หรงหรงรีบเบิกตาโตอย่างตกตะลึง นางมองเห็นอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยปรากฎขึ้นมาอน่างงุนงง มีทั้งยาชา ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาอีกหลายชนิดมากมายครบวงจร
"อาเฉิน...ตอนนี้ท่านไม่ต้องทนเจ็บ และไม่ต้องกังวลว่าบาดแผลจะติดเชื้ออีกแล้ว....? หรงหรงสวมกอดโม่เฉินทันทีอย่างลืมตัว
โม่เฉินยังคงมึนงงไม่เข้าใจในความหมายของสตรีตรงหน้า และไม่รู้ว่านางกำลังเอ่ยถึงเรื่องใด เขาไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของนางสักเท่าไหร่ แต่ดูจากปฎิกิริยาที่นางแสดงออกมา ก็น่าจะเป็นเรื่องดี
เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงจึงรีบปล่อยมือที่โอบกอดบุรุษตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย
กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวนาง ทำให้โม่เฉินรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก เขารู้เช่นนี้เป็นครั้งแรก
"สิ่งนั้นคือ....? โม่เฉินมองไปดูสิ่งของในมือสตรีตรงหน้าอย่างสงสัย
หรงหรงตกใจ นึกว่าจะเห็นแค่นางคนเดียว
"ท่านเห็นด้วยหรือ..?
"อืม..เห็นสิ..มีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ...?
"เปล่า...มันเป็นกล่องยาที่สำคัญมาก สามารถช่วยชีวิตท่านได้.."
หรงหรงเริ่มล้างแผลที่ไหล่ซ้าย จากนั้นนางจึงล้างแผลไปที่บริเวณบาดแผลที่สำคัญก่อน อย่างชำนาญและรวดเร็ว
ที่แท้นางก็รู้วิชาแพทย์ โม่เฉินครุ่นคิด
"อันนี้เรียกว่าเข็มฉีดยา ในหลอดคือยาชา ทำให้ท่านไม่รู้สึกเจ็บแสบในเวลาเย็บแผล ข้าจะฉีดยาชารอบแผลที่มีขนาดใหญ่ให้ท่านก่อน จากนั้นจะเริ่มไล่ฉีดยาชาในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในขั้นตอนการเย็บแผล..." สตรีร่างบางอธิบายขึ้น กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อนาง
"อืม..." บุรุษตรงหน้าได้แต่พยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว
หลังจากฉีดยาชาไปทุกตำแหน่งที่สำคัญ สตรีร่างบางนั่งนับเวลารออยู่ภายในใจอย่างมีสมาธิ
"อืม... ยาชาน่าจะเริ่มออกฤทธิ์ ต่อไปข้าจะเริ่มเย็บแผลที่หลังให้ท่านก่อน แล้วจะเย็บแผลส่วนอื่นให้ท่านตามลำดับ"
โม่เฉินพยักหน้าให้ความร่วมมือทันที
หรงหรงลงมือเย็บแผลอย่างรวดเร็ว นางใช้เวลาไม่ถึงอึดใจ บาดแผลที่มีขนาดใหญ่ก็ถูกเย็บจนเสร็จหมดเรียบร้อย จากนั้นนางจึงเริ่มพันแผลที่แผ่นหลัง และบริเวณส่วนอื่นให้เขาอย่างไม่รีรอ
"เสร็จเรียบร้อย....." หรงหรงรีบเอามือปากเหงื่ออย่างโล่งใจที่ทำผลงานชิ้นโบว์แดงสำเร็จ
"เร็วปานนี้เชียว.....? โม่เฉินกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง ก่อนจะหันไปมองบาดแผลที่ถูกเย็บอย่างมีระเบียบและปราณีต
สตรีตรงหน้าหยิบยาออกมาสองเม็ด จากนั้นก็ยืนไปให้โม่เฉิน
"ใช่ เย็บแผลแค่นี้ มันเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้า นี้คือยาฆ่าเชื้อกับยาลดไข้ กลืนมันลงไป ตอนนี้..." กล่าวจบหรงหรงรีบเดินไปตักน้ำกลับมาอย่างไม่รีรอ
โม่เฉินหยิบยาขึ้นมาดู ยาสองเม็ดที่มีหน้าตาแปลกประหลาด เขาพึ่งจะเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก เขาทำตามที่นางบอก รีบเอายายัดใส่เข้าไปในปาก ก่อนจะค่อยๆ บรรจงเคี้ยวกลืนลงคออย่างช้าๆ
"แค้ก...แค้ก...ขมจัง" โม่เฉินสำลักยาขึ้นมา ถือเป็นยาที่ขมที่สุดในโลกและกลืนลงคออย่างยากลำบาก ตั้งแต่เขาเคยได้กินมา
หรงหรงเดินกลับมาพร้อมกับขันน้ำในมือ นางมองไปที่โม่เฉิน
"อ้าว...ยาละ นี้น้ำ...?
โม่เฉินรีบดื่มน้ำตามในทันทีโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะกลืนน้ำลงอย่างฝืดคอ แล้วจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า
"ข้าเคี้ยวมันไปหมดแล้ว..."
"ห่ะ ท่านเคี้ยวไปได้อย่างไร ขนาดข้าเองยังไม่กล้าเคี้ยว ขมจะตายชัก ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก" หรงหรงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
"ก็เจ้าบอกให้ข้ากลืนลงไปตอนนี้มิใช่หรือ...?
"ใช่ข้าบอก แต่ไม่ได้บอกให้ท่านเคี้ยว ให้กลืนมันลงไปต่างหาก ทีหลังท่านไม่ต้องเคี้ยวอีก ยาขมจะตาย คิก..คิก " หรงหรงยังคงหัวเราะอย่างท้องขัดท้องแข็ง
เมื่อยิ่งเห็นใบหน้าโม่เฉินที่กำลังมึนงง นางก็อดขำต่อไปไม่ได้ ไม่คิดว่าคนในยุคสมัยนี้ จะโง่เขลาเบาปัญญา มีดีก็เพียงหน้าตาจริงๆ
พอได้สติว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาท หรงหรงจึงรีบหยุดหัวเราะลงในทันที
"ขอโทษ...ข้าลืมตัวไปหน่อย ไม่คิดว่าท่านจะซื่อ....(บื้อ)ตรงเช่นนี้....?
"ข้าชอบ....เวลาที่เจ้าหัวเราะ ดูมีชีวิตชีวาดี..."
"ฮะแฮ่ม..ต่อไปข้าจะดามแขนทั้งสองข้างให้ท่านด้วยไม้ไผ่ อาจจะอึดอัดไปสักเดือนสองเดือน ท่านจงอดทน ห้ามแกะผ้าพันแผลออกโดยเด็ดขาด ข้ารับรองว่า มันจะช่วยให้แขนของท่าน กับมาใช้งานได้ตามปกติแน่นอน แต่ท่านต้องทำตามวิธีการรักษาของข้า ห้ามสงสัยในตัวข้าเด็ดขาด..."
โม่เฉินพยักหน้ารับคำ
"ดาม...? เมื่อนึกขึ้นมาได้ โม่เฉินพลันหลุดปากเอ่ยออกมา
"ข้าพึ่งจะกล่าวไปหยกๆ เฮ้ออออ...ดามก็คือ การเอาสิ่งของขนาดแข็งมาพันเข้ากับร่างกายภายนอก เพื่อกันไม่ให้กระดูกแขนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว จากนั้นท่านต้องกินยาบำรุงให้ต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง"
"เอาเถอะ ข้าเชื่อหรงเอ๋อร์"
"อืม ก็ดี.."
หรงหรงนำเอาไม้ไผ่มาวางทาบกับแขนของโม่เฉิน นางใช้ผ้าสีขาวพันรอบแขนเขาอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานแขนทั้งสองข้างก็ถูกดามเสร็จเรียบร้อย
โม่เฉินตั้งใจดูอย่างไม่ละสายตา เขาไม่เคยเจอวิธีการรักษาที่แปลกพิศดารเช่นนี้มาก่อน ยามที่นางรักษาใบหน้าดูจริงจัง มีเสน่ห์ยิ่งนัก
"ปกติจะใช้เหล็กดาม ตอนนี้ข้าไม่รู้จะไปหาเหล็กมาได้จากที่ไหน ใช้ไม้ไผ่แทนไปก่อนก็แล้วกัน.."
"อืม.."
"ส่วนขาทั้งสองข้าง ข้าจะลองหาวิธีอื่นดูก่อน เพราะข้าไม่ค่อยชำนาญด้านการต่อกระดูก รอข้าศึกษาให้แม่นยำอย่างละเอียดเสียก่อน หลังจากนั้น...ข้าจะรักษาให้ท่าน กลับมาเดินได้อีกครั้งอย่างแน่นอน"
"เดินไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกดดันตัวเองหรอก" ชีวิตนี้เขาคงไม่มีโอกาสที่จะเดินได้อีกแล้ว แววตาโม่เฉินฉายออกมาอย่างมืดมน เมื่อเห็นสภาพตนเองในตอนนี้
"ไม่ได้หรอก ขาก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ ขอเเค่ท่านอย่าสิ้นหวังไร้กำลังใจ ข้าเองก็จะไม่ยอมแพ้ในการรักษาท่านเช่นกัน" คำพูดนี้ทำให้โม่เฉินมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับนางเป็นแสงสว่างส่องนำทางให้เขาอย่างแท้จริง
พูดจบหรงหรงเดินหายไปสักพัก ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ถึงจะดูเก่าไปหน่อย แต่ก็ยังสามารถสวมใส่ได้
"นี้เป็นเสื้อผ้าของพ่อข้า ข้าจะไปเอาน้ำมาเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านก่อน สภาพเช่นนี้ท่านคงเปลี่ยนเองไม่สะดวก ดึกแล้วคนป่วยต้องรีบพักผ่อน..."
"อืม.."
สตรีร่างบางเปลี่ยนถังน้ำไปอยู่หลายรอบ นางเช็ดตัวให้โม่เฉินจนสะอาดหมดจด แล้วหลับตาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาอย่างมีมารยาท
โม่เฉินมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา หากว่านางจะมองเรือนร่างของเขา โม่เฉินก็ไม่ได้ถือสาหาความ เพราะเขาเองก็เห็นเรือนร่างนางไปหมดแล้วเช่นกัน
ในยุคสมัยนี้ การเห็นเรือนร่างของฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นสิ่งต้องห้ามยิ่งกว่าชีวิต หรงหรงจึงหลับตา เพื่อให้เกียรติเขา
โม่เฉินแอบลอบยิ้มที่มุมปาก เขาจ้องมองใบหน้าที่อ่อนโยนของสตรีตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เขารู้สึกว่านางมีจิตใจดี อบอุ่น และมีเสน่ห์มากกว่าสตรีคนอื่นๆอย่างแท้จริง
ตั้งแต่โม่เฉินเกิดมา เขาไม่เคยสัมผัสหรือใกล้ชิดกับสตรีนางใดมาก่อนในชีวิต ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจสตรีตรงหน้าเลยสักนิด ซึ่งช่างแตกต่างจากสตรีคนอื่นๆ ที่เข้าหาเขาหวังเพียงรูปร่างหน้าตาและลาภยศ แค่โม่เฉินได้กลิ่นน้ำหอมจากพวกนาง เขาก็อยากจะอาเจียนออกมาอย่างสะอิดสะเอียน
ข้างลานบ้านยังมีเปลนอนขนาดเล็ก เป็นเปลไม้ไผ้ที่เจ้าของร่างเดิมชอบนอนเล่นในยามว่าง หรงหรงเดินไปลากมาวางไว้ใกล้โม่เฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน แล้วนำผ้าห่มสองผืนติดมือกลับมาด้วย
หรงหรงเอาผ้าผืนแรกปูรองก่อน จากนั้นจึงออกแรงอุ้มโม่เฉินไปวางลงในเปลที่นางเตรียมเอาไว้อย่างเบามือ
โม่เฉินรีบใช้กำลังภายใน ทำให้ร่างกายเบาขึ้น เพื่อทำให้หรงหรงไม่ต้องออกแรงอุ้มเขามาก เพราะวันนี้นางเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน
"อือ..ทำไมข้ารู้สึกว่าตัวท่านเบาขึ้นกว่าตอนแรก...?
"จริงหรือ.....?
"จริงสิ เอ๊ะ...หรือว่าข้าจะคิดมากไป...?
"น่าจะเป็นเช่นนั้น..."
พูดจบหรงหรงลงมือเดินไปตักน้ำมาอีกหนึ่งถัง จากนั้นนางเดินไปลากโต้ะไม้มา พร้อมกับดันฝั่งปลายเท้าของโม่เฉินให้สูงขึ้น เพื่อให้ฝั่งทางหัวเขาต่ำลง