Home / โรแมนติก / เกลียดเธอที่สุด / บทที่ 08 เด็กฝึกงาน

Share

บทที่ 08 เด็กฝึกงาน

Author: ชารี
last update Last Updated: 2025-09-15 17:36:52

บทที่ 08

เด็กฝึกงาน

         หลังจากกลับไทย ชวลิตใช้เวลาพักผ่อนถึงสองสัปดาห์เต็ม ก่อนที่จะเริ่มเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่เขาจะเขามาช่วยดูแลโครงการใหม่ของบริษัท

         รถยุโรปคันสีดำแล่นเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทสุรีย์ฉาย ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของครอบครัว พนักงานบางส่วนยืนรอต้อนรับด้านหน้า เมื่อร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดสูทเรียหรูสีกรมท่าก้าวลงมา เขาก็ดูโดดเด่นได้โดยไม่ต้องพยายาม

         “ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญที่ชั้น 21 ได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมห้องทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว”

         วารี เลขาสาววัยสามสิบปีในชุดสูทสีดำยิ้มอย่างเปิดเผย หล่อนเป็นผู้ชายเขาตั้งแต่ดูแลสาขาที่ลอนดอน เมื่อเขากลับมาที่ไทย ชวลิตจึงให้เอกลับมาช่วยงานที่นี่ด้วย

         “ครับ” ชวลิตพยักหน้าเบา ๆ เท้าของเขาก้าวเข้าไปในตึกอย่างมั่นคง

         ภายในล็อบบี้ พนักงานต่างพากันเงยหน้า สายตามองเขาอย่างตื่นเต้น เขาหันมายิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในหมู่พนักงานหญิงที่ชื่นชมในความหล่อและดูดีในภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นได้ไม่ยาก

         เขาก้าวเข้ามาในลิฟท์ผู้บริหาร เลขาสาวก้าวตามเข้าไป เธอเริ่มอธิบายตารางงานต่าง ๆ กับเขาอย่างคล่องแคล่ว

         “วันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ประชุมตอนบ่ายกับทีมโครงการใหม่ พรุ่งนี้ก็จะมีเด็กฝึกงานมาร่วมด้วย รายชื่อเด็กฝึกงาน ฉันวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ”

         “ขอบคุณคับ”

         ประตูลิฟท์เปิดออกมาถึงขึ้น 21 วารีนำเขาไปยังห้องทำงานส่วนตัว เมื่อเขานั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ก็หยิบแฟ้มรายชื่อเด็กฝึกงานขึ้นมาเปิดดู และในนั้นมีชื่อหนึ่งสะดุดตาเขาอย่างจัง

         ‘มาลาริน รักษ์แดนดิน’

         ปลายนิ้วของเขาชะงักค้างอยู่ที่ขอบแฟ้ม ชวลิตเงยหน้ามองวารี

         “ผมต้องการให้คุณตัดชื่อเด็กฝึกงานที่ชื่อมาลารินออกไป” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แววตาจริงจัง

         “ท่านประธานใหญ่เป็นคนส่งเธอมาค่ะ” วารีรายงานตามตรง ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเด็กฝึกงานที่ชื่อมาลารินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างไร แต่คิดว่าชวลิตไม่พอใจเธอมาก ๆ

         เขาโบกมือให้วารีออกไป ใบหน้าหล่อเหลานั้นเครียดขึง กรามหนาขบกันแน่น ในใจของเขาเริ่มคุกรุ่น ดูเหมือนว่ามาลารินจะกล้าดีเกินไปแล้ว

         ณ ห้องนั่งเล่นภายในเรือนหลังที่อนงค์อยู่ประจำ หญิงชรานั่งอยู่บนโซฟาหนังสีน้ำตาล มือข้างหนึ่งถือถ้วยชา อีกข้างหนึ่งเปิดแฟ้มเอกสารที่ส่งมาจากสำนักงานใหญ่ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นอ่านเอกสารอย่างพินิจ ก่อนจะเงยหน้ามองมาลารินที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า

         “พรุ่งนี้ไปแต่เช้านะลาริน” อนงค์เอ่ยเสียงเรียบ จิบชาเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ตั้งใจเรียนรู้ให้มากล่ะ ฝึกงานเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยนะ”

         “ค่ะคุณท่าน ขอบพระคุณคุณท่านมากนะคะที่ให้โอกาสหนู”

         มาลารินยกมือไหว้อนงค์ด้วยความรู้สึกขอบคุณ แม้ในใจลึก ๆ เธอจะไม่ได้ยินดีกับการเข้าไปฝึกงานที่นี่ก็ตาม จริง ๆ แล้วมาลารินยื่นเอกสารฝึกงานไปที่อื่นแล้ว แต่เธอต้องยกเลิกไป เพราะอนงค์ได้จัดการให้เธอไปฝึกงานที่บริษัทสุรีย์ฉายแล้ว

         เธอรู้ในความหวังดีของอนงค์ รู้มาตลอดว่าอนงค์เมตตาเธอขนาดไหน อนงค์ให้ที่พักพิง ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงินเธอใช้ตลอดทุกเดือน ส่งเสียเธอเรียนจนถึงปริญญาตรี ดังนั้น มาลารินจึงไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของอนงค์สักนิด

         “ถ้าธารินทำการบ้านเสร็จแล้ว เรียกมาหาฉันด้วย ฉันมีขนมจะให้” อนงค์บอกด้วยรอยยิ้ม

         มาลารินพยักหน้าก่อนจะค่อย ๆ ออกจากห้องไปอย่างนอบน้อม เธอนั้นรู้สึกขอบคุณในความเมตตาของอนงค์เสมอ ยิ่งกับมาธาริน น้องชายของเธอ อนงค์เอ็นดูมาธารินมาก ๆ มักจะคอยเรียกหาน้องชายเธอเสมอ และมักจะบอกให้น้องชายเธอไปนอนเป็นเพื่อนบ่อย ๆ เธอรู้สึกซาบซึ้งใจ บอกกับตัวเองว่า แม้จะไม่มีโอกาสตอบแทน แต่จะไม่ลืมพระคุณของอนงค์ไปตลอดชีวิต

         เธอเดินกลับมายังบ้านพักหลังเล็ก ขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ แฟ้มเอกสารก็ลอยลิ่วเฉียดศีรษะของเธอไป

         มาลารินใจหายวาบ หันไปมองชวลิตที่เดินออกมาจากสวนเล็ก ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังรอคอยที่จะจัดการบางอย่างกับเธออยู่แล้ว

         “อยากลองดีกับฉันใช่มั้ย?” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน กรามหนาบดแน่น “นอกจากจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ที่นี่แล้ว ยังกล้าเสนอหน้าไปที่บริษัทอีกหรือไงวะ!”

         มาลารินสะดุ้งกับเสียงตวาดลั่นของเขา มือบางประสานเข้าหากันแน่น ไม่คิดจะแก้ตัวใด ๆ เขานิ่วหน้าเธอที่เอาแต่นิ่ง ร่างสูงก้าวไปหาเธอด้วยความโกรธ แต่ต้องชะงักเมื่อได้เสียงหนึ่งดังขึ้น...

         “ลาริน...”

         มาธารินยืนมองพี่สาวของเขาที่ยืนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

         มาลารินตกใจ รีบเดินไปหามาธาริน ใช้ตัวเองบังน้องชายเอาไว้

         “คุณท่านให้ไปหาน่ะ รีบไปเร็ว” มาลารินกระซิบบอกน้องชาย หมุนตัวให้อีกฝ่ายวิ่งไปทางหลังบ้าน

         ชวลิตนิ่วหน้า หัวใจของเขาเต้นโครมคราม แม้ได้สบตากับเด็กชายคนนั้นเพียงเสี้ยววินาที แต่เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างกระแทกเข้าที่กลางใจของเขาอย่างจัง

         “เด็กคนนั้นเป็นใคร?”

         “น้องชายฉันค่ะ” มาลารินตอบโดยไม่มองหน้า ราวกับคนกำลังปกปิดความผิด

         ชวลิตไม่พูดอะไร เขาเดินหันหลังกลับไปง่าย ๆ เหมือนลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง มาลารินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอหวังว่าเขาจะไม่สงสัยอะไร

         ชวลิตก้าวเท้าช้า ๆ มาตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังเรือนหลังเล็ก เขาหยุดเดินเล็กน้อย หันกลับไปมองด้านหลัง เห็นเพียงหลังคาของเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ภาพในอดีตก็หวนกลับเข้ามาในใจ

         ครั้งหนึ่ง ที่แห่งนั้นเคยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่วันนี้เขารู้สึกว่าบรรยากาศนั้นเงียบเหงา เขาก้าวเดินต่อไปด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง

         เขาเดินผ่านประตูไม้ของเรือนหลังเล็ก เสียงบทสนทนาเบา ๆ ดังแว่วมาจากด้านใน เป็นเสียงของอนงค์กับเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง เธอเขาคาดเดาได้ว่าเป็นใคร

         “อร่อยมั้ยธาริน” เสียงของอนงค์ฟังดูอบอุ่น

         “อร่อยมากเลยครับคุณท่าน” น้ำเสียงของเด็กชายเต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง

         ชวลิตยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจของเขาเต้นระรัว พลันใบหน้าของเด็กชายคนนั้นที่เห็นเพียงเสี้ยวนาทีก็ปรากฏชัด เขาเข้าใจบางเรื่องได้ทันที

         เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้เบื้องหลัง ราวกับไม่อยากจะสนใจมันอีก...

         โต๊ะสีเข้มกลางห้องล้อมด้วยเก้าอี้ เสียงหน้าจอโฮโลแกรมแสดงกราฟรายงานยอดขายไตรมาสก่อนยังดังแผ่ว ขณะที่ทีมพัฒนาธุรกิจกำลังทยอยเข้าสู่ห้องประชุม

         ชวลิตนั่งอยู่หัวโต๊ะในชุดสูทสีเข้ม ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูเรียบเฉย ท่วงท่าของเขาสงบนิ่งดูน่าเคารพ

         “วันนี้เรามีเด็กฝึกงานมาร่วมทีมด้วยครับ” ธนา หัวหน้าแผนกพัฒนาธุรกิจเอ่ยขึ้น พลางหันไปทางประตู เด็กฝึกงานสองคนเดินเข้ามา เป็นนักศึกษาหญิงหนึ่งคน นักศึกษาชายหนึ่งคน

         “สวัสดีครับท่านรองฯ ผมกรกฏ เพิ่มพูนทรัพย์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ” นักศึกษาหนุ่มรายงานตัวอย่างกระตือรือร้น

         ชวลิตพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่มาลารินยืนนิ่งสูดหายใจลึก เธอก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อย

         "สวัสดีค่ะ ดิฉันมาลาริน...”

         ยังไม่ทันที่มาลารินจะกล่าวแนะนำตัวเสร็จ ชวลิตก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดู บรรยากาศในห้องประชุมก็เงียบลงทันที ทุกสายตาหันมามองมาลารินเป็นตาเดียว

         “เริ่มประชุมเลยครับ” ชวลิตกล่าวเสียงเรียบ

         มาลารินยืนนิ่งเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก เธอรู้สึกอายแต่ต้องฝืนยิ้มออกมาอย่างจืดเจื่อน เธอหันไปสบตาวารี เลขาส่วนตัวของชวลิต หล่อนพยักเพยิดหน้าบอกให้เธอไปนั่งยังมุมที่จัดให้ไว้สำหรับนักศึกษาฝึกงาน และการประชุมก็เริ่มต้นขึ้น

         “สวัสดี เราก้องนะ เธอชื่ออะไร?” กรกฏหันมาทักทายมาลารินอย่างเป็นมิตร

         มาลารินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ตอบกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “สวัสดีนะก้อง เธอเรียกเราลารินก็ได้”

         เด็กฝึกงานสองคนเริ่มผูกมิตรกันผ่านบทสนทนาเล็ก ๆ พวกเขาคิดว่าสามเดือนต่อจากนี้จะต้องทำงานร่วมกัน แผนกนี้มีเด็กฝึกงานสองคน คงมีพวกเขาสองคนที่จะสนิทกันที่สุด

         ขณะที่กำลังพูดคุยกันเบา ๆ มาลารินก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้อง เมื่อหันไปทางหัวโต๊ะที่ชวลิตนั่งอยู่ เธอก็เห็นสายตาคมกริบเขามองมา แววตาคู่นั้นไร้แววอ่อนโยน มีเพียงความเกลียดชังที่แผ่กระจายออกมาจนเธอรู้สึกเย็นเยียบลงกระดูกสันหลัง

         มาลารินสบตาเขาเพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องเบือนหน้าหนี ความรู้สึกเหมือนถูกหนามแหลมทิ่มแทงบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ ทั้งที่อยากทำใจให้เคยชิน แต่มาลารินก็ยังทำไม่ได้เสียที...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกลียดเธอที่สุด   บทส่งท้าย NC

    บทส่งท้าย แสงยามเช้าอาบไล้เข้ามาในห้องนอนเล็ก ๆ ผ่านผ้าม่านสีขาวที่พลิ้วไหวตามแรงลม เสียงนกร้องเบา ๆ อยู่นอกหน้าต่าง ราวกับว่าพวกมันกำลังปลุกคนทั้งคู่ที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันทั้งคืนให้ตื่นจากความฝัน มาลารินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เธอเห็นใบหน้าของชวลิตอยู่ใกล้แค่คืบ เขายังคงกอดเธอเอาไว้นแน่นหลังจากที่เมื่อคืนนอนคุยกันถึงเรื่องราวมากมายจนหลับไปในอ้อมแขนของเขา เขาเล่าให้เธอฟังว่าของเขาป่วยด้วยโรคร้ายอยู่หลายปี ก่อนจะจากไปเมื่อสองเดือนก่อน ตอนมาลารินได้ยินเรื่องนั้น เธอรู้สึกใจหายไม่น้อย แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่เธอยังคงจำใบหน้าและดวงตาของตรีอัปสรได้เป็นอย่างดี เธอหวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิตตรีอัปสรนั้นจะจากไปด้วยใจที่ไม่ยึดถือสิ่งใดแล้ว “เสียใจด้วยนะคะ” ชวลิตยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาแม้ยังหลงเหลือรอยเศร้าอยู่บ้าง ทว่าที่ผ่านมาเขาคิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุดแล้วเพื่อให้แม่ของเขามีความสุข หลังจากทุกอย่างจบลง ชวลิตเลือกที่จะหันหลังให้กับทุกอย่าง เขาออกจากบ้านสุรีย์ฉายเพื่อมาหามาลารินที่นี่ เมื่อเทียบกับการที่จะได้อยู่กับเธอแล้ว ไ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 44 หวนคืน (จบ)

    บทที่ 44หวนคืน 10 ปีผ่านไป...ยามบ่ายแก่ ๆ ณ วัดหลวงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่ลานด้านหน้าเมรุคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำ ฟ้าที่เคยโปร่งใสบัดนี้มีเมฆสีเทาเคลื่อนตัวมาบดบังแสงแดดจ้าให้หม่นลงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า คล้ายว่ากำลังร่วมไว้อาลัยให้แก่ผู้วายชนม์อย่างตรีอัปสรเมื่อหลายปีก่อนนั้น เธอป่วยด้วยโรคร้ายรักษาไม่หาย แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้หลายปีด้วยกำลังใจของคนในครอบครัว ทว่าเวลาผ่านไปร่างกายของเธอก็ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เธอต้องลาจากโลกนี้ไปท่ามกลางความเสียใจของทุกคนท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น ชวลิตยืนเงียบ ๆ ข้างชลธิชาและญาติสนิทที่ยืนเรียงกัน เวลาล่วงเลยผ่านมานานนับสิบปี ตอนนี้อายุของเขาก้าวล่วงมาถึงวัยสามสิบแปดแล้ว เขายังคงดูโด่น แม้เส้นผมที่เคยดำขลับจะมีสีขาวขึ้นแซมที่ขมับทั้งสองข้าง ร่องลึกบนใบหน้าเผยให้เห็นถึงกาลเวลาที่ล่วงไป แต่นัยน์ตาคู่คมนั้นยังคงเหมือนคนที่แบกบางสิ่งไว้ตลอดเวลาเสียงประกาศให้ผู้คนทอยขึ้นเมรุเพื่อวางดอกไม้จันทน์ ขบวนของผู้คนค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปช้ายังด้านบนของเมรุ กลีบดอกไม้สีเหลืองนวลในมือของแต่ละคนค่อย ๆ วางลงหน้าโลงที่ประดับด้วยด

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 43 คำขอสุดท้าย

    บทที่ 43คำขอสุดท้ายบนท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ รถคันหรูของชวลิตเคลื่อนตัวด้วยความเร็วคงที่ผ่านแสงไฟริมถนนที่ทอดยาวเป็นเส้นสีเหลืองสลับกับเงามืดของต้นไม้ข้างทาง ระหว่างทางนั้น มาลารินได้รับสายจากกรฏที่โทรมา เมื่อกดรับสายได้ กรกฏก็คลายความกังวลและความเป็นห่วงลงมาเล็กน้อย ชวลิตหันมายิ้มให้กับมาลาริน เขาดีใจที่หญิงสาวมีเพื่อนที่ดีคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้าง ความคิดของเขาที่เคยมีต่อกรกฏในเมื่อก่อน ต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง ตลอดระยะเวลาที่รถเคลื่อนตัวไปนั้น ชวลิตรู้สึกว่ามาลารินมองเขาอยู่เป็นระยะ แม้เธอหลบสายตาทุกครั้งที่เขาหันไป แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ในใจของเขา “มีอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามบางเบา เขายกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู นัยน์ตาของมาลารินที่เหลือบมองเขา มีแววครุ่นคิดบางอย่างที่คล้ายกับว่าเธอยังวางมันไม่ลง ดูเหมือนจะรบกวนจิตใจของเธอมาโดยตลอด “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณน่ะค่ะ” แววตาของชวลิตเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่จริงจังของหญิงสาว จึงค่อย ๆ ตบไฟเลี้ยวจอดรถลงที่

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 42 ไม่อยากให้ดวงตะวันลับฟ้า

    บทที่ 42ไม่อยากให้ดวงตะวันลับฟ้า ผ้าม่านปลิวไหวเบา ๆ ไปกับสายลม ขณะที่แสงอ่อน ๆ ยามเช้าลอดผ่านเข้ามา สาดลงบนเรือนผมยุ่ง ๆ ของมาลาริน ร่างบางเปลือยเปล่าซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ที่มีอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขาโอบล้อมเธอไว้อีกชั้นหนึ่ง มาลารินกระพริบตาช้า ๆ แผ่นหลังบอบบางที่นอนอยู่กับอกเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ทำให้เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่ยังคงเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ เมื่อความทรงจำอันเร่าร้อนในค่ำคืนยังแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของเธอ กลิ่นของอากาศสดชื่นลอยมากับสายลมอ่อนยามเช้า เสียงของใบไม้ไหวตามแรงลม บรรดาเจ้านกส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกันจนเซ็งแซ่ ทว่าหัวใจของเธอกลับสงบลงเพราะยังคงรู้สึกถึงอ้อมแขนอันอบอุ่นที่โอบกอดเธอไว้ตลอดทั้งคืนเพียงครู่หนึ่ง เปลือยตาของเขาก็ค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นแววตาอันบอุ่นที่ยังตื่นไม่เต็มที่นัก เขาชะโงกหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อย“ตื่นเช้าจัง...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเบา ๆ พร้อมกระชับวงแขนรอบเอวเธอแน่นขึ้น “ไม่เหนื่อยเหรอ”มาลารินหันมายิ้มให้กับเขา มองใบหน้าหล่อเหลาที่ผมยุ่งฟูดูเป็นธรรมชาติ เธอรู้สึกว่าเช้าวันนี้แสนพิเศษเพ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 41 ใต้แสงจันทร์ NC

    บทที่ 41ใต้แสงจันทร์ แสงสุดท้ายยามพระอาทิตย์อัสดงลอดผ่านผ้าม่านที่ปลิวไสวไปกับสายลมยามเย็นที่พัดผ่านเข้ามาภายในห้องนอนที่เงียบสงบ ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ร่างกายเปลือยเปล่าของมาลารินขยับกายเพียงเล็กน้อย สัมผัสของผ้าปูที่นอนยังอุ่นเหมือนช่วงเวลาที่เร่าร้อนเพิ่งจะผ่านพ้นไปได้ไม่นาน หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาภายในห้องที่แสงสีส้มสาดส่องเข้ามาในความมืดที่สลัวลง เมื่อขยับกายลุกขึ้นนั่ง สายตานั้นก็เลื่อนผ่านบานประตูกระจกใสที่เปิดแง้มไว้สู่ระเบียงกว้างที่ทอดยาวออกไปกลางสวนร่มรื่น แสงไฟสีอุ่นจากโคมบนระเบียงทอดลงบนร่างสูงของชวลิตที่กำลังก้มตัวจัดจานบนโต๊ะกลมไม้สัก มีเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดทิ้งไว้คลอเคล้าอยู่ในบรรยากาศ ดวงหน้าของเขาภายใต้แสงไฟนั้นดูอบอุ่นและอ่อนโยน หญิงสาวจับจ้องเขาอยู่สักพัก ราวกับต้องการเก็บภาพนั้นตรึงไว้ในความทรงจำให้นานแสนนาน ความมืดค่อย ๆ โรยตัวลงมา แสงสุดท้ายของวันเลือนหายไป มาลารินอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ก้าวออกมาด้านนอก ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นดวงจันทร์เด่นตระหง่านคู่กับดวงดาวที่พร่างพราวระยิบระยับ ท้องฟ้าในคืนนี้งดงามมากจริง ๆ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 40 ช่วงเวลาของเรา NC

    บทที่ 40ช่วงเวลาของเราช่วงบ่ายวันหนึ่ง อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ทว่าเมื่อรถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพักสีขาวสองชั้นที่ห้อมล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ และร่มไม้ใหญ่เขียวขจี บรรยากาศโดยรอบนั้นก็ต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิงชวลิตจูงมือมาลารินเข้ามาในบ้านพัก ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยพาเธอมาที่นี่ ทว่าครั้งนี้ความรู้สึกนั้นต่างไปจากครั้งก่อน เขากระชับมือบางแน่น หันมายิ้มให้กับเธอ ช่างเป็นรอยยิ้มที่เธอสดใส แต่กลับซ่อนความหม่นเศร้าไว้ในแววตาบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นบางอย่าง ทว่ามันก็คละเคล้าไปกับความเศร้าหมองที่อาจไม่บรรยาย แม้จะอยากอยู่กับปัจจุบันมากเพียงใด แต่เมื่อคิดว่าเวลาที่นับถอยหลังลงเรื่อย ๆ และอาจจะไม่พบเจอกันอีก ก็ทำให้เขาพวกเขาหม่นใจ“ตอนแรกก้องไม่อยากให้ฉันมาเลย” มาลารินเอ่ยขึ้นเบา ๆชวลิตเข้ามาสวมกอดมาลารินจากทางด้านหลัง เขากระชับอ้อมแขนแน่น เกยคางกับบ่าเล็ก ความอบอุ่นแล่นเข้ามาในหัวใจ เขานั้นอยากจะกอดเธอแบบนี้มาตั้งนานแล้ว“ทำไมล่ะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเบา ๆ“ที่คุณบอกว่าอยากเจอฉันครั้งสุดท้าย ฟังดูน่ากลัวมาก ๆ เค้าคิดว่าคุณอาจจะทำร้ายฉันน่ะค่ะ”“ฉันคงดูเป็นคนใจร้ายมาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status