุณชลดาเข้ามาพบในห้องทำงานของเขา
“คุณชลดาครับ ช่วงนี้ผมได้ยินข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับคุณปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
คุณชลดาพยักหน้าเล็กน้อย “ค่ะท่านประธาน ดิฉันก็พอจะได้ยินมาบ้างค่ะ”
“ผมไม่อยากให้ข่าวลือเหล่านี้ส่งผลกระทบต่องานของคุณปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “คุณช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผมด้วยนะครับ”
คุณชลดาถอนหายใจเล็กน้อย “ดิฉันจะพยายามจัดการให้นะคะท่านประธาน แต่ข่าวลือพวกนี้มันก็ยากที่จะควบคุมค่ะ”
“ผมเข้าใจครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “แต่ผมไม่อยากให้คุณปลายฝันต้องมาเสียกำลังใจเพราะเรื่องพวกนี้”
คุณชลดามองหน้าภาคินัย ดวงตาของเธอฉายแววเข้าใจ เธอสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ภาคินัยมีต่อปลายฝัน
หลังจากคุณชลดาเดินออกจากห้องทำงานของภาคินัย เขาก็นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเลื่อนดูรูปภาพของปลายฝันที่เขาแอบถ่ายไว้เมื่อวันดูงานนอกสถานที่ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ภาคินัยรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเขากับปลายฝันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้รักเธอได้เลย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมแพ้กับความรักครั้งนี้ และจะปกป้องปลายฝันให้ถึงที่สุด
ในขณะที่ข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของภาคินัยและปลายฝันกำลังแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทิชาก็ได้รับรู้ข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน เธอได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนๆ และคนรู้จักที่สอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของภาคินัยกับปลายฝัน
“แกแน่ใจนะว่าภาคินัยไม่ได้มีอะไรกับยัยเด็กฝึกงานคนนั้น” เสียงเพื่อนของทิชาเอ่ยขึ้นในโทรศัพท์
“บ้า! จะเป็นไปได้ยังไง” ทิชาตอบอย่างหัวเสีย “ภาคินัยเขาไม่สนใจเด็กฝึกงานกระจอกแบบนั้นหรอกน่า”
แม้จะปฏิเสธออกไป แต่ในใจของทิชากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้ดีว่าข่าวลือเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ และมันกำลังสะท้อนถึงความจริงบางอย่างที่เธอกำลังพยายามหลีกหนี
ทิชาเดินวนไปมาในห้องนั่งเล่นด้วยความหงุดหงิด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกดเบอร์โทรศัพท์ของภาคินัยด้วยความโกรธ
“ภีม! คุณต้องจัดการเรื่องนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ” ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดทันทีที่ภาคินัยรับสาย
“เรื่องอะไร” ภาคินัยถามเสียงเรียบ
“ก็เรื่องข่าวลือเกี่ยวกับคุณกับยัยเด็กนั่นน่ะสิคะ! มันกำลังทำให้ทิชาเสียหน้ามากเลยนะ” ทิชาตะโกนใส่โทรศัพท์
ภาคินัยถอนหายใจเล็กน้อย “คุณทิชาครับ ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับคุณปลายฝัน”
“แต่คุณก็เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้เองนะภีม!” ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ “ถ้าคุณไม่ไปสนิทสนมกับยัยเด็กนั่น เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น!”
ภาคินัยเงียบไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ทิชาพูดมานั้นเป็นความจริงบางส่วน
“ผมไม่สนใจว่าใครจะพูดถึงผมยังไงหรอกนะทิชา” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แต่ผมไม่อยากให้ข่าวลือเหล่านี้ส่งผลกระทบกับคนอื่น”
“แล้วคุณจะทำยังไงคะ” ทิชาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” ภาคินัยตอบสั้นๆ ก่อนจะวางสายไปอย่างไม่ใยดี
ทิชายืนนิ่งอยู่กับความโกรธและความเสียใจ เธอไม่คิดว่าภาคินัยจะวางสายใส่เธอแบบนี้ และไม่คิดว่าเขาจะปกป้องปลายฝันมากถึงขนาดนี้
“ยัยเด็กนั่น! มันจะต้องชดใช้!” ทิชาพึมพำกับตัวเองอย่างเคียดแค้น แววตาของเธอฉายแววอาฆาต
ในขณะที่ข่าวลือที่ไม่ดีกำลังแพร่สะพัดไปทั่วบริษัท และสร้างความไม่สบายใจให้กับปลายฝัน ภาคินัยก็ตัดสินใจที่จะปกป้องเธออย่างถึงที่สุด และการกระทำของเขาก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิชาตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวทั้งหมดกำลังจะนำพาพวกเขาเข้าสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงกว่าเดิม และความจริงบางอย่างที่ถูกปกปิดไว้ก็จะถูกเปิดเผยในไม่ช้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ