หลังจากผ่านพ้นเรื่องราววุ่นวายและบทเรียนชีวิตอันล้ำค่ามาด้วยกัน ความรักของ ธาม และ น้ำหวาน ก็ผลิบานอย่างงดงามและมั่นคงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา การได้อยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้กันในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากอดีต หรือการค้นพบความสุขในปัจจุบัน ทำให้พวกเขามั่นใจในกันและกันมากยิ่งขึ้น บทสนทนาเรื่อง อนาคต เริ่มเข้ามามีบทบาทในความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่ใช่แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ แต่เป็นแผนการที่จับต้องได้ เพื่อสร้างชีวิตที่สมบูรณ์แบบตามที่ทั้งคู่ปรารถนา
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่อากาศสดใส ธามและน้ำหวานตัดสินใจไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น พวกเขาเดินจับมือกันอย่างสบายๆ บทสนทนาเป็นไปอย่างผ่อนคลาย แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกจริงจังเกี่ยวกับอนาคต
"น้ำหวานครับ... คุณเคยคิดถึงอนาคตของเราบ้างไหมครับ" ธามเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขานั่งลงบนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่
น้ำหวานเงยหน้ามองธามด้วยรอยยิ้ม "คิดสิคะคุณธาม คิดอยู่บ่อยๆ เลยค่ะ"
ธามบีบมือของน้ำหวานเบาๆ "ผมก็คิดเหมือนกันครับ ยิ่งนับวันผมก็ยิ่งมั่นใจว่าคุณคือคนที่จะอยู่เคียงข้างผมไปตลอดชีวิต"
น้ำหวานหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะคุณธาม"
พวกเขาเริ่มพูดคุยกันถึงความฝันและสิ่งที่อยากจะสร้างร่วมกัน ธามเล่าถึงความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจด้านการลงทุนของเขาให้เติบโตยิ่งขึ้น และอยากจะใช้ความรู้ความสามารถของเขาไปช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ
"ผมอยากสร้างองค์กรที่ไม่ใช่แค่ทำกำไรนะครับน้ำหวาน แต่อยากให้เป็นองค์กรที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ ได้ด้วย" ธามกล่าวด้วยความมุ่งมั่น "เหมือนที่ภาคินัยกับคุณปลายฝันทำกับ 'เดอะ กรีน ลีฟ' นั่นแหละครับ"
น้ำหวานพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย "ฉันก็คิดเหมือนกันค่ะคุณธาม ฉันอยากทำงานที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสังคม หรือการพัฒนาชุมชน"
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีความฝันที่สอดคล้องกัน ไม่ใช่แค่ความสำเร็จส่วนบุคคล แต่เป็นการสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นและสังคม
"น้ำหวานครับ... ถ้าวันหนึ่งผมสามารถทำให้ความฝันของผมเป็นจริงได้ ผมอยากให้คุณอยู่เคียงข้างผมนะครับ" ธามพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ "ผมอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในทุกๆ ก้าวของผม"
น้ำหวานมองธามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก "แน่นอนค่ะคุณธาม ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม"
บทสนทนาของพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องงานและการสร้างคุณค่าให้สังคม แต่ยังก้าวไปถึงเรื่องส่วนตัวที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือการสร้าง ครอบครัว
"คุณน้ำหวานครับ... ผมอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกับที่ผมเคยฝันไว้นะครับ" ธามเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ "ผมอยากมีลูก... อยากมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบ... และผมอยากให้คุณเป็นแม่ของลูกผมนะครับ"
น้ำหวานถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของธาม แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ เธอยิ้มออกมาอย่างสดใส
"ฉันก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "และฉันก็อยากให้คุณเป็นพ่อของลูกฉันนะคะ"
คำตอบของน้ำหวานทำให้ธามรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบสว่างไสว เขายื่นมือไปกุมมือของน้ำหวานไว้แน่น แล้วบีบเบาๆ เป็นสัญญาณว่าเขามีความสุขมากเพียงใด
หลังจากนั้น ธามและน้ำหวานก็เริ่มพูดคุยถึงอนาคตในรายละเอียดมากขึ้น พวกเขาไม่ได้แค่ฝัน แต่เริ่มวางแผนที่เป็นรูปธรรม
พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องการแต่งงาน ธามเสนอว่าอยากจะจัดงานแต่งงานเล็กๆ อบอุ่นๆ ที่มีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น เพื่อให้เป็นงานที่เต็มไปด้วยความหมายและจริงใจ
"ผมอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นงานที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความรักนะครับน้ำหวาน" ธามบอก
น้ำหวานพยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะคุณธาม ไม่ต้องใหญ่โตอะไร ขอแค่เราได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วค่ะ"
พวกเขายังพูดถึงเรื่องการสร้างบ้านในฝัน พวกเขาอยากได้บ้านที่มีสวนสวยๆ มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน และมีห้องนอนที่อบอุ่นสำหรับพวกเขาและลูกๆ ในอนาคต
"ผมอยากได้บ้านที่มีห้องครัวใหญ่ๆ นะครับน้ำหวาน คุณจะได้ทำอาหารอร่อยๆ ให้ผมทานได้ทุกวันเลย" ธามแกล้งหยอก
น้ำหวานหัวเราะ "ได้เลยค่ะคุณธาม แล้วคุณธามก็ต้องช่วยฉันล้างจานด้วยนะคะ"
พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องการทำงาน น้ำหวานบอกว่าเธออยากจะทำงานประจำไปก่อน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสายงานที่เธอสนใจ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าอยากจะทำอะไรในระยะยาว ธามเองก็ให้การสนับสนุนเธออย่างเต็มที่
"คุณอยากทำอะไรก็ทำเลยนะครับน้ำหวาน ผมสนับสนุนคุณเสมอ" ธามกล่าว "ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำอะไร ผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณนะครับ"
น้ำหวานรู้สึกซาบซึ้งใจในความเข้าใจและการสนับสนุนของธาม เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้แค่รักเธอ แต่ยังเคารพในความฝันและความต้องการของเธอด้วย
แม้ว่าอนาคตจะดูสดใส แต่ธามและน้ำหวานก็ไม่เคยลืมบทเรียนที่พวกเขาได้เรียนรู้จากอดีต พวกเขาเข้าใจว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และอาจจะมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เสมอ
"คุณธามคะ เรื่องราวที่ผ่านมาสอนอะไรฉันหลายอย่างเลยค่ะ" น้ำหวานเอ่ยขึ้น "มันทำให้ฉันรู้ว่าความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญแค่ไหน"
ธามจับมือของน้ำหวานไว้แน่น "ใช่ครับน้ำหวาน และมันก็ทำให้ผมรู้ว่าการมีคุณอยู่ข้างๆ ผมในทุกสถานการณ์มันมีค่ามากแค่ไหน"
พวกเขาสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน จะสื่อสารกันอย่างเปิดอก และจะจับมือกันฝ่าฟันทุกอุปสรรคที่จะเข้ามาในชีวิต ไม่ว่ามันจะยากลำบากเพียงใด พวกเขาจะใช้บทเรียนจากอดีตเป็นเครื่องเตือนใจ และเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น
หลังจากวันนั้น ธามและน้ำหวานก็เริ่มวางแผนสำหรับอนาคตของพวกเขาอย่างจริงจังมากขึ้น พวกเขาเริ่มมองหาทำเลสำหรับสร้างบ้าน เริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงาน และยังคงใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความทรงจำดีๆ และเสริมสร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ธามยังคงทำงานอย่างมุ่งมั่นในธุรกิจการลงทุนของเขา และเริ่มมองหาช่องทางในการทำโครงการเพื่อสังคมตามที่เขาตั้งใจไว้ น้ำหวานเองก็ตั้งใจทำงานในบริษัทฝึกงาน และเริ่มมองหาโอกาสในการพัฒนาตัวเองในสายงานที่เธอรัก
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีกันและกัน มีความรัก ความเข้าใจ และความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่สดใสร่วมกัน
ธามและน้ำหวานเป็นอีกหนึ่งคู่ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ชีวิตจะเจอเรื่องราวที่เลวร้ายเพียงใด แต่ถ้าเรามีความรักที่แท้จริง และมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ เราก็จะสามารถก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปได้ และสร้างอนาคตที่งดงามตามที่เราปรารถนาได้อย่างแท้จริง
เรื่องราวของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับการเติบโตของความรัก ความเข้าใจ และความสุขที่ทั้งคู่จะสร้างสรรค์ร่วมกันในทุกๆ วัน
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ