“คุณน้องอายครับ”
น้ำเสียงสุภาพกึ่งเกรงอกเกรงใจทำให้คนที่นั่งกอดอกสัปหงกอยู่แถวๆ หน้าห้องทำงานของประธานบริหารขยับเปลือกตายุกยิก ก่อนจะลืมตาขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย
“พี่ธีประชุมเสร็จแล้วใช่ไหมคะคุณนิธิ”
หลังจากยกมือลูบหน้าลวกๆ เพื่อขับไล่ความง่วงงุนและเพลียจัด เนื่องจากเมื่อคืนทำรายงานจนดึกดื่น อารญาก็เอ่ยถามชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพ และเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เสร็จแล้วครับ”
คำตอบทำให้คนฟังคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา คว้าสายกระเป๋ามาคล้องไหล่ ลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น พร้อมเอ่ยบอก “งั้นอายขอตัวไปหาพี่ธีก่อนนะคะ”
“เอ่อ…คุณชายออกไปแล้วครับ”
“ออกไปแล้ว!” เธอทำหน้าตกใจ
“ครับ”
“ออกไปตอนไหนคะ ทำไมอายไม่เห็น”
“ออกไปก่อนที่ผมจะเดินมาปลุกคุณน้องอายครับ”
น้ำคำบอกเล่าทำให้คนฟังทำหน้าเศร้า ก่อนจะพึมพำขอบคุณ แล้วเดินคอตกไปกดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง ส่วนเลขาหนุ่มก็ได้แต่มองตามอย่างสงสาร ส่ายหัวให้กับเจ้านายที่เอาแต่หนีหน้าอารญา ทั้งที่เป็นคนรับนัดสาวน้อยเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่ยังเล่นแง่สารพัด ปล่อยให้เธอรออย่างน่าสงสารตั้งนาน มิหนำซ้ำยังถือโอกาสหลบไปในช่วงที่เธอหลับรอ พฤติกรรมประหลาดๆ แบบนี้ ไม่ให้เรียกว่ารังแกเด็กแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
ร่างบางที่ยืนทำหน้าซึมอยู่ในลิฟต์ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาธีรเดช แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสาย ไม่ว่าเธอจะพยายามโทรไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สุดท้ายอารญาก็ทำได้เพียงถอนหายใจหนักๆ
เขาปล่อยให้เธอรอเก้อกี่ครั้ง?
เขาหลอกให้เธอมีความหวังกี่หน?
ปีก่อนอารญาเคยมีหวังว่าจะได้แต่งงานกับธีรเดช ฉะนั้นเธอจึงทึกทักเอาว่าเขาเองก็รักเธอเช่นกัน แต่อยู่ๆ ก็เหมือนโลกถล่ม เมื่อสาวน้อยผู้อ่อนเดียงสาดันไปเห็นภาพสวีตบาดตาของเขากับคนรัก ก็รู้ว่าเขามีแฟน แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ แถมอีกฝ่ายยังรับปากกับผู้ใหญ่ว่าจะแต่งงานกับเธอ จนเธอมโนไปไกลว่าเขาคงเลิกรากับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ฉะนั้นพอมาเห็นภาพตำตาก็แทบช็อก สุดท้ายอารญาก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน แต่พอธีรเดชไปตามได้ไม่นานเธอก็ใจอ่อนยอมกลับมา เพราะคิดว่าเรื่องมันจะลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่อยู่ๆ ท่าทีของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไป
อารญามารู้ความจริงทีหลัง ว่าพ่อของเธอกับพ่อของเขาต่างเป็นหุ้นส่วนในผับใต้ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุขทุกชนิด และที่เขาจำใจตกลงแต่งงานกับเธอก็เพราะไม่อยากดูแลผับดังกล่าว แต่ก็มีเงื่อนไขว่าจะแต่งงานกับเธอเฉพาะในนาม แต่สุดท้ายเรื่องแต่งงานก็ไม่เกิดขึ้น เพราะอยู่ๆ ตาของมนธิราคนรักของเขา ซึ่งเป็นคนมีเส้นมีสายเข้าช่วย จนผับเจ้าปัญหาปิดตัวลง ความรักของเขากับแฟนแฮปปี้ แต่เธอกลายเป็นหมาหัวเน่า
ในเมื่อเข้าหาธีรเดชไม่ได้ อารญาเลยเปลี่ยนแผนมาดักรอมนธิราที่หน้าคอนโดหรูใจกลางกรุง เธอไม่สามารถเข้าไปรอด้านในได้ จึงยืนรออยู่แถวๆ หน้าทางเข้าจนขาแข็ง ได้แต่ภาวนาว่าโชคจะเข้าข้าง สวรรค์จะบันดาลให้เธอมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับมนธิราบ้าง เธอแค่อยากขอร้องมนธิราเรื่องธีรเดชเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่สำเร็จเธอก็จะทำใจยอมรับแต่โดยดี แต่ตอนนี้ขอแค่ให้เธอได้พยายามเต็มที่ ให้เธอได้รู้แน่ชัดว่าคนที่เธอจะสละธีรเดชให้จะรักเขาเหมือนดังเช่นที่เธอรัก ให้เธอได้แน่แก่ใจว่านับจากนี้เธอเลือกทางเดินไม่ผิด
ความรักทำให้เธอเป็นบ้า
และความรักก็ทำให้เธอเดินมาถึงจุดนี้
แล้วการรอคอยของอารญาก็สิ้นสุดลง เมื่อเห็นนางเอกสาวคนดังก้าวลงจากรถหรูตรงหน้าคอนโด และกำลังก้าวข้ามถนน คาดว่าอีกฝ่ายคงไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“คุณมนธิราคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
อารญาสาวเท้าวิ่งตาม ขณะปากตะโกนเรียก ในจังหวะที่ร่างระหงของอีกฝ่ายก้าวไปยืนที่เกาะกลางถนน และเสียงของเธอก็ทำให้มนธิราหันขวับมามอง พอเห็นว่าเป็นอารญาสาวเจ้าก็ทำหน้าตื่น แล้วลนลานสาวเท้าก้าวข้ามถนน โดยไม่ทันระวังรถที่วิ่งตรงมาด้วยความเร็ว
“ระวัง!”
สาวน้อยร้องตะโกนเตือนเสียงหลง แล้วถลันตัวตั้งท่าจะไปดึงแขนอีกฝ่ายกลับมา แต่โชคร้ายที่เธอดันสะดุดเท้าตัวเองเพราะความเร่งรีบและร้อนรนจนเสียหลัก จากคิดที่จะดึง มือที่เอื้อมออกไปข้างหน้าจึงกลายเป็นผลัก ทำให้มนธิราล้มพังพาบไปกับพื้น หัวโขกถนน ส่วนเธอก็ล้มลงในท่าคุกเข่า พร้อมเสียงบีบแตรและเสียงเบรกยาวเหยียด
ปริ๊นนนนนน
เอี๊ยดดดดด!!!
“แม่ง! ข้ามถนนภาษาอะไรวะ! เดี๋ยวก็ชนตายห่าเลยนี่!”
คนขับกระบะแต่งทั้งคันลดกระจกลงมาตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้คนอารญาทำหน้าเจื่อน แล้วรีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินกระเผลกไปดูมนธิรา ซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง พร้อมกับคนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยหามออกไปจากถนน และเรียกรถพยาบาลโดยด่วน เพราะมนธิราสลบไป หน้าผากของหล่อนมีเลือดไหลออกมา
“ฉันขอโทษนะคะคุณมนธิรา ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากจะคุยกับคุณ ไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ”
ระหว่างนั่งมาในรถพยาบาลอารญาก็จับมืออีกฝ่ายบีบเบาๆ พร้อมเอ่ยเสียงสั่นเครือ ทุกถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากสั่นระริกล้วนเป็นความจริง เธอก็แค่อยากขอร้องมนธิราให้เลิกยุ่งกับธีรเดช ซึ่งถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมเธอก็จะยอมรับความจริง ไม่ได้คิดจะโวยวาย หาเรื่อง หรือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายแต่อย่างใด แต่ที่มนธิราวิ่งหนีไปแบบนั้นหล่อนคงจะกลัวว่าเธอจะระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนอย่างคราวก่อน และทำร้ายหล่อนเหมือนหมาบ้า
หลังจากส่งมนธิราเข้าห้องฉุกเฉิน ร่างบางในชุดนักศึกษาที่หัวเข่าถลอกมีเลือดไหลซิบก็ปฏิเสธที่จะทำแผล เพราะร้อนใจเรื่องอาการของมนธิรา เธอทรุดกายลงนั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดแรง
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกระรานคนอื่นเสียทีอารญา”
น้ำเสียงขุ่นคลั่กด้วยแรงโทสะที่ดังขึ้นทำลายความเงียบอันแสนอึดอัด ทำให้คนที่นั่งเอามือกุมหน้าเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ ก่อนจะละล่ำละลักเสียงสั่นเครือ
“อายขอโทษ อายไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“หึ! เด็กร้ายกาจนิสัยเสียอย่างเธอเหรอไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นก็ว่าเธอทำตัวแย่มากแล้ว ซึ่งมันก็สมกับคนสิ้นคิดอย่างเธอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้ถึงขั้นจะกล้าเอากันให้ตายไปข้าง ถ้ามนเป็นอะไรไป ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”
นั่นเป็นหนึ่งในประโยคยาวๆ ที่เธอเคยได้ยินจากปากเขาล่ะมั้ง นานๆ ครั้งธีรเดชจะพูดยาวๆ ได้ที
“พี่ธีฟังอายก่อนได้ไหมคะ อายไม่ได้…”
สาวน้อยวิงวอนทั้งน้ำตา ลุกเดินไปรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ ทว่ากลับถูกเขาดึงแขนออกด้วยท่าทางรังเกียจ แต่เธอยังไม่ละความพยายาม ร่างบางโผเข้ากอดท่อนแขนกำยำ แต่ถูกอีกฝ่ายแกะออก พอไม่สำเร็จธีรเดชก็จัดการกระชากแรงๆ ซึ่งแรงต้านจากการเหนี่ยวรั้งของเธอก็ทำให้ร่างเล็กล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
แล้วธีรเดชก็เค้นเสียงกระด้างติดจะเย็นชาใส่หน้า
“หยุดแก้ตัว! แล้วไปซะอารญา! จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
น้ำคำผลักไสอย่างไร้เยื่อใยที่ได้ยินจากปากชายที่เธอรักและเทิดทูนว่าอึ้งแล้ว แต่ถ้อยคำสุดท้ายกลับทำเอาคนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลช็อกหนักยิ่งกว่า หัวใจดวงน้อยปวดแสบปวดร้อนจนเกินบรรยาย
เขาไล่เธอ!
เขาบอกให้เธอไปตาย!
มือที่ตั้งท่าว่าจะยื่นไปไขว่คว้าแขนกำยำเพื่อเว้าวอนอีกคราพลันตกลงข้างตัว น้ำตาเจ้ากรรมไหลพรากอาบแก้มนวลประหนึ่งทำนบเขื่อนแตก สุดท้ายอารญาก็ทำได้เพียงเดินร้องไห้คอตกจากมาอย่างเงียบๆ
หกปีหลังจากนั้น เด็กหญิงนีลาญาก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของบ้าน มีน้องน้อยเพิ่มมาอีกสี่คน คนที่หนึ่งชื่อเด็กชายธีราภัทร หรือน้องธาม คนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อเด็กหญิงนีลาภา หรือน้องนีน ส่วนคนที่สามและสี่เป็นแฝดชายหญิง ชื่อเด็กหญิงนารีญา หรือน้องนิ่ม ส่วนแฝดน้องชื่อเด็กชายธงไทย หรือน้องไทน์ ห้าพี่น้องต่างรักใคร่กลมเกลียว และซนระดับพระกาฬ โดยเฉพาะสี่หน่อที่เกิดไล่เลี่ยกัน หากอยู่บ้านก็ทำเอาคนแก่ทั้งวังรื่นฤดีปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน “อาบจ๋า นีนอยากกินลูกชุบ” หนูน้อยนีลาภาวัยสี่ขวบเอ่ยฉะอ้อนแม่นมวัยดึกอย่างน่ารักน่าชัง ตากลมแป๋วที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวดกดำเหมือนตุ๊กตาจ้องลูกชุบสีสวยในถาดไม่กะพริบ “คุณหนูนีนของแม่อาบ จะกินรูปผลไม้อันไหนคะ เดี๋ยวแม่อาบจะหยิบให้ค่ะ” คนแก่ที่หลงเด็กน้อยเสียเหลือเกินเอ่ยอย่างเอาใจ ก่อนจะถือโอกาสก้มลงหอมแก้มป่องๆ อย่างมันเขี้ยว “มะม่วงค่า”นิ้วป้อมๆ ชี้ไปยังลูกชุบสีเขียวอมเหลืองที่ถูกปั้นเป็นรูปมะม่วง แม่อาบยิ้มกริ่ม แล้วหยิบลูกชุบส่งให้ เด็กน้อยพนมมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู แล้วยัดลูกชุบใส่ปาก ก่อนจะเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย “ปี้นีน! ปี้นีน!”เ
คนที่เพิ่งกลับขึ้นมาบนห้องนอน หลังจากหนีลงไปรดน้ำผักที่สวนครัวหลังวังรื่นฤดีตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นสามีนั่งกอดอกทำหน้าตึงอยู่ปลายเตียงก็ถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม แต่ทำทีเป็นไม่สนใจ เดินนวยนาดไปเปิดประตูเชื่อมสู่ห้องนอนลูก ครั้นเห็นเด็กน้อยกับแมวนอนกอดกันหลับปุ๋ยก็อมยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆ งับประตูลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าสามีที่กำลังเรียกร้องความสนใจแบบซึนๆ “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ”“ไป แต่ไม่มีคนอาบน้ำให้” น้ำเสียงราบเรียบ และท่าทางมึนตึง แต่ความหมายของคำพูดทำให้คนฟังมองค้อนด้วยความหมั่นไส้เธอไม่น่าอาบน้ำให้เขาจนเขาเสียนิสัยแบบนี้เลย ให้ตาย! “ถ้าจะอาบก็ตามมาค่ะ”อารญาเอ่ยสั้นๆ แล้วเดินนำไปยังห้องน้ำ ยังไม่ง้อคนที่กำลังน้อยใจ หากเดาไม่ผิดก็คงเพราะเธอหนีไปรดน้ำผักตั้งแต่เช้า ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังที่ห้องนอน ธีรเดชเป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งหากตื่นมาไม่เห็นเธอก็จะงอน และคนที่ง้อก็มักเป็นเธออยู่ร่ำไป วันนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะรู้ว่าเขามีประชุมสำคัญที่บริษัทในช่วงสาย “มาค่ะ อายถอดเสื้อผ้าให้”มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือใหญ่ แล้วลากร่างทรงพลังไปยืนพิงเ
เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีช่างเชื่องช้าและยาวนานเหลือเกิน ธีรเดชรู้สึกเหมือนมันเป็นระเบิดเวลา ในหัวเขาอัดแน่นไปด้วยความตึงเครียดจนถึงขีดสุด ในใจมีแต่ความหวาดหวั่นและวิตกกังวลสารพัด การรอคอยช่างสุดแสนทรมานแทบขาดใจ ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างเดินไปเดินมาไม่หยุด กระทั่งในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เขาถลาไปหยุดลงตรงหน้าหัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างหมอปริญ แล้วถามไถ่ด้วยความร้อนใจ “ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ” “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภรรยาของคุณปลอดภัย แต่ต้องแอดมิดดูอาการก่อน เผื่อมีผลข้างเคียงอะไร”นายแพทย์หนุ่มเอ่ยบอกไปตามสถานการณ์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อคุณชายหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเยือกเย็นละล่ำละลักขอบคุณเขา “ดีใจด้วยนะคะ”ปานระพีเอ่ยอย่างยิ้มๆ“ขอบคุณมากครับหมอแพร”ธีรเดชเอ่ยขอบคุณปานระพีด้วยความซาบซึ้งใจ คล้อยหลังอีกฝ่ายร่างใหญ่ก็เดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าห้องผ่าตัด แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเท่าใด อารญาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งบรรยากาศข้างนอกที่มองผ่านกระจกหน้าต่างก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเสียแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ก่อนผ่าตัด ธีรเดชก็พาอารญากับลูก รวมทั้งแมวอ้วน มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัวบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย บรรยากาศหน้าหนาวของที่นี่ในตอนเช้าๆ สวยจับตา เธอตื่นแต่เช้าออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ บนชานเรือนไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา ด้านบนม่านสายหมอกปกคลุมไปทั้งอาณาบริเวณ ต่ำลงมาก็จะเป็นแปลงชาที่ทอดตัวยาวลงไปเกือบจรดตีนเขา รอบๆ ตัวบ้านมีแปลงดอกไม้รายล้อมอยู่รอบนอกในลักษณะวงกลม ถัดเข้ามาก็จะจัดสรรค์พื้นที่เป็นแปลงผัก และแปลงสตรอว์เบอร์รี กั้นบริเวณลานหน้าบ้านส่วนหนึ่งสำหรับสนามเด็กเล่น มีเครื่องเล่นที่ลูกเธอชอบอย่างครบครัน บนกองทรายมีของเล่นแมวอยู่สองสามอย่าง ใต้ต้นพญาเสือโคร่งที่กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งมีชิงช้าไม้ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อเธอกับลูก รวมทั้งแมวอ้วนด้วย ช่างเป็นสามี เป็นพ่อ และเป็นทาสแมว ที่ประเสริฐเสียจริง เจ้าของนัยน์ตากลมโตทอดมองทุกสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตา แล้ววกกลับมาสำรวจแปลงผักเขียวขจีด้วยความชอบใจ ปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ ร่างอ้อนแอ้นที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีส้มอิฐพลันสะดุ้งน้
“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่านี่เมียใคร” ธีรเดชยักคิ้วเย้ย จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างหน้าตาเฉย ท่าทางเปิดเผยความรู้สึกที่คงจุกอกมาเนิ่นนานของไอ้หนุ่มคลั่งรัก ทำให้พลชระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่นานเอวาก็ยกอาหารออกมาเสิร์ฟ ทันทีที่เห็นอารญาก็ทำท่าดีใจยกใหญ่ เธอจึงดึงอีกฝ่ายมากระซิบกระซาบว่าจะไปหาที่ครัว ส่วนพลชก็เอ่ยขอตัว เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มลงมือทานมื้อค่ำ เสียงเพลงคลอเบาๆ ทำให้เธอเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น แต่อยู่ๆ ไฟทั้งผับก็ดับพรึ่บลง มีเสียงดนตรีสุดโรแมนติกดังขึ้น พร้อมไฟสปอร์ตไลต์ส่องลงมาที่โต๊ะของทั้งคู่ทันใดนั้นคุณชายธีรเดชก็ผุดลุกขึ้น ทำให้เธอพลอยลุกขึ้นยืนไปด้วยโดยอัตโนมัติ เพราะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะตาโต อ้าปากค้าง หัวใจเต้นคร่อมจังหวะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆ คุกเข่าลงต่อหน้า เสียงเพลงเงียบลง พร้อมกับที่เขาหยิบแหวนที่อกเสื้อออกมา แล้วเงยหน้าเอ่ยกับเธออย่างนุ่มนวล“น้องอายครับ ได้โปรดแต่งงานกับพี่นะครับ” คนถูกคุกเข่าขอแต่งงานแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง และดีใจจนพูดไม่ออก เพราะคาดไม่ถึงว่าชั่วชีวิตน
หลังจากเรื่องเลวร้ายทุกอย่างจบลง พร้อมกับการตายของดาริกา ส่วนมารตีถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต อารญากับลูก รวมทั้งแมว ก็ต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่วังรื่นฤดี ส่งคืนบ้านเช่าที่ตัวเองทั้งรักและผูกพันเพราะอยู่มานานให้เจ้าของ เนื่องจากไม่อาจทนอยู่ในบ้านที่มีคนตายได้ ถึงแม้จะยังอาลัยอดีตอันแสนสุขที่เคยอยู่ร่วมกันกับลูกและแมว ทำใจยากที่จะจากต้นไม้และพืชผักสวนครัว แต่ธีรเดชก็เอาใจและชดเชยความรู้สึกของเมียรัก ด้วยการอนุญาตให้เธอปลูกพืช และผักสวนครัว ได้ตามแต่ใจต้องการ ไม่ว่าเธอจะปรารถนาสิ่งใดเขาย่อมประเคนให้อย่างไม่เกี่ยง ยกเว้นก็แต่เรื่องที่เธออ้อนขอไปทำงาน ธีรเดชปฏิเสธอย่างไม่มีอ่อนข้อ เพราะเป็นห่วงเรื่องกระสุนที่ฝังอยู่ในศีรษะของเธอ ซึ่งอารญาทำเพียงงอนนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าเขาเป็นห่วง พร้อมกับรับปากว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างจริงจัง หากจะเป็นอะไรไปเธอก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าลูกจะไม่มีคนดูแล วันนี้ธีรเดชพาอารญามาปรึกษานิวโรศัลย์เรื่องการผ่าตัด ซึ่งหมอก็ลงความเห็นว่าจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่เกินภายในระยะเวลาสองอาทิตย์ และครั้งนี้เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “