Home / โรแมนติก / เกลียดเธอที่สุด / บทที่ 09 ขวางหูขวางตา

Share

บทที่ 09 ขวางหูขวางตา

Author: ชารี
last update Last Updated: 2025-09-16 15:04:11

บทที่ 09

ขวางหูขวางตา

         ผ่านมากกว่าสองสัปดาห์สำหรับชีวิตการฝึกงาน มาลารินกับกรกฏได้เรียนรู้งานต่าง ๆ ผ่านงานที่พวกเขาได้รับมอบหมาย มาลารินนั้นตั้งใจทำงานอย่างรอบคอบ เธอไม่ใช่คนพูดมากนัก ขณะที่กรกฏค่อนข้างร่าเริง พูดเก่ง และมักชวนมาลารินพูดคุยเสมอ ทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว จนทำให้พี่ ๆ ในแผนกแซวว่าพวกเขานั้นเข้ากันได้ดี

         มาลารินไม่ได้สนใจคำพูดพวกนั้นมากนัก เธอรู้ดีแก่ใจว่าตนกับกรกฏนั้นเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ที่สำคัญ กรกฏนั้นมีแฟนอยู่แล้ว เธอกับเขาไม่มีทางเกินเลยกันไปมากกว่านี้แน่

         ในช่วงที่ผ่านมานั้น มาลารินก็รู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้น เพราะการฝึกงานของเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับชวลิตโดยตรง แค่เป็นเด็กฝึกงานภายใต้โครงการที่เขาดูแลอยู่เท่านั้น ไม่ได้เจอเขาเลย แม้จะที่บ้านก็ตาม แต่กระทั่งวันหนึ่งที่มีประชุมใหญ่ เด็กฝึกงานอย่างพวกเธอก็ต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อเรียนรู้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องพบเจอเขาในวันนี้

         เสียงพูดคุยในห้องประชุมดังขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก เพราะยังไม่ถึงเวลาเริ่ม บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อพี่ ๆ ในทีมหันมาหยอกล้อเด็กฝึกงานสองคนที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะ

         “ก้องกับลารินนี่สนิทกันดีนะ เห็นตัวติดกันทั้งวันเลย”

         “สองคนนี้อะไรยังไง มีอะไรที่พวกพี่ไม่รู้หรือเปล่าเนี่ย” เสียงพี่คนหนึ่งเอ่ยแซว ทำเอาหลายคนหัวเราะ

         มาลารินกับกรกฏหันมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม ทั้งสองโบกมือปฏิเสธกันพลันวัน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อนัก

         เสียงหัวเราะยังไม่ทันจางหาย จู่ ๆ เสียงประตูห้องประชุมก็ดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงในชุดสูทสีเข้มของชวลิตจะก้าวเข้ามาพร้อมกับเลขาส่วนตัว ความเงียบนั้นก็แผ่คลุมทั้งห้องทันที

         ชวลิตไม่พูดอะไรสักคำ เขาขยับเก้าอี้นั่งลงตำแหน่งหัวโต๊ะที่ตรงข้ามกับเด็กฝึกงานทั้งสองคน ทุกคนนั้นรีบกลับสู่โหมดจริงจัง ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก

         การประชุมเริ่มต้นขึ้น ชวลิตนั่งฟังการรายงานอย่างเงียบ ๆ แต่สายตาของเขากลับเผลอมองเลยโต๊ะประชุมผ่านแฟ้มเอกสาร ซึ่งตรงไปยังใบหน้าเรียบเฉยของมาลารินที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฟังการประชุม เหมือนชวลิตจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขาจ้องมองเธอกับเด็กฝึกงานที่ชื่อกรกฏมากเกินความจำเป็น

         “เราว่ารองฯ ชวลิตมองมาทางนี้บ่อยนะ” กรกฏโน้มตัวมากระซิบข้างหูมาลาริน “พวกเราทำอะไรผิดหรือเปล่า”

         มาลารินเม้มปากแน่น เธอไม่กล้าหันไปทางสายตาของชวลิตด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาเหมือนเธอมีความผิดอยู่ตลอดเวลา

         “เค้าคงแค่อยากจะดูว่าเด็กฝึกงานอย่างพวกเราตั้งใจทำงานหรือเปล่าแค่นั้นแหละ” มาลารินกระซิบตอบกลับไป และสะกิดให้กรกฏหันกลับไปสนใจการประชุมต่อ

         ท่าทางที่ดูสนิทสนทของทั้งคู่นั้น อยู่ในสายตาของชวลิตแทบจะตลอดเวลา เขารู้สึกขวางหูขวางตาชะมัด และเมื่อการประชุมจบลง ทุกคนทยอยออกจากห้องประชุม ซึ่งมาลารินนั้นดูจะเร่งรีบกว่าใคร

         ชวลิตเปิดเอกสารเกี่ยวกับผู้รับเหมาะและทีมออกแบบที่เขารู้มาว่า มาลารินเป็นคนทำเอกสาร ดวงตาคู่คมมีแววครุ่นคิดบางอย่าง เขาหันไปหาวารีที่กำลังเก็บเอกสาร

         “คุณวารี ผมว่าเอกสารนี่มีบางจุดที่ขาดความรัดกุมนะ” ชวลิตเอ่ยขึ้น

         “อืม...แต่ว่าเอกสารผ่านการตรวจสอบแล้วนะคะ ตรงไหนที่ท่านรองฯคิดว่ามีปัญหาหรือคะ ดิฉันจะเรียกคุณธนาให้มาตรวจสอบอีกรอบ” วารีเอ่ย

         “ไม่ต้อง ให้คนที่ทำเอกสารนี้มาพบผมโดยตรง ตรงนี้เป็นหน้าที่สำคัญ เพราะมันส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของการโดยรวม”

         “แต่เรื่องเอกสารนี่ ไม่จำเป็นต้องถึงมือท่านรองฯ หรอกนะคะ” วารีเอ่ย

         ชวลิตเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ผมสั่ง...”

         ลางสังหรณ์ของมาลารินมักไม่ผิด หญิงสาวรู้สึกว่าการที่ชวลิตเรียกเธอมาคนเดียวนั้นมีเหตุผลบางอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร แน่นอนว่าเรื่องผิดผ่านการทำงานนั้นเป็นเพียงข้ออ้างของเขาอย่างแน่นอน

         มาลารินสูดหายใจลึก ขณะก้าวตามวารีออกมาจากลิฟท์ที่ชั้น 21 เลขาสาวสื่อสารกับชวลิตที่อยู่ในห้องทำงานผ่านอินเตอร์คอม

         “คุณมาลารินมาถึงแล้วค่ะ”

         “ให้เธอเข้ามา” เสียงราบเรียบของเขาดังผ่านอินเตอร์คอมแล้วก็เงียบลงไป

         “เชิญค่ะ” วารีผายมือไปยังประตูห้องทำงานที่ปิดสนิท

         “คุณวารีไม่เข้าไปด้วยกันเหรอคะ?” มาลารินถาม แววตาเธอดูกังวลไม่น้อย

         วารียิ้มบาง ๆ “ท่านรองฯ ให้คุณเข้าไปคนเดียวค่ะ เชิญค่ะ อย่าให้ท่านรอนานเลย”

         มาลารินยิ้มเจื่อน เธอสูดหายใจอีกครั้ง บอกกับตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เธอเปิดประตูเข้ามาให้ทำงานที่เงียบเชียบของเขา มีเสียงนาฬิกาบนผนังดังขึ้นอยู่ในความเงียบ ไม่ต่างจากแรงกดดันบางอย่างในใจของเธอ

         “ปิดประตู...”

         เสียงราบเรียบแฝงด้วยความเย็นชาเอ่ย มาลารินจำใจต้องหันไปปิดประตูห้องทำงานของเขา และทันทีที่บานประตูปิดลง ยังไม่ทันที่มาลารินจะเอ่ยคำใด แก้วกาแฟก็พุ่งผ่านหน้าเธอไป ชนกับผนังด้านหลังแตกระจาย แผ่นกระกระเบื้องสีอ่อนเปื้อนคราบสีน้ำตาลเข้ม เศษแก้วแหลมคมแตกกระจายอยู่บนพื้น

         มาลารินชะงักเท้าอยู่กลางห้อง หัวใจเหมือนจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอก้มมองเศษกับที่เพิ่งจะผ่านหน้าไป แล้วหันไปสบตากับชวลิตที่ยืนหน้านิ่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สีหน้าของเขาดูไม่รู้สึกผิดสักนิดที่เกือบทำให้เธอได้เลือด

         “รู้มั้ย ฉันเกลียดอะไรมากที่สุด...” เสียงของเขาต่ำลึก เค้นทุกคำออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บแค้น

         มาลารินกลืนน้ำลายลงคอ มือที่สั่นเทาอยู่ประสานเข้าหากันแน่น เธอแทบหยุดหายใจเมื่อร่างสูงก้าวออกมาจากหลังโต๊ะทำงาน มาหยุดตรงหน้า สายตาคมกริบมองเธอในชุดนักศึกษาตั้งแต่หัวจรดเท้า

         “ทั้งที่แม่ของเธอทำลายครอบครัวของฉัน แต่เธอก็ยังมีชีวิตที่ดีได้ ทั้งที่เธอควรจะกลายเป็นเด็กข้างถนนแท้ คุณย่าเมตตาจนฉันโคตรเกลียดเธอฉิบหายเลย!”

         คำว่าเกลียดของเขาบาดลึกลงในใจของเธอ ดูเหมือนว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะยอมแลกอะไร ก็ไม่อาจลบล้างความเกลียดชังในใจของเขาที่มีต่อเขาไปได้เลย

         “เอาเถอะ คุณย่าคงเมตตาเธอเหมือนหมาตัวนึงนั่นแหละ แต่คุณย่าจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่คุณย่าเมตตาทั้งแรดและร่านขนาดไหน”

         มาลารินหน้าชาวาบ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่สาดซัดคำพูดร้าย ๆ ใส่เธอ

         “เห็นแล้วมันขวางหูขวางตาฉันจริง ๆ”

         “ฉันทำอะไร?” มาลารินถามอย่างไม่เข้าใจ เธอก็อยู่ในส่วนของเธอ ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว ทำไมเขาถึงยังหาเรื่องเธออีก

         “คุณย่าส่งเธอมาฝึกงานที่นี่ไม่ใช่เหรอ? แล้วยังมีหน้าระริกระรี้กับผู้ชาย มาทำงานหรือมาหาผัวกันแน่!” เสียงเขาเข้มขึ้น แววตาเต็มไปด้วยโทสะเมื่อนึกถึงภาพที่เธอยิ้ม หัวเราะกับกรกฏในห้องประชุม อีกทั้งคำพูดที่คนพวกนั้นแซวว่าเธอสนิทสนมกับชายอื่น ก็ทำให้ในใจของเขาร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่สั่งสอนเธอบ้าง เธอจะยิ่งเป็นไปมากกว่านี้

         มาลารินกลืนน้ำลายลงคอ พยายามอดกลั้นต่อถ้อยคำดูถูกพวกนั้น เธอคิดว่าตัวเองไม่ควรจะอยู่ตรงนี้อีก จึงรวบรวมความกล้าเอ่ยกับเขา

“ถ้าไม่ได้จะเรียกฉันมาเพราะเรื่องงาน งั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานต่อนะคะ”

มาลารินก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับ ร่างสูงก้าวยาว ๆ ตามมา มือหนารวบลำคอระหงด้วยมือเดียวจากด้านหลัง ก่อนจะหมุนตัวเธอให้หันกลับมา แล้วดันตัวเธอลงให้คุกเข่าลงไปตรงหน้าเขา

“คุณจะทำอะไร?” มาลารินเงยหน้ามองเขา มือหนากดไหล่ของเธอลงไม่ให้หญิงสาวนั้นต่อต้านลุกขึ้นมา

ชวลิตก้มมองเธอ ดวงตาของมีประกายบางอย่าง มือหนาปลดเข็มขัดกางเกงออก มาลารินใจเต้นรัว เธอเริ่มจะเข้าใจในความหมายของเขา

“จัดการสิ งานของเธอ หน้าที่ของเธอก็คือทำให้ฉันพอใจ ลืมแล้วหรือไง?”

มือหนากดใบหน้าของเธอแนบกับเป้ากางเกงของเขาที่มีท่อนเนื้อพาดเฉียงเป็นลำยาว เธอผละออกมาด้วยความตกใจ เงยหน้ามองเขา

“ทำไมล่ะ? อยากให้ฉันเกลียดเธอน้อยลงไม่ใช่หรือไง” น้ำเสียงพร่าเอ่ย เขารู้สึกเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่าเธออย่างไรก็ไม่รู้

“ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว...”

มุมปากเขายกยิ้มน้อย ๆ มือหนาแตะแก้มของเธออย่างแผ่วเบา...

“ต้องการสิ ฉันจะไม่ต้องการเธอได้ยังไง...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 10 ทั้งที่เอา...แต่พูดว่าเกลียด NC

    บทที่ 10ทั้งที่เอา...แต่พูดว่าเกลียด “ต้องการสิ ฉันจะไม่ต้องการเธอได้ยังไง...” มาลารินกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อสบสายตาลึกซึ้งคู่นั้นของเขาก็เหมือนจะนำพาเธอสู่ห้วงอดีตที่เคยแนบชิดกันในยามค่ำคืน มือบางแตะที่ต้นขาเขาเบา ๆ สัมผัสนั้นทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เขาลอบลอบน้ำลายลงคอ หัวใจเต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวค่อย ๆ ปลดตะขอกางเกงของเขา เธอไม่ได้รีบร้อน ตั้งใจสัมผัสเขาอย่างนุ่มนวล ทว่าแฝงไปด้วยปรารถนาซ่อนลึกอยู่ในจิตใจของเธอมานาน แท่งร้อนใหญ่คลายออกมาช้า ๆ มาลารินใช้ริมฝีปากนุ่มสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา เสียงลมหายใจของเขาดังสะท้อนอยู่ในห้องเงียบ ๆ ชายกัดฟันแน่นเมื่อปลายลิ้นเล็ก ๆ ของเธอแตะตรงส่วนหัวหยักบานของเขา “อืม...” ชายหนุ่มครางตำอยู่ในลำคอ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกอบกุมช่อผมของเธอที่มันเป็นหางม้าสูง ขณะที่เธอค่อย ๆ กลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปทีละน้อย จังหวะเนิบนาบ แต่แนบแน่น กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็งจ สายตาของเขาที่เคยมองเธออย่างชิงชัง บัดนี้กลับพร่าเลือนไปด้วยไฟแห่งราคะ แม้หญิงสาวจะห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานานนับปี ตั้งแต่เขาไม่มา

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 09 ขวางหูขวางตา

    บทที่ 09ขวางหูขวางตา ผ่านมากกว่าสองสัปดาห์สำหรับชีวิตการฝึกงาน มาลารินกับกรกฏได้เรียนรู้งานต่าง ๆ ผ่านงานที่พวกเขาได้รับมอบหมาย มาลารินนั้นตั้งใจทำงานอย่างรอบคอบ เธอไม่ใช่คนพูดมากนัก ขณะที่กรกฏค่อนข้างร่าเริง พูดเก่ง และมักชวนมาลารินพูดคุยเสมอ ทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว จนทำให้พี่ ๆ ในแผนกแซวว่าพวกเขานั้นเข้ากันได้ดี มาลารินไม่ได้สนใจคำพูดพวกนั้นมากนัก เธอรู้ดีแก่ใจว่าตนกับกรกฏนั้นเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ที่สำคัญ กรกฏนั้นมีแฟนอยู่แล้ว เธอกับเขาไม่มีทางเกินเลยกันไปมากกว่านี้แน่ ในช่วงที่ผ่านมานั้น มาลารินก็รู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้น เพราะการฝึกงานของเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับชวลิตโดยตรง แค่เป็นเด็กฝึกงานภายใต้โครงการที่เขาดูแลอยู่เท่านั้น ไม่ได้เจอเขาเลย แม้จะที่บ้านก็ตาม แต่กระทั่งวันหนึ่งที่มีประชุมใหญ่ เด็กฝึกงานอย่างพวกเธอก็ต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อเรียนรู้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องพบเจอเขาในวันนี้ เสียงพูดคุยในห้องประชุมดังขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก เพราะยังไม่ถึงเวลาเริ่ม บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อพี่ ๆ ในทีมหันมาหยอกล้อเด็กฝึกงานสองคนที่นั่งอย

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 08 เด็กฝึกงาน

    บทที่ 08เด็กฝึกงาน หลังจากกลับไทย ชวลิตใช้เวลาพักผ่อนถึงสองสัปดาห์เต็ม ก่อนที่จะเริ่มเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่เขาจะเขามาช่วยดูแลโครงการใหม่ของบริษัท รถยุโรปคันสีดำแล่นเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทสุรีย์ฉาย ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของครอบครัว พนักงานบางส่วนยืนรอต้อนรับด้านหน้า เมื่อร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดสูทเรียหรูสีกรมท่าก้าวลงมา เขาก็ดูโดดเด่นได้โดยไม่ต้องพยายาม “ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญที่ชั้น 21 ได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมห้องทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว” วารี เลขาสาววัยสามสิบปีในชุดสูทสีดำยิ้มอย่างเปิดเผย หล่อนเป็นผู้ชายเขาตั้งแต่ดูแลสาขาที่ลอนดอน เมื่อเขากลับมาที่ไทย ชวลิตจึงให้เอกลับมาช่วยงานที่นี่ด้วย “ครับ” ชวลิตพยักหน้าเบา ๆ เท้าของเขาก้าวเข้าไปในตึกอย่างมั่นคง ภายในล็อบบี้ พนักงานต่างพากันเงยหน้า สายตามองเขาอย่างตื่นเต้น เขาหันมายิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในหมู่พนักงานหญิงที่ชื่นชมในความหล่อและดูดีในภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นได้ไม่ยาก

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 07 ก็อาจจะเกลียดน้อยลง

    บทที่ 07ก็อาจจะเกลียดน้อยลง เมื่อสองปีก่อน... คืนนั้นลมหนาวพัดผ่านเงาไม้ของเรือนหลังใหญ่ กลิ่นหอมของใบไม้แห้งคลอเคล้ากับเสียงหัวเราะครื้นเครงของกลุ่มเพื่อนของชวลิตที่นั่งอยู่ในด้วยกันในงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ริมสระว่ายน้ำ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ชวลิตกลับมาเยี่ยมบ้าน คืนนั้นเขาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อพบปะกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่นัดรวมตัวกัน เครื่องดื่มหลายขวดถูกเปิดส่งต่อกันไม่ขาด เสียงดังคลอไปกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน คืนนั้นแม่บ้านหลายคนป่วย สมจิตรจึงให้มาลารินมาคอยช่วยงานในครัว โดยคืนนั้นมาธารินจึงไปนอนกับอนงค์ที่เรือนหลังเล็ก “ยกอาหารตรงนี้ไปเพิ่มหน่อยลาริน แล้วก็รีบกลับเข้ามาล่ะ อย่าอยู่เกะกะสายตาคุณต้น เสร็จแล้วก็กลับไปพัก พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บล้างก็ได้” สมจิตรเอ่ยเสียงเรียบ “จ้ะยาย” แม้มาลารินจะปรากฏในงานเลี้ยงด้วยชุดเรียบ ๆ ผมมัดไว้อย่างลวก ๆ แต่ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มของเธอก็ดูโดดเด่น เสียงแซวจากเพื่อนชายของชวลิตก็ดังขึ้น “โหต้น แม่บ้านที่น่ารักเกิ๊น” เพื่อนของเขาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่ชวลิตกลับดูไม่สนใจ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 06 หน้าด้านหน้าทน

    บทที่ 06หน้าด้านหน้าทน แสงไฟอบอุ่นจากโคมระย้าสาดส่องไปทั่วห้องโถงใหญ่ บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุยของแขกที่มาเยือน ทั้งญาติผู้ใหญ่ คนในครอบครัว และเพื่อนพี่น้องของชวลิตที่ต่างมาร่วมกันสังสรรค์ต้อนรับการกลับมาอย่างเป็นทางการของเขา เมื่อหลายปีก่อน ชวลิตไปเรียนต่อด้านธุรกิจและด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังเรียนจบเขาก็ได้รับหน้าที่ดูแลสาขาย่อยของบริษัทใหญ่ในต่างแดน และตอนนี้บริษัทที่ไทยนั้นมีโปรเจคใหญ่ เขาจึงกลับมาช่วยงานที่นี่ ชวลิตในวัยยี่สิบแปดย่างยี่สิบเก้า บุคลิกสุขุม สง่า ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ของเขาเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ชายหนุ่มดึงดูดความสนใจของผู้คนได้โดยไม่ต้องพยายาม ในขณะที่เขายืนโดดเด่นอยู่ในแสงไฟ ท่ามกลางผู้คนรุมล้อม มาลารินกลับซ่อนตัวอยู่ในมุมเงียบ ๆ ตรงหลังม่านสีขาว เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาในงาน แต่แค่อยากจะมาเห็นเขาสักครั้ง แค่นิดเดียวก็ยังดี... “นี่แกเข้ามาได้ยังไง!” มาลารินหันกลับไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นนวล หญิงรับใช้คนสนิทของตรีอัปสรที่กำลังจ้องเธอด้วยสายตาถมึงทึง “คุณท่านให้มาช่วยงา

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 05 มืดมน

    บทที่ 05มืดมน เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอิฐกับตรีอัปสรลุกลามใหญ่โต พวกเขาทะเลาะกันอย่างหนักเป็นครั้งแรก จนในที่สุดอิฐเอ่ยปากขอหย่ากับเธอ ทำให้ตรีอัปสรกรีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ ชลธิชาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันมาก่อน เธอร้องไห้ด้วยความกลัวและเสียใจ โดยมีชวลิตคอยปลอบโยน “พี่ต้น ฮือ ๆๆ เต้ยเกลียดพวกมันสองคน ฮือ ๆๆ” ในใจของชวลิตก็เจ็บปวดและเสียใจไปไม่น้อยกว่าชลธิชาเลย แต่เขาก็ต้องเข้มแข็งแล้วกอดน้องสาวเอาไว้ “คุณเป็นคนผิดนะอิฐ! ทำไมถึงพูดแบบนี้” เสียงของตรีอัปสรดังลั่นไปทั่วบ้าน อิฐก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “ผมผิดจริง ๆ ตรี...” “ฉันจะคุยกับคุณแม่เรื่องนี้” ตรีอัปสรยกมือขึ้นปาดน้ำตา “คุณแม่ไม่เอาพวกมันไว้แน่” ตรีอัปสรหันหลังออกจากบ้าน วิ่งไปที่เรือนใหญ่ เธอจะไปคุยกับอนงค์ เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียที “คุณแม่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ตรีนะคะ” ตรีอัปสรเอ่ยทั้งน้ำตา อนงค์นั่งนิ่งอยู่ภายในห้องนอนของเธอ หลังจากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเธอก็เป็นลมล้มไปทันที ไม่คิดว่าลูกชายที่เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status