Home / โรแมนติก / เกลียดเธอที่สุด / บทที่ 04 สายตาที่เปลี่ยนไป

Share

บทที่ 04 สายตาที่เปลี่ยนไป

Author: ชารี
last update Last Updated: 2025-09-13 20:38:08

บทที่ 04

สายตาที่เปลี่ยนไป

         หลายวันมานี้ ขวัญเรือนพยายามหลบเลี่ยงอิฐ เธอไม่ยอมรับสายของ ไม่ยอมอ่านข้อความ แม้เขาจะมาหาเธอที่บ้านพัก แต่เธอก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ ขวัญเรือนยังคงคิดไม่ตกกับปัญหาที่เกิดขึ้น และรู้สึกผิดเป็นอย่างมากกับการกระทำของตัวเอง เธอไม่กล้าสบตากับใครนาน ๆ โดยเฉพาะกับมาลาริน เธอกลัวที่จะเห็นสายตาของลูกที่มองมาอย่างผิดหวัง

         กระทั่งวันหนึ่ง ขวัญเรือนได้ตัดสินใจบางอย่าง เธอเข้าไปพบกับอนงค์ที่เรือนใหญ่ ขวัญเรือนบอกกับอนงค์ว่าเธอตั้งครรภ์กับผู้ชายที่คบหากันช่วงหนึ่ง หากอนงค์จะไล่ออก เธอก็ยินดี

         “ใครกันเหรอขวัญเรือน?” อนงค์ถามเสียงเรียบ แววตามีความห่วงใย

         ขวัญเรือนกลืนน้ำลายลงคอ “ชื่อแมนค่ะ แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้ว ดิฉันไม่อยากกลับไปยุ่งเกี่ยวกับเค้าอีก”

         เธอโกหกคำโต เพราะไม่เคยคบหากับแมนเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องในตอนนั้น เธอก็ไม่เคยเจอเขาอีก ไม่รู้ว่าอิฐใช้วิธีอะไรจัดการกับแมนในตอนนั้น

         “เธอจะปล่อยให้เด็กเกิดมาไม่มีพ่ออย่างนั้นเหรอ”

         “ค่ะ” ขวัญเรือนสบตากับอนงค์ ราวกับกำลังยืนยันหนักแน่น

         ความเงียบโรยตัวชั่วขณะ อนงค์เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ อย่างไรนั่นก็คือชีวิตของขวัญเรือน

         “เอาเถอะ มันเรื่องของเธอ แต่ฉันก็จะไม่ไล่เธอออกหรอกนะ อยู่ที่นี่แหละ ลารินก็กำลังโต ไม่ต้องหอบลูกพะรุงพะรังไปไหนหรอก”

         ยิ่งอนงค์เมตตา ขวัญเรือนก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ เธอก้มกราบอนงค์แทบเท้าทั้งน้ำตา

         ขวัญเรือนเดินใจลอยกลับมาบ้านพัก โดยไม่รู้ว่าอิฐเดินตามมาข้างหลัง เขาเห็นเธอตอนเดินเข้าไปในเรือนใหญ่ จึงแอบฟังและได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

         “คิดอะไรของเธอขวัญ ทำไมถึงโกหกคุณแม่ไปแบบนั้น”

         ขวัญเรือนหันกลับมาด้วยความตกใจ

         “เธอบ้าไปแล้วเหรอขวัญ”

         “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง?” ขวัญเรือนย้อนถาม “จะให้ฉันบอกคุณเหรอคะว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร”

         อิฐเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “แต่เราคุยกันแล้วนี่ขวัญ”

         “ค่ะ เราคุยกันแล้ว และฉันก็บอกคุณไปแล้วนี่คะว่าจะจัดการปัญหานี้เอง” เสียงของเธอเหมือนคนจะร้องไห้ออกมา

         “ขวัญ”

         ขวัญเรือนถอยหลังออกห่างจากเขา “ฉันว่าเราสองคนพอแค่นี้เถอะค่ะ เราทำผิดกันมามากพอแล้ว”

         เธอตระหนักแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเป็นเพียงแค่ความสุขชั่วครู่ แต่ความทุกข์ทรมานนั้นยาวนานยิ่งกว่า

         “ไม่นะขวัญ ฉันรักเธอนะ” อิฐขยับเข้ามาใกล้ แต่เธอก็ยิ่งถอยห่างออกไป ทำให้เขาชะงักไป

         “ฉันขอร้องนะคะคุณอิฐ ฉันอยากกลับไปใช้ชีวิตที่สงบสุข ถ้าจะกรุณา เราอย่าเกี่ยวข้องกันอีกเลยนะคะ”

         เธอหันหลังแล้วเดินจากไป ทิ้งเขาไว้เพียงเบื้องหลัง อิฐมองตามแผ่นหลังหญิงสาวที่ลับตาไป เธอไม่ลังเลสักนิด เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเขาเลย

         ขวัญเรือนเปิดประตูเข้ามาในบ้านพัก เธอเห็นมาลารินกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะตัวเล็กมุมหนึ่ง เด็กหญิงเหลือบมองแม่เล็กน้อย แววตากลมโตนั้นมีรอยความคิดบางอย่าง ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่แม่คุยกับอิฐแล้ว

         เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้มาลารินไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป เธอลุกไปหาแม่ที่เตียง นั่งลงข้าง ๆ เช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน หลายวันมานี้เธอไม่พูดกับแม่เลย ทำให้แม่ต้องเสียใจแล้ว

         “ไม่เป็นไรนะจ๊ะแม่ หนูอยู่ตรงนี้” มาลารินกอดแม่ของเธอเอาไว้ “หนูจะช่วยแม่เลี้ยงน้องเอง แม่จะได้ไม่เหนื่อย หนูพูดจริง ๆ นะ”

         ขวัญเรือนพยักหน้าทั้งน้ำตา ลูกสาวของเธอล้มตัวนอนหนุนตักที่เคยหนุนมาตั้งแต่เด็ก แม้ความเจ็บปวดยังไม่จางหาย แต่อ้อมกอดอบอุ่น คำพูดที่จริงใจก็ช่วยปลอบโยนหัวใจที่บอบช้ำของเธอได้เป็นอย่างดี

         ในฤดูที่ฝนโปรยปรายลงมา ขวัญเรือนได้ให้กำเนิดเด็กชายมาธาริน แม้ฝนจะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ภายในบ้านพักหลังเล็ก ๆ นั้นกลับอบอุ่น เพราะมีสมาชิกใหม่กำเนิดขึ้น

         เด็กชายตัวน้อยมีผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากเล็กบาง เส้นผมที่อ่อนนุ่มมีสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้ากลมอิ่มตามวัย แม้ยังดูไม่ชัดว่าคล้ายใคร ทว่ายามที่ขวัญเรือนมองเข้าไปในดวงตาไร้เดียงสาคู่นี้ กลับมีเงาของใครบางคนสะท้อนออกมาจนเธอนั้นหวั่นใจ

         “ป้าจิตร ฉันคิดว่าจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น”

         สมจิตรหันไปมองเด็กชายวัยสามเดือนด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก

         “เอ็งไปเถอะ”

         เมื่อตัดสินใจดีแล้ว ขวัญเรือนก็ไปแจ้งให้อนงค์ทราบ แม้อนงค์จะไม่เห็นด้วยเพราะไม่อยากให้ขวัญเรือนพาลูกที่เพิ่งคลอดออกไป แต่ขวัญเรือนก็ตัดสินใจแน่วแน่ อนงค์จึงไม่ว่าอะไร

         เสียงของคนรับใช้คุยกันว่าขวัญเรือนกำลังจะย้ายออกจากบ้าน ลอยเข้าหูของอิฐ เขานั้นนิ่งไปพักใหญ่ สีหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตากลับสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ เขามุ่งหน้าไปยังบ้านพักที่อยู่ด้านหลังทันที

         อิฐก้าวพรวดเข้ามาในบ้านพักของขวัญเรือน สายตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธเมื่อเห็นเธอกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้า

         “คุณอิฐ!” ขวัญเรือนเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ

         “เธอจะไปไหน?” เขาถามเสียงต่ำ แต่ก้องไปทั่วห้อง

         อิฐเหลือบมองเด็กชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่บนเบาะ หัวใจของเขากระตุกวูบ

         “ฉันกำลังจะย้ายออกจากที่นี่” ขวัญเรือนเอ่ยโดยไม่มองหน้า

         “ฉันก็ไม่ได้มายุ่งกับเธอแล้วไง ไม่ไปได้มั้ยขวัญ?”

         ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อิฐไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับขวัญเรือน ทำเหมือนทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ลึกลงในใจของเขากลับเอาแต่คิดถึงเธอ ในค่ำคืนบางครั้ง อิฐมักจะเดินมาที่บ้านพักหลังเล็กอย่างเงียบ ๆ เขามักจะแอบยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง ฟังเสียงหัวเราะแผ่วของเด็กเล็กที่ลอดออกมา บางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้โยเยพร้อมกับเสียงขวัญเรือนที่กล่อมลูก นั่นทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา และรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนั้น แม้จะยังไม่เคยเห็นหน้าเลยก็ตาม

         “ฉันจำเป็นต้องไป” ขวัญเรือนกล่าวเสียงเรียบ

แววตาที่ว่างเปล่าของเธอทำเอาเขาปวดใจ อิฐเข้าไปกอดหญิงสาว เธอดิ้นรนออกจากอ้อมแขนเขาทันที เสียงของของพวกเขาทำให้เด็กชายตัวน้อยตื่นขึ้นมา ขยับตัวพลางร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ

ขวัญเรือนรีบเข้าไปอุ้มลูกไว้แนบอก ลูบหลังเบา ๆ ให้ลูกเงียบลง อิฐยืนนิ่งมองภาพนั้น ดวงตากลมใสของเด็กน้อยที่จ้องมองอย่างสงสัยทำเอาหัวใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ยิ่งไม่อยากให้ขวัญเรือนและลูกจากไปไหน

“ขวัญ ฉันขอร้องล่ะ อย่าไปเลยนะ”

“ฉันจำเป็นต้องไปจริง ๆ ค่ะคุณอิฐ”

“ฉันรักเธอนะขวัญ”

ขวัญเรือนชะงัก เธอกอดลูกน้อยแน่นขึ้น แม้หัวใจสั่นไหว แต่เธอก็จะไม่เดินกลับไปทางเดิมอีก

         “กรี๊ด!!”

         เสียงกรี๊ดแหลมบาดหูดังขึ้นจากด้านหน้าห้อง ทำให้เด็กชายตัวน้อยผวาเฮือกแล้วร้องลั่นด้วยความตกใจกว่าเดิม อิฐและขวัญเรือนก็ตกใจจนหน้าซีด

         ประตูไม้ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ชลธิชาปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้เธอเห็นพ่อเดินมาทางนี้จึงเดินตามมา ไม่คาดคิดว่าจะมาได้ยินพ่อบอกรักผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ของเธอ

         “คุณพ่อทำแบบนี้ได้ยังไง!” เสียงของเธอดังลั่นไปทั่วบริเวณ

         มาลารินที่กำลังกลับมาจากเรือนใหญ่หยุดชะงัก หัวใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

         “เต้ยจะฟ้องคุณแม่!” ชลธิชาวิ่งออกไปจากตรงนั้น

         อิฐกำลังจะวิ่งตามออกไป แต่เสียงร้องไห้ของเด็กชายยังคงดังลั่นทำให้เขาหันกลับมา ขณะที่ขวัญเรือนพยายามปลอบลูกชายที่ยังร้องไห้ไม่หยุด

         ขณะชลธิชาวิ่งร้องไห้เหมือนคนไร้สติ มาลารินก็โผล่มาจากที่หนึ่ง ดึงแขนของชลธิชาเพื่อหยุดอีกฝ่ายเอาไว้

         “เธอ!” ชลธิชาแผดเสียงลั่น “ปล่อยฉันนะ!”

         “คุณเต้ยคะ พวกเรากำลังจะไปจากที่นี่ ขอร้องคุณเต้ยนะคะ อย่าบอกใครเรื่องนี้เลย” มาลารินเอ่ยอย่างเว้าวอน เสียงของเธอสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้ออกมา

         “หมายความว่ายังไง?” ชลธิชานิ่วหน้า ความโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ “นี่เธอรู้เรื่องนี้มาตลอดใช่มั้ย!”

         ชลธิชากระผมมาลารินจนอีกฝ่ายหน้าหงาย มือเล็ก ๆ ทุบตีมาลารินพัลวัน มาลารินไม่กล้าสู้ ได้แต่พยายามยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองเอาไว้

         “เต้ย!” เสียงของชวลิตดังขึ้นอย่างเดือดดาลเพราะสิ่งที่เห็น เขาก้าวเข้ามาพยายามแยกน้องสาวออกจากมาลาริน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

         “เต้ยไม่หยุด! ฮือ ๆๆ พี่ต้นรู้มั้ยว่าพ่อของเรากับแม่ของมันแอบคบกันลับหลังทุกคน แล้วมันก็รู้เรื่องนี้ มันช่วยแม่ของมันปิดบังพวกเรา!”

         ชวลิตชะงักอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็ยังคงยืนยันคำเดิมให้น้องสาวปล่อยมือจากมาลารินก่อน

         “เต้ย ปล่อยมือก่อน”

         ชลธิชาสบสายตาที่จริงจังของพี่ชาย เธอจึงยอมปล่อยมือ แต่สายตายังคงมองจิกมาลารินราวกับจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ

         “ที่เต้ยพูด จริงหรือเปล่าลาริน?”

         มาลารินนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่สายตาของชวลิตยังคงมาอย่างคาดคั้น เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงยอมรับทั้งน้ำตา แม้ว่าจะทำให้สายตาที่ชวลิตมองเธอเปลี่ยนไปก็ตาม...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 10 ทั้งที่เอา...แต่พูดว่าเกลียด NC

    บทที่ 10ทั้งที่เอา...แต่พูดว่าเกลียด “ต้องการสิ ฉันจะไม่ต้องการเธอได้ยังไง...” มาลารินกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อสบสายตาลึกซึ้งคู่นั้นของเขาก็เหมือนจะนำพาเธอสู่ห้วงอดีตที่เคยแนบชิดกันในยามค่ำคืน มือบางแตะที่ต้นขาเขาเบา ๆ สัมผัสนั้นทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เขาลอบลอบน้ำลายลงคอ หัวใจเต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวค่อย ๆ ปลดตะขอกางเกงของเขา เธอไม่ได้รีบร้อน ตั้งใจสัมผัสเขาอย่างนุ่มนวล ทว่าแฝงไปด้วยปรารถนาซ่อนลึกอยู่ในจิตใจของเธอมานาน แท่งร้อนใหญ่คลายออกมาช้า ๆ มาลารินใช้ริมฝีปากนุ่มสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา เสียงลมหายใจของเขาดังสะท้อนอยู่ในห้องเงียบ ๆ ชายกัดฟันแน่นเมื่อปลายลิ้นเล็ก ๆ ของเธอแตะตรงส่วนหัวหยักบานของเขา “อืม...” ชายหนุ่มครางตำอยู่ในลำคอ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกอบกุมช่อผมของเธอที่มันเป็นหางม้าสูง ขณะที่เธอค่อย ๆ กลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปทีละน้อย จังหวะเนิบนาบ แต่แนบแน่น กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็งจ สายตาของเขาที่เคยมองเธออย่างชิงชัง บัดนี้กลับพร่าเลือนไปด้วยไฟแห่งราคะ แม้หญิงสาวจะห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานานนับปี ตั้งแต่เขาไม่มา

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 09 ขวางหูขวางตา

    บทที่ 09ขวางหูขวางตา ผ่านมากกว่าสองสัปดาห์สำหรับชีวิตการฝึกงาน มาลารินกับกรกฏได้เรียนรู้งานต่าง ๆ ผ่านงานที่พวกเขาได้รับมอบหมาย มาลารินนั้นตั้งใจทำงานอย่างรอบคอบ เธอไม่ใช่คนพูดมากนัก ขณะที่กรกฏค่อนข้างร่าเริง พูดเก่ง และมักชวนมาลารินพูดคุยเสมอ ทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว จนทำให้พี่ ๆ ในแผนกแซวว่าพวกเขานั้นเข้ากันได้ดี มาลารินไม่ได้สนใจคำพูดพวกนั้นมากนัก เธอรู้ดีแก่ใจว่าตนกับกรกฏนั้นเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ที่สำคัญ กรกฏนั้นมีแฟนอยู่แล้ว เธอกับเขาไม่มีทางเกินเลยกันไปมากกว่านี้แน่ ในช่วงที่ผ่านมานั้น มาลารินก็รู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้น เพราะการฝึกงานของเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับชวลิตโดยตรง แค่เป็นเด็กฝึกงานภายใต้โครงการที่เขาดูแลอยู่เท่านั้น ไม่ได้เจอเขาเลย แม้จะที่บ้านก็ตาม แต่กระทั่งวันหนึ่งที่มีประชุมใหญ่ เด็กฝึกงานอย่างพวกเธอก็ต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อเรียนรู้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องพบเจอเขาในวันนี้ เสียงพูดคุยในห้องประชุมดังขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก เพราะยังไม่ถึงเวลาเริ่ม บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อพี่ ๆ ในทีมหันมาหยอกล้อเด็กฝึกงานสองคนที่นั่งอย

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 08 เด็กฝึกงาน

    บทที่ 08เด็กฝึกงาน หลังจากกลับไทย ชวลิตใช้เวลาพักผ่อนถึงสองสัปดาห์เต็ม ก่อนที่จะเริ่มเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่เขาจะเขามาช่วยดูแลโครงการใหม่ของบริษัท รถยุโรปคันสีดำแล่นเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทสุรีย์ฉาย ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของครอบครัว พนักงานบางส่วนยืนรอต้อนรับด้านหน้า เมื่อร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดสูทเรียหรูสีกรมท่าก้าวลงมา เขาก็ดูโดดเด่นได้โดยไม่ต้องพยายาม “ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญที่ชั้น 21 ได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมห้องทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว” วารี เลขาสาววัยสามสิบปีในชุดสูทสีดำยิ้มอย่างเปิดเผย หล่อนเป็นผู้ชายเขาตั้งแต่ดูแลสาขาที่ลอนดอน เมื่อเขากลับมาที่ไทย ชวลิตจึงให้เอกลับมาช่วยงานที่นี่ด้วย “ครับ” ชวลิตพยักหน้าเบา ๆ เท้าของเขาก้าวเข้าไปในตึกอย่างมั่นคง ภายในล็อบบี้ พนักงานต่างพากันเงยหน้า สายตามองเขาอย่างตื่นเต้น เขาหันมายิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในหมู่พนักงานหญิงที่ชื่นชมในความหล่อและดูดีในภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นได้ไม่ยาก

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 07 ก็อาจจะเกลียดน้อยลง

    บทที่ 07ก็อาจจะเกลียดน้อยลง เมื่อสองปีก่อน... คืนนั้นลมหนาวพัดผ่านเงาไม้ของเรือนหลังใหญ่ กลิ่นหอมของใบไม้แห้งคลอเคล้ากับเสียงหัวเราะครื้นเครงของกลุ่มเพื่อนของชวลิตที่นั่งอยู่ในด้วยกันในงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ริมสระว่ายน้ำ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ชวลิตกลับมาเยี่ยมบ้าน คืนนั้นเขาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อพบปะกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่นัดรวมตัวกัน เครื่องดื่มหลายขวดถูกเปิดส่งต่อกันไม่ขาด เสียงดังคลอไปกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน คืนนั้นแม่บ้านหลายคนป่วย สมจิตรจึงให้มาลารินมาคอยช่วยงานในครัว โดยคืนนั้นมาธารินจึงไปนอนกับอนงค์ที่เรือนหลังเล็ก “ยกอาหารตรงนี้ไปเพิ่มหน่อยลาริน แล้วก็รีบกลับเข้ามาล่ะ อย่าอยู่เกะกะสายตาคุณต้น เสร็จแล้วก็กลับไปพัก พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บล้างก็ได้” สมจิตรเอ่ยเสียงเรียบ “จ้ะยาย” แม้มาลารินจะปรากฏในงานเลี้ยงด้วยชุดเรียบ ๆ ผมมัดไว้อย่างลวก ๆ แต่ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มของเธอก็ดูโดดเด่น เสียงแซวจากเพื่อนชายของชวลิตก็ดังขึ้น “โหต้น แม่บ้านที่น่ารักเกิ๊น” เพื่อนของเขาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่ชวลิตกลับดูไม่สนใจ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 06 หน้าด้านหน้าทน

    บทที่ 06หน้าด้านหน้าทน แสงไฟอบอุ่นจากโคมระย้าสาดส่องไปทั่วห้องโถงใหญ่ บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุยของแขกที่มาเยือน ทั้งญาติผู้ใหญ่ คนในครอบครัว และเพื่อนพี่น้องของชวลิตที่ต่างมาร่วมกันสังสรรค์ต้อนรับการกลับมาอย่างเป็นทางการของเขา เมื่อหลายปีก่อน ชวลิตไปเรียนต่อด้านธุรกิจและด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังเรียนจบเขาก็ได้รับหน้าที่ดูแลสาขาย่อยของบริษัทใหญ่ในต่างแดน และตอนนี้บริษัทที่ไทยนั้นมีโปรเจคใหญ่ เขาจึงกลับมาช่วยงานที่นี่ ชวลิตในวัยยี่สิบแปดย่างยี่สิบเก้า บุคลิกสุขุม สง่า ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ของเขาเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ชายหนุ่มดึงดูดความสนใจของผู้คนได้โดยไม่ต้องพยายาม ในขณะที่เขายืนโดดเด่นอยู่ในแสงไฟ ท่ามกลางผู้คนรุมล้อม มาลารินกลับซ่อนตัวอยู่ในมุมเงียบ ๆ ตรงหลังม่านสีขาว เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาในงาน แต่แค่อยากจะมาเห็นเขาสักครั้ง แค่นิดเดียวก็ยังดี... “นี่แกเข้ามาได้ยังไง!” มาลารินหันกลับไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นนวล หญิงรับใช้คนสนิทของตรีอัปสรที่กำลังจ้องเธอด้วยสายตาถมึงทึง “คุณท่านให้มาช่วยงา

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 05 มืดมน

    บทที่ 05มืดมน เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอิฐกับตรีอัปสรลุกลามใหญ่โต พวกเขาทะเลาะกันอย่างหนักเป็นครั้งแรก จนในที่สุดอิฐเอ่ยปากขอหย่ากับเธอ ทำให้ตรีอัปสรกรีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ ชลธิชาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันมาก่อน เธอร้องไห้ด้วยความกลัวและเสียใจ โดยมีชวลิตคอยปลอบโยน “พี่ต้น ฮือ ๆๆ เต้ยเกลียดพวกมันสองคน ฮือ ๆๆ” ในใจของชวลิตก็เจ็บปวดและเสียใจไปไม่น้อยกว่าชลธิชาเลย แต่เขาก็ต้องเข้มแข็งแล้วกอดน้องสาวเอาไว้ “คุณเป็นคนผิดนะอิฐ! ทำไมถึงพูดแบบนี้” เสียงของตรีอัปสรดังลั่นไปทั่วบ้าน อิฐก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “ผมผิดจริง ๆ ตรี...” “ฉันจะคุยกับคุณแม่เรื่องนี้” ตรีอัปสรยกมือขึ้นปาดน้ำตา “คุณแม่ไม่เอาพวกมันไว้แน่” ตรีอัปสรหันหลังออกจากบ้าน วิ่งไปที่เรือนใหญ่ เธอจะไปคุยกับอนงค์ เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียที “คุณแม่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ตรีนะคะ” ตรีอัปสรเอ่ยทั้งน้ำตา อนงค์นั่งนิ่งอยู่ภายในห้องนอนของเธอ หลังจากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเธอก็เป็นลมล้มไปทันที ไม่คิดว่าลูกชายที่เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status