เดมี่ทำหน้าหงิกงอใส่อีกฝ่าย ปากขมุบขมิบสบถด่าไอ้ลูกครึ่งผมสีเงินในใจ "ไม่สวยแต่รวยด้วยล้ำแข้งก็แล้วกัน ไอ้หัวขาวเอ้ย"
วินาทีที่หญิงสาวคิดจะหลีกเลี่ยงที่ ๆ คนจอแจพลุกพล่าน และหลีกจากสายตาแน่นิ่งของเขา ทว่านักข่าวที่ทยอยสัมภาษณ์คนดังรายอื่น ๆ เสร็จก็ดันยกทัพแห่กันเข้ามาหาเธอแทน
"คุณเดมี่ครับเชิญทางแบล็คดรอปหน่อยครับ ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ"
เป็นจังหวะเดียวกับดาราเด็กสองคนวิ่งโร่เข้ามาหา ด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เด็กทั้งสองจึงได้แต่ยืนดูห่าง ๆ เพราะบรรดานักข่าวที่รุมสัมภาษณ์เจ้าของสถาบันด้านศิลปะและการเต้นรำคนดังผลัดกับรับผลัดกันส่งไมค์กันจ้าละหวั่น
"คุณเดมี่คะช่วยแจ้งกำหนดการแสดงภาพวาด 4D ที่จะผสานการเต้นรำแต่ละแบบเข้าไปด้วยหน่อยได้ไหมคะ"
"อ๋อค่ะ กำหนดการแสดงจะมีเดือนหน้านี้ค่ะ รอชมได้เลย ทีมงานของฉันเต็มที่กับงานนี้มากๆ ค่ะ"
"พวกเราขอให้งานประสบความสำเร็จนะคะ"
"ขอบคุณพี่ๆ นักข่าวทุกท่านมากค่ะ แล้วก็เราสองคนมาทางนี้สิจ๊ะ"
เธอกวักมือเรียกดาราเด็กสองคนที่ยืนจด ๆ จ้อง ๆอยู่นานสองนาน เพราะสังเกตุเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าแฟนคลับตัวน้อยต้องการเข้ามาถ่ายรูปด้วย แต่เพราะคนจำนวนมากที่ล้อมวงเข้ามาทำให้ยากที่จะแหวกฝูงสื่อออกมาหาเด็กทั้งสอง
หลังจากกระหืดกระหอบตอบคำถามนับสิบและถ่ายรูปกับเหล่าแฟน ๆ เรียบร้อยดีแล้วลำคอสวยก็รีบร้อนกรอกค๊อกเทลรสเยี่ยมที่เด็กเสริฟ์เดินมาบริการให้หลายรอบ เดมี่จึงดื่มอักอักลงคอไปหลายแก้วไม่ให้เขาเสียแรงที่เขามีน้ำใจ
แม้ว่าจะรู้สึกคอแห้งเผือด แต่ค่ำนี้ถือว่าเธอโชคดีมากแล้วที่ไม่มีสำนักข่าวไหนเอ่ยถามเรื่องอิตาเด็กหัวหงอกคนนั้นกับเธอเหมือนเมื่อเช้าอีก
"พี่ ๆ พี่เดมี่ เกิดเรื่องแล้วค่ะ"
กุ๊กไก่วิ่งหอบชายกระโปรงยาวกรุยกรายเข้ามาหาเจ้านายสาวพร้อมส่งโทรศัพท์สายด่วนให้กับเดมี่
"มีอะไรกุ๊กไก่...วิ่งมาแบบนี้เดี๋ยวก็สะดุดล้มหน้าคะมำหรอก"
"น้าพี่อ่ะ....น้าดิวโทรมาอาละวาดใหญ่เลย แต่แกวางสายไปแล้ว หนูนี่โดนด่าหูแทบพังเลยพี่"
"อีกแล้วเหรอ"
"พี่จะเอาไงคะงานก็จะเริ่มแล้วนะ"
"เอางี้เธอไปเป็นตัวแทนร่วมงานของพี่นะกุ๊กไก่ พี่จะกลับบ้านก่อน เป็นห่วงแม่อ่ะ"
"หนูเข้าใจค่ะ งั้นพี่รีบไปเถอะ"
"อ้ออีกอย่าง....งานที่นี่น่าจะเลิกดึก ซอยแมนชั่นที่เธออยู่ก็เปลี่ยว พี่ว่าเธอขับรถพี่กลับบ้านก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ไปเอง"
"โอเคค่ะ ยังไงพี่เดมี่ก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรแจ้งตำรวจเลยนะพี่"
"อึ้ม"
หญิงสาวโบกมือบ๊ายบายแล้วรีบเดินลงบันไดไปอย่างรีบร้อน โดยมีสายตาของชายหนุ่มชำเลืองมองตามด้วยความสงสัย และเป็นเหตุให้ปล่อยเท้าส้นแหลมสีดำของเขาก้าวตามไปอย่างไม่รู้ตัว
รถแท็กซี่จอดเทียบท่าบ้านสไตล์อเมริกันคันทรี่สีฟ้าสดใสที่เดมี่ซื้อไว้ให้แม่ของเธอเมื่อสองปีที่แล้ว
เพื่อให้แม่มีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้นไม่ต้องเช่าอพาร์ทเม้นต์ขนาดเท่ารูหนูอยู่อีก แต่แม่ก็ดันยังดันทุรังเอาน้าสาวที่ขี้เกียจตัวเป็นขนเที่ยวเก่งสุรุ่ยสุร่ายมาอาศัยอยู่ด้วย
ไหนจะมีคดีที่ทำครอบครัวอาเวนชี่แตกหัก ทว่าข้อครหานี้กลับไม่ส่งผลต่อชีวิตของน้าแม้แต่น้อย แต่ส่งผลกลับตัวเธอผู้เป็นหลานแท้ ๆ เสียมากกว่า
พักหลัง ๆ ธุรกิจร้านอาหารไทยในย่านซิลิคอนวัลเล่ย์ของแม่เริ่มมีลูกค้าเยอะขึ้น แต่ว่าชีวิตหลังเลิกงานของเธอก็คือทาสของน้าอยู่ดี
สองขาที่รีบวิ่งเข้าบ้านไปเพราะได้ยินเสียงปาข้าวของที่มาพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของคนขี้เมาเจ้าเดิม
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เขม็งมองฝ่ามือของน้าสาวที่ง้างขึ้น ในมือของน้าขี้เมามีรองเท้าบู๊ทเป็นอาวุธ
เมื่อเห็นแบบนั้นร่างกายของเธอก็พุ่งเข้ารับแรงฟาดจากรองเท้าบู๊ทเข้าเต็มๆ
ปั้บ!!!
ใบหน้าฉาบเครื่องสำอางที่อุตส่าห์แต่งแต้มเพื่อร่วมงานที่ลินคอร์นเซ็นเตอร์สะบัดหันไปอีกข้าง
"เดมี่!!!!!"
ดุสิตาแม่ของเธอร้องพลางกระชับกอดลูกสาวเอาไว้ไม่ให้เธอโดนทำร้ายอีกเป็นครั้งที่สอง
"ปล่อยหนูเถอะค่ะ....หนูไม่เป็นไร แม่ไปอยู่ทางโน้นก่อน"
เธอบอกให้แม่หลบอยู่ที่มุมเสาอีกฟาก ขณะที่ใบหน้าแสดงออกอย่างเหยเก เพราะแรงฟาดจากฝีมือของน้าสาวที่สิ้นสติ ทำให้ใบหน้าเกิดรอยครูดถลอกเป็นทางยาวและค่อย ๆ เห่อเป็นปื้นนูนแดงเด่นชัดขึ้นภายในเสี้ยววินาที
"น้าดิวจะเอาอะไรอีกคะ"
"เงิน ฉันต้องการเงิน รีบส่งมาเซ่"
เดมี่ยอมควักเงินสดในกระเป๋าเท่าที่มีส่งให้ น้าสาวรับมาแล้วนับแบงค์อย่างกระสับกระส่าย
"มันน้อยไปเอามาอีก"
"แต่หนูมีแค่นี้"
"แกโกหก!!!!"
ตวาดแล้วกระชากแขนเธออย่างแรง ใช้หลังมือตบลงมาที่ใบหน้าของเดมี่อีกสองฉาดใหญ่จนหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวล้มกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ
"พอแล้วดิวอย่าทำหลานเลย พี่ขอร้อง"
ปลายนิ้วโป้งปาดเช็ดคราบเลือดที่ฉาบอยู่บนริมฝีปากของตัวเองแล้วพยายามหยัดตัวลุกขึ้นมา
"ถ้าแกไม่มี....ฉันจะฆ่าแกทั้งแม่ทั้งลูกเลย"
เดมี่เหลือบมองแม่ของเธอ แล้วส่ายหน้าบอกแม่ว่าอย่าเข้ามา เพราะครั้งก่อนแม่โดนมีดปอกผลไม้บาดแขนมารอบนึง เธอจะไม่ยอมเห็นแม่เจ็บตัวเพราะน้าเฮงซวยของเธออีกแล้ว
"เอาอย่างงี้นะคะ.....หนูจะไปกดเงินมาให้แต่น้าดิวต้องสงบสติอารมณ์ก่อนนะคะ"
"แกจะตุกติกใช่ไหม!!!"
ตะคอกใส่เสียงดัง คว้าขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวเตรียมที่จะฟาดลงที่หัวของเธอ เดมี่ยกแขนขึ้นรับแรงปะทะ ดวงตาปิดสนิด
"แกเป็นใคร!!"
ขวดเหล้าในมือของหญิงขี้เมาถูกแย่งไป เปลือกตาลึกสองชั้นรีบลืมขึ้นดู
สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าช่างน่าตกใจยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก
ทำไมเป็นเขาไปได้ล่ะ ....วินาทีนี้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกสับสนและหวิว ๆ พิกล
อาการนี้เป็นเพราะว่ากลัวขวดเหล้าที่น้าเตรียมฟาดลงมาหรือเปล่า หรือเพราะเขา 'แม็กนัส อาเวนชี่' มาช่วยเธอไว้
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให