เสียงหวานๆ ของพยาบาลสาวทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่ตรงโซฟาชุดรับแขกได้สติ สาวน้อยในชุดนักศึกษายิ้มบางๆ แก้เก้อ แล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายเบาๆ
“คุณพยาบาลว่ายังไงนะคะ?”
“คุณชายธีรเดชออกไปแล้วค่ะ แฟนเธอมารับ สองคนคงกลัวว่าจะมีนักข่าวแอบตามมั้งก็เลยออกไปทางประตูหลัง แต่จะบอกว่าน่ารักสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยค่ะ”
ในตอนท้ายพยาบาลเอ่ยด้วยท่าทางเพ้อๆ
“แล้วเขาจะกลับเข้ามาอีกไหมคะ”
“ไม่แล้วค่ะ วันนี้ไม่ใช่เวรของคุณชายค่ะ”
คำตอบอันน่าผิดหวังทำให้คนฟังหน้าจ๋อย พยักหน้าเล็กน้อย พึมพำขอบคุณอีกฝ่าย คว้าสายกระเป๋าที่วางข้างตัวมาคล้องไหล่ ลุกขึ้นด้วยท่าทางเนือยๆ แล้วเดินไหล่ตกออกมาจากโรงพยาบาลด้วยสภาพหัวใจห่อเหี่ยว ธีรเดชไม่ได้จะหลบนักข่าวหรอก ที่เขาออกไปทางประตูหลังก็เพราะจงใจหลบหน้าเธอต่างหากล่ะ
วันอาทิตย์เธอมาวังรื่นฤดี สถานที่พำนักของหม่อมราชวงศ์ธีรเดช ราชนิกุลหนุ่มผู้สูงส่งเพียบพร้อม และเป็นผู้สืบสกุลเพียงหนึ่งเดียวของหม่อมเจ้าเดโช กับหม่อมเจ้านภาลัย เผ่าวานิษ ณ ฤดีรังสรรค์
เพราะรู้มาว่าธีรเดชไม่มีเวรในโรงพยาบาล ฉะนั้นจึงคิดว่าการมาดักรอที่วังน่าจะทำให้เธอได้พบเขาบ้าง หลังจากคว้าน้ำเหลวมาเกือบสองอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่เธอวิ่งตามเขาเหมือนคนบ้า ต่อให้รู้ว่าเขาจะหลบหน้าไปพร้อมกับแฟนสาว แต่อารญาก็ยังอยากพบและพูดคุยกับเขา
“คุณน้องอายคะ! รีบขึ้นไปที่ตึกใหญ่เถอะค่ะ คุณชายเธอพาแฟนมาแนะนำให้หม่อมรู้จักแน่ะค่ะ”
แม่อาบคนเก่าคนแก่ของวังเดินมารายงานหญิงสาวอย่างร้อนใจ นางเอ็นดูและรักใคร่อารญา ด้วยเห็นตั้งแต่ตัวเล็กกระเปี๊ยก เพราะพ่อของเธอซึ่งเป็นเพื่อนรักกับหม่อมเจ้าเดโชพามาเล่นที่วังบ่อยๆ ในวัยเยาว์ จึงไม่อยากให้ใครเข้ามาเป็นสะใภ้ของวังนอกจากอารญา ถึงแม้ว่าจะชื่นชอบผลงานการแสดงของมนธิราอยู่ไม่น้อย
เสียงที่ลอยมากระทบหูทำให้มือที่กำลังเช็ดใบตองพลันชะงัก แววตาไหววูบ
“พี่ธีพาคุณมนธิรามาที่นี่เหรอคะ?”
หลังจากนิ่งอึ้งไปสักพักเสียงสั่นๆ ก็ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับ ในใจร้อนรนกระวนกระวาย หากแต่ไม่อาจโผงผางทำอะไรเอาแต่ใจได้ เพราะสำเหนียกดีว่าตนไม่ควรทำพฤติกรรมแย่ๆ ซ้ำซากเหมือนอย่างที่แล้วมา แต่ก็อดนึกน้อยใจไม่ได้ ธีรเดชพาแฟนมาเปิดตัว ทั้งที่ยังหมั้นหมายกับเธออยู่แท้ๆ
เขาช่างใจร้ายนัก
หัวใจเขาทำด้วยอะไร
“ใช่ค่ะ สวยมาก กิริยามารยาทก็งาม สมกับคุณชายอย่างกับกิ่งทองใบหยก”
สาวใช้ที่เพิ่งนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเอ่ยอย่างเพ้อๆ ด้วยความลืมตัว ก่อนจะตาโต หุบปากฉับ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเผลอพลั้งปากพูดอะไรออกไป
“อย่าไปฟังนังนวลมันเลยค่ะ ไปค่ะ…เดี๋ยวป้าพาไปส่งที่ตึกใหญ่” หลังจากหันไปขึงตาปรามคนปากพล่อย แม่อาบก็ปลอบประโลมอารญา แล้วเอ่ยเร่งเร้าให้เธอไปที่ตึกใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าอาบ อายอยู่ที่นี่ดีกว่า”
คนที่มาขลุกช่วยงานในครัวตั้งแต่เช้าส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมฝืนยิ้มบางๆ ออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบใบตองตรงหน้ามาเจียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่คุณน้องอายบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณชายไม่ใช่เหรอคะ”
“เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ ถ้าอายเข้าไปขัดจังหวะผู้ใหญ่ตอนนี้คงไม่เหมาะ” อารญาปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เลยเอ่ยออกมาอย่างเศร้าๆ
“ป้าอาบสอนอายขูดมะพร้าวได้ไหมคะ เผื่อว่าอายจะไม่ได้มาที่นี่อีก”
“อุ้ย! คุณน้องอายพูดเป็นลางอะไรอย่างนั้นคะ ท่านหญิงรักและเอ็นดูคุณน้องอายจะตาย”
“มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ เราหยั่งรู้อนาคตไม่ได้ เช่นกับที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้”
ปากอิ่มขยับพูด ขณะที่มือเจียนใบตองอย่างขะมักเขม้น แต่ก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำใสๆ ที่คลอเคล้านัยน์ตา ท่าทางน่าสงสารทำให้คนแก่ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“เมื่อกี้คุณน้องอายบอกว่าอยากให้ป้าสอนขูดมะพร้าวใช่ไหมคะ”
“ค่ะ อายเห็นป้าอาบทำแล้วคันไม้คันมือ อยากขอลองทำตั้งนานแล้ว”
“งั้นดีเลยค่ะ เราขูดมะพร้าวเสร็จ ก็คั้นน้ำกระทิต่อ จากนั้นก็เอาไปทำบัวลอยไข่หวาน ของโปรดของคุณน้องอาย ดีไหมคะ” แม่ครัวใหญ่เอ่ยอย่างเอาใจ ทำให้หญิงสาวยิ้มออก พยักหน้าน้อยๆ
จากนั้นร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็เดินตามสาวใช้เข้าไปสอยมะพร้าวแก่ในสวนด้วยท่าทางกระตือรือร้น ไม่ห่วงสวย ไม่กลัวดำ ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมาพร้อมกับมะพร้าวหลายลูก ใบหน้าพริ้มเพราแดงเรื่อเพราะโดนแดด น่าเอ็นดูจนแม่ครัวใหญ่อดลูบแก้มนุ่มๆ ไม่ได้
แม่อาบเรียกคนสวนมาปอกเปลือกมะพร้าว และผ่าให้เป็นสองซีก จากนั้นก็เอากระต่ายขูดมะพร้าวออกมาสอนอารญา หญิงสาวฟังอย่างตั้งใจ คอยสังเกต จดจำลักษณะท่าทาง และสอบถามเมื่อเกิดความสงสัย ไม่นานคนหัวไวในเรื่องทำอาหารก็สามารถขูดมะพร้าวได้
“ป้าอาบครับ”
คนที่โผล่หน้าเข้ามาในครัวเอ่ยเบาๆ ก่อนจะยืนนิ่งมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาขูดมะพร้าว ทำหน้าตายเมื่อเธอเงยขึ้นมา แล้วเอ่ยบอก
“ป้าอาบไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็คงกลับมาค่ะ”
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
น้ำคำนั้นช่างเย็นชาเหินห่าง อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเขาอยู่ไกลเหลือเกิน
“อายมาให้ป้าอาบสอนขูดมะพร้าวค่ะ”
“ไม่ได้มาหาฉันหรอกเหรอ”
“นั่นก็ด้วยค่ะ” เธอตั้งใจจะเอ่ยสิ่งที่ตัวเองอยากพูด เพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว หากหางตาจะไม่เหลือบไปเห็นมนธิราเสียก่อน “แต่วันนี้พี่ธีมีแขก เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ”
“มนไม่ใช่แขก”
แน่ล่ะ มนธิราไม่ใช่แขก แต่เป็นแฟนของเขา
“…”
เธอสะอึกจนพูดไม่ออก การไม่เป็นที่รักของผู้ชายที่ตัวเองรักทำไมมันถึงได้เจ็บปวดเหมือนถูกเฉือนหัวใจออกเป็นชิ้นๆ ขนาดนี้ แล้วหากต้องเสียเขาไปจริงๆ เธอจะทำเช่นไร
“ถ้าอยากคุย ก็นัดผ่านเลขาฉันแล้วกัน”
“อายเป็นถึงคู่หมั้นของพี่ธี จำเป็นต้องนัดด้วยเหรอคะ”
“จำเป็น เพราะอีกไม่นานฉันก็จะถอนหมั้นแล้ว”
“ไม่นะคะ อายไม่ถอนหมั้นนะคะ พี่ธีเป็นของอาย…เป็นของอายคนเดียว” คนที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเขาเป็นของตนมาตั้งแต่แรกส่ายหน้าหวือ พลางขยับเข้ามาคว้าข้อมือแกร่งยึดเอาไว้
“หยุดเพ้อเจ้อเสียทีอารญา”
ชายหนุ่มว่าพลางสะบัดแขนออก แล้วหมุนตัวจะก้าวจากไป ทว่าร่างใหญ่กลับต้องตัวแข็งทื่อ เมื่ออีกฝ่ายโผเข้าสวมกอดจากทางเบื้องหลัง พร้อมพร่ำวิงวอนเสียงสั่นเครือ
“พี่ธีอย่าทำอย่างนี้กับอาย อย่าทิ้งอาย…ได้โปรด”
“ยอมรับความจริงเสียเถอะอารญา”
วาจาไม่รักษาน้ำใจถูกพ่นออกมาจากปากคนที่แกะแขนเรียวออกจากเอว ทำเอาหัวใจเธอแทบสลาย และก็เกือบจะปล่อยโฮออกมา เมื่อเห็นว่าร่างสูงสง่าหมุนตัวออกไปจากในครัว แล้วเดินไปหาแฟนสาวของเขา
ธีรเดชบอกให้เธอทำนัดกับเลขาหากว่าต้องการพบเขา ซึ่งเธอก็ทำตามกฎกติกาที่อีกฝ่ายตั้งขึ้นไม่ต่างอะไรจากการเล่นแง่ ก็แหงล่ะ เขาไม่อยากพบหน้า เสวนา แต่พอถึงเวลานัด เขากลับให้คนมาบอกเธอว่าติดประชุมที่บริษัทขายยา หนึ่งในกิจการของตระกูลเผ่าวานิษ ณ ฤดีรังสรรค์ ซึ่งเขาเป็นคนคุม นอกจากเป็นหมอแล้ว ธีรเดชยังเป็นประธานบริหารในเครือพีเค ฟาร์มา จำกัด จากนั้นก็ประชุมลากยาวเกือบห้าชั่วโมงเห็นจะได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังอดทนรอ
หกปีหลังจากนั้น เด็กหญิงนีลาญาก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของบ้าน มีน้องน้อยเพิ่มมาอีกสี่คน คนที่หนึ่งชื่อเด็กชายธีราภัทร หรือน้องธาม คนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อเด็กหญิงนีลาภา หรือน้องนีน ส่วนคนที่สามและสี่เป็นแฝดชายหญิง ชื่อเด็กหญิงนารีญา หรือน้องนิ่ม ส่วนแฝดน้องชื่อเด็กชายธงไทย หรือน้องไทน์ ห้าพี่น้องต่างรักใคร่กลมเกลียว และซนระดับพระกาฬ โดยเฉพาะสี่หน่อที่เกิดไล่เลี่ยกัน หากอยู่บ้านก็ทำเอาคนแก่ทั้งวังรื่นฤดีปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน “อาบจ๋า นีนอยากกินลูกชุบ” หนูน้อยนีลาภาวัยสี่ขวบเอ่ยฉะอ้อนแม่นมวัยดึกอย่างน่ารักน่าชัง ตากลมแป๋วที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวดกดำเหมือนตุ๊กตาจ้องลูกชุบสีสวยในถาดไม่กะพริบ “คุณหนูนีนของแม่อาบ จะกินรูปผลไม้อันไหนคะ เดี๋ยวแม่อาบจะหยิบให้ค่ะ” คนแก่ที่หลงเด็กน้อยเสียเหลือเกินเอ่ยอย่างเอาใจ ก่อนจะถือโอกาสก้มลงหอมแก้มป่องๆ อย่างมันเขี้ยว “มะม่วงค่า”นิ้วป้อมๆ ชี้ไปยังลูกชุบสีเขียวอมเหลืองที่ถูกปั้นเป็นรูปมะม่วง แม่อาบยิ้มกริ่ม แล้วหยิบลูกชุบส่งให้ เด็กน้อยพนมมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู แล้วยัดลูกชุบใส่ปาก ก่อนจะเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย “ปี้นีน! ปี้นีน!”เ
คนที่เพิ่งกลับขึ้นมาบนห้องนอน หลังจากหนีลงไปรดน้ำผักที่สวนครัวหลังวังรื่นฤดีตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นสามีนั่งกอดอกทำหน้าตึงอยู่ปลายเตียงก็ถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม แต่ทำทีเป็นไม่สนใจ เดินนวยนาดไปเปิดประตูเชื่อมสู่ห้องนอนลูก ครั้นเห็นเด็กน้อยกับแมวนอนกอดกันหลับปุ๋ยก็อมยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆ งับประตูลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าสามีที่กำลังเรียกร้องความสนใจแบบซึนๆ “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ”“ไป แต่ไม่มีคนอาบน้ำให้” น้ำเสียงราบเรียบ และท่าทางมึนตึง แต่ความหมายของคำพูดทำให้คนฟังมองค้อนด้วยความหมั่นไส้เธอไม่น่าอาบน้ำให้เขาจนเขาเสียนิสัยแบบนี้เลย ให้ตาย! “ถ้าจะอาบก็ตามมาค่ะ”อารญาเอ่ยสั้นๆ แล้วเดินนำไปยังห้องน้ำ ยังไม่ง้อคนที่กำลังน้อยใจ หากเดาไม่ผิดก็คงเพราะเธอหนีไปรดน้ำผักตั้งแต่เช้า ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังที่ห้องนอน ธีรเดชเป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งหากตื่นมาไม่เห็นเธอก็จะงอน และคนที่ง้อก็มักเป็นเธออยู่ร่ำไป วันนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะรู้ว่าเขามีประชุมสำคัญที่บริษัทในช่วงสาย “มาค่ะ อายถอดเสื้อผ้าให้”มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือใหญ่ แล้วลากร่างทรงพลังไปยืนพิงเ
เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีช่างเชื่องช้าและยาวนานเหลือเกิน ธีรเดชรู้สึกเหมือนมันเป็นระเบิดเวลา ในหัวเขาอัดแน่นไปด้วยความตึงเครียดจนถึงขีดสุด ในใจมีแต่ความหวาดหวั่นและวิตกกังวลสารพัด การรอคอยช่างสุดแสนทรมานแทบขาดใจ ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างเดินไปเดินมาไม่หยุด กระทั่งในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เขาถลาไปหยุดลงตรงหน้าหัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างหมอปริญ แล้วถามไถ่ด้วยความร้อนใจ “ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ” “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภรรยาของคุณปลอดภัย แต่ต้องแอดมิดดูอาการก่อน เผื่อมีผลข้างเคียงอะไร”นายแพทย์หนุ่มเอ่ยบอกไปตามสถานการณ์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อคุณชายหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเยือกเย็นละล่ำละลักขอบคุณเขา “ดีใจด้วยนะคะ”ปานระพีเอ่ยอย่างยิ้มๆ“ขอบคุณมากครับหมอแพร”ธีรเดชเอ่ยขอบคุณปานระพีด้วยความซาบซึ้งใจ คล้อยหลังอีกฝ่ายร่างใหญ่ก็เดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าห้องผ่าตัด แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเท่าใด อารญาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งบรรยากาศข้างนอกที่มองผ่านกระจกหน้าต่างก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเสียแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ก่อนผ่าตัด ธีรเดชก็พาอารญากับลูก รวมทั้งแมวอ้วน มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัวบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย บรรยากาศหน้าหนาวของที่นี่ในตอนเช้าๆ สวยจับตา เธอตื่นแต่เช้าออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ บนชานเรือนไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา ด้านบนม่านสายหมอกปกคลุมไปทั้งอาณาบริเวณ ต่ำลงมาก็จะเป็นแปลงชาที่ทอดตัวยาวลงไปเกือบจรดตีนเขา รอบๆ ตัวบ้านมีแปลงดอกไม้รายล้อมอยู่รอบนอกในลักษณะวงกลม ถัดเข้ามาก็จะจัดสรรค์พื้นที่เป็นแปลงผัก และแปลงสตรอว์เบอร์รี กั้นบริเวณลานหน้าบ้านส่วนหนึ่งสำหรับสนามเด็กเล่น มีเครื่องเล่นที่ลูกเธอชอบอย่างครบครัน บนกองทรายมีของเล่นแมวอยู่สองสามอย่าง ใต้ต้นพญาเสือโคร่งที่กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งมีชิงช้าไม้ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อเธอกับลูก รวมทั้งแมวอ้วนด้วย ช่างเป็นสามี เป็นพ่อ และเป็นทาสแมว ที่ประเสริฐเสียจริง เจ้าของนัยน์ตากลมโตทอดมองทุกสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตา แล้ววกกลับมาสำรวจแปลงผักเขียวขจีด้วยความชอบใจ ปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ ร่างอ้อนแอ้นที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีส้มอิฐพลันสะดุ้งน้
“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่านี่เมียใคร” ธีรเดชยักคิ้วเย้ย จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างหน้าตาเฉย ท่าทางเปิดเผยความรู้สึกที่คงจุกอกมาเนิ่นนานของไอ้หนุ่มคลั่งรัก ทำให้พลชระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่นานเอวาก็ยกอาหารออกมาเสิร์ฟ ทันทีที่เห็นอารญาก็ทำท่าดีใจยกใหญ่ เธอจึงดึงอีกฝ่ายมากระซิบกระซาบว่าจะไปหาที่ครัว ส่วนพลชก็เอ่ยขอตัว เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มลงมือทานมื้อค่ำ เสียงเพลงคลอเบาๆ ทำให้เธอเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น แต่อยู่ๆ ไฟทั้งผับก็ดับพรึ่บลง มีเสียงดนตรีสุดโรแมนติกดังขึ้น พร้อมไฟสปอร์ตไลต์ส่องลงมาที่โต๊ะของทั้งคู่ทันใดนั้นคุณชายธีรเดชก็ผุดลุกขึ้น ทำให้เธอพลอยลุกขึ้นยืนไปด้วยโดยอัตโนมัติ เพราะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะตาโต อ้าปากค้าง หัวใจเต้นคร่อมจังหวะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆ คุกเข่าลงต่อหน้า เสียงเพลงเงียบลง พร้อมกับที่เขาหยิบแหวนที่อกเสื้อออกมา แล้วเงยหน้าเอ่ยกับเธออย่างนุ่มนวล“น้องอายครับ ได้โปรดแต่งงานกับพี่นะครับ” คนถูกคุกเข่าขอแต่งงานแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง และดีใจจนพูดไม่ออก เพราะคาดไม่ถึงว่าชั่วชีวิตน
หลังจากเรื่องเลวร้ายทุกอย่างจบลง พร้อมกับการตายของดาริกา ส่วนมารตีถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต อารญากับลูก รวมทั้งแมว ก็ต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่วังรื่นฤดี ส่งคืนบ้านเช่าที่ตัวเองทั้งรักและผูกพันเพราะอยู่มานานให้เจ้าของ เนื่องจากไม่อาจทนอยู่ในบ้านที่มีคนตายได้ ถึงแม้จะยังอาลัยอดีตอันแสนสุขที่เคยอยู่ร่วมกันกับลูกและแมว ทำใจยากที่จะจากต้นไม้และพืชผักสวนครัว แต่ธีรเดชก็เอาใจและชดเชยความรู้สึกของเมียรัก ด้วยการอนุญาตให้เธอปลูกพืช และผักสวนครัว ได้ตามแต่ใจต้องการ ไม่ว่าเธอจะปรารถนาสิ่งใดเขาย่อมประเคนให้อย่างไม่เกี่ยง ยกเว้นก็แต่เรื่องที่เธออ้อนขอไปทำงาน ธีรเดชปฏิเสธอย่างไม่มีอ่อนข้อ เพราะเป็นห่วงเรื่องกระสุนที่ฝังอยู่ในศีรษะของเธอ ซึ่งอารญาทำเพียงงอนนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าเขาเป็นห่วง พร้อมกับรับปากว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างจริงจัง หากจะเป็นอะไรไปเธอก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าลูกจะไม่มีคนดูแล วันนี้ธีรเดชพาอารญามาปรึกษานิวโรศัลย์เรื่องการผ่าตัด ซึ่งหมอก็ลงความเห็นว่าจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่เกินภายในระยะเวลาสองอาทิตย์ และครั้งนี้เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “